Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ทฤษฎีการเรียนรู้ :pencil2: :explode:, การเรียนรู้เกิดจากการเชื่องโยงระหว่…
ทฤษฎีการเรียนรู้ :pencil2: :explode:
ทฤษฎีการเรียนรู้ที่เป็นสากล
ทฤษฎีกลุ่มพฤติกรรมนิยม :silhouettes:
ทฤษฎีการเชื่อมโยงของธอร์นไดค์ :<3:
หลักการจัดการศึกษา/หลักการสอน :pen:
ทฤษฎีการวางเงื่อนไข :forbidden:
พาพลอฟ (Pavlov)
การเรียนรู้ :red_flag: เกิดจาการวางเงื่อนไขที่ตอบสนองต่อความต้องการทางธรรมชาติ
การตอบสนอง :red_flag: เกิดจากสิ่งเร้าที่เชื่อมโยงกับสิ่งเร้าตามธรรมชาติ
กฎแห่งการลดภาวะ :red_flag: ความเข้มของการตอบสนองจะลดลงๆ หากได้รับสิ่งเร้าที่วางเงื่อนไขอย่างเดียว
กฎแห่งการจำแนกความแตกต่าง :red_flag: เกิดการเรียนรู้ ตอบสนองสิ่งเร้าที่มีการวางเงื่อนไข
หลักการจัดการศึกษา หลักการสอน :pen:
สกินเนอร์ (Skinner)
หลักการจัดการศึกษา หลักการสอน :pen:
วัตสัน (Watson)
พฤติกรรมใดๆ สามารถทำให้ลดลงและหายไปได้
สามารถควบคุมพฤติกรรมได้ โดยควบคุมสิ่งเร้าที่วางเงื่อนไขให้สัมพันธ์กับสิ่งเร้าตามธรรมชาติ
การเรียนรู้จะคงทน ถาวร หากให้สิ่งเร้าที่สัมพันธ์กันควบคู่กันไป สม่ำเสมอ
หลักการจัดการศึกษา/หลักการสอน :pen:
กัทธรี (Guthrie)
กฎแห่งความต่อเนื่อง เมื่อมีสิ่งเร้าจะมีการตอบสนอง หากมีสิ่งเร้าเดิมอีกจะตอบสนองแบบเดิม เกิดจากสิ่งเร้าทำให้เกิดพฤติกรรมแบบเดิม
กฎแห่งการกระทำครั้งสุดท้าย หากการเรียนรู้สมบูรณ์แล้ว เมื่อมีสภาพการณ์ใหม่เกิดขึ้นอีก จะทำแบบครั้งสุดท้ายที่เกิดการเรียนรู้
หลักการจูงใจ การเรียนรู้ เกิดจากการจูงใจมากกว่าการเสริมแรง
หลักการจัดการศึกษา หลักการสอน :pen:
ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มพุทธินิยมหรือกลุ่มความรู้ความเข้าใจ :star:
ทฤษฎีเกสตัลท์(Gestalt Theory) :<3:
การเรียนรู้ เป็นกระบวนการทางความคิด เรียยนรู้จากสิ่งเร้ารวมได้ดีกว่าส่วนย่อยการเรียนรู้เกิดใน 2 ลักษณะ
กฎแห่งการรับรู้ ส่วนรวมและส่วนย่อย
หลักการจัดการศึกษา/หลักการสอน :pen:
เพียเจต์ (Piaget) :<3:
พัฒนาการทางสติปัญญา ในวัยต่างๆ เป็นลำดับขั้นตอนและเป็นไปตามธรรมชาติ เข้าใจ + พัฒนา
กระบวนการทางสติปัญญา
หลักการจัดการศึกษา/หลักการสอน :pen:
บรุนเนอร์(Bruner) :<3:
ทฤษฏีพัฒนาการทางสติปัญญา 3 ขั้น
หลักการจัดการศึกษา/หลักการสอน :pen:
ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มมนุษยนิยม :silhouette:
ทฤษฎีการเรียนรู้ของสาสโลว์(Maslow) :smiley:
ความต้องการพื้นฐานตามธรรมชาติของมนุษย์เป็นลําดับขั้น 5 ขั้น
มนุษย์ต้องการที่จะรู้จักตนเองและพัฒนาตนเอง
peak experience คือประสบการณ์ที่บุคคลรู้จักตัวเองตามสภาพจริง เข้าใจถ่องแท้ สมบูรณ์
