ภาวะผู้นำของผู้บริหารสถานศึกษาในยุคดิจิทัล และ New Normal

สร้างความสัมพันธ์ในระดับบุคคล

ความคิดสร้างสรรค์

ให้คำแนะนำและเสริมพลังให้กับทีมงาน

นางสาวศิริรักษ์ วดีศิริศักดิ์ รหัส 636150110071 ห้อง 1/12

กล้าเปลี่ยนแปลง

การร่วมมือร่วมแรงใจ

เรียนรู้ด้วยการแบ่งปัน

ทัศนคติในแง่บวก

ความยืดหยุ่น

ความฉลาดทางอารมณ์

การสื่อการ

คือ พยายามรับฟังและทำความเข้าใจ ต่อสถานการณ์พิเศษ ไถ่ถามว่าต้องการให้ช่วยอะไร อย่ากดดันสมาชิกในทีม ใช้การคุยผ่านทางวิดีโอให้บ่อยขึ้นเพื่อทดแทนความรู้สึกว่าต้องทำงานกันในระยะไกลและเพื่อสร้างให้เกิดความรู้สึกมีส่วนร่วมและเสริมสร้างความสัมพันธ์ในระดับบุคคล

คือ กำหนดเป้าหมาย สื่อสารความคาดหวังและมอบอำนาจให้ทีมทำงานให้สำเร็จ บอกให้ชัดเจนและลำดับความสำคัญของงานทั้งในระยะสั้น และในระยะยาว จัดเวลาให้มีการพูดคุย ปรึกษาหารือ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและให้ความช่วยเหลือสมาชิกในทีม และเพื่อติดตามความคืบหน้าของการทำงาน เพื่อไปสู่เป้าหมายเดียวกัน ให้คำแนะนำเกี่ยวกับเครื่องมือดิจิทัลต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือและเสริมประสิทธิภาพในการทำงาน กระตุ้นให้สมาชิกในทีมกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้อย่างต่อเนื่องเพื่อยกระดับทักษะความสามารถของตนเอง

คือ แสดงการสนับสนุนโดยการยอมรับการทำงานอาจแตกต่างกันไปในหมู่สมาชิกในทีม เนื่องจากเหตุผลที่แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่นผู้ปกครองอาจต้องดูแลลูกๆ ในระหว่างวันและดังนั้นจึงสะดวกทำงานในช่วงเย็นมากกว่าในช่วงเวลาทำการปกติ

คือ เปลี่ยนกลยุทธ์จากความต้องการที่จะเอาชนะคู่แข่งมาเป็นการสร้างพันธมิตรเพื่อช่วยกันกอบกู้ธุรกิจในภาพรวม การเรียนรู้ร่วมกันโดยการพึ่งพากันในด้านข้อมูล สถิติ การค้นคว้า การทดลองต่างๆ และกลยุทธ์จะช่วยพลิกฟื้นสถานการณ์ให้กลับมาดีขึ้นได้ วิธีการนี้จะเป็นการระดมความคิดดีๆ จากหลายๆ องค์กรในกลุ่มธุรกิจเดียวกันเพื่อจัดการกับปัญหาโดยใช้เวลาให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และเมื่อใดก็ตามที่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ทุกองค์กรต่างก็ได้รับผลประโยชน์ร่วมกัน

คือ ผู้นำจะต้องสื่อสารกับพนักงานให้มากขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นการแจ้งให้ทราบถึงแนวทางปฏิบัติใหม่ๆ การติดตามความก้าวหน้าของงาน การระดมความคิดหายุทธวิธี การแจ้งสถานการณ์และมาตรการเกี่ยวกับสุขอนามัยและความปลอดภัยของพนักงาน รวมถึงการแจ้งให้ทราบถึงสถานการณ์ความเป็นไปขององค์กร ในทุกวิกฤตความกังวลและคำถามย่อมเกิดขึ้น ผู้นำจะต้องสามารถประเมินความกังวลและตอบข้อคำถาม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับพนักงานในองค์กร นอกจากนี้ การสื่อสารคือวิธีการหนึ่งที่ช่วยเชื่อมโยงยึดเหนี่ยวผู้นำองค์กรและพนักงานไว้ด้วยกัน โดยเฉพาะในกรณีที่ต่างฝ่ายต่างทำงานคนละสถานที่

