Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

Pneumonia เตียง 17 - Coggle Diagram

- - - - ยาขยายหลอดลม ป้องกันการเกิดอาการหอบหืด และการหดเกร็งของหลอดลม
    - - กระสับกระส่าย มึนงง เหนื่อยล้า หัวใจเต้นเร็ว
  - - - รักษาโรคแพ้อากาศ ป้องกันโรคหอบหืดและเป็นยาลดการอักเสบเฉพาะที่
    - - เสียงแหบ ระคายเคือง แสบคอระคายเคืองที่ลิ้นและปาก ปากแห้ง ไอ ติดเชื้อราที่ปาก
  - - - ลดน้ำตาลในเลือด ออกฤทธิ์แบบ Short acting เริ่มออกฤทธิ์ 30 นาที ระยะเวลาออกฤทธิ์ 4-8 ชม.
    - - เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
  - - - ลดน้ำตาลในเลือด ออกฤทธิ์แบบ Intermediate acting เริ่มออกฤทธิ์ 60-90 นาที ระยะเวลาออกฤทธิ์ 16-24 ชม.
    - - เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
  - - - ยาบรรเทาการหดตัวของหลอดลมในโรคหืด ป้องกันและรักษาโรคหืดเรื้อรัง
    - - ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย มีไข้ มึนงง มีผื่นขึ้น
  - - - รักษาโรคภูมิแพ้ตามฤดูกาล เยื่อบุตาอักเสบ อาการคัน แบะลมพิษ
    - - ปวดศีรษะ มึนงง สับสัน คลื่นไส้ อาเจียน
  - - - ลดกรดในกระเพาะอาหาร รักษาแผลในกระเพาะอาหาร รักษาภาะวะการหลั่งกรดมากเกิน
    - - คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ปวดศีรษะ มีผื่นขึ้น
- - - - Hemoglobin (Hb)
        12.0 g/dl
        (ค่าปกติ 12.3-15.5)
        
        ต่ำแสดงว่า อาจเริ่มเกิดสภาวะของโรคโลหิตจางขึ้นแล้วหรือขาดแร่ธาตุ
      - RBC
        5.30 * 10^6/ul
        (ค่าปกติ 3.96-5.29)
        
        สูงกว่าเกณฑ์ปกติ สาเหตุอาจเกิดจาก
        1.ร่างกายขาดน้ำ ก็ย่อมมีผลทำให้มีจำนวนเซลล์เม็ดเลือด 1 ลบ.มม. มีระดับสูงขึ้น หรือแปลว่าน้ำเลือดข้นขึ้น
        2.ร่างกายอาจขาดออกซิเจน เช่น การอยู่ที่สูง เพราะความบางหรือความจางของออกซิเจนก็จะทำให้ร่างกายได้ออกซิเจนไม่พอใช้ จึงผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดงเพิ่มจำนวนขึ้นมากกว่าปกติ เพื่อนำออกซิเจนไปเลี้ยงให้ทั่วทุกเซลล์ในร่างกายอย่างพอเพียง
        3.อาจเกิดจากโรคเลือดที่ผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดงมากเกินปกติ
      - MCV
        73.4 fl
        (ค่าปกติ 79.9-97.6)
        
        ต่ำเกินไป แสดงว่า
        1.เซลล์เม็ดเลือดแดงมีขนาดเล็กกว่าปกติ
        2.เจ้าของร้างกายอาจกำลังมีโรคโลหิตจาง อันเนื่องมาจากเซลล์เม็ดเลือดแดงเล็กเกินไป
        3.ขาดธาตุเหล็ก หรือจากโรค thalassemia(เม็ดเลือดแดงเล็กมาจากกรรมพันธุ์)หรือจากโรคเรื้อรังใดๆที่เกิดขึ้นก่อน
      - MCH
        22.6 pg
        (ค่าปกติ 25.9-32.4)
        
        ค่าต่ำกว่าปกติ แสดงว่า
        1.อาจกำลังเกิดโรคโลหิตจางชนิดเม็ดเลือดแดงเล็กกว่าปกติและควรได้รับการยืนยันด้วยค่า Hemoglobin,Hematocrit,MCV,RDW
        2.ในกรณีที่ MCH เริ่มมีค่าต่ำกว่า 30 pg/cell อาจบ่งชี้ว่าร่างกายกำลังเริ่มสังเคราะห์ Hemoglobin ที่ผิดปกติ
      - MCHC
        30.7 g/dl
        (ค่าปกติ 31.5-34.5)
        
        ต่ำเกินไป แสดงว่า
        1.อาจเกิดจากโรคขาดธาตุเหล็ก
        2.อาจเกิดจากโรคโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก หรือกรณีที่ค่า MCV ต่ำ พร้อมๆกับ MCHC ก็ต่ำด้วย
      - WBC
        12.75 * 10^3/ul
        (ค่าปกติ 4.24-10.18)
        
        สูง แสดงว่า
        1.ร่างกายอาจกำลังเกิดการอักเสบจากการบาดเจ็บ หรือเกิดจากการถูกจุลชีพก่อโรคโจมตี
        2.ร่างกายอาจกำลังได้รับเชื้อโรคสำคัญหรือโรคจากจุลชีพก่อโรคที่หลุดเข้าร่างกาย จึงกระตุ้นให้ร่างกายต้องเร่งผลิตสร้างเม็ดเลือดขาวขึ้นมาต่อสู้
        3.อาจกำลังเกิดโรคมะเร็งที่อวัยวะใดอวัยวะหนึ่งซึ่งยังแอบแฝงซ่อนเร้นอยู่จนยากจะตรวจพบได้ในขณะนั้น
        ( จำนวนเซลล์เม็ดเลือดขาวที่สูงขึ้นผิดปกติโดยไม่มีอาการของโรคอื่นอาจนับเป็นสัญญาณบ่งชี้ของโรคมะเร็ง
      - Neutrophil
        76.6%
        (ค่าปกติ 48.1-71.2)
        
        สูงกว่าปกติ แสดงว่า
        1.อาจกำลังเกิดโรคจากการติดเชื้อ เช่น โรคเยื่อบุหัวใจอักเสบ
        2.อาจกำลังเกิดการอักเสบจากโรคทั่วไป
        3.อาจกำลังเกิดโรคจากสภาวะเนื่องจากการเผาผลาญอาหารบกพร่อง เช่น สภาวะความเป็นกรดจากเบาหวาน ( Diabetic acidosis )
      - Lymphocyte
        15.6%
        (ค่าปกติ21.1-42.7)
        
        ต่ำ แสดงว่า 1.ร่างกายอาจตกอยู่ในความเครียดอย่างหนัก
        2.ร่างกายอาจถูกโจมตีโดยไม่รู้ตัวจากเชื้อ HIV/ AIDS
        3.อาจกำลังเกิดโรคมะเร็งบางชนิด
        4.อาจกำลังเกิดโรคร้ายแรง เช่น วัณโรคระยะลุกลาม โรคหัวใจ
  - - - สูง แสดงว่า
        1.อาจเกิดโรคช่องทางเดินอากาศไปสู้ปอดตีบตันเรื้อรัง(COPD) ทำให้ร่างกายหายใจได้ไม่เต็มที่จึงมีแนวโน้มที่จะเกิดสภาวะความเป็นกรดจากการหายใจ โดยเหตุนี้ร่างกายจึงพยายามสัสมไบคาบอเนต เพื่อที่จะชดเชยในการสร้างความเป็นกลางของสภาวะความเป็นกรดด่าง ภายในร่างกาย
  - - - สูง แสดงว่า ผู้ป่วยมีการระบายอากาศล้มเหลวและเกิดภาวะกรดในร่างกายจากการหายใจ
    - - สูงกว่าปกติ แสดงว่ามีภาวะ alkalosis
    - - สูงมากกว่าปกติ แสดงว่าบ่งบอกถึงภาวะ metabolic alkalosis คือ
- - - - SD : - ผู้ป่วยบอกว่า “ เหนื่อย หอบ เมื่อไอ “
        
        ผู้ป่วยไอบ่อย มีเสมหะสีขาวขุ่นจำนวนมาก
        OD : - อัตราการหายใจ 32 ครั้ง/นาที ผู้ป่วยหายใจสั้นและถี่
        
        ผล CT CHEST พบ nodules size 1.3 cm
    - - ให้ร่างกายได้รับออกซิเจนเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
    - - ไม่มีเหนื่อยหอบ ไม่หายใจทางปาก
        
        เสมหะน้อยลง เสมหะสีใส ไม่สีขุ่น
        
        oxygen saturation ≥ 95%
        
        อัตราการหายใจอยู่ในช่วง 16-20 ครั้ง/นาที
        
        ไม่มีภาวะเขียวหรือซีดของเยื่อบุตา ปาก หรือเล็บมือเล็บเท้า
    - - ดูแลให้ได้รับออกซิเจน ตามแผนการรักษา คือ ให้ออกซิเจน canular 3 LPM เพื่อป้องกันการขาดออกซิเจน
      - สังเกตอาการพร่องออกซิเจน
        
        ระบบประสาทส่วนกลาง สังเกตความรู้สึกตัวเปลี่ยนแปลง กระสับกระส่าย สับสน มึนศีรษะ
        
        ระบบการหายใจ สังเกตการหายใจไม่สะดวก มีเสียงดัง ปีกจมูกบาน ต้องนั่งหายใจ ลักษณะการหายใจเร็วหรือช้ากว่าปกติ
        
