Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

เตียง 22 ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (Hypoglycemia) เข้ารับบริการวันที่ 2…

- - - - อาจทำให้เกิดอาการวิงเวียน คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ มวนท้อง แต่จะไม่รุนแรงและอาการจะดีขึ้นหลังใช้ไปประมาณ 1-2 เดือน
    - - ห้ามใช้กับผู้ป่วยที่แพ้ยานี้ ห้ามใช้ในหญิงตั้งครรภ์เด็ดขาด ไม่ควรใช้ในหญิงที่กำลังให้นมบุตร และห้ามใช้กับผู้ป่วยโรคเกี่ยวกับตับ
    - - รือยาลดไขมันในเลือดมีคุณสมบัติคือใช้รักษาภาวะไขมันในเลือดผิดปกติ ป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนจากไขมันในเลือดสูง และลดความเสี่ยงการเกิดภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบ หลอดเลือดสมองอุดตัน
  - - - ห้ามใช้ยานี้ในผู้ที่มีประวัติการแพ้ยาพาราเซตามอล (Paracetamol) ห้ามใช้ยานี้ในผู้ที่เป็นโรคตับหรือโรคไตวายระยะรุนแรง หรือเมื่อมีอาการตัวเหลืองตาเหลือง
    - - พาราเซตามอล (Paracetamol) เป็นยาที่ใช้เพื่อบรรเทาอาการปวดและช่วยลดไข้ โดยนิยมใช้เพื่อรักษาอาการปวดทั่วไป อาการปวดศีรษะ หรือไข้หวัดใหญ่ ทั้งนี้ ยาพาราเซตามอลยังสามารถใช้เพื่อบรรเทาอาการปวดของโรคข้ออักเสบ
    - - อุจจาระเป็นเลือด หรือมีสีดำ ปัสสาวะเป็นเลือด ปัสสาวะน้อยลงอย่างไม่มีสาเหตุ มีอาการไข้ หนาวสั่น
- - - - 16/01/64 นัดขนายม่านตาที่ โรงพยาบาลตำรวจ
      - 3ปีที่แล้ว Gout 10 ปีที่แล้วตรวจพบว่าเป็น , Hypertension , โรคเบาหวาน Diabetes Mellitus: DM Type 2 , รักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ รับประทานยาอย่างต่อเนื่อง
      - 11 ปีที่แล้วผ่าฝังเลนส์ตา ที่โรงพยาบาลบ้านแพร้ว โดยมีนัดตรวจทุก 6 เดือน ใช้ยาหยอดตา Systan ultra 10 ml
      - 51 ปีที่แล้ว ตอนอายุ 9 ขวบเกิดอุบัติเหตุเหตุกระจกบาดแก้วตา ทำให้ตาบอดสนิท
  - - - เวลา 01.07 น. ผู้ป่วยมาด้วยอาการ Hypoglycemia น้ำตาลในเลลือดต่ำ มีอาการซึม มึนงง สับสน เกร็ง ถามตอบไม่รู้เรื่อง วัด DTX ได้ 38 mg/dl. จึงให้ 10%D/N/2 1000 ml. ทางหลอดเลือดดำ rate 80ml/hr. เวลา 8.00 น. DTX ได้ 72mg/dl. Hematocrit 22.6% และได้เจาะเลือดไปตรวจไทรอยด์มีอาการปวดข้อเข่าด้านขวา แพทย์ได้เจาะน้ำในหัวเข่าไปตรวจ แต่ได้ในปริมาณที่น้อย จึงไม่สามารถนำเอาน้ำในหัวเข่าไปตรวจได้ แพทย์ได้ทำper rectum (PC) ได้อุจจาระมีสีน้ำตาลแดง
    - - ผู้ป่วยไม่มีอาการซึม มึนงง สับสน เกร็ง ถามตอบรู้เรื่อง จึงให้ 5%D/N/2 1000 ml. ทางหลอดเลือดดำ rate 60ml/hr. เวลา 9.00น. ได้ไปพบแพทย์เพื่อขยายรูม่านตาด้านขวา Hematocrit 22.6% จึงได้ให้เลือด Leukocyte poor packed red cells (LPRC) 1 unit ตามแผนการรักษา ไมีมีอาการแพ้ใดๆ แพทย์ได้เจาะน้ำในหัวเข่าไปตรวจอีกครั้ง รอผลตรวจ ในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2564 ต้องไปส่องกล้องตรวจทางเดินอาหารส่วนบน (EGD) Esophagogastroduodenoscopy จึงให้งดน้ำ งดอาหารตั้งแต่เที่ยงคืน
    - - เวลา 09.30น. ผู้ป่วยไปส่องกล้องตรวจทางเดินอาหารส่วนบน(EGD)Esophagogastroduodenoscopy พบแผลบริเวณกระเพาะอาหารขนาด 3 cm.ซึ่งมีแผลเล็กๆโดยรอบ และลำไส้เล็กส่วนต้นขนาด 1 cm. และยังคงงดน้ำและอาหารอยู่
- - - - 1.ลักษณะหายใจตื้น ใช้กล้ามเนื้อหน้าท้องในการหายใจ 2.Conjunctiva มีอาการซีด Capillary refill นาน 3-4 วินาทีชีพจรอยู่ที่ 60-100 ครั้ง/นาที สัมพันธ์กับการหายใจ 3.ผลตรวจ Electrocardiogram :EKG พบ Atrial Atrial fibrillation 4.Hemoglobin ต่ำ 6.9 g/dL ค่าปกติ 12.8-16.1 5.Hematocrit ต่ำ 22.6 % ค่าปกติ 3.82-4.83 %
      - วัตถุประสงค์
        
