Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

คู่มือผู้ประกันตน - Coggle Diagram

- - - - กรณีที่ 1 ถูกเลิกจ้างได้รับเงินทดแทนร้อยละ 50 ของค่าจ้าง ครั้งละไม่เกิน 180 วัน
        
        กรณีที่2 ลาออกหรือสิ้นสุดสัญญาจ้างที่มีกำหนดระยะเวลาการจ้างไว้แน่นอนได้รับเงินทดแทนร้อยละ 30 ของค่าจ้าง ครั้งละไม่เกิน 90 วัน
  - - - ค่าตรวจและรับฝากครรภ์
        อายุครรภ์ไม่เกิน 12 สัปดาห์ไม่เกิน 500 บาท
        อายุครรภ์มากกว่า 12 สัปดาห์ แต่ไม่เกิน 20 สัปดาห์ไม่เกิน 300 บาท
  - - - ผู้ประกันตนที่ส่งเงินสมทบครบ 3 เดือน ภายใน 15เดือนก่อนเดือนที่เจ็บป่วยหรือประสบอันตราย
- - - - กรณีลูกจ้างประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยเนื่องจากการทำงานนายจ้างต้องจ่ายจริงตามความจำเป็นแต่ไม่เกิน50,000 บาท
      - กรณีที่ค่ารักษาพยาบาล50,000 บาท ไม่เพียงพอให้นายจ้างจ่ายจริงตามความจำเป็นเพิ่มอีกไม่เกิน100,000 บาท
      - กรณีค่ารักษาพยาบาลที่จ่ายเพิ่มอีกตามข้อ2 ไม่เพียงพอให้นายจ้างจ่ายงตามความจเป็นเพิ่มขึ้นอีกทั้งนี้ โดยรวมค่ารักษาพยาบาลทั้งข้อ 1 และ 2 แล้วต้องไม่เกิน300,000 บาท
      - กรณีค่ารักษาพยาบาลตามข้อ 1-3 ไม่เพียงพอให้นายจ้างจ่ายตามความจำเป็นเพิ่มขึ้นตามความเห็นของคณะกรรมการการแพทย์ แต่รวมกันแล้วไม่เกิน500,000 บาท
      - กรณีค่ารักษาพยาบาลทุกกรณีไม่เพียงพอให้นายจ้างจ่ายเพิ่มขึ้นโดยเมื่อรวมกับค่ารักษาพยาบาลดังกล่าวข้างต้นแล้ว ต้องไม่เกิน 1,000,000 บาท
      - ในกรณีลูกจ้างเป็นผู้ป่วยในมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับค่าห้องค่าอาหาร ค่าบริการพยาบาล และค่าบริการทั่วไป ให้นายจ้างจ่ายค่าใช้จ่ายดังกล่าว เท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกินวันละ 1,300 บาท
    - - ค่าทดแทนกรณีไม่สามารถทำงานได้
        
        จ่ายร้อยละ 70 ของค่าจ้างรายเดือน
        
        ลูกจ้างมีการหยุดพักรักษาตัวตั้งแต่ 1 วัน รวมกันไม่เกิน 1 ปี
        
        มีใบรับรองแพทย์ระบุหยุดพักรักษาตัว
        
        ลูกจ้างหยุดพักรักษาตัวจริงตามใบรับรองแพทย์
        
        ค่าทดแทนรายเดือนสูงสุดในปัจจุบัน= 20,000 x 70 % = 14,000 บาท
      - ค่าทดแทนกรณีสูญเสียสมรรถภาพในการทำงานของร่างกาย
        
        มีสิทธิได้รับค่าทดแทนร้อยละ70ของค่าจ้างรายเดือน เป็นระยะเวลาไม่เกิน 10 ปี
- - - - เป็นระบบการเฉลี่ยทุกข์-เฉลี่ยสุข ซึ่งกันและกันระหว่าง
        มวลสมาชิก
        
        เงินสมทบที่เก็บไปนั้นจะสะสมเป็นกองทุน ซึ่งจะให้
        สิทธิประโยชน์เฉพาะกับบุคคลที่ส่งเงินสมทบ
        
        การเก็บเงินสมทบ ซึ่งถือว่าเป็นภาษีพิเศษ ซึ่งจะเก็บจาก
        บุคคลที่กฎหมายกำหนดเท่านั้น