จะช่วยให้พัฒนาตนได้เป็นอย่างดี
หลักการจัดการศึกษา/หลักการสอน :pen:
โรเจอร์ (Rogers) :smiley:
หลักการจัดการศึกษา/หลักการสอน :pen:
ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มผสมผสาน :fire:
กานเย่ (Gagne) :!!:
ประเภทของการเรียนรู้ 8 ประเภท (ตามลําดับขั้น)
สมรรถภาพการเรียนรู้ของมนุษย์ 5 ประการ
หลักการจัดการศึกษา/หลักการสอน :pen:
ทฤษฎีการเรียนรู้ร่วมสมัย
ทฤษฎีกระบวนการทางสมองในการประมวลข้อมูล :tada:
เป็นการพัฒนาสติปัญญา กระบวนการทำงานของสมอง
การเรียนรู้ของมนุษย์ - การทำงานของสมอง
การรับข้อมูล
ผ่านประสาทสัมผัส ทั้ง5 เกิดการรับรู้ การรู้จัก การใส่ใจ
การเข้ารหัส
ความจำระยะสั้น การเรียกใช้
การส่งข้อมูลออก
การถอดรหัสข้อมูล
ความจำระยะยาว การขยายความคิด
การประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนรู้
เสนอสิ่งเร้าให้ผู้เรียนได้คุ้นเคย มีประสบการณ์ ช่วยให้ผู้เรียนเรียนรู้ได้ดี
ท่องซ้ำ ช่วยให้เก็บความจำระยะสั้นเป็นระยะยาวได้
การเข้ารหัส - ท่องจำ ทวนซ้ำ เรียงเรียง ขยายความ ความสัมพันธ์ เพื่อให้เกิดความจำระยะยาว
พฤติกรรมทางวาจา ช่วยกระตุ้นให้นำข้อมูลที่เก็บไว้ในหน่อยความจำทั้งระยะสั้นและยาวออกมาใช้งาน
ทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง :<3:
Vygotsky (1962)ศึกษาเกี่ยวกับพัฒนาการสมัยเดียวกับเพียเจต์
สิ่งแวดล้อม (ทางธรรมชาติและสังคม : ภาษา สถาบัน) มีอิทธิพลต่อการพัฒนาการทางเชาวน์ปัญญา
ทุกคนมีระดับพัฒนาการทางเชาวน์ปัญญา และมีศักยภาพที่จะพัฒนาwด้ “zone of proximal development” หรือ “zone of proximal growth”
ให้ความช่วยเหลือ ชี้แนะ(assist Learning หรือ scaffolding) ช่วยพัฒนาให้ถึงระดับที่อยู่ในศักยภาพของผู้เรียน
Jonassen (1992)
ให้ความสำคัญกับกระบวนการและวิธีการสร้างความรู้ ความเข้าใจ จากประสบการณ์
สมอง เป็นเครื่องมือที่สำคัญที่สุดในการแปลความหมาย
การแปลความหมาย ขึ้นกับการรับรู้ ความเชื่อ ประสบการณื ภูมิหลังของแต่ละคน
เป็นเรื่องส่วนตัว เฉพาะตัว
เรียนรู้ด้วยการจัดกระทำข้อมูล ไม่ใช่การรับข้อมูล
การเรียนรู้เป็นกระบวนการทางสมองและกระบวนการทางสังคม
การประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนรู้
ผลการเรียนรู้
เน้นกระบวนการสร้างความรู้
ตระหนักรู้ในกระบวนการนั้น
เป้าหมายการเรียนรู้
การปฏิบัติงานจริง
ผู้เรียนฝึกฝนและเรียนรู้
การสาธิต
แปลความหมายและสร้างความหมายที่หลากหลาย
ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้อย่างเต็มที่
การประเมินผลเป็นแบบ goal free evaluation ด้วยวิธีการที่หลากหลาย
ครูเป็นผู้ให้ความร่วมมื อำนวยความสะดวก
ทฤษฎีพหุปัญญา :fire:
