Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ประวัติความเป็นมาและระบบการจัดการศึกษาไทย - Coggle Diagram
ประวัติความเป็นมาและระบบการจัดการศึกษาไทย
การศึกษาสมัยโบราณ สมัยกรุงสุโขทัย สมัยกรุงศรีอยุธยา สมัยกรุงธนบุรีและสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น (พ.ศ. 2311-2411)
การศึกษาในสมัยสุโขทัย (พ.ศ. 1781-1921)
เป็นการศึกษาแผนโบราณ ในสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราชได้คิดค้นประดิษฐ์อักษรไทยสำเร็จเมื่อ พ.ศ. 1826
มีหลักศิลาจารึก
รัฐและวัดรวมกันเป็นศูนย์กลางแห่งประชาคม กิจกรรมต่าง ๆ
วิชาที่เรียนคือ ภาษาบาลี ภาษาไทย
มีสำนักเรียน 2 แห่ง
วัดเป็นที่เรียนของบรรดาบุตรหลานขุนนางและราษฎรทั่วไป
สำนักราชบัณฑิต วิชาที่เรียนเหมือนวัดเพิ่มเติมคือ เรียนการปกครองและการรบ เพราะเป็นการศึกษาสำหรับเจ้านายและบุตรหลานข้าราชการ
การศึกษาสำหรับสตรีไม่มีปรากฏเพราะข้อจำกัดทางเพศ
รูปแบบการจัดการศึกษาในสมัยสุโขทัยแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย
ฝ่ายพุทธจักร
ฝ่ายอาณาจักร
ครูผู้สอนคือพระ
การศึกษาในสมัยกรุงศรีอยุธยา (พ.ศ. 1893-2310)
กรุงศรีอยุธยาซึ่งเป็นราชธานีอันยาวนาน 417 ปี
มีความเจริญทั้งทางด้านการเมือง เศรษฐกิจและสังคม
ชนชาติต่างๆ ทั้งเอเชีย และตะวันตก เข้ามาติดต่อค้าขาย
มีโรงเรียนมิชชันนารี เป็นโรงเรียนที่ชาวตะวันตกได้เข้ามาสร้างเพื่อเผยแผ่ศาสนาและขณะเดียวกันก็สอนวิชาสามัญด้วย
ลักษณะการศึกษาสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นไปในทางติดต่อกับประชาคมเท่านั้น
การศึกษาเพื่อเป็นการตระเตรียมสำหรับเวลาข้างหน้า
ผู้ชายที่มีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์อุปสมบท
การจัดการศึกษาสมัยกรุงศรีอยุธยา เน้นการอ่าน เขียน เรียนเลข
พระโหราธิบดีได้แต่งแบบเรียนภาษาไทย ชื่อ จินดามณี
การเรียนภาษาต่างประเทศ
วิชาสามัญ มีการเรียนวิชาการอ่านเขียนเลข ใช้แบบเรียนภาษาไทยจินดามณี
วิชาชีพ เรียนรู้กันในวงศ์ตระกูล
ด้านอักษรศาสตร์ มีการศึกษาด้านอักษรศาสตร์
วิชาจริยศึกษา เน้นการศึกษาด้านพระพุทธศาสนา
การศึกษาในสมัยธนบุรีและรัตนโกสินทร์ตอนต้น (พ.ศ. 2311-2411)
กรุงธนบุรีเป็นพระนครหลวงของไทยอยู่เพียง 15 ปี
สมัยพระเจ้ากรุงธนบุรี
เน้นการทำนุบำรุงตำราทางศาสนา ศิลปะและวรรณคดี
สมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
ชาติโปรตุเกสเข้ามาติดต่อทางการค้ากับไทย
ส่งเสริมการศึกษาทั้งวิชาสามัญ โหราศาสตร์ ดาราศาสตร์ จริยศาสตร
มีการใช้หนังสือไทยชื่อ ประถม ก กา และ
ปฐมมาลา นับเป็นแบบเรียนเล่มที่ 2 และ 3 ต่อจากจินดามณีของพระโหราธิบด
สมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
การปฏิรูปการศึกษาช่วงที่1
พ.ศ. 2411–2477
การศึกษาเพื่อความทันสมัย
การศึกษาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (พ.ศ. 2411-2453)
การขยายการศึกษาทั่วในกรุงเทพฯ และตามหัวเมืองให้กว้างขวางออกไป
