Behavioral science s in Health Promotion and Health Education
2
ทฤษฎีระหว่างบุคคล
(Interpersonal Health Behaviour Models/Theories)
3
Social Cognitive Theory (SCT)
ทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคมปัญญา
Social Support
แรงสนับสนุนทางสังคม
แนวคิดตามทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคมปัญญา
แนวคิดของการเรียนรู้โดยการสังเกต
แนวคิดของการกำกับตนเอง
click to edit
ประเภทของแรงสนับสนุน
1.แรงสนับสนุนทางอารมณ์ (Emotional Support)
เช่น การให้ความพอใจ การยอมรับ นับถือ การแสดงความห่วงใย
2.แรงสนับสนุนด้านการให้การประเมินผล (Appraisal Support)
เช่น การให้ข้อมูลป้อนกลับ (Feedback) การเห็นพ้องหรือให้รับรอง(Affiliateion) ผลของการปฏิบัติหรือการบอกให้ทราบผลของผู้รับการปฏิบัติพฤติกรรมนั้น
3.การให้แรงสนับสนุนทางด้านข้อมูลข่าวสาร (Information Support)
เช่น การให้คำแนะนำ การตักเตือน การให้คำปรึกษา และการให้ข่าวสารรูปแบบต่างๆ
4.การให้แรงสนับสนุนทางด้านเครื่องมือ (Instrumental Support)
เช่น แรงงาน เงิน เวลา เป็นต้น
ทฤษฎีระดับชุมชน
(Community and Group Health Behaviour Models/Theory
PRECEDE Model
Ecological Model
โมเดลเชิงนิเวศวิทยา
Individual : ปัจจัยภายในตัวบุคคล เช่น ความรู้ ทัศนคติ ทักษะ
Interpersonal : ปัจจัยระหว่างบุคคล
Organizational : ปัจจัยด้านองค์กร
Community : ปัจจัยด้านชุมชน
Public policy : ปัจจัยด้านนโยบายสาธารณะ
1
ทฤษฎีระดับบุคคล
IndividTheual/Intropersonal Health Behavior models/theories
Learning theory
ทฤษฎีการเรียนรู้
Health knowledge : ความรู้ด้านสุขภาพ
Healt practice : การปฏิบัติด้านสุขภาพ
Health attitude : เจตคติด้านสุขภาพ
การเรียนรู้ตามทฤษฎีของ Bloom (Bloom's Taxonomy)
แบ่งเป็น 6 ระดับ
ความรู้ที่เกิดจากความจำ (knowledge) ซึ่งเป็นระดับล่างสุด
ความเข้าใจ (Comprehend)
การประยุกต์ (Application)
การวิเคราะห์ (Analysis) สามารถแก้ปัญหา ตรวจสอบได้
การสังเคราะห์ (Synthesis) สามารถนำส่วนต่างๆ มาประกอบเป็นรูปแบบใหม่ได้ให้แตกต่างจากรูปเดิม เน้นโครงสร้างใหม่
การประเมินค่า (Evaluation) วัดได้ และตัดสินได้ว่าอะไรถูกหรือผิด ประกอบการตัดสินใจบนพื้นฐานของเหตุผลและเกณฑ์ที่แน่ชัด
The Health belief model (HBM)
ทฤษฎีแบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพ
Perceived benefits การรับรู้ถึงประโยชน์ของการรักษาและป้องกันโรค หมายถึง การที่บุคคลแสวงหาวิธีการปฏิบัติให้หายจากโรคหรือป้องกันไม่ให้เกิดโรคโดยการปฏิบัตินั้นต้องมีความเชื่อว่าเป็นการกระทำที่ดีมีประโยชน์และเหมาะสมที่จะทำให้หายหรือไม่เป็นโรคนั้นๆ
Pereived barriers การรับรู้ต่ออุปสรรคของการปฏิบัติ หมายถึง การคาดการณ์ล่วงหน้าของบุคคลต่อการปฏิบัติพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพอนามัยของบุคคลในทางลบ ซึ่งอาจได้แก่ ค่าใช้จ่าย หรือผลที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติกิจกรรมบางอย่าง เช่น การตรวจเลือดหรือการตรวจพิเศษทำให้เกิดความไม่สุขสบาย