        เกณฑ์การประเมินผล
        
        กิจกรรมการพยาบาล
        
        1.ประเมินสภาพผู้ป่วยว่ามีอาการหายใจลำบากให้จัดท่านอน Fowler Position จัดท่านอนศีรษะสูง จํากัดกิจกรรมในช่วงที่มีการหายใจลําบาก ช่วยเหลือในการเปลี่ยนท่าที่เหมาะสมตามที่ผู้ป่วยต้องการเนื่องจาก. ท่านอนศีรษะสูงทําให้การขยายตัวของปอดดีขึ้นส่งเสริมการได้รับออกซิเจน และท่านอนศีรษะสูงลดปริมาตรเลือดที่กลับเข้าสู่หัวใจ ลดการคั่งของเลือดในปอด การช่วยเหลือผู้ป่วยช่วยลดความต้องการออกซิเจนพร้อมประเมิน vital signs ทุก 4 ชั่วโมง โดยเฉพาะค่า oxygen saturation keep ที่ 95% หากต่ำกว่า 95% ให้ Oxygen canula 3L/min
        
        2.ฟังเสียงการหายใจ บันทึกอัตราการหายใจ ความลึกรูปแบบ และความสะดวกของการหายใจทุก 4 ชั่วโมงเนื่องจากอาการหายใจลําบากแสดงถึงการได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ
        
        3.ประเมินสีผิว เวลาการบรรจุของหลอดเลือดฝอย(capillary refill time) อาการเจ็บหน้าอก และระดับความรู้สึกตัวทุก 2-4 ชั่วโมงเนื่องจากอาการของภาวะขาดออกซิเจน ได้แก่ อาการเขียวคล้ำ เวลาการบรรจุของหลอดเลือดฝอยที่นานกว่า 3นาที อารมณ์หงุดหงิด ปวดศีรษะ สับสน และเจ็บหน้าอก
        
        ดูแลให้ผู้ป่วยพักผ่อนมากที่สุด จัดสิ่งแวดล้อมให้เงียบสงบ หรือให้ยาลดปวด ยาผ่อนคลาย.เพื่อลดการใช้ออกซิเจนและส่งเสริมให้ผู้ป่วยได้พักผ่อนเพื่อเพิ่มปริมาตรของออกซิเจนไปยังกล้ามเนื้อหัวใจ
        
        5.จํากัดเกลือในอาหารและเครื่องดื่มตามที่กําหนดแนะนําอาหารที่ต้องงดเว้นหรืออาหารที่ควรรับประทานที่มีโปแทสเซียมสูงเช่น ส้ม กล้วย ในรายที่ได้รับยาขับปัสสาวะหรือรายที่ไม่มีข้อห้ามเนื่องจากการลดอาหารที่มีเกลือ จะช่วยควบคุมปริมาตรน้ำในร่างกาย ลดการคั่งของเลือดในปอด ยาขับปัสสาวะทําให้มีการสูญเสียโปแทสเซียม ซึ่งภาวะโปแทสเซียมในเลือดต่ำ อาจทําให้เกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะได้ง่ายจึงอาจชดเชยได้
        
        การประเมินผล
        
        1.ผู้ป่วยหายใจ Room air ไม่มีอาการเขียวคล้ำตามปลายมือปลายเท้าโดย ไม่พบอาการซีด conjunctiva และ Capillary refill ไม่เกิน 2 วินาที 2.ชีพจรอยู่ที่ 60-100 ครั้ง/นาที สัมพันธ์กับการหายใจ ไม่มีหายใจตื้นหรือใช้กล้ามเนื้อหน้าท้องในการหายใจ oxygen saturation 99% ผู้ป่วยไม่มีอาการหายใจลำบาก แต่ยังพบ Electrocardiogram :EKG พบ Atrial Atrial fibrillation ค่า Hemoglobin และ Hematocrit เพิ่มขึ้นแต่ยังไม่อยู่ค่าปกติ
        
        1.ลักษณะหายใจตื้น ใช้กล้ามเนื้อหน้าท้องในการหายใจ 2.Conjunctiva Capillary refill ไม่เกิน 2 วินาทีชีพจรอยู่ที่ 60-100 ครั้ง/นาที สัมพันธ์กับการหายใจ ไม่มีหายใจตื้นหรือใช้กล้ามเนื้อหน้าท้องในการหายใจ 3. oxygen saturation keep 95% ผลตรวจ Electrocardiogram :EKG พบ Normal
        