คือ ผู้นำควรมีทัศนคติในแง่บวกเสมอ เพราะคุณสมบัตินี้จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้องค์กรว่าจะสามารถผ่านพ้นอุปสรรคไปได้ และนำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จ อย่างไรก็ตาม การมีทัศนคติในแง่บวกไม่ใช่การหลอกตัวเองหรือการบิดเบือนความเป็นจริงกับพนักงาน ผู้นำจะต้องยอมรับความเป็นจริงของทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งในอดีตและปัจจุบัน ตระหนักรู้ในข้อดีข้อเสียที่เกิดขึ้น เรียนรู้จากความผิดพลาด และเชื่อมั่นว่ายังมีโอกาสที่องค์กรจะก้าวต่อไปสู่เป้าหมายได้

คือ การร่วมมือร่วมแรงใจของทุกคนในองค์กรคือสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้ เพราะฉะนั้นผู้นำควรส่งเสริมและสนับสนุนพนักงานในการแสดงความคิดเห็น และมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา การรับฟังข้อเสนอแนะของพนักงานด้วยความตั้งใจ เป็นการแสดงให้เห็นว่าผู้นำตระหนักรู้ในคุณค่าของพนักงานและเคารพในทุกความคิดเห็น และยังเป็นการเปิดโอกาสให้พนักงานคนอื่นๆ ที่อาจมีแนวคิดดีๆ กล้าที่จะมีส่วนร่วมมากขึ้น นอกจากนี้ การให้พนักงานมีส่วนร่วมในการตัดสินใจในงานที่ได้รับมอบหมายก็เป็นการแสดงถึงความเชื่อมั่นที่ผู้นำมีต่อพนักงาน ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมาก โดยเฉพาะในการทำงานแบบปกติใหม่ ที่ต้องอาศัยความเชื่อมั่นและความไว้วางใจเป็นรากฐาน

คือ ผู้นำจะต้องกล้าเปลี่ยนแปลงมุมมองของตนเอง โดยเริ่มจากการมองตนเองและประเมินการกระทำของตนเองอย่างตรงไปตรงมา และมุมมองทางความคิดจะเปิดกว้างเมื่อผู้นำมีความกล้าที่จะเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก และพยายามรับมือกับสถานการณ์นั้น พร้อมๆ กับการจัดการกับอารมณ์และความท้าทายที่เกิดขึ้นระหว่างทาง นอกจากนี้ สิ่งที่สำคัญอีกประการ คือ การประเมินสถานการณ์หรือการวางแผนล่วงหน้าทั้งในระยะสั้นและระยะยาว รวมทั้งการเตรียมแผนสำรองไว้ล่วงหน้า ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน

คือ เป็นทักษะจำเป็นในการหาไอเดียการแก้ปัญหาวิธีแก้ปัญหาใหม่ๆ คนทำงานยุค new normal ต้องกล้าตั้งคำถามใหม่ กล้าที่จะคิดนอกกรอบ รู้จักประยุกต์พลิกแพลง นำข้อมูลหรือความรู้ที่มีอยู่มาคิดต่อยอดให้เกิดประโยชน์กับองค์กร

คือ คนที่มีความมั่นคงทางอารมณ์ สามารถบริหารจัดการอารมณ์ตัวเองได้ ไม่ทำให้ปัญหาที่มีอยู่ใหญ่ไปกว่าเดิม แต่ทำให้ปัญหาที่มีอยู่นั้นเล็กลงโดยใช้ความฉลาดทางอารมณ์ในการทำความเข้าใจผู้อื่น และถอยมาหนึ่งก้าวเพื่อมองภาพรวมและหาวิธีเพื่อแก้ไขปัญหานั้น การมีทักษะนี้จะช่วยให้การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ ความฉลาดทางอารมณ์จึงเป็นอีกทักษะหนึ่งที่สำคัญมากในการทำงานในภาวะวิกฤต

การเรียนรู้ความคล่องตัวและการแก้ปัญหาที่ซับซ้อน

คือ การเผชิญกับสิ่งใหม่ภายใต้ทรัพยากรและความรู้ที่มีอยู่จำกัด การวางแผนและตัดสินใจจึงคาดการณ์ได้ยาก คนทำงานจึงจำเป็นต้องมีการขวนขวายหาความรู้เพิ่มเติม ไม่หยุดที่จะเรียนรู้ และนำความรู้ที่ได้นั้นมาใช้ในการคิดวิเคราะห์ตัดสินใจแก้ปัญหาต่าง ๆ โดยมองภาพรวม และประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นประกอบการตัดสินใจ