Self-efficacy เพิ่มองค์ประกอบความสามารถของตนเอง
Cue to action สิ่งชักนำให้เกิดการปฏิบัติเป็นเหตุการณ์หรือสิ่งที่มากระตุ้นบุคคลให้เกิดพฤติกรรมที่ต้องการออกมา
Pereived severity การรับรู้ความรุนแรงของโรค เป็นความคิดความเชื่อที่บุคคลประเมินความรุนแรงของโรคที่มีต่อตนในด้านความเจ็บป่วย พิการ หรือ เสียชีวิต
Pereived susceptibility : การรับรู้โอกาสเสี่ยงที่จะเกิดโรค เป็นความคิดความเชื่อส่วนบุคคลว่าตนมีโอกาสที่จะเกิดโรคนั้นๆ
The protection motivation theory (PMT)
ทฤษฎีจูงใจเพื่อป้องกันโรค
1. การประเมินอันตรายต่อสุขภาพ (Threat appraisal)
การรับรู้ความรุนแรงของโรค(Noxiousness)
การรับรู้โอกาสเสี่ยงของการเกิดโรค(Perceived probability)
2. การประเมินการเผชิญปัญหา (Coping appraisal)
ความคาดหวังในประสิทธิผลของการตอบสนอง (Response efficacy)
ความคาดหวังในความสามารถของตน(Self – efficacy)
The Theory of Reasoned Action (TRA)
ทฤษฎีการกระทำตามหลักเหตุผล
การเปลี่ยนแปลงความเชื่อจะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของบุคคล โดยบุคคลจะคำนึงถึงเหตุผลก่อน ถ้าบุคคลมีความเห็นว่าเป็นสิ่งท่ีควรกระทำบุคคลจะแสดงพฤติกรรม
ทัศนคติต่อพฤติกรรม (Attitude), ——-> เจตนาแสดง พฤติกรรม (Behavioral intention) ———> พฤติกรรม (Behavioral)
การคล้อยตามกลุ่มอ้างอิง
(Subjective Norm)
The Theory of Planned Behavior (TPB)
ทฤษฎีพฤติกรรมตามแผน
พฤติกรรม(Behavior)ที่ถูกแสดงออกมาน้ันเป็น ผลมาจากเจตนา(Intention) ซึ่งมีปัจจัย 3 ประการ ที่มีอิทธิพลต่อการก่อให้เกิด
เจตนา ได้แก่ ทัศนคติต่อพฤติกรรม (Attitude Toward the Behavior) การคล้อยตามกลุ่มอ้างอิง (Subjective Norm) และการรับรู้ความสามารถในการควบคุมพฤติกรรม (Perceived Behavioral Control)
The Transtheoretical Model (TTM)
ทฤษฎีการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต
Health Literacy
การรับรู้สมรรถนะแห่งตน
หลักขั้นตอนการเปลี่ยนแปลง (Stage of Change)
(1) ขั้นยังไม่สนใจ (Precontemplate) มองยังไงก็ยังไม่เห็นวี่แววว่าจะเอาจริง อย่างน้อยก็ยังไม่เอาจริงใน 6 เดือนข้างหน้านี้ คนมักจะติดอยู่ที่ขั้นนี้นาน ส่วนใหญ่เป็นเพราะได้รับข้อมูลไม่ครบถ้วนถ่องแท้อีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะเคยลองมาแล้วไม่สำเร็จเลยไม่เชื่อว่าตนเองจะทำได้ เรียกว่ามีวิกฤติความเชื่อถือตนเอง จึงใช้วิธีหันหลังให้ ไม่สนใจ ไม่ทำ
(2) ขั้นสนใจแต่รอฤกษ์ (Contemplate) สนใจที่จะทำแล้ว แต่ยังรั้งรออยู่บ้าง ประมาณว่าในหกเดือนข้างหน้านี้คงจะได้ลงมือทำแน่
(3) ขั้นตัดสินใจทำ (Preparation) ตั้งใจเอาจริงแน่นอน วางแผนเป็นตุเป็นตะแล้ว ประมาณว่าไม่เกินหนึ่งเดือนข้างหน้าที่คงได้ลงมือทำจริง
(4) ขั้นลงมือทำ (Action) คือลงมือทำไปแล้ว แต่ยังต่อเนื่องมาได้ไม่เกินหกเดือน
(5) ขั้นทำได้ยืด (Maintenance) ทำได้แล้ว ต่อเนื่องเกิน 6 เดือน
แต่ยังไม่เกิน 5 ปี ยังพยายามทำอยู่ มีความเสี่ยงจะกลับไปใช้นิสัยเดิมอยู่เหมือนกัน แต่ก็พยายามที่จะไม่กลับไป
กระบวนการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม (Processes of change)