Gardner (1983)– เชาวน์ปัญญา คือ ความสามารถในการแก้ปัญหาในสภาพแวดลอ้มต่างๆหรือการสร้างสรรคผ์ลงาน มีความสัมพันธ์กับบริบททางวัฒนธรรม
เชาวน์ปัญญา ไม่อยู่คงที่จากกำเนิด แต่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
มีทั้งหมด 8 ด้าน
ปัญญาค้านตรรกะ-คณิตศาสตร์ (Logical-Mathematical Intelligence)
ปัญญาด้านการเคลื่อนไหวทางร่างกาย (Bodily-Kinesthetic Intelligence)
ปัญญาด้านปฏิสัมพันธ์ต่อผู้อื่น (Interpersonal Intelligence)
ปัญญาด้านปฏิสัมพันธ์ต่อผู้อื่น (Interpersonal Intelligence)
ปัญญาด้านการมองเห็น-พื้นที่ (Visual-Spatial Intelligence)
ปัญญาด้านถ้อยคำ-ภาษา (Linguistic Intelligence)
ปัญญาด้านเข้าใจธรรมชาติ (Naturalist Intelligence)
ปัญญาด้านดนตรี (Musical Intelligence)
การประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนรู้
จัดกิจกรรมที่หลากหลาย เพื่อส่งเสริมเชาวน์ปัญญาหลายด้าน และผู้เรียนทุกคนได้มีโอกาสได้รับการพัฒนา
หากผู้เรียนมีพัฒนาการด้านใดสูง จะต้องจัดการเรียนรู้ให้เหมาะสมกับพัฒนาการของผู้เรียน
วัดและประเมินผลหลายด้าน ครอบคลุมการแก้ปัญหาการสร้างสรรค์ผลงาน เพื่อผู้เรียนได้ใช้เชาวน์ปัญญาหลายด้าน
ทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเองโดยการสร้างสรรค์ชิ้นงาน :silhouette:
มีพื้นฐานจากทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญาของเพียเจต์
การประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนรู้
การออกแบบวัสดุ การนำเทคโนโลยีมาใช้
ช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ดี
LEGO TC Logo,micro-words, robot sedign
โปรแกรมคอมพิวเตอร์
การจัดบรรยากาศและสภาพแวดล้อมที่ดี
ตามความสนใจ
ตามความถนัด
ตามความสามารถ
ครู
อำนวยความสะดวก
ให้คำปรึกษา
การประเมิน
ผลงาน
กระบวนการ
การเรียนรู้ที่ดี เกิดจากการสร้างพลังงานความรู้ในตัวเองและด้วยตนเอง
ผู้เรียนได้สร้างความคิด และวนำความคิดนั้นไปสร้างสรรค์ชิ้นงาน
อาศัยสื่อเทคโนโลยี
การสร้างสรรค์ชิ้นงาน
สร้างความรู้ในตนเอง
ทฤษฎีการเรียนแบบร่วมมือ :check:
Johnson and Johnson (1994)
การเรียนรู้ที่จัดประบการณ์ให้ผู้เรียนเป็นกลุ่ม 3-5 คน โดยแตกต่างกันทั้งทางเพศ เชื้อชาติ ความสามารถ
ผู้เรียนได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน รับผิดชอบการทำงานร่วมกัน
องค์ประกอบของการเรียนรู้แบบร่วมมือ
พึ่งพาและเกื้อกูล
ปรึกษาหารืออย่างใกล้ชิด
รับผิดชอบที่ตรวจสอบได้ของสมาชิแต่ละคน
การใช้ทักษะการปฏิสัมพันธ์ระหวา่งบุคคลและทักษะการทำงานกลุ่มย่อย
การวิเคราะห์กระบวนการกลุ่ม
ผลดีของการร่วมมือ
ผู้เรียนมีความพยายามจะบรรลุเป้าหมาย
ความสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนดีขึ้น
ผู้เรียนมีสุขภาพจิตดีขึ้น
Slavin(1987)
จัดกลุ่มผู้เรียน 4 คน
เก่ง 1 คน ปานกลาง 2 คน
อ่อน 1 คน
คอยช่วยเหลือเพื่อนในกลุ่มเดียวกัน
จะได้รับรางวัล ถ้ากลุ่มทำคะแนนเฉลี่ยถึงเกณฑ์ที่ตั้ง
ประเภทของกลุ่มการเรียนแบบร่วมมือ
กลุ่มการเรียนรู้ร่วมมือแบบเป็นทางการ
กลุ่มการเรียนรู้ร่วมมือแบบไม่เป็นทางการ
กลุ่มการเรียนรู้ร่วมมือแบบถาวร
การประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนรู้
การวางแผนการสอน
กำหนดจุดมุ่งหมายในการเรียน
องค์ประกอบกลุ่ม
การจัดกิจกรรม
ชี้แจงงานกลุ่ม
พฤติกรรมที่คาดหวัง
ความร่วมมือ
กำกับดูแล
สรุปประเด็นการเรียนรู้
การประเมินผล
ด้านปริมาณ
ด้านคุณภาพ
วิธีการที่หลากหลาย
ผู้เรียนมีส่วนร่วม
เทคนิคการจัดการเรียนรู้
มหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกินส์
STAD
TGT
TAI
CIRC
ทั่วไป
Cards
Partner
Jigsaw
การเรียนรู้เกิดจากการเชื่องโยงระหว่างสิ่งเร้ากับการตอบสนอง
บุคคลจะลองผิดลองถูก (trial and error)จนกว่าจะพบรูปแบบการตอบสนองที่ให้ผลพึงพอใจมากที่สุด
กฎการเรียนรู้ของธอร์นไดค์
กฎแห่งความพร้อม (Law of Readiness)ผู้เรียนพร้อมทั้ง กายและใจ
กฎแห่งการฝึกหัด (Law of Exercise) ฝึกหัด กระทำบ่อยๆ ทำให้การเรียนรู้ คงทน ถาวร
กฎแห่งการใช้(Law of Use and Disuse) มีการนำการเรียนรู้มาใช้บ่อยๆ
กฎแห่งผลที่พึงพอใจ (Law of Effect) เมื่อได้รับผลที่พอใจจะเรียนรู้ต่อไป
ให้ผู้เรียนลองผิดลองถูก เพื่อเกิดการเรียนรู้ แก้ป้ญหาจดจำและภาคภูมิใจ
สำรวจ สร้างความพร้อมให้กับผู้เรียน
ให้ผู้เรียนเข้าใจเรื่องนั้น และฝึกฝนบ่อยๆ เพื่อเกิดเป็นทักษะ
ให้ผู้เรียนฝึกการนำการเรียนรู้ไปใช้บ่อยๆ เพื่อให้เกิดการเรียนรู้
ให้ผู้เรียนได้รับผลที่พอใจ สำเร็จ รางวัล เพื่อช่วยให้เกิดการเรียนรู้
ทดลองให้สุนัขน้ำลายไหลเพราะเสียงกระดิ่งโดยมีผงเนื้อบดเป็นสิ่งเร้าตามธรรมชาติ สุนัขเรียนรู้จากการเชื่อมโยงผงเนื้อบด เสียงกระดิ่งและพฤติกรรมน้ำลายไหล
นำความต้องการทางธรรมชาติของผู้เรียนมาเป็นสิ่งเร้า :<3:
เสนอสิ่งที่สอนพร้อมกับสิ่งเร้าที่ผู้เรียนชอบตามธรรมชาติ เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ :<3:
จัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้ต่อเนื่องและลักษณะคล้ายกัน ให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ง่ายขึ้น :<3:
ทดลองนำหนูขาวมาให้เด็กจับแล้วทำเสียงดังให้เด็กกลัวร้องไห้จากนั้นนำหนูขาวมาให้เด็กดูโดยแม่กอดเด็กไว้เด็กจะค่อยๆหายกลัวหนูขาว
จัดสิ่งจูงใจ สิ่งเร้าให้สอดคล้องกับภูมิหลัง และความต้องการของผู้เรียน :explode:
จัดสิ่งจูงใจ สิ่งเร้าควบคู่กับสิ่งเร้าที่วางเงื่อนไข :explode:
ลดพฤติกรรมที่ไม่พึงปรารถนา โดยจัดตามธรรมชาติที่ไม่วางเงื่อนไข :explode:
ทดลองปล่อยแมวที่หิวจัดในกล่อง มีเสาตรงกลางกล่อง (กลไกเปิดประตู) มีกระจกมีปลาแซลม่อนในกล่อง แมงแต่ละตัวจะใช้แบบแผนการกระทำหลายแบบเพื่อออกจากกล่อง
วิเคราะห์งานออกเป็นส่วนย่อย และสอนส่วนย่อยให้เรียนรู้ได้ถูกต้อง :star:
จบบทเรียน โดยให้ผู้เรียนเข้าใจถูกต้อง เพราะผู้เรียนจะเก็บการกระทำสุดท้ายไว้ในความทรงจำ :star:
มีการจูงใจผู้เรียน ช่วยให้ประสบณ์ความสำเร็จในการเรียนรู้ :star:
ทดลองโดยมีกล่อง ประกอบด้วย หลอดไฟ คันโยกและที่ใส่อาหารเชื่อมต่อกันแล้วใส่หนูในกล่อง เมื่อหนูหิวจะวิ่งไปเรื่อยๆ จรไปเหยียบถูกคันโยก จะมีอาหารตกลงมา
การกระทำที่ได้รับการเสริมแรงมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นอีก
การเสริมแรงที่แปรเปลี่ยนตอบสนองคงทนกว่าการเสริมแรงที่ตายตัว
การเสริมแรง ให้รางวัล เมื่อกระทำพฤติกรรมที่ต้องการจะช่วยปรับ ปลูกฝังนิสัยที่ต้องการได้
การลงโทษทำให้เรียนรู้เร็วและลืมเร็ว
การเสริมแรงหลังการตอบสนองที่เหมาะสม จะช่วยเพิ่มอัตราการตอบสนอง :fire:
การเว้นระยะการเสริมแรงอย่างไม่เป็นระบบหรือเปลี่ยนรูปแบบการเสริมแรง ช่วยให้การตอบสนองของผู้เรียนคงทน ถาวร :fire:
การอธิบายขั้นตอนการตอบสนอง แล้วจึงเสริมแรง ช่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ปลูกฝังนิสัยให้กับผู้เรียน :fire:
การลงโทษที่รุนแรง ผู้เรียนจะไม่เรียนรู้ ไม่จำสิ่งที่เรียน ปรับเป็นงดการเสริมแรง เมื่อมีพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ :fire:
เน้นกระบวนการทางปัญญา หรือความคิด
การเรียนรู้ เป็นกระบวนการทางความคิด กระบวนการทางสติปัญญา เกิดจากการสะสมข้อมูล การสร้างความหมาย ความสัมพันธ์ของข้อมูล การนำข้อมูลไปแก้ปัญหา
การับรู้ ใช้ประสาทสัมผัสรับสิ่งเร้าถ่ายโยงเข้าสู่สมอง สมองคิด ตีความหมาย แล้วแสดงปฏิกิริยาตอบสนอง
การหยั่งเห็น การค้นพบ เกิดความเข้าใจในการแก้ปัญหาฉับพลันทันที จากการพิจารณาปัญหาโดยส่วนรวมและการใช้ความคิดสติปัญญา
กฎแห่งความคล้ายคลึง รับรู้สิ่งที่คล้ายคลึงกัน เพื่อจัดเข้ากลุ่มเดียวกัน
กฎแห่งความใกล้เคียง สิ่งใดมีความใกล้เคียง จะรับรู้ไว้ในแบบเดียวกัน
กฎแห่งความชัดเจน การเรียนรู้ที่ดีต้องมีความชัดเจนและแน่นอน เพราะมีประสบณ์การเดิมแตกต่างกัน
กฎแห่งความต่อเนื่อง สิ่งใดมีทิศทางเดียวกัน จะรับรู้ไว้ในแบบเดียวกัน
กฎแห่งความใกล้ชิด สิ่งใดมีความใกล้ชิดจะรับรู้ไว้ในแบบเดียวกัน
ส่งเสริมการคิด เป็นสิ่งจำเป็นและสำคัญ ช่วยให้เกิดการเรียนรู้
