Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การดูแลสุขภาพกลุ่มวัยเรียน - Coggle Diagram
การดูแลสุขภาพกลุ่มวัยเรียน
พฤติกรรมสุขภาพของเด็กวัยเรียน
1.พฤติกรรมการบริโภคอาหาร : เด็กวัยเรียนเป็นช่วงวัยที่มีการเปลี่ยนแปลงในหลายด้านทั้งทางร่างกาย อารมณ์ สังคม การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ส่งผลต่อพฤติกรรมการบริโภคอาหารของเด็ก
2.พฤติกรรมการออกกำลังกาย : ปัจจุบันเด็กวัยเรียนมีการออกกําลังกายและทํากิจกรรมทางกายน้อยลง เนื่องจากมีเครื่องอำนวยความสะดวกมากขึ้นและเด็กจะใช้เวลาว่างไปกับการทํากิจกรรมอื่นๆ
พฤติกรรมการผ่อนคลาย : เด็กวัยเรียนมีวิธีผ่อนคลายหลากหลายวิธี เช่น ดูโทรทัศน์ เล่นเกมส์ คอมพิวเตอร์ เดินเล่นตามห้างสรรพสินค้า เป็นต้น
ปัญหาสุขภาพของเด็กวัยเรียน
ปัญหาโภชนา
พบทั้งปัญหาโภชนาการต่ำกว่าเกณฑ์และปัญหาโภชนาการเกิน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อ ภาวะสุขภาพ พัฒนาการ และความสามารถในการเรียนรู้ของเด็ก
โรคติดเชื้อ
ที่พบบ่อย ได้แก่ โรคติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน และโรคติดเชื้อที่มีสัตว์เป็นพาหะ เช่น ไข้เลือดออก ไข้สมองอักเสบและโรคมาเลเรียโดยโรคติดเชื้อท่ีพบมากท่ีสุด ได้แก่ ไข้หวัด ไข้เลือดออก
โรคผิวหนัง
ท่ีพบบ่อย ได้แก่ เหา กลาก เกลื้อน หิด และแผลพุพอง ซึ่งเป็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับความสะอาด โดยพบมากในเด็กวัยเรียนตอนต้น เนื่องจากเด็กวัยนี้ยังมีการดูแลตนเองด้านสุขอนามัยส่วนบุคคลได้ไม่ดี
ปัญหาสุขภาพช่องปาก
เนื่องจากเป็นช่วงอายุท่ีเร่ิมมีการผลัดเปลี่ยนจากฟันน้ํานมเป็นฟันแท้ ฟันน้ํานมที่กําลังหลุดทําให้เด็กไม่สามารถทําความสะอาดได้ดีและการหลุดของฟันน้ํานมทําให้เด็กเคี้ยวอาหารได้ยาก เด็กจึงเลือกรับประทานอาหาร ท่ีมีลักษณะนิ่มและบริโภคขนมโดยเฉพาะขนมขบเคี้ยวเป็นจํานวนมาก ส่งผลให้เกิดการผุของฟันกรามแท้
ความผิดปกติของสายตา
ปัญหานี้มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากเด็กวัยนี้ใช้เวลาในการดูโทรทัศน์อ่าน หนังสือการ์ตูนและเล่นเกมสม์ากขึ้น
อุบัติเหตุและการบาดเจ็บ
เนื่องจากเป็นวัยที่ซุกซน อยากรู้อยากลอง มีกิจกรรมการเคลื่อนไหวร่างกายมาก ชอบปีนป่าย ชอบการเล่นที่เสี่ยงและท้าทาย แต่ขาดทักษะในการระมัดระวัง ป้องกันตนเอง จึงมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุและการบาดเจ็บสูง
การใช้สารเสพติด
เป็นปัญหาในเด็กวัยเรียนมีหลายชนิด ได้แก่ บุหรี่ สุรา สารระเหยประเภททินเนอร์ และสารเสพติดอื่นๆ
ปัญหาด้านจิตใจ อารมณ์และพฤติกรรม
การท่ีเด็กต้องเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมจากบ้านสู่สังคมโรงเรียน ทําให้เด็กต้องมีการปรับตัวต่อการเรียน การเข้าสังคม ก่อให้เกิดความเครียดแก่เด็ก และส่งผลให้เกิดปัญหาต่างๆตามมา
ปัญหาอื่นๆ
เช่น โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ปัญหาเกี่ยวกับเพศสัมพันธ์และการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ ปัญหาจริยธรรม ปัญหาเด็กติดเกมส์ ปัญหาเล่นการพนัน
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อสุขภาพเด็กวัยเรียน
ด้านตัวเด็ก
วัย
พันธุกรรม
เพศ
พฤติกรรมสุขภาพ
ด้านครอบครัว
การอบรมเลี้ยงดู
สัมพันธภาพและบรรยากาศของครอบครัว
พฤติกรรมสุขภาพของสมาชิกในครอบครัว
ระดับการศึกษาและฐานะทางเศรษฐกิจของครอบครัว
ด้านสิ่งแวดล้อม
สิ่งแวดล้อมด้านกายภาพและชีวภาพ
สิ่งแวดล้อมด้านสังคม
ด้านระบบบริการสุขภาพ
บทบาทหน้าที่พยาบาลชุมชน
สร้างเสริมสุขภาพ
การตรวจสุขภาพนักเรียน พยาบาลหรือเจ้าหน้าท่ีสาธารณสุขท่ีรับผิดชอบโรงเรียนมีหน้าที่โดยตรงที่ต้องตรวจสุขภาพ นักเรียนทุกคนในแต่ละปีการศึกษา
การให้ความรู้เรื่องการตรวจสุขภาพนักเรียนแก่ครูหรือนักเรียนจะทําให้ผู้รับการตรวจสนใจและนําไปปฏิบัติ ช่วยให้ทราบถึงการเปลี่ยนแปลง หรือการเจริญเติบโตที่ผิดปกติของร่างกาย
การลงบันทึกบัตรสุขภาพนักเรียน ทุกคนต้องมีบัตรบันทึกสุขภาพประจําตัว ซึ่งเป็นส่ิงจําเป็นอย่างยิ่งท่ีจะทําให้ทราบประวัติและภาวะสุขภาพของนักเรียนแต่ละคนเป็นระยะๆ
การส่งเสริมการออกกําลังกาย โดยการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์การออกกําลังกาย เพื่อสุขภาพในโรงเรียน และเป็นที่ปรึกษา
การป้องกันโรค
1.การสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค พยาบาลที่รับผิดชอบจึงควรมีแผนและเป้าหมายในการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคแก่นักเรียนให้ครอบคลุมตามระดับอายุของนักเรียน
2.การจัดส่ิงแวดล้อมในโรงเรียนให้ถูกสุขลักษณะ เพื่อสุขภาพอนามัยและความปลอดภัยแก่นักเรียน ตลอดจนเป็นตัวอย่างท่ีดีแก่ชุมชนโดย พยาบาลต้องทราบหลักเกณฑ์การสุขาภิบาลโรงเรียนเป็นอย่างดี เพื่อให้คําแนะนําหรือข้อเสนอแนะแก่ผู้บริหารโรงเรียนได้ถูกต้อง
การรักษาพยาบาลนักเรียนที่เจ็บป่วย
พยาบาลจะต้องรักษานักเรียนที่เจ็บป่วยทุกโรคท่ีสามารถรักษาได้ แต่ถ้ารักษาไมไ่ ด้ เช่น ฟันผุ ไส้ติ่ง อักเสบ ต้องส่งต่อนักเรียนไปรับการรักษาที่ถูกต้องต่อไป
การฟื้นฟูสภาพนักเรียน
พยาบาลที่รับผิดชอบงานอนามัยโรงเรียนมีหน้าที่ดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่มีความผิดปกติ ทางด้านร่างกายและจิตใจ เพื่อให้นักเรียนสามารถปรับตัวและคงไว้ซึ่งการทํางานของร่างกาย
ขั้นตอนการดำเนินงานอนามัยโรงเรียน
การประเมินสภาวะสุขภาพอนามัยของนักเรียน
การตรวจสุขภาพนักเรียน
การสำรวจอนามัยสิ่งแวดล้อม
2.การวางแผนแก้ปัญหา
การประชุมครู : เพื่อขอความร่วมมือในการดําเนินงาน อนามัยโรงเรียน และชี้แจงบทบาทของครูในการสนับสนุนนักเรียน
การประชุมผู้ปกครอง : เพื่อขอความร่วมมือในการดําเนินงานและเผยแพร่ความรู้เรื่องสุขภาพอนามัยร่วมเป็นคณะกรรมการโรงเรียนและร่วมประชุมคณะกรรมการต่างๆในท้องถิ่น
3.การปฏิบัติงานตามแผน
จัดทำโครงการแก้ปัญหา : โครงการแก้ไขปัญหาในเด็กวัยเรียนจะเน้นทักษะการปฏิบัติ การสร้างเจตคติ การให้ความรู้ โดยขึ้นอยู่กับวัยของเด็ก
4.การประเมินผล
ทําให้ทราบถึงความก้าวหน้าของการปฏิบัติงาน
ทําให้ทราบถึงผลสําเร็จของงานและปรับปรุงการดําเนินงานในครั้งต่อไปให้สมบูรณ์และเหมาะสมขึ้น
การตรวจสุขภาพนักเรียนในโรงเรียน
การประเมินการเจริญเติบโต
การตรวจสายตานักเรียน
การตรวจการได้ยิน
การตรวจร่างกายทั่วไป 10 ท่า
ท่าที่ 1 ยื่นมือไปข้างหน้าให้สุดแขนทั้งสองข้าง คว่ำมือกางนิ้วทุกนิ้ว ส่ิงผิดปกติท่ีควรสังเกต คือเล็บผิวหนัง แผลผื่นตุ่มคันหรือความพิการอื่นๆ
ท่าท่ี 2 เป็นท่าต่อเนื่องจากท่าท่ี 1 คือ คว่ำมือ หงายมือ ส่ิงผิดปกติที่ควรสังเกต เช่นเดียวกับท่าที่ 1
ท่าที่ 3 งอแขน พับข้อศอก ใช้นิ้วแตะเปลือกตาด้านล่างเบาๆ ดึงเปลือกตาด้านล่างลง พร้อมกับเหลือกตาข้ึน และลงแล้วจึงกรอกตาไปด้านขวาและซ้าย สิ่งผิดปกติที่ควรสังเกต ได้แก่ ตาแดง ขี้ตา คันเคืองตา ขอบตาล่างแดง มากอักเสบ เป็นต้น
ท่าท่ี 4 ปลดกระดุมหน้าอกเสื้อ ใช้มือทั้ง 2 ข้างดึงคอเสื้อออกให้กว้าง แล้วหมุนตัวไปด้านซ้ายและขวา เล็กน้อย เพื่อจะได้เห็นรอบๆ บริเวณคอท้ังด้านหน้าและด้านหลัง ส่ิงผิดปกติท่ีควรสังเกต คือ โรคผิวหนัง การบวมโตของ คอ ซึ่งอาจมีลักษณะของไทรอยโต เป็นต้น
ท่าท่ี 5 สําหรับนักเรียนหญิงใช้มือขวาเปิดผมไปทัดไว้ด้านหลังหูขวา หัน หน้าไปทางซ้าย ส่วนนักเรียนชาย หันหน้าไปทางซ้ายเท่าน้ัน
ท่าท่ี 6 ในท่าเดียวกันนักเรียนหญิงใช้มือซ้ายเปิดผมไปทัดไว้ด้านหลังหูซ้าย หันหน้าไปทางขวา ส่วนนักเรียนชายหันหน้าไปทางขวาเท่าน้ัน สิ่งผิดปกติที่ควรสังเกต เช่น เหา หูน้ําหนวก แผล ต่อมน้ําเหลืองโตบริเวณหลังหู เป็นต้น