พ.ศ. 2414 จัดตั้งโรงเรียนหลวงขึ้นในพระบรมมหาราชวัง มีพระยาศรีสุนทรโวหาร เป็นอาจารย์ใหญ
พ.ศ. 2423 จัดตั้งโรงเรียนสุนันทาลัยในพระบรมมหาราชวังเป็นโรงเรียนสตรี
พ.ศ. 2424 ปรับปรุงโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบให้เป็นโรงเรียนนายทหารมหาดเล็ก
พ.ศ. 2425 จัดตั้งโรงเรียนแห่งแรกคือ โรงเรียนมหรรณพาราม
พ.ศ. 2427 กำหนดหลักสูตรชั้นประโยคหนึ่ง โดยอนุโลมตามแบบเรียนหลวง 6เล่ม นับเป็นปีแรกที่
จัดให้มีการสอบไล่วิชาสามัญ
พ.ศ. 2430 ตั้งกรมศึกษาธิการโดยโอนโรงเรียนที่สังกัดกรมทหารมหาดเล็กมาทั้งหมด ให้กรมหมื่นดำรงราชานุภาพเป็นผู้บัญชาการอีกตำแหน่งหนึ่ง
พ.ศ. 2431 กรมศึกษาธิการจัดทำแบบเรียนเร็วใช้แทนแบบเรียนหลวงชุดเดิม ผู้แต่งคือ พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร
(กรมพระยาดำรงราชานุภาพ) 1 ชุด มี 3 เล่ม
พ.ศ. 2432 ตั้งโรงเรียนแพทย์ขึ้น เรียกว่า โรงเรียนแพทยากร
พ.ศ. 2433 ประกาศใช้พระราชบัญญัติวิชา พ.ศ. 2433 มีผลทำให้หลักสูตรภาษาไทยแบ่งออกเป็น
3 ประโยค หลักสูตรภาษาอังกฤษแบ่งออกเป็น 6 ชั้น
พ.ศ. 2456 ตั้งโรงเรียนฝึกหัดครูหญิงขึ้นเป็นครั้งแรกที่โรงเรียนเบญจมราชาลัย
การศึกษาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
(พ.ศ. 2453-2468)
กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงนครบาล รับผิดชอบในการจัดตั้งและบริหารโรงเรียน
กระทรวงธรรมการ รับผิดชอบจัดการศึกษาในด้านนโยบาย
พ.ศ. 2453 ประกาศตั้งโรงเรียนข้าราชการพลเรือน
พ.ศ. 2454 ตั้งกองลูกเสือหรือเสือป่าขึ้นเป็นครั้งแรก
พ.ศ. 2456 ประกาศใช้โครงการศึกษาชาติขึ้น มีสาระสำคัญคือ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-3 เรียนวิชา
สามัญ เรียนเมื่ออายุประมาณ 8 ปี และจบอายุประมาณ 10 ปี แล้วจึงเรียนต่อในชั้นมัธยม
พ.ศ. 2459 จัดตั้งกองลูกเสือหญิงและอนุกาชาดโรงเรียนกุลสตรีวังหลัง และได้จัดตั้งกองลูกเสือ
หญิงขึ้น เรียกว่า เนตรนารี
พ.ศ.2461 มีการปรับปรุงและขยายฝึกหัดครูขึ้นโดยโอนกลับมาขึ้นกับกระทรวงศึกษาธิการ
พ.ศ. 2462 เปลี่ยนชื่อกระทรวงธรรมการเป็น “กระทรวงศึกษาธิการ”
พ.ศ. 2464 ใช้พระราชบัญญัติประถมศึกษาบังคับให้เด็กทุกคนที่มีอายุ 7 ปีบริบูรณ์หรือย่างเข้าปีที่ 8 ให้เรียนอยู่ในโรงเรียนจนถึงอายุ 14 ปีบริบูรณ์ หรือย่างเข้าปีที่15
โดยไม่ต้องเสียค่า เล่าเรียน
การศึกษาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (พ.ศ. 2468-2477)
พ.ศ. 2473 ยกเลิกการเก็บเงินศึกษาพลีคนละ 1–3 บาท
พ.ศ. 2474 ปรับปรุงกระทรวงธรรมการเพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ าของประเทศ
พ.ศ.2475 การศึกษาที่รัฐบังคับให้เด็กทุกคนไม่เลือกชาติ ศาสนา และเพศ
ประกาศเกี่ยวกับการศึกษาส าหรับหญิงเป็นครั้งแรกให้ได้รับการศึกษาเสมอภาคกับชาย
การปฏิรูปการศึกษาช่วงที่2 พ.ศ.2477-2542 ความเสมอภาคทางการศึกษา
การศึกษาเพื่อชีวิตและสังคม
นแผนการศึกษาฉบับนี้เน้นให้การศึกษา 3 ส่วน คือ จริยศึกษาเป็นการอบรมศีลธรรมอันดีงาม พุทธิศึกษา ให้ปัญญาความรู้ และพลศึกษา
แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2479
ฉบับนี้ได้ปรับปรุงมาจากแผน พ.ศ.2475
ได้จัดระบบการศึกษาเป็น 7 : 3 :2
ความเสมอภาคทางการศึกษา
แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2520
รัฐถือว่าการศึกษาเป็นกระบวนการต่อเนื่องกันตลอดชีวิต
เป็นแผนการศึกษาที่มุ่งจัดขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับความเป็นจริงของสังคมไทยในปัจจุบัน
มีความภาคภูมิใจในวัฒนธรรมไทย
ต้องการให้คนไทยรู้จักสิทธิหน้าที่และเสรีภาพในกรอบของกฎหมาย
จัดให้มีการศึกษาทั้งสามัญศึกษาและอาชีวศึกษา
แผนการศึกษาชาติ พ.ศ. 2535
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติพ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545
พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2546
พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ศึกษา พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2551
พระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 254ุ6
การปฏิรูปการศึกษาช่วงที่3 พ.ศ. 2542 :
การเปลี่ยนแปลงสังคมโลกให้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้
การเปลี่ยนแปลงสังคมโลก
จัดเนื้อหาสาระและกิจกรรมให้สอดคล้องกับความสนใจและความถนัดของผู้เรียนโดยคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล
ฝึกทักษะ กระบวนการคิด การจัดการ การเผชิญสถานการณ์และการประยุกต์ความรู้มาใช้เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหา
จัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง
จัดการเรียนการสอนโดยผสมผสานสาระความรู้ด้านต่าง ๆ อย่างได้สัดส่วนสมดุลกัน
ส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้สอนสามารถจัดบรรยากาศ สภาพแวดล้อม สื่อการเรียนและอำนวยความสะดวกเพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้และมีความรอบรู้
จัดการเรียน รู้ให้เกิดขึ้นได้ทุกเวลาทุกสถานที่
การปฏิรูปการศึกษาสู่สังคมแห่งการเรียนรู้
การบริการวิชาการและสร้างความรู้ร่วมมือระหว่างสถานศึกษากับชุมชนให้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้
การศึกษาวิจัย สร้างเสริม สนับสนุนแหล่งเรียนรู้และกลไกการเรียนรู้ โดยศึกษาวิจัย สำรวจ จัดหาและจัดตั้งแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิตทุกรูปแบบ
การสร้างและการจัดการความรู้ในทุกระดับทุกมิติของสังคม
การศึกษาไทยสู่อาเซียนและประชาคมโลก
การให้ความรู้แก่พลเมือง ส่งเสริมการเรียนรู้ภาษาเพื่อนบ้าน การสร้างอัตลักษณ์อาเซียน และจิตสำนึกของพลเมืองอาเซียน
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้เร่งพัฒนาเด็กและเยาวชนไทยให้รู้จักวัฒนธรรม สังคม ความเป็นอยู่ของเพื่อนอีก 9 ประเทศที่จะสามารถก้าวสู่ประชาคมอาเซียนอย่างมั่นใจ
สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษาทำหลักสูตรและการจัดการเรียนรู้ในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน