Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

ผู้ป่วยเตียง22 มภร.10/1 ด.ต.เกษม คิดอ่าน Diagnosis : Atrial fibrillation…

- - - - EKG
        Electrocardiogram
        
        Short PR interval หมายถึง PR interval ที่สั้นกว่า120 msec หรือ3ช่องเล็กบน standard 25mm/sec ECG paper speed หมายถึง atrial depolalization (หัวใจห้องบนขวาบีบตัวน้อย)
        
        ST-T abnormality (ant,lat)
        
        Arrthymia = หัวใจเต้นผิดจังหวะ
      - Echocardiogram
        
        ผล LVEF 20-30%
        
        ปริมาตรของหัวใจห้องล่างเมื่อวัดหลังจบการบีบตัว (หัวใจแฟบสุด) เป็นกี่เปอร์เซ็นต์ของปริมาตรเมื่อก่อนการบีบตัว (หัวใจเป่งสุด) คนปกติจะมีค่า LVEF นี้สูงกว่า 55% ขึ้นไป ยิ่งค่านี้ต่ำยิ่งแสดงว่าหัวใจห้องล่างซ้ายทำงานไม่ดี ถ้าต่ำกว่า 40% ถือว่าต่ำอย่างมีนัยสำคัญ ถ้าต่ำมากๆก็เป็นหัวใจล้มเหลว
    - - 19/01/64 Mild gastritis (กระเพาะอาหารอักเสบ) บริเวณ fundus of stomuch
    - - 25/01/64 tiny hemorroid
- - - - ยาที่ใช้ในการรักษา Angina pectoris และ Myocardial infraction
        
        การออกฤทธิ์
        
        กลไกการออกฤทธิ์ของยาจะขยายหลอดเลือดทำให้เลือดและออกซิเจนไปเลี้ยงหัวใจเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันก็ลดการทำงานของหัวใจทำให้ลดอาการเจ็บหน้าอก
        
        ผลข้างเคียง
        
        จะขึ้นกับปริมาณยาที่ได้รับ
        ปวดศีรษะ มึนงง hypotension หน้ามืด
  - - - รัษาภาวะท้องผูก
        
        การออกฤทธิ์
        
        ออกฤทธิ์หลังทาน12ชม.กระตุ้นปลายประสาทที่ลำไส้ใหญ่ ทำให้การเคลื่อนไหวของลำไส้ใหญ่เพิ่มขึ้น และทำให้น้ำและเกลือแร่ในลำไส้ใหญ่เพิ่มมากขึ้นด้วย
        
        ผลข้างเคียง
        
        ปวดท้องท้องอืด คลื่นไส้ ใช้นานๆไปอาจทำให้เกิดท้องเสีย
        สูญเสียน้ำและเกลือแร่ น้ำหนักลดได้
  - - - รักษาโรคความดันโลหิตสูง
        
        การออกฤทธิ์
        
        เป็น Nonpeptide biphenylimidazole ยับยั้ง Angiotensin II receptor antagonist ที่เลือกเฉพาะต่อreceptor ชนิด AT1
        
        ผลข้างเคียง
        
        วิงเวียน อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ hypotensionขณะเปลี่ยนอิริยาบถ
  - - - ลดไขมันในเลือด (ลดระดับLDL-Cและ TC)
        
        การออกฤทธิ์
        
        ยับยั้งการทำงานเอนไซม์ 3-hydroxy-3-methylglutaryl-coenzyme-A ในการสังเคราะห์โคเรสเตอรอล
        
        ผลข้างเคียง
        
        เจ็บหน้าอก คลื่นไส้ อาเจียน ท้องผูก อุจจาระอัดแน่น
        เอนไซม์ในตับสูงขึ้น
  - - - รักษาแผลในกระเพาะอาหาร
        
        การออกฤทธิ์
        
        ยับยั้งการทำงานเอนไซม์ H+,K+ATPase ขับเคลื่อนH+ออกจากเซลล์ในกระเพาะอาหาร จึงยับยั้งการสร้างกรดในกระเพาะอาหาร
        
        ผลข้างเคียง
        
        คลื่นไส้ อาเจียน ท้องผูก
  - - - รักษาอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ ลดอัตราการเต้นของหัวใจ
        ควบคุมความดันโลหิตสูง
        
        การออกฤทธิ์
        
        ปิดกั้นการกระตุ้นเบต้า ตัวรับ Adrenergic ที่หัวใจถูกปิดกั้น มีผลทำให้อัตราการเต้นและแรงบีบของหัวใจลดลง ความดันโลหิตลดลง
        
        ผลข้างเคียง
        
        หัวใจเต้นช้า-เร็ว ไม่สม่ำเสมอ มึนงง เป็นลม
- - - - การวินิจฉัย
        
        . ซักประวัติพฤติกรรมการใช้ชีวิต การทานยา N-SAID เพราะยามีผลแทรกซ้อนทำให้อาจเกิดแผลในทางเดินอาหาร
        
        check BPต่ำ ชีพจรที่เต้นเร็ว จากhypovolemic shock
        
        เจาะเลือดส่งตรวจแลป Hct, Hb, Bun , Creatinine ประเมินการสูญเสียเลือด ตรวจ PT(prothrombin time) , PTT(partial thromboplastin), INT(international normalize ratio) ดูความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด
  - - - ใจสั่น
      - หัวใจเต้นเร็วมากกว่า350 ครั้ง/นาที
      - เจ็บหน้าอก
      - เวียนศีรษะ
      - หายใจลำบาก
      - หมดสติ
    - - เกิดจากโรคหัวใจ
        
        โรคลิ้นหัวใจ หัวใจล่างซ้ายโต โรคหลอดเลือดหัวใจ เยื่อบุหัวใจอักเสบ
      - ไม่ใช่โรคหัวใจ
        
        ปอดอักเสบ การผ่าตัด การไม่สมดุลของเกลือแร่
        เช่น K hyperthyroidism, pulmonary embolism, ได้รับคาเฟอีน แอลกอฮอล์ สูงอายุ เครียด อ้วน
  - - - ห้องเวนทริเคิลขวาไม่สามารถฉูบฉีดเลือดเพื่อส่งไปยังปอดได้ ทำให้เลือดค้างและเกิดความดันในห้องหัวใจ เลือดคั่งในหลอดเลือดดำ(ของเสียที่ไม่สามารถนำไปฟอกได้) หลอดเลือดดำที่คอโป่งพอง บวมตามส่วนล่างของร่างกาย ตับม้ามโต คั่งน้ำในช่องท้อง(ascitis)
    - - เลือดที่มาจากปอดที่จะส่งไปห้องใจล่างซ้ายเพื่อที่จะส่งไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกาย ไหลท่วมกลับเข้าไปที่ปอด ทำให้เลือดคั่งในปอด เกิดอาการหายใจลำบาก นอนราบไม่ได้ หากไออกมาอาจพบฟองสีชมพู ผู้ป่วยจะอ่อนแรง เลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆลดลงรวมถึงสมองอาจทำให้เกิดอาการสับสนและไต ทำให้ความดันที่ไตลดลง เกิดการสะสมของน้ำและโซเดียมไม่มีการขับออก เลือดที่เลี้ยงไตลดลง จะกระตุ้นระบบเรนินแองจิโอเทนซินแอลโดสเตอโรนให้มีการดูดกลับน้ำเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดอาการบวม
    - - อ้วน
      - กินเค็ม
      - หลอดเลือดหัวใจตีบ
      - Hypertension
      - เบาหวาน
      - ดื่มแอลกอฮอลล์ สูบบุหรี่
    - - อาจเกิดจากพฤติกรรมการทานอาหารไม่เป็นเวลา ทำให้เกิดการหลั่งกรดมากเกินไป เกิดการเสียสมดุลทำให้mucosa ถูกทำลายจนเกิดแผลในกระเพาะอาหาร หรือการรับประทานยาที่ส่งผลต่อกระเพาะอาหาร โดยการทานยาอย่างไม่ถูกต้อง เช่น ทานยาขณะท้องว่าง ทำให้มีแผลและถ่ายเป็นสีดำจากการที่เลือดผสมกับน้ำย่อย
      - การเกิด AF อาจเกิดได้จากอายุที่มากขึ้น โรคความดันโลหิตสูง และ underlying ของผู้ป่วยเอง คือ TVD ทำให้หลอดเลือดหัวใจเกิดการตีบ การตีบของหลอดเลือดหัวใจทำให้ทางเดินของหลอดเลือดน้อยลง ส่งผลให้หัวใจต้องทำงานหนักในการบีบเลือดไปเลือดส่วนต่างๆของร่างกายมากขึ้น เพื่อให้เพียงพอเหมือนเดิม ทำให้ัวใจทำงานหนักมากขึ้นๆ ผู้ป่วยจะเกิดอาการหัวใจเต้นเร็ว เจ็บหน้าอก หายใจเหนื่อยหอบ ออกซิเจนไม่เพียงพอ จนหัวใจล้า ทำให้หัวใจเริ่มสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกายได้น้อยลง หากไม่ได้รับการรักษาก็จะส่งผลให้เกิด หัวใจวาย
      - ผู้ป่วยเกิดอาการ syncope จากการที่เสียเลือด และออกซิเจนไม่พอ
- - - - pH = 7.468 (7.350-7.450)
        pO2 = 207.5 mmHg (74.0-108.0)
        HCO3 std = 27.7 mmol/L (1.0-1.3)
        BE (B) = 3.5 mmol/L (<2.0)
- - - - ค่าแลป Hb = 9.3 g/dL (12.8-16.1)
        Hct = 28.9% (38.2-48.3)
        RBC = 3.45 10*6/uL
      - ผู้ป้วยมีประวัติเป็นUpper GI bleed
      - ผลตรวจEGD พบว่าเป็น Tiny hemorrhoids
    - - เพื่อไม่ให้เกิดภาวะซีด
    - - 5.เฝ้าระวังและประเมินภาวะซีด
      - 3.ติดตามผลการตรวจ Hct เพื่อประเมินการสูญเสียเลือด
      - 4.ดูแลให้ยาตามการรักษาของแพทย์
      - 2.ดูแลให้pt.นอนในท่าศีรษะอยู่ระดับเดียวกับทรวงอก
      - 6.งดอาหารที่มีสีแดงและสีดำเพื่อobserveอาการเลือดออก
      - 7.ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และเสริมธาตุเหล็ก เช่นผักใบเขียวที่มีธาตุเหล็กสูงแทนการทานเลือดและตับ เพราะเลือดและตับเป็นสีดำ ซึ่งผู้ป่วยนั้นงดอาหารที่เป็นสีแดงและดำ
      - 1.ติดตามv/s ของผู้ป่วย และบันทึกrecord I/O เพื่อประเมิณการสูญเสียน้ำในร่างกาย
    - - ผู้ป่วยไม่มีอาการเลือดออกในทางเดินอาหาร
      - ค่าHct อยู่ในเกณฑ์ปกติคือ 38.2-48.3
      - ค่าHb อยู่ในเกณฑ์ปกติคือ 12.8-16.1
  - - - OD : LVEF = 20-30%
        underlying เป็น TVD
        ผลตรวจ EKG พบ Arrthymia , short PR interval , ST-T abnormality , เห็น P wave ไม่ชัดเจน
        PR = 104 ครั้งต่อนาที (30/01/64) และPR ขึ้นลงไม่คงที่
    - - เพื่อป้องกันภาวะหัวใจล้มเหลวและลดอัตราการเต้นของหัวใจผิดจังหวะ
    - - อัตราการเต้นของหัวใจสม่ำเสมอ อยู่ที่ 60-100 ครั้งต่อนาที
      - ผู้ป่วยไม่มีอาการใจสั่น หรืออาการเจ็บหน้าอก
      - ผู้ป่วยไม่มีอาการหายใจหอบเหนื่อย
    - - ประเมินอาการที่แสดงออกถึงภาวะที่ร่างกายได้รับเลือดไม่เพียงพอ เพื่อประเมินภาวะหัวใจล้มเหลว การขาดเลือด เช่น ระดับความรู้สึกตัว มึนงง สับสน เป็นลม หายใจลำบาก อาการเจ็บหน้าอก นอนราบไม่ได้ ชีพจรเต้นเร็ว หายใจเร็ว ปลายมือปลายเท้าเขียวและชา
      - บันทึก v/s observe EKG เพื่อดูความเปลี่ยนแปลงของการทำงานของหัวใจ
      - งดกิจกรรมที่ต้องออกแรงมากๆ เพื่อให้ไม่ให้หัวใจสูบฉีดเลือดมากๆ ลดอัตราการทำงานของหัวใจให้ช้าลงและลดการใช้ออกซิเจนโดยไม่จำเป็น
      - 4.ให้ผู้ป่วยนอนท่า fowler ' s position เพื่อให้ปอดขยาย ผู้ป่วยหายใจสะดวกขึ้น และได้รับออกซิเจนอย่างเต็มที่
      - บันทึก I/O ดูการทำงานของไต เพื่อประเมินภาวะการคั่งของสารน้ำหรือการบวมของร่างกาย ที่อาจเกิดจากภาวะหัวใจล้มเหลว
      - ให้ยาตามแผนการรักษาของแพทย์ เพื่อให้หลอดเลือดขยายเลือดกลับสู่หัวใจและสูบฉีดได้ดี
      - ติดตามค่าแลป ที่อาจส่งผลต่อการทำงานของหัวใจ เช่น ค่า K เพื่อประเมินการทำงานของหัวใจ