การจัดประสบการณ์ใหม่ที่สัมพันธ์กับปนะสบการณ์เดิม จัดประสบการณ์ที่หลากหลาย ช่วยให้ผู้เรียนเรียนรู้ได้ดี แก้ปัญหา และคิดริเริ่มได้มากขึ้น
การจัดระเบียบสิ่งเร้า เสนอเนื้อหาต่อเนื่องกัน ช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ดี รวดเร็ว
เสนอเนื้อหาเพียงบางส่วน ให้ผู้เรียนใช้ประสบการณ์เดิมเติมเต็มให้สมบูรณ์
ขั้นรับรู้ด้วยประสาทสัมผัส แรกเกิด- 2 ขวบ
ขั้นก่อนปฏิบัติการคิด 2-7 มิติเดียว
ขั้นการคิดแบบรูปธรรม 7-11 ปี รับรู้ได้หลายมิติ คิดเชิงเหตุผล
ขั้นการคิดแบบนามธรรม 11-16 ปี จินตนาการเงื่อนไขของปัญหาคิดหสเหตุผลอย่างสมเหตุสมผล
การซึมซับหรือดูดซึม สะสม เก็บประสบการณ์ เรื่องราวและข้อมูลต่างๆ
การปรับและจัดระบบ ปรับประสบการณ์เดิมและประสบการณ์ใหม่ให้เข้ากันเป็นระบบ เกิดเป็นโครงสร้างทางปัญญาใหม่ขึ้น
การเกิดความสมดุล ปรับประสบการณ์ใหม่และประสบการณ์เดิมอย่างผสมผสาน กลมกลืน จนเกิดสมดุลขึ้น
พัฒนา จัดประสบการณ์ให้ผู้เรียน เหมาะสม สอดคล้องกับพัฒนาการทางสติปัญญาของผู้เรียน
ผู้เรียนแต่ละคนมีพัฒนาการที่แตกต่างกัน ให้ผู้เรียนได้พัฒนาตามระดับพัฒนาการ
สอนสิ่งที่เป็นรูปธรรม หรือส่วนรวม แล้วจึงสอนนามธรรมหรือส่วนย่อย
ให้ผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม และจัดสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมพัฒนาการทางสติปัญญาของผู้เรียน
มนุษย์เลือกรับรู้สิ่งที่สนใจ และการเรียนรู้เกิดจากการค้นพบด้วยตัวเอง
การจัดหลักสูตรและการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับความพร้อมและพัฒนาการทางสติปัญญา
ขั้นกระทำ เรียนรู้จากการทำและสัมผัส
ขั้นคิดจินตนาการหรือสร้างมโนภาพ เกิดความคิดจากการรับรู้ตามความจริงและจากคิดจินตนาการด้วย
ขั้นใช้สัญลักษณ์และคิดรวบยอด เรียนรู้ความสัมพันธ์ของสิ่งต่างๆ รอบตัว และพัฒนาความคิดรวบยอดเกี่ยวกับสิ่งที่พบเห็น
วิเคราะห์และจัดโครงสร้างเนื้อหาให้เหมาะสมกับผู้เรียน
ส่งเสริมให้ผู้เรียนค้นพบการเรียนรู้ด้วยตนเอง
ให้ผู้เรียนได้คิดอย่่างอิสระ เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์
จัดการเรียนรู้ให้เหมาะสมกับขั้นพัฒนาการทางสติปัญญาของผู้เรียน เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ได้ดึ
ให้ความสำคัญกับความเป็นมนุษย์
มนุษย์มีคุณค่ามีความดีงามมีความสามารถมีความต้องการมีแรงจูงใจภายในที่จะพัฒนาตนเอง
มนุษย์พยายามพัฒนาตนเองไปสู่ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ
ขั้นความต้องการทางด้านร่างกาย (Physiological needs)
ขั้นความต้องการความมั่นคง ปลอดภัย (Safety needs)
ขั้นความต้องการความรักและความเป็นเจ้าของ Belongingness and love needs)
ขั้นความต้องการได้รับการยอมรับ นับถือ ยกย่อง (Esteem needs)
