Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 6การพยาบาลผู้ป่วย ที่มีปัญหาระบบผิวหนัง, image, image, image, image…
บทที่ 6การพยาบาลผู้ป่วย
ที่มีปัญหาระบบผิวหนัง
โรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis)
เป็นโรคที่มีการอักเสบเรื้อรังของผิวหนังที่มีผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย
พบโรค
นี้ได้ประมาณร้อยละ 1-2 ของประชากร
ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด
ทราบเพียงว่าเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน
ได้แก่
พันธุกรรม
ความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน
ปัจจัยกระตุ้นภายนอก
ชนิดของสะเก็ดเงิน
1.ชนิดผื่นหนา (Plaque psoriasis)
เป็นชนิดที่พบบ่อยที่สุด รอยโรคเป็นผื่นแดงหนา
ขอบเขตชัด ขุยหนาสีขาวหรือสีเงินจึงได้ชื่อว่า”โรคสะเก็ดเงิน”
พบบ่อยบริเวณหนังศีรษะ
ล้าตัว แขนขา โดยเฉพาะบริเวณ ข้อศอก และหัวเข่าซึ่งเป็นบริเวณที่มีการเสียดส
ชนิดผื่นขนาดเล็ก (Guttate psoriasis)
รอยโรคเป็นตุ่มแดงเล็กคล้ายหยดน้้าขนาด
เล็กไม่เกิน 1 เซนติเมตร มีขุย
ผู้ป่วยมักมีอายุน้อยกว่า 30 ปี
อาจมีประวัติการติดเชื้อ
ทางเดินหายใจส่วนบนมาก่อน
ชนิดตุ่มหนอง (Pustular psoriasis)
รอยโรคเป็นตุ่มหนองกระจายบน
ผิวหนังที่มีการอักเสบแดง ในรายที่เป็นมากอาจมีไข้ร่วมด้วย
ชนิดผื่นแดงลอกทั่วตัว (Erythrodermic psoriasis)
เป็นสะเก็ดเงินชนิด
รุนแรง ผิวหนังมีลักษณะแดงและมีขุยลอกเกือบทั่วพื้นที่ผิวทั้งหมดของร่างกาย
5.สะเก็ดเงินบริเวณซอกพับ (Inverse psoriasis)
เป็นโรคสะเก็ดเงินที่มีรอยโรคในบริเวณซอกพับของ
ร่างกาย ได้แก่ รักแร้ ขาหนีบ และใต้ราวนม
ลักษณะเป็นผื่นแดงเรื้อรังและมักไม่ค่อยมีขุย
6.สะเก็ดเงินบริเวณมือเท้า (Palmoplantar psoriasis)
เป็นโรคสะเก็ดเงินบริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า
ลักษณะเป็นผื่นแดงขอบเขตชัดเจน
7.เล็บสะเก็ดเงิน (Psoriatic nails)
ผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงินมักพบมีความผิดปกติของเล็บร่วมด้วย
พบ
บ่อยได้แก่ เล็บเป็นหลุม, เล็บร่อน, เล็บหนาตัวขึ้นและเล็บผิดรูป
ข้ออักเสบสะเก็ดเงิน (Psoriatic arthritis)
ผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงินอาจพบมีความผิดปกติการอักเสบ
ของข้อร่วมด้วย
ส่วนใหญ่การอักเสบของ
มือจะเกิดที่ข้อนิ้วมือซึ่งหากเป็นเรื้อรังและท้าให้เกิดการผิดรูปได
การรักษา
สะเก็ดเงินความรุนแรงน้อย
ให้การรักษา
โดยใช้ยาทาเป็นอันดับแรก
หมายถึง ผื่นน้อยกว่า10% ของพื้นที่ผิว
ทั่วร่างกาย
สะเก็ดเงินความรุนแรงมาก
ผื่นมากกว่า10% ของพื้นที่ผิวทั่ว
ร่างกาย
ใช้ยารับประทานหรือฉายแสงอาทิตย์เทียม
รังสีอัลตราไวโอเลต A และรังสี
อัลตราไวโอเลต B
ยาทาภายนอก
1.ยาทาคอติโคสเตียรอยด์(topical corticosteroids)
น้้ามันดิน (tar)
แอนทราลิน (anthralin, dithranol)
อนุพันธ์วิตามิน D (calipotriol)
ยาทากลุ่ม calcineurin inhibitor (tacrolimus,pimecrolimus)
ยารับประทาน
เมทโทเทรกเสท (methotrexate)
อาซิเทรติน (acitretin)
ไซโคลสปอริน (cyclosporin)
ยาฉีดกลุ่มชีวภาพ (Biological agents)
เป็นยาใหม่ที่มีผลต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย อยู่ในรูปยาฉีดเข้าเส้นหรือเข้าใต้ชั้นไขมัน
ซึ่งยาบางชนิดฉีดสัปดาห์ละ 2 ครั้ง บางชนิดอาจฉีดห่างกันทุก 3 เดือน
การให้ความรู้ผู้ป่วยและญาติมีความส้าคัญ
ไม่น้อยไปกว่ากัน
การเข้าใจความจริงที่ว่าสะเก็ดเงินเป็นโรคไม่ติดต่อ ผู้ป่วยจะไม่ถูก
รังเกียจจากคนรอบข้าง
ญาติและคนใกล้ชิดควรเข้าใจและให้ก้าลังใจผู้ป่วย
เนื่องจากโรคสะเก็ดเงินเป็นโรคเรื้อรัง ผู้ป่วยควรดูแลปฏิบัติตนให้ถูกต้องจะช่วยควบคุม
โรคให้สงบได
Fasciitis
โรคติดเชื้อของผิวหนังและชั้นใต้ผิวหนังลึกถึงระดับพังผืด เป็นการติดเชื้อในชั้นไขมันผิวหนังลึกถึงระดับชั้นผังพืดหรือกล้ามเนื้อ
Necrotizing fasciitis
ชนิดที่ 1 Mixed Aerobic and Anaerobic infections
เป็นชนิดที่พบได้บ่อยประมาณร้อยละ 80 มักพบในผู้ป่วยกลุ่มที่ภูมิคุ้มกันต่ำเช่นเบาหวานโรคตับ
ชนิดที่ 2 Group A Streptococcus Species
พบว่าเชื้อ Vibrio Vulnificus มักพบในผู้ป่วยที่บาดเจ็บจากสัตว์ทะเลหรือสัตว์น้ำโดยเฉพาะในผู้ป่วยโรคตับ)
Erythema Multiforme
เริ่มต้นอาจจะเป็นผื่นแดงแบนราบ (erythematous macules ) หรือตุ่มแข็ง ตุ่มน้ำใส และตุ่มพอง (vesicle)
เป็นโรคผิวหนังที่เกิดจากแพ้ยา
ผู้ป่วยที่อาการหนัก เรียก Stevens-Johnson-Syndromes ผู้ป่วยจะมีไข้อ่อนเพลีย ปวดตามข้อ ที่สำคัญจะมีแผลในปาก ตาแดง แผลทางเดินปัสสาวะ ทางเดินอุจาระ
การรักษา
ค้นหาสาเหตุและรักษาต้นเหตุ เช่นการหยุดยาที่แพ้ หรือรักษาโรคติดเชื้อ
บริเวณที่เป็นตุ่มน้ำให้ทำความสะอาดและทำแผล
รับประทานยาแก้แพ้เช่น chlorpheniramine 4 mgวันละ 4 ครั้ง
ในรายที่เป็นรุนแรงแพทย์จะรับตัวไว้รักษา และให้ยา steroid
Stevens Johnson Syndrome
นับเป็นปฏิกิริยาแพ้ยาที่รุนแรงที่สุด อาจรุนแรงถึงขนาดทำให้เสียชีวิตได้
เกิดผื่นแพ้ที่ผิวหนัง ทำให้ผิวหนังตายและลอกทั้งตัว เกิดผื่นแพ้ยาที่เยื่อบุทั่วร่างกาย เช่น ในปาก หลอดอาหาร ลำคอ หลอดลม กล่องเสียง ช่องคลอด รูปัสสาวะ และทวารหนัก