กระบวนการใช้ความรู้สึกนึกคิดหรือประสบการณ์
(Cognitive/ Experiential processes)
การเพิ่มความตระหนักรู้
การกระตุ้นให้รู้สึกกลัว หรือสะเทือนใจ
การประเมินสิ่งแวดล้อม
การประเมินตนเอง
การประกาศเจตนารมณ์ให้สังคมรับรู้
กระบวนการทางพฤติกรรม (Behavioral processes)
การใช้เทคนิคการหาสิ่งทดแทน
การได้รับความช่วยเหลือสนับสนุน
การใช้เทคนิคการให้รางวัลตนเอง
เทคนิคการให้คำมั้นสัญญากับตนเอง
การควบคุมสิ่งเร้า
ทักษะด้านปัญญาหรือสังคมที่จะไปกำหนดแรงจูงใจหรือความสามารถของบุคคลในการเข้าถึงข้อมูล เข้าใจข้อมูลที่ได้รับ และสามารถที่จะใช้ข้อมูลข่าวสารที่ได้รับมาในการส่งเสริม และธำรงรักษาซึ่งสุขภาพที่ดี
แนวคิดความรอบรู้ด้านสุขภาพ
But bean (2008)
1) การเข้าถึงข้อมูลสุขภาพและบริการสุขภาพ (Access)
2) ความรู้ ความเข้าใจ (Cognitive)
3) ทักษะการสื่อสาร (Communication Skill)
4) ทักษะการตัดสินใจ (Decision Skill)
5) การจัดการตนเอง (Self-Management)
6) การรู้เท่าทันสื่อ (Media Literacy)
Health Literacy มี 3 ระดับ
click to edit
ความรอบรู้ด้านสุขภาพระดับพื้นฐาน ( Function al health literacy) คือใช้ความรู้และใช้ทักษะทางปัญญา (cognitive skill) ในชีวิตประจำวัน เช่นรู้ว่าอะไรคือความเสี่ยง และจะหลีกเลี่ยงความเสี่ยงอย่างไร จะไปรับบริการสาธารณสุขที่ไหน อย่างไร เท่านั้น ซึ่งคนที่มีพื้นฐานด้านการอ่านออกเขียนได้ ก็สามารถที่จะอ่านฉลากยาได้ อ่านเอกสารแนะนำการปฏิบัติตัวและอ่านใบนัดการติดตามการรักษาของแพทย์ได้ ความรอบรู้ในระดับนี้เกิดประโยชน์ในระดับบุคคล
ความรู้ด้านสุขภาพระดับสื่อสาร/โต้ตอบ (Interactive/communicative Health literacy) ใช้ทักษะด้านปัญญาที่สูงกว่าระดับพื้นฐาน ร่วมกับการใช้ทักษะทางด้านสังคม (Social skill) เมื่อเจอสถานการณ์ใหม่ ก็สามารถที่จะวิเคราะห์/สังเคราะห์ความรู้ใหม่ เพื่อใช้ในการจัดการปัญหาใหม่ได้
ความรู้ด้านสุขภาพระดับวิจารณญาณ (Critical Health Literacy) ใช้ทักษะด้านปัญญาที่สูงและซับซ้อนขึ้น ร่วมกับทักษะด้านสังคม โดยสามารถเห็นความเชื่อมโยงของปัจจัยทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมที่เป็นตัวกำหนดสุขภาพ สามารถใช้ทักษะทางสังคมเพื่อทำการเคลื่อนไหวทางสังคมจนเกิด Social Action & Influence ในการปรับปรุงปัจจัยกำหนดสุขภาพ ซึ่งผลการปรับปรุงทั้งส่วนบุคคลและปัจจัยกำหนดสุขภาพ จะส่งผลกระทบทั้งสุขภาพส่วนบุคคลและสุขภาพของชุมชน
การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ซึ่งเป็นผลมาจากประสบการณ์ที่คนเรามีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม ซึ่งในการเรียนรู้ที่เกิดขึ้น ได้มีการศึกษาค้นคว้าด้านความรู้ที่เกี่ยวข้องกับการเรียนรู้ จนเกิดเป็นทฤษฎีการเรียนรู้
(วารินทร์ รัศมีพรหม. 2542 : 152)
เป็นคำย่อมาจาก Predisposing , Reinforcing and Enabling Causes in Educational Diagnosis and Evaluation. เป็นกระบวนการวิเคราะห์ เพื่อการวางแผนการดำเนินงานสุขศึกษา มีแนวคิดว่าพฤติกรรมบุคคลมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย (Multiple Factors) ดังนั้น จะต้องมีการวิเคราะห์ถึงปัจจัยสำคัญๆ ที่มีผลต่อพฤติกรรมนั้นๆ
SCT มองพฤติกรรมบุคคลเกิดขึ้นและเปลี่ยนแปลงโดยถูกกำหนดจากปัจจัยทางสภาพแวดล้อม (Environment factor s) และปัจจัยภายในตัวบุคคล (personal factors) ในลักษณะแบบการกำหนดซึ่งกันและกัน กล่าวคือ บุคคลสามรถปรับสิ่งแวดล้อมได้เท่ากับสิ่งแวดล้อมปรับบุคคล
แนวคิดของการรับรู้ความสามารถตนเอง
การเรียนรู้จากการประสบความสำเร็จด้วยตนเอง (Mastery learning)
การเรียนรู้จากการใช้ตัวแบบ (Vicarious learning)
การชักจูงด้วยวาจา (Verbal persuasion)
การกระตุ้นทางอารมณ์ (Emotional arousal)
เครือข่ายสัหรือแรงสนับสนุนทางสังคม ได้แก่ กลุ่มครอบครัว เพื่อนสนิท เพื่อนร่วมงาน เพื่อนบ้าน ที่มีลักษณะ 3 ประการ คือ
1. มีโครงสร้าง เช่น จำนวนคนที่รู้จักมักคุ้น
2. มีปฏิสัมพันธ์ เช่น การแบ่งปันความช่วยเหลือ
3.มีหน้าที่ เช่น ให้แรงสนับสนุนทางสังคมพันธะสัญญต่อกันและให้ความรู้สึกที่มีคุณค่าทางสังคม
การดำเนินงานสุขศึกษาและส่งเสริมสุขภาพ ไม่ใช่เป็นแค่การจัดกิจกรรมทางการศึกษาอย่างเดียว แต่จะต้องเกี่ยวข้องกับการชี้แนะสาธารณะ
ความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงองค์กร การพัฒนานโยบายการสนับสนุนด้านงบประมาณ การเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อม ซึ่งต้องอาศัยกลวิธีที่หลากหลาย
การวิเคราะห์ประกอบด้วยขั้นตอนต่างๆ ๗ ขั้นตอน
1.การวิเคราะห์ทางสังคม (Social Diagnosis) : เป็นการพิจารณาและวิเคราะห์ “คุณภาพชีวิต”
2.การวิเคราะห์ทางระบาดวิทยา (Epidemiologyical Diagnosis) : วิเคราะห์ว่ามีปัญหาสุขภาพอะไรบ้าง
3.การวิเคราะห์ทางพฤติกรรม (Behavioural Diagnosis) : พฤติกรรมบุคคล
4.การวิเคราะห์ทางการศึกษา (Educational Diagnosis) : วิเคราะห์เพื่อหาปัจจัยต่างๆ ได้แก่ ปัจจัยนำ ปัจจัยเอื้อ และปัจจัยเสริม
5.การเลือกกลยุทธ์ทางการศึกษา (Sele of educational al Strategies) : เลือกกลยุทธ์และเทคนิคในการดำเนินงานด้านสุขศึกษา
6.การวิเคราะห์ทางการบริหาร(Administrative Diagnosis) : เช่น งบประมาณ ระยะเวลา ความสามารถของผู้ดำเนินงาน ตลอดจนทรัพยากรด้านอื่นๆ
7.การประเมินผล ( Evaluation)
จัดทำโดย เรืออากาศตรีหญิงวรรณรัตน์ สุทธิมาศมงคล
ที่มา : กองสุขศึกษา กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข. แนวทางการดำเนินงานปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ ระดับจังหวัด
เป็นโมเดลแรกๆที่พัฒนามาจากพฤติกรรมศาสตร์ เพื่อที่จะศึกษาปัญหาสุขภาพ โดยมีสมมติฐานว่า เมื่อบุคคลเกิดความกลัวรับรู้ภาวะคุมคามที่จะถึงตัวบุคคล บุคคลจะปฏิบัติตามคำแนะนำเพื่อป้องกันโรคและจัดการกับปัญหาโดยคำนึงถึงประโยชน์ของตน
ทฤษฎีนี้เกิดขึ้นจากความพยายามที่จะทำความเข้าใจในกฎเกณฑ์ของการกระตุ้นให้เกิดความกลัว โดยเน้นการประเมินการรับรู้ด้านข้อมูลข่าวสารที่เป็นความรู้ หรือประสบการณ์และการให้สิ่งสำคัญกับสิ่งที่มาคุกคาม และขบวนการของบุคคลเพื่อใช้ขบคิดแก้ปัญหาในสิ่งที่กำลังคุกคามอยู่นั้น ซึ่งเป็นผลให้ความน่าจะเป็นของการเพิ่มหรือลดลงของการตอบสนองของบุคคลต่อสิ่งที่มาคุกคามทางสุขภาพ