        เพิ่มการไหลเวียนของเลือดในหลอดเลือดหัวใจ
  - - - SD : ผู้ป่วยเล่าว่ารู้สึกหายใจไม่เต็มอิ่มแม้ในขณะพัก ในขณะทำกิจวัตรประจำวันก็มีอาการเหนื่อยหอบ
      - OD :
        ลักษณะหายใจตื้น ใช้กล้ามเนื้อหน้าท้องในการหายใจ
        Conjunctiva มีอาการซีด
        Capillary refill นาน 3-4 วินาที
        Harte rate = 108 - 115 ครั้ง/นาที (tachycardia)
        ผลตรวจ Electrocardiogram :EKG พบ Atrial fibrillation
        Hemoglobin ต่ำ 6.9 g/dL ค่าปกติ 12.8-16.1 g/dL Hematocrit ต่ำ 22.6 % ค่าปกติ 3.82-4.83 %
      - วัตถุประสงค์
        
        1.เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอตามความต้องการของร่างกาย 2.ผู้ป่วยไม่มีภาวะหอบเหนื่อยจากการขาดออกซิเจน
        
        เกณฑ์การประเมินผล
        
        1.ผู้ป่วยไม่ม่อาการเขียวคล้ำตามปลายมือปลายเท้าโดย ไม่พบอาการซีด conjunctiva และ Capillary refill ไม่เกิน 2 วินาที 2.ชีพจรอยู่ที่ 60-100 ครั้ง/นาที สัมพันธ์กับการหายใจ ไม่มีหายใจตื้นหรือใช้กล้ามเนื้อหน้าท้องในการหายใจ oxygen saturation keep 95% 3.ผลตรวจ Electrocardiogram :EKG พบ Normal 4.ผลตรวจ CBC Hemoglobin อยู่ที่ 12.8-16.1 g/dL Hematocrit อยู่ที่ 3.82-4.83 %
        
        กิจกรรมการพยาบาล
        
        1.ประเมินอาการและอาการแสดงของผู้ป่วยได้แก่ อาการหอบเหนื่อย แน่นหน้าอก หายใจไม่สะดวก ประเมินการได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอโดยจะพบ Conjunctiva มีอาการซีด Capillary refill นานเกิน 2 วินาที Harte rate = 60 - 100 ครั้ง/นาที และสัมพันธ์กับลักษณะการหายใจ เพื่อสังเกตอาการผิดปกติและรายงานแพทย์เมื่อผู้ป่วยมีอาการผิดปกติ
        
        2.จัดสิ่งแวดล้อมให้อากาศถ่ายเทสะดวกรวมทั้งจัดท่านอนให้ผู้ป่วย ดท่านอน Fowler Position จัดท่านอนศีรษะสูง จํากัดกิจกรรมในช่วงที่มีการหายใจลําบาก ช่วยเหลือในการเปลี่ยนท่าที่เหมาะสมตามที่ผู้ป่วยต้องการเนื่องจาก. ท่านอนศีรษะสูงทําให้การขยายตัวของปอดดีขึ้นส่งเสริมการได้รับออกซิเจน และท่านอนศีรษะสูงลดปริมาตรเลือดที่กลับเข้าสู่หัวใจ ลดการคั่งของเลือดในปอด การช่วยเหลือผู้ป่วยช่วยลดความต้องการออกซิเจนพร้อมประเมิน vital signs ทุก 4 ชั่วโมง โดยเฉพาะค่า oxygen saturation keep ที่ 95% หากต่ำกว่า 95% ให้ Oxygen canula 3L/min
        
        3.สอนการไออย่างมีประสิทธิภาพ เพราะการไออยา่ งมีประสิทธิภาพจะทำปอดขยายได้รับออกซิเจนอย่างเต็มที่ การไอ มี 3 ขั้นตอน คือ หนึ่ง หายใจเข้าลึกเต็มที่ สอง สร้างแรงดันบวกในปอด โดยเบ่งหายใจออกโดยกลั้นหายใจ และสาม ไอออกมา โดยเปิดสายเสียงทันทีขณะที่ยังเบ่งหายใจออกอยู่
        
        ดูแลให้ผู้ป่วยพักผ่อนมากที่สุด จัดสิ่งแวดล้อมให้เงียบสงบ หรือให้ยาลดปวด ยาผ่อนคลาย.เพื่อลดการใช้ออกซิเจนและส่งเสริมให้ผู้ป่วยได้พักผ่อนเพื่อเพิ่มปริมาตรของออกซิเจนไปยังกล้ามเนื้อหัวใจ
        
        5.หากผู้ป่วยมีภาวะร่างกายได้รับออกซิเจนไม่พอ ควรแนะนนำดูแลให้ผู้ป่วยพักผ่อนบนเตียง เพราะการพักผ่อนบนเตียงจะช่วยลดการใชออกซิเจนในการทำกิจกรรมทำ
        ใหอาการเหนื่อยอ่อนเพลียลดลง
        
        การประเมินผล
        
        1.ผู้ป่วยได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอตามความต้องการของร่างกาย ผู้ป่วยไม่มีภาวะหอบเหนื่อยจากการขาดออกซิเจน oxygen saturation 97-99%
  - - - วัตถุประสงค์
        
        เกณฑ์การประเมินผล
        
        1.ไม่มีอาการอ่อนเพลีย ซึม สมองมึนงง คิดไม่ออก พูดลำบาก หมดสติ ชักถึงแก่ชีวิต ซึ่งเป็นอาการที่มีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
        
        รักษาน้ำตาลในเลือดให้อยู่ที่ 80-200 mg%
        
        กิจกรรมการพยาบาล
        
        1.ประเมินอาการแรกรับ ซักประวัติ ค้นหาสาเหตุและปัจจัยที่ทำให้เกิดน้ำตาลในเลือดต่ำ รับประทานอาหารได้น้อย
        มีไข้ ถ่ายเหลว ได้รับยาลดระดับน้ำตาลในเลือดเกินขนาด มีโรคประจำตัวที่ทำให้เกิดภาวะน้ำตาลต่ำได้ เช่น CKD, ตับแข็ง, รับประทานยาวัณโรคอยู่
        
        2.ประเมินระดับความรู้สึกตัว ถ้าผู้ป่วยไม่รู้สึกตัวหรือหมดสติไป และไม่สามารถกลืนน้ำหวานได้เสี่ยงต่อการสำลัก ควรแก้ไขโดยการให้ Glucose ไปก่อน ถ้ารู้สึกตัวควรได้รับกลูโคสปริมาณ 15 กรัม เช่น ดื่มน้ำผลหรือกินน้ำอัดลม 120-180 มิลลิลิตร หรือรับประทานน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะละลายน้ำ 100 มิลิลิตร กล้วย 1 ผล จะช่วยให้ระดับน้ำตาลเพิ่มขึ้นประมาณ 40 mg/dL
        
        3.ถ้าระดับกลูโคสในเลือดยังคงต่ำกว่าเป้าหมายแต่ไม่มากนัก และผู้ป่วยไม่มีอาการของภาวะน้ำตาลต่ำในเลือดพิจารให้ 5%D/N/2 ติดตามอาการของผู้ป่วยและตรวจวัดระดับกลูโคสในเลือดอย่างใกล้ชิด
        
        การประเมิน
        
        1.ไม่มีอาการออ่อนเพลีย ทานอาหารที่จัดให้ได้ตามกำหนด DTX = 150-210 mg%
        
        1.เพื่อรักษาระดับน้ำตาลในกระแสเลือดให้คงที่ 80-200 mg% สำหรับผู้ป่วยรายนี้ รวมทั้งไม่มีอาการ อ่อนเพลีย ซึม สมองมึนงง คิดไม่ออก พูดลำบาก หมดสติ ชักถึงแก่ชีวิต ซึ่งเป็นอาการที่มีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
      - 1.ผู้ป่วยมีอาการอ่อนเพลีย
      - 2.DTX 72 mg%
      - ผู้ป่วยรับประทานอาหารน้อยลง
  - - - SD : ผู้ป่วยเล่าว่ารู้สึกหายใจไม่เต็มอิ่มแม้ในขณะพัก ในขณะทำกิจวัตรประจำวันก็มีอาการเหนื่อยหอบ
      - ลักษณะหายใจตื้น ใช้กล้ามเนื้อหน้าท้องในการหายใจ Conjunctiva มีอาการซีด Capillary refill นาน 3-4 วินาทีHemoglobin ต่ำ 6.9 g/dL ค่าปกติ 12.8-16.1 g/dL Hematocrit ต่ำ 22.6 % ค่าปกติ 3.82-4.83 %
      - วัตถุประสงค์
        
        1.เพิ่มการไหลเวียนของเลือดในหลอดเลือดหัวใจและร่ายกายได้รับเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆไดเพียงพอ 2.เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับเลือดโดยไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนจากการได้เลือด
        
        เกณฑ์การประเมินผล
        
        1.ผู้ป่วยไม่ม่อาการเขียวคล้ำตามปลายมือปลายเท้าโดย ไม่พบอาการซีด conjunctiva และ Capillary refill ไม่เกิน 2 วินาที 2.ชีพจรอยู่ที่ 60-100 ครั้ง/นาที สัมพันธ์กับการหายใจ ไม่มีหายใจตื้นหรือใช้กล้ามเนื้อหน้าท้องในการหายใจ oxygen saturation keep 95% ขึ้นไป
        
        กิจกรรมการพยาบาล
        
        1.ประเมินสภาพผู้ป่วยที่แสดงต่อภาวะซีด มี conjunctiva ซีด หรือ Capillary refill มากกว่า 2 วินาที จากการที่เลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆลดน้อยลง พร้อมทั้ง V/S ก่อนให้เลือดผู้ป่วย
        
        2.การพยาบาลผู้ป่วยก่อนรับเลือดเขียนใบขอเลือด โดยตรวจสอบกับแผนการรักษาของแพทย์ ถึงชนิดและจำนวนที่
        ต้องการให้ เมื่อรับเลือดมาจากธนาคารเลือด ให้เจ้าหน้าที่พยาบาล 2 คน ตรวจสอบความถูก ต้องของถุงเลือด ใบคล้องเลือด และใบนำส่งเลือดให้ตรงกันทุกจุด รวมทั้งตรวจสอบวันหมดอายุ ลักษณะของเลือด/ ส่วนประกอบของเลือด เมื่อพบว่าไม่ตรงหรือมีความผิดปกติ
        ให้ประสานกับธนาคารเลือดพร้อมกับน าเลือดของใบคล้องเลือดและใบนำส่งเลือดส่งคืนธนาคารเลือดแจ้งให้ผู้ป่วยทราบเกี่ยวกับการปฏิบัติตัว อาการข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นขณะให้
        เลือด/ ส่วนประกอบของเลือด และแจ้งให้เจ้าหน้าที่พยาบาลทราบทันทีหากมีอาการข้างเคียงเกิดขึ้น วัดสัญญาณชีพ (ชีพจร ความดันโลหิต อุณหภูมิ และอัตราการหายใจ) เพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐาน ก่อนให้เลือด ไม่เกิน 60 นาที
        
        3.การพยาบาลขณะให้เลือดผู้ป่วย สอบถามชื่อ-สกุลของผู้ป่วยให้ตรงกับชื่อ-สกุลบนใบ คล้องเลือด และตรวจสอบHN บน ใบคล้องเลือดกับป้ายข้อมือของผู้ป่วย สอบถามกลุ่มเลือดของผู้ป่วย หากพบว่าไม่ตรงกันห้ามให้เลือด ต้องทำการ ตรวจสอบกลุ่มเลือดของผู้ป่วยซ้ ากับธนาคารเลือด ปรับอัตราการหยดของเลือดตามแผนการรักษาหรือตามข้อบ่งชี้ของการให้เลือดส่วนประกอบของเลือดแต่ละชนิด
        
        4.หลังให้เลือดให้วัดสัญญาณชีพ วัด 1 ชั่วโมงหลังให้ (วัดอุณหภูมิ ชีพจร อัตราการ หายใจ และความดันโลหิต)และอาการผิดปกติของผู้ป่วย เช่น เหนื่อยหอบ มีไข้ หนาวสั่น ผื่นคัน แน่น หน้าอก ปวดหลัง หากพบสัญญาณชีพเปลี่ยนแปลงและ/หรือมีอาการผิดปกติ ให้หยุดให้เลือดแล้ว รายงานแพทย์ ตรวจสอบการไหลของเลือดเป็นระยะเพื่อให้การให้เลือดได้ตามแผนการรักษาและเวลาที่กำหนด สังเกตอย่างใกล้ชิดและถี่ขึ้นในกรณี เช่น ผู้ป่วยได้รับเลือดที่รวดเร็ว ท าการบันทึกการให้เลือด / ส่วนประกอบของเลือด ชนิด จ านวน วันที่ให้ และอาการ
        ของผู้ป่วยหลังการให้เลือดในบันทึกทางการพยาบาล
        
        การประเมินผล
        
        1.ผู้ป่วยหายใจ Room air ไม่มีอาการเขียวคล้ำตามปลายมือปลายเท้าโดย ไม่พบอาการซีด conjunctiva และ Capillary refill ไม่เกิน 2 วินาที 2.ชีพจรอยู่ที่ 60-100 ครั้ง/นาที สัมพันธ์กับการหายใจ ไม่มีหายใจตื้นหรือใช้กล้ามเนื้อหน้าท้องในการหายใจ oxygen saturation 99% ผู้ป่วยไม่มีอาการหายใจลำบาก
  - - - OD :
        1.ผู้ป่วยช่วยเหลือตัวเองได้เพียงบางส่วน
        2.มีอาการขาบวมและปวดบริเวณข้อไม่สามารถลงน้ำหนักเดินได้เลย Pain score = 5
        
        fall score = 4 (ความเสี่ยงต่ำ)
        
        มีอาการหน้ามืด สับสน จากภาวะ Hypoglycemia DTX = 78 %
      - วัตถุประสงค์
        
        4.ไม่มีอาการหน้ามืด สับสน โดยค่าน้ำตาลในกระแสเลือดไม่ต่ำกว่า 110% 1.เพื่อไม่ให้ผู้ป่วยเกืดความเสี่ยงในการพลัดตกหกล้ม 2.เพื่อสอนให้ผู้ใช้อุปกรณ์ในการพยุงเดินเพิ่มความสามารถในการช่วยเหลือตนเองและลดการหกล้ม
        
        เกณฑ์การประเมินผล
        
        1.ผู้ป่วยสามารถช่วยเหลือตนได้หรือโดยการใช้อุปกรณืช่วยพยุงเดินเพื่อลดความเสี่ยงในการพลัดตกหกล้ม 2.ผู้ป่วยไม่มีอาการปวดบวมบริเวณข้อขาด้านขวา สามารถลงน้ำหนักที่เท้าเพื่อพยุงเดินได้ pain score = 0 3. ผู้ป่วยไม่มีความเสี่ยงพลัดตกหกล้ม fall score = 0
        
        กิจกรรมการพยาบาล
        
        1.ประเมินความปวด และการทำกิจกรรม สังเกตการแสดงออกทางสีหน้า v/s ทุก 4 ชั่วโมง อัตราการหายใจ อัตราการเต้นของหัวใจ และคะแนนความปวด คะแนน fall score เพื่อประเมินความสามารถในการทำกิจกรรมได้เองของผู้ป่วย และวางแผนในการพยาบาลให้เหมาะสมกับผู้ป่วย
        
        จัดสิ่งแวดล้อมโดยมีแสงสว่างเพียงพอพื้นไม่เปียกหรือลื่น การจัดสิ่งแวดล้อมให้วัตถุต่างๆที่มีความจำเป็นให้อยู่ใกล้ผู้ป่วย เพื่อลดการตึงของกล้ามเนื้อ
        
        ขณะทำกิจกรรมพยาบาล ล๊อคล้อรถเข็น เตียง รถนอน ตลอดเวลายกเว้นขณะเคลื่อนย้าย ปรับระดับเตียงให้ต่ำหรือให้นอนในเตียงเตี้ย ยกราวกั้นเตียงขึ้นทั้ง 2 ด้าน
        หากเตียงสูง ควรมีที่วางเท้าเพื่อใช้ขึ้นลง
        
        การช่วยพยุงเมื่อต้องเคลื่อนไหวนอกเหนือจากเตียงนอน กรณีไม่มีผู้ดูแล ให้ใช้ walker frame แบบ 4 ขา ไม่ควรใช้แบบมีล้อหรือไม้ค้ำ เพื่อกระจายการใช้แรงจากแขนข้างขวาเพียงข้างเดียว
        
        5.ห้องน้ำต้องมีราวจับ ดูแลบริเวณพื้นห้อง ห้องน้ำให้สะอาดและแห้งอยู่เสมอเก็บของใช้ในตู้ให้เป็นระเบียบ ไม่วางสิ่งของขวางทางเดินทบทวนยาต่างๆที่ผู้ป่วยได้รับที่มีผลข้างเคียง เสี่ยงต่อการพลัดตกหกล้ม จัดเตียงนอนให้อยู่ใกล้เคาน์เตอร์พยาบาล ตรวจเยี่ยมอย่างน้อยทุก 1-4 ชั่วโมง ติดสัญลักษณ์บ่งชี้ผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงต่อการพลัดตกหกล้ม เช่น สติ๊กเกอร์สี แขวนป้ายเตือนต่างๆ ตามแนวทางของโรงพยาบาล
        
        การระเมินผล
        
        1..ผู้ป่วยช่วยเหลือตัวเองได้เพียงบางส่วน มีอาการขาบวมและปวดบริเวณข้อเริ่มลงน้ำหนักเดินได้เลย Pain score = 3 ไม่มีมีอาการหน้ามืด สับสน จากภาวะ Hypoglycemia DTX = 150-210 %
  - - - วัตถุประสงค์
        
        1.เพื่อส่งเสริมการทำงานของไตให้สามารถกรองหรือขับของเสียในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
        2.เพื่อรักษาสมดุลในการกำจัดของเสียในร่างกาย
        
        เกณฑ์การประเมินผล
        
        1.ผู้ป่วยไม่มีอาการแสดงที่เกี่ยวกับภาวะไตไม่สามารถขับของเสียได้ เช่น สับสน มึนงง ถามตอบไม่รู้เรื่อง มี conjunctiva ซีด หรือ Capillary refill มากกว่า 2 วินาที ผิวหนังมีขุย และ ไม่ตรวจพบ skin turgor และ pitting edema
        2.record I/O +/- ไม่เกิน 300-400
        . BUN อยู่ที่ 8.9-20.6 mg/dL
        Creatinine 2.อยู่ที่ 0.73-1.18 mg/dL
        
        การพยาบาล
        
        1.ประเมินสภาพผู้ป่วย อาการแสดงที่เกี่ยวกับภาวะไตไม่สามารถขับของเสียได้ เช่น มี conjunctiva ซีด หรือ Capillary refill มากกว่า 2 วินาที ผิวหนังมีขุย และ ไม่ตรวจพบ skin turgor และ pitting edema รวมทั้งประเมิน Record I/O
        
        2.ประเมินค่าการกรองของไตโดยให้อยู่ในค่าปกติ เช่น BUN อยู่ที่ 8.9-20.6 mg/dL
        Creatinine 2.อยู่ที่ 0.73-1.18 mg/dL
        eGFR อยู่ที่ 32.8 ml/min/1.73m2
        
        3.หากพบว่าผู้ป่วยมีอาการไตกรองของไตทำงานไม่ดีจากการประเมินข้างต้น ให้ผู้ป่วยมีส่วนในการปฎิบัติตนในการในด้านการดูแลตนเอง ให้ความรู้แกผู้ป่วยในแต่ละด้านที่ผู้ป่วยสามารถลดปัญหาที่จะทำให้ไตเสียหน้าที่การทำงาน
        