เป็นผลมาจากปฏิกิริยาภูมิคุ้มกันของร่างกายที่ตอบสนองต่อยา การติดเชื้อ หรือการเจ็บป่วยต่างๆ
สาเหตุจากการติดเชื้อ
เชื้อไวรัส (เชื้อเริม เชื้อเอชไอวี ไวรัสตับอักเสบ คางทูม ไข้หวัดใหญ่)
เชื้อแบคทีเรีย (สเตรปโตค็อกคัสกลุ่มเอ คอตีบ ไทฟอยด์ มัยโคพลาสมา)
เชื้อราและโปรโตซัวบางชนิด
การรักษา
แพทย์จะรับผู้ป่วยโรคนี้ไว้รักษาในโรงพยาบาลจนกว่าจะปลอดภัย
ในรายที่ทราบสาเหตุชักนำ ให้รักษาตามสาเหตุ เช่น ถ้าสงสัยว่าเกิดจากการแพ้ยา
การใช้ยาสเตียรอยด์ ซึ่งเป็นยาลดการอักเสบและลดการแพ้นั้น แพทย์จะพิจารณาให้ในบางกรณี และจะให้ในขนาดสูงในช่วงสั้นๆ ในช่วงแรกของโรค
Fungal Infection เชื้อรา
tinea infection
Tinea capitis
เป็นโรคกลากของหนังศีรษะและเส้นผม พบบ่อยในเด็ก พบได้น้อยหลังวัยรุ่น
Kerion (Inflammatory type) มีลักษณะเด่นคือ หนังศีรษะเป็นก้อนนูน เป็นหนอง ขอบเขตชัดเจน (inflammatory boggy, granulomatous mass)
Gray patch ringworm (non inflammatory type) ลักษณะมีผมร่วงเป็นหย่อม หรือผมหักง่าย ขอบเขตชัดเจน
Tinea corporis
เป็นที่ลำตัวลักษณะเป็น papule สีแดงมี scale สีขาว เมื่อขยายขนาดขึ้นจะเห็นวงกลม หรือวงรี ขอบเขตนูนชัดเจน
Tinea unguium
Distal subungual infection พบบ่อยที่สุด เชื้อราเข้าทาง distal nabed และ hyponychium และมีการลุกลามขึ้นมาถึงใต้แผ่นเล็บ เห็นเป็นจุดสีขาว หรือเหลืองอ่อน
Herpes simplex
Herpes simplex virus 1 (HSV-1)
มักเกิดบริเวณปากและผิวหนังเหนือสะดือขึ้นไป
Herpes simplex virus 2 (HSV-2)
เชื้อมักเกิดบริเวณอวัยวะเพศและติดต่อโดยเพศสัมพันธ์ เรียก Herpes genitalis
ผิวหนังเกิดอาการบวมเป็นตุ่มน้ำและเกิดการอักเสบ
การรักษา
ใช้ยาต้านไวรัส ยามิได้รักษาให้หายขาดเพียงแต่ลดวามรุนแรง แลความถี่และเวลาที่เป็น
ใช้ยาต้านจุลินทรีถ้ามีการติดเชื้อแบคทีเรีย
รักษาภาวะแทรกซ้อน
Herpes Zoster
โรคงูสวัดเกิดจากเชื้อไวรัสวาริเซลลาซอสเตอร์ (varicella-zoster virus)
เป็นเชื้อไวรัสชนิดเดียวกับโรคอีสุกอีใส
ทำให้มีผื่นที่ผิวหนังและกลายเป็นตุ่มน้ำใส ร่วมกับอาการปวดแสบร้อน คันแสบ และตุ่มน้ำนั้นจะแตกออกมา
การรักษาโรคงูสวัด โดยการให้ยาฆ่าเชื้อไวรัส ยาแก้ปวด และรักษาตามอาการ โดยปรึกษาแพทย์
Chickenpox
ระยะผื่นขึ้น จะขึ้นเป็นผื่นแดงเม็ดเล็ก ๆ ต่อมากลายเป็นเม็ดใส และเพิ่มปริมาณมากขึ้นภายใน 3 - 5 วัน
ระยะตกสะเก็ด ภายใน 1 - 3 วัน สะเก็ดแผลจะค่อย ๆ ลอก จางหายไปประมาณ 2 สัปดาห์
ระยะไข้ ประมาณ 1-2 วัน ไม่ว่าจะเป็นไข้สูงหรือต่ำ มีอาการปวดหัว ปวดเมื่อยตามตัวและปวดกล้ามเนื้อ