        ระบบผิวหนัง สังเกตผิวหนังเย็น ซีด เขียวคล้ำ
      - ดูแลให้ได้รับยา IPRATOPIUM+FENOTEROL (0.02+0.05) MG. INH. 200 พ่นเข้าลำคอ ครั้งละ 2 พันทุก 6 ชั่วโมง, FORMOTEROL+BUDESONIDE (4.5+160) MCG. DPI 60 และ MONTELUKAST SODIUM 10 MG. TAB. รับประทานครั้งละ 1 เม็ด วันละ 1 ครั้ง ก่อนนอน ตามแผนการรักษา
      - วัดสัญญาณชีพ ทุก 4 ชม. เพื่อประเมินค่า oxygen saturation ≥ 95% เป็นการวัดระดับความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด ช่วยให้ทราบความรุนแรงของภาวะพร่องออกซิเจน
      - ให้ผู้ป่วยได้พักผ่อนและช่วยเหลือในการทำกิจกรรมต่างๆ เช่น การใส่แพมเพิสในการปัสสาวะและอุจจาระ ช่วยผู้ป่วยเปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อให้ผู้ป่วยได้พักผ่อนและลดการใช้ออกซิเจนในการเผาพลาญให้เกิดพลังงานของร่างกาย
      - จัดท่าให้นอนท่า Fowler’s position เพื่อให้กล้ามเนื้อหน้าท้องหย่อนตัว ปอดขยายตัวได้ดีขึ้น เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการแลกเปลี่ยนแก๊ส
      - ใช้stethoscopeตรวจสอบเสียงการหายใจที่ปอด เพื่อประเมินความผิดปกติจากการอุดกั้นของทางเดินหายใจ ซึ่งอาจเกิดเนื่องจากเสมหะอยู่ในหลอดลมปอดหรือถุงลมปอด
  - - - ลดระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับปกติ
      - ส่งเสริมให้ผู้ป่วยเบาหวานปฏิบัติตัวได้อย่างเหมาะสม
      - ป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ป่วย
    - - 1.ระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในเกณฑ์ที่ควบคุมคือ 80-180 mg/dl
      - 2.ไม่มีอาการน้ำตาลในเลือดสูง ได้แก่ ปัสสาวะบ่อย กระหายน้ำ น้ำหนักลด อ่อนเพลีย คลื่นไส้อาเจียน หอบ ระดับความรู้สึกตัวลดลง ซึมลง หมดสติ
      - 3.สัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ปกติ
    - - 1.สังเกต และประเมิน บันทึก อาการเกี่ยวกับระดับความรู้สึกตัวและภาวะน้ำตาลในเลือดสูง ได้แก่ ปัสสาวะบ่อย กระหายน้ำ น้ำหนักลด อ่อนเพลีย คลื่นไส้ อาเจียน ซึมลง หมดสติ ลมหายใจคล้ายกลิ่นผลไม้ หายใจสั้น ปากแห้ง
      - 2.ตรวจวัดและบันทึกสัญญาณชีพ โดย วัดอุณหภูมิร่างกาย อัตราการหายใจ ชีพจร ความดันโลหิต ค่าออกซิเจนในเลือด ทุก 4 ชั่วโมง เพื่อประเมินภาวะระดับน้ำตาลในเลือดสูงหรือต่ำ
      - 4.ดูแลให้ได้รับยาตามแผนการรักษา คือ INSULIN NEUTRAL SOLUBLE 100 U ฉีดเข้าใต้ผิวหนัง ครั้งละ 5 ยูนิต วันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหาร เช้า กลางวัน เย็น และ INSULIN ISOPHANE 100 IU/ML. IN ฉีดเข้าใต้ผิวหนัง ก่อนนอน 5 ยูนิต
      - 3.เจาะตรวจระดับน้ำตาลในเลือดที่ปลายนิ้วมือผู้ป่วย เพื่อบันทึกและเฝ้าระวังอาการน้ำตาลในเลือดสูง
      - 5.เฝ้าระวังการเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (hypoglycemia) หลังจากที่ได้รับยา INSULIN NEUTRAL และ INSULIN ISOPHANE อาจทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ เกิดอาการ หน้ามืด ใจสั่น เหนื่อยง่าย หัวใจเต้นเร็ว ชาตามปลายมือปลายเท้า
      - 6.ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับประทานอาหารอ่อนตามแผนการรักษา และงดรับประทานอาหารนอกโรงพยาบาลโดยฉพาะอาหารที่มีน้ำตาลสูง
    - - 1.ผลระดับน้ำตาลในเลือด 397 mg% (29/1/2564) ผลระดับน้ำตาลในเลือด 106 mg% (2/2/2564)
        4.ผู้ป่วยปัสสาวะเป็นจำนวนมาก โดยชุ่มแพมเพิสในการปัสสาวะแต่ละครั้ง