        4.แนะนำผู้ป่วยเกี่ยวกับการตรวจสุขภาพประจำปี ตรวจการทำงานของไต เป็นการตรวจเลือดเพื่อดูระดับค่าครีเอตินิน (creatinine) ซึ่งเป็นของเสียที่เกิดขึ้นจากกล้ามเนื้อ และ ค่า BUN (Blood Urea Nitrogen) ซึ่งเป็นค่าของเสียจากการย่อยสลายโปรตีน เพื่อประเมินความสามารถในการขับของเสียของไต
        
        5.แนะนำเลี่ยง คนที่เป็นโรคไตเรื้อรัง นอกจากอาหารเค็มแล้ว อาหารที่ควรเลี่ยงมีอีกมากมายไม่ว่าจะเป็น 1. หลีกเลี่ยงการกินอาหารที่มีโซเดียมมาก เช่น ผงชูรส ผงปรุงรส ซุปก้อน ผงฟู ซอสต่าง ๆ อาหารหมักดอง เช่น ไข่เค็ม ปลาเค็ม ปลาร้า ผักกาดดอง เนื้อสัตว์ปรุงรสหรือแปรรูป เช่น ไส้กรอก กุนเชียง แฮม หมูหยอง
        
        กระตุ้นให้ผู้ป่วยออกกำลังกายเนื่องจาก การออกกําลังกายแบบปานกลาง เช่น เดิน เต้นแอโรบิก ประมาณ วันละ 30 นาที สัปดาห์ละ 3 ครั้ง หรือวันเว้นวัน โดยใน 1 วันแบ่งทํา ครั้งละ 10 นาที พบว่า สามารถช่วยให้การไหลเวียนเลือดที่ไตดีขึ้นเช่นกัน เมื่อเลือดไหลเข้าตัวกรองดี การขับของเสียจากโปรตีนก็ดีขึ้นด้วย ของเสีย ในเลือดจะลดลงเป็น 2 เท่า
        
        การประเมินผล
        
        ผู้ป่วยไม่มีอาการ สับสน มึนงง ถามตอบไม่รู้เรื่อง ไม่มี conjunctiva ซีด หรือ Capillary refill มากกว่า 2 วินาที ผิวหนังมีขุย และ ไม่ตรวจพบ skin turgor และ pitting edema
      - OD :
        ผู้ป่วยมีภาวะปัสสาวะลำบาก
        ผู้ป่วยมีภาวะซีด Hemoglobin 6.9 g/dL ค่าปกติ 12.8-16.1 g/dL Hematocrit 22.6 % ค่าปกติ 3.82-4.83 %
        BUN 35.6 mg/ dL ค่าปกติ 8.9-20.6 mg/dL
        Creatinine 2.15 mg/dL ค่าปกติ 0.73-1.18 mg/dL
  - - - เวัตถุประสงค์
        
        กณฑ์กาประเมิน
        
        1.เพื่อรักษาสมดุลของอิเล็กโทรไลต์ในร่างกายให้อยู่ในเกณฑ์ปกติเเละป้องกันอันตรายจากการไม่สมดุลของอิเล็กโทร
        
        กิจกรรมการพยาบาล
        
        1.ประเมินภาวะไม่สมดุลของอิเล็กโตรไลต์ ในร่างกายจากอาการแสดง เช่นระดับโซเดียม (Sodium คือคลื่นไส้อาเจียน ปวดศีรษะ สับสน ไม่มีเรี่ยวแรงอ่อนเพลียง่าย กล้ามเนื้ออ่อนแรง ชัก ไม่รู้สึกตัวกระหายนำ้ อ่อนเพลีย ซึม เป็นต้น
        
        2.คลอไรด์ในเลือดต่ำเกินไปก็อาจทำให้ร่างกายเกิดอาการกล้ามเนื้อกระตุก ( Muscle Twitching ) หรือกล้ามเนื้อหดเกร็ง หายใจถี่และตื้น
        
        3.ตรวจวัดสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมง ประกอบด้วยความดันโลหิต ชีพจร อัตราการหายใจ อุณหภูมิ เพื่อประเมินอาการเปลี่ยนเเปลงของผู้ป่วย ประเมินและบันทึกสัญญาณชีพ และ EKG เพื่อติดตามและประเมินผลความผิดปกติ
        
        4.ดูเเลให้ผู้ป่วยได้รับน้ำทดเเทนอย่างน้อย2000-3000 มิลลิลิตรต่อวันเเละ ดูเเลให้ได้รับสารน้ำเเละเกลือเเร่ทางหลอดเลือดดำเพื่อทดเเทนส่วนที่เสียไป
        
        5.หากมีระดับโซเดียมต่ำเเนะนำให้รับประทาน อาหารที่มีเกลือเเร่สูง ได้เเก่ นำ้มะพร้าว น้ำผักฝรั่ง เสาวรส เป็นต้นเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ เเละเพียงพอต่อร่างกาย ดูแลให้ได้รับสารน้ำและอิเล็กโทรไลต์ ทดแทนทางหลอดเลือดดำตามแผนการรักษาอย่างเคร่งครัด เพื่อทดแทนส่วนที่ขาดไปบันทึกสารน้ำเข้าและออก และบันทึกลักษณะ และปริมาณของปัสสาวะ อุจจาระ เพื่อประเมินการทำงานของไต
        
        การประเมินผล
        
        Sodium อยู่ที่ 136-145 mmol /L
        Chloride อยู่ที่ 98-107 mmol/L
        
        1.ไม่มีอาการและอาการแสดงของภาวะแทรกซ้อนจากการไม่สมดุลของอิเล็กโตรไลต์ เช่น ซึม อ่อนเพลีย คลื่นไส้อาเจียน เบื่ออาหาร กล้ามเนื้ออ่อนเเรง สับสน
      - OD : Sodium 126 mmol/L ค่าปกติ 136-145 mmol /L
        Chloride 91.3 mmol/L ค่าปกติ 98-107 mmol/L
  - - - วัตถุประสงค์
        
        เกณฑ์การประเมินผล
        
        กิจกรรมการพยาบาล
        
        1.ประเมินสภาพผู้ป่วยที่มีอาการแสดงของภาวะเลือดออกในทางเดินอาหารส่วนต้น เช่น ถ่ายดำ อาเจียนเป็นเลือด ซีด
        
        2.วัดและรักษาระดับค่า V/S ให้อยู่ในเกณฑ์ปกติโดยให้ อุณภูมิ 36.5-37.4 องศาเซลเซียส HR = 60-100 ครั้ง/นาที RR = 16-22 ครั้งต่อนาที xygen saturation keep 95%
        
        3.เฝ้าสังเกตอาการ สังเกตระดับความรู้สึกตัว ลักษณะการหายใจ อาเจียนเป็นเลือด ถ่ายเป็น malena ถ่ายเป็นเลือดสด บันทึกปริมาณ จำนวนเลือดที่ออก เพื่อประเมินความรุนแรงของการเสียเลือด โดยสังเกตุอาการ อาการปวดศีรษะ กระหายน้ำกระวนกระวาย ใจสั่น เหงื่ออก ความดันโลหิตต่ำผิวหนังเย็นชื้น ความดันโลหิตที่ต่ำลง ปัสสาวะไม่ออกหรือปัสสาวะออกน้อย หากพบอาการดังนี้ให้รายงานแพทย์
        
        4.ดูแลให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำตามแผนการรักษา บันทึก Vital signs ทุก 1/2 -1 ชั่วโมงตามความรุนแรงของผู้ป่วย
        
        5.ดูแลให้ยาลดกรด / ยาช่วยหลอดเลือดหดตัวตามแผนการรักษา
        
        6.แนะนำเรื่องการรับประทานอาหารแก่ผู้ป่วย ให้รับประทานอาหารอ่อน ไม่รับประทานอาหารรสจัด หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอ๊น เช่น ชา กาแฟ และดื่มแอลลกอฮอลล์ เพราะจะส่งผลเพิ่มความรุนแรงแก่โรค
        
        การประเมินผล
        
        1.ผู้ป่วยไม่มีถ่ายดำ 2.ไม่มีภาวะซีด อยู่ที่ 12.8-16.1 g/dL Hematocrit อยู่ที่ 3.82-4.83 %
        
        1.เพื่อไม่เกิดภาวะ Hypervolemic shock จากภาวะเลือดออกจากทางเดินอาหาร โดยสังเกตุอาการ อาการปวดศีรษะ กระหายน้ำกระวนกระวาย ใจสั่น เหงื่ออก ความดันโลหิตต่ำผิวหนังเย็นชื้น ความดันโลหิตที่ต่ำลง ปัสสาวะไม่ออกหรือปัสสาวะออกน้อย โดยรักษาระดับค่า V/S ให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ อุณภูมิ 36.5-37.4 องศาเซลเซียส HR = 60-100 ครั้ง/นาที RR = 16-22 ครั้งต่อนาที xygen saturation keep 95%
        
        2.ไม่พบอาการที่แสดงของภาวะเลือดออกในทางเดินอาหารส่วนต้น เช่น ถ่ายดำ อาเจียนเป็นเลือด ซีด โดยมีค่า Hemoglobin อยู่ที่ 12.8-16.1 g/dL Hematocrit อยู่ที่ 3.82-4.83 %
        
        1.เพื่อไม่เกิดภาวะ Hypervolemic shock จากภาวะเลือดออกจากทางเดินอาหาร
        2.ไม่มีภาวะซีดจากการสูญเสียเลือดจากทางเดินอาหาร
        3.ให้การดูแลผู้ป่วยที่มีเลือดออกทางเดินอาหาร
      - OD:
        แพทย์ทำ Per rectum พบอุจจาระที่น้ำตาลแดง ผู้ป่วยมีภาวะซีด Hemoglobin ต่ำ 6.9 g/dL ค่าปกติ 12.8-16.1 g/dL Hematocrit ต่ำ 22.6 % ค่าปกติ 3.82-4.83 %
        ผลการทำ Esophagogastroduodenoscopy ,EGD ) ผลพบว่า ตรงกะเพาะอาหารส่วนที่เป็น Body find lage 3 cm clean based ทำ biopsy ส่งตรวจ
        Antrum find mulitple small 6 mm Bulb pigmented DU 12-15 mm