ท่าท่ี 7 กัดฟันและยิ้มกว้างให้เห็นเหงือกเหนือฟันบนและเห็นฟันล่างเต็มที่ ส่ิงผิดปกติที่ควรสังเกต ได้แก่ ริมฝีปากซีดมาก เป็นแผลท่ีมุมปาก ฟันผุ ผิวหนังบริเวณใบหน้ามีความผิดปกติหรือมี รอยโรค เป็นต้น
ท่าท่ี 8 อ้าปากกว้างแลบล้ินยาว พร้อมท้ังร้อง “อา” ให้ศีรษะเอนไปข้างหลังเล็กน้อย สิ่งผิดปกติที่ควรสังเกต ได้แก่ คอแดง เจ็บคอหรือคอเป็นฝ้าขาวๆ ฟันผุ
ท่าท่ี 9 สําหรับนักเรียนหญิงให้แยกเท้าออกจากกัน 1 ฟุตใช้มือท้ังสองข้างจับกระโปรงดึงขึ้นเหนือเข่า ส่วนนักเรียนชายเพียงแยกเท้าออกจากกัน 1 ฟุต
ท่าท่ี 10 นักเรียนหญิงและนักเรียนชายอยู่ในท่าที่ 9 ให้กลับหลังหัน สังเกตด้านหลังบ้าง แล้วให้เดินไปข้างหน้าประมาณ4-5ก้าวแล้วเดินกลับหันเข้าหาผู้ตรวจสิ่งผิดปกติที่ควรสังเกตคือ ความผิดปกติของรูปร่าง
อนามัยสิ่งแวดล้อมโรงเรียน
สถานที่ตั้ง
ควรเป็นสถานที่ในย่านกลางเมืองที่มีการคมนาคมสะดวก
ไม่ควรห่างจากย่านชุมชนเกินกว่า 2 กิโลเมตร มีเน้ือท่ีไม่น้อยกว่า 2 ไร่
ปลอดภัยจากอันตรายในท้องถนนหลวง ตลอดจนห่างจากแหล่งทิ้งขยะมูลฝอยและแหล่งน้ําโสโครกไม่น้อยกว่า 500 เมตร
อาคารเรียน
โรงเรียนระดับประถมศึกษาไม่ควรมีชั้นเรียนเกิน 3 ชั้น ในระดับมัธยมศึกษาไม่ควรมีชั้นเรียนเกิน 4 ชั้น และควรจัดให้นักเรียนที่เป็นเด็กโตอยู่ชั้นบนสุด
อาคารเรียนควรหันหน้าไปในทิศทางที่รับลมได้ดี แสงแดดและฝนไม่รบกวนมากนัก
หลังคาควรมีความลาดเอียงไม่น้อยกว่า 30 องศา มุงด้วยกระเบื้องจะได้ไม่ร้อนมาก
บันไดไม่ลาดหรือชันเกินไปและมีวัสดุกันลื่น ขั้นบันไดกว้างไม่ต่ำกว่า 25 เซนติเมตร
พื้นที่ใช้สอยและอุปกรณ์เครื่องใช้
ห้องเรียนและเครื่องใช้ในห้องเรียน
ขนาดของห้องเรียนควรเป็น 6 X 8 เมตร หรือ 7 X 8 เมตร
บรรจุนักเรียนได้ 30 - 40 คน อัตรา เฉลี่ยเน้ือที่ภายในห้องเรียนควรเป็น 1.50 - 2.00 ตารางเมตรต่อนักเรียน 1 คน
มีช่องว่างเพื่อความ สะดวกแก่การเดินตรวจของครูทําให้สามารถข้าถึงนักเรียนได้ทุกโต๊ะ
ห้องปฐมพยาบาล ยาและข้อควรระวังในการใช้ยา
ห้องพยาบาล โดยทั่วไปควรอยู่ในบริเวณท่ีสงบ ไม่พลุกพล่าน มีทางเข้าออกสะดวก มีแสงสว่างเพียงพอ มีระบบการถ่ายเทของอากาศดี ถ้าเป็นอาคารหลายช้ันควรอยู่ชั้นล่าง และใกล้ห้องพักครู
ยาปฐมพยาบาลที่ควรมีไว้ประจําโรงเรียน
ยาธาตุน้ําแดง (Stomachica)
เหล้าแอมโมเนียหอม
ยาหยอดหู
ยาหยอดตา
พาราเซตามอล
แอลกอฮอล์ 70%
ข้อควรระวังในการใช้ยาในงานอนามัยโรงเรียน
ครูหรือพยาบาลประจําโรงเรียนควรเป็นผู้หยิบยาให้นักเรียน
ต้องสังเกตอาการภายหลังการใช้ยา หากมีอาการผิดปกติต้องหยุดให้ยาแล้วปรึกษาแพทย
ยาปฐมพยาบาลต้องใช้ให้ถูกต้องตามอาการเจ็บป่วยและตามวิธีที่บอกไว้ในฉลาก