ขั้นความต้องการที่จะเข้าใจตนเองอย่างแท้จริง (Self-actualization needs)
ผู้เรียนจะเกิดการเรียนรู้ได้ดี ต้องตอบสนองความต้องการพื้นฐานก่อน
การเรียนการสอนสามารถใช้ความต้องการพื้นฐานของผู้เรียนเป็นแรงจูงใจ ช่วยให้ผู้เรียน เกิดการเรียนรู้
การช่วยให้ผู้เรียนได้รับการตอบสนองความต้องการพื้นฐานของตนอย่างพอเพียง การจัดบรรยากาศ ที่เอื้อต่อการเรียนรู้ จะช่วยให้ผู้เรียนเกิดประสบการณ์ในการรู้จักตนเองตามสภาพความเป็นจริง
มนุษย์จะพัฒนาตนเองได้ดี หากอยู่ในสถานการณ์ที่ผ่อนคลาย เป็นอิสระ
การจัดบรรยากาศ การเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง โดยครูชี้แนะและอํานวยความสะดวก
การจัดสภาพแวดล้อมที่อบอุ่น ปลอดภัย จะช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ที่ดี
ผู้เรียนแต่ละคนมีศักยภาพและแรงจูงใจในการพัฒนาตนเอง ครูควรชี้แนะช่วยให้ผู้เรียน
เกิดการเรียนรู้ของตน (self directed)
จัดการเรียนรู้ที่เน้นกระบวนการ (Process learning) เพื่อเป็นเครื่องมือสําคัญในการแสวงหา ความรู้ต่อไป
การเรียนรู้สัญญาน(signal-learning)
การเรียนรู้สิ่งเร้า-การตอบสนอง(stimulus-response)
การเรียนรู้การเชื่อมโยงแบบต่อเนื่อง (chaining)
การเชื่อมโยงทางภาษา (verbal association)
การเรียนรู้ความแตกต่าง (discrimination learning)
การเรียนรู้ความคิดรวบยอด (concept learning)
การเรียนรู้กฎ (rule learning)
การเรียนรู้การแก้ปัญหา (problem solving)
การเรียนรู้ข้อเท็จจริง (verbal information)
ทักษะเชาว์ปัญญา (intellectual skills) ทักษะทางสติปัญญา : การจําแนก (discrimination) การคิดรวบยอดเป็นรูปธรรม (concrete concept) การให้คําจํากัดความของความคิดรวบยอด (defined concept) การเข้าใจกฎและใช้กฎ (rules) และการแก้ปัญหา (problem solving)
ยุทธศาสตร์ในการคิด (cognitive strategies)
ทักษะการเคลื่อนไหว (motor skills)
เจตคติ(attitudes)
ขั้นที่ 1 สร้างความสนใจ (gaining attention)
ขั้นที่ 2 แจ้งจุดประสงค์ (informing the leaner of the objective)
ขั้นที่ 3 กระตุ้นให้ผู้เรียนระลึกถึงความรู้เดิมที่จําเป็น(stimulating recall of prerequisite learned capabilites)
ขั้นที่ 4 เสนอบทเรียนใหม่ (presenting the stimulus)
ขั้นที่ 5 ให้แนวทางการเรียนรู้ (providing learning guidance)
ขั้นที่ 6 ให้ลงมือปฎิบัติ (eliciting the performance)
ขั้นที่ 7 ให้ข้อมูลแอนกลับ(feedback)
ขั้นที่ 8 ประเมินพฤติกรรมการเรียนรู้ตามจุดประสงค์(assessing the performance)
ขั้นที่ 9 ส่งเสริมความแม่นยําและการถ่ายโอนการเรียนรู้ (enhancing retention and transfer
ชนัญดา 148
ปฏิพัทธ์ 259