Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
เตียง14 นางสาวจิดาภา โคตรศรีวงษ์ ภาวะหัวใจล้มเหลว (Congestive Heart…
เตียง14
นางสาวจิดาภา โคตรศรีวงษ์
ภาวะหัวใจล้มเหลว
(Congestive Heart Failure :CHF)
ปัญหาทางการพยาบาล (Problem lists)
7/02/64
Blood pressure สูง
ภาวะซีด
หายใจลำบาก เหนื่อย
นอนราบไม่ได้
ผู้ป่วยมีสีหน้าอ่อนเพลีย ไม่มีแรง
หายใจ on oxygen cannula 3 LPM
มีภาวะบวม
8/02/64
Blood pressure สูง
ภาวะซีด
หายใจลำบาก เหนื่อย
นอนราบไม่ได้
ผู้ป่วยมีสีหน้าอ่อนเพลีย ไม่มีแรง
หายใจ on oxygen cannula 3 LPM
มีภาวะบวม
9/02/64
Blood pressure สูง
ภาวะซีด
หายใจลำบาก เหนื่อย
นอนราบไม่ได้
ผู้ป่วยมีสีหน้าอ่อนเพลีย ไม่มีแรง
หายใจ on oxygen cannula 3 LPM
มีภาวะบวม
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลข้อที่ 1
ผู้ป่วยมีภาวะพร่องออกซิเจนเนื่องจากมีภาวะน้ำเกิน
ข้อมูลสนับสนุน
Objective data
ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ
Troponin-T 0.169 ng/mLสูง (ค่าปกติ 0-0.014 ng/mL)
ฟังเสียงปอดได้ยินเสียง crepitation ทั้ง 2 ข้าง
Echo : Severe concentric LV hypertrophy
มือบวม pitting edema grade 1+
ขาบวม pitting edema grade 2+
ขณะทำกิจกรรมผู้ป่วยหายใจยกไหล่และอ้าปาก
Subjective Data
ผู้ป่วยบอกว่า " เหนื่อย นอนราบไม่ได้ "
วัตถุประสงค์
ผู้ป่วยไม่มีภาวะพร่องออกซิเจน
เกณฑ์การประเมินผล
ผู้ป่วยไม่มีอาการเหนื่อยหอบเมื่อนอนราบ
เมื่อทำกิจกรรมผู้ป่วยหายใจปกติ ไม่ใช้ไหล่และอ้าปากเพื่อช่วยในการหายใจ
ฟังเสียงปอดไม่ได้ยินเสียง crepitation ทั้ง 2 ข้าง
ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการอยู่ในค่าปกติ
ค่า Troponin-T ค่าปกติ 0-0.014 ng/mL
ขาและแขนไม่มีภาวะบวม pitting edema
กิจกรรมการพยาบาล
1.ประเมินภาวะพร่องออกซิเจนของผู้ป่วย ผู้ป่วยรู้สึกตัวดี ไม่มีอาการสับสน ถามตอบรู้เรื่อง สีหน้าไม่อ่อนเพลีย สีของเล็บ ประเมิน capillary refill เยื่อบุผิวหนัง ปลายมือปลายเท้า ลักษณะการซีด เขียว สังเกตการหายใจว่ามีอาการหายใจหอบเหนื่อย มีการใช้กล้ามเนื้อหน้าท้องในการหายใจ ชีพจรเต้นเร็ว ซึ่งแสดงถึงภาวะพร่องออกซิเจน เพื่อรายงานแพทย์พิจารณาการให้ออกซิเจน
2.ประเมิน vital signs โดยวัดอัตราการหายใจให้อยู่ในเกณฑ์ปกติที่ 12-20 ครั้ง/นาที สังเกตการหายใจว่า ผู้ป่วยหายใจสัมพันธ์กับอัตราการหายใจ ชีพจรหรือไม่ ประเมินความสม่ำเสมอ ความถี่ การหายใจตื้น ลึก รวมทั้งการใช้กล้ามเนื้อในการหายใจ สังเกตดู Type of respiratory เช่น มี air hunger หรือOthopnea หรือไม่ ตรวจดู ค่า oxygen saturation keep oxygen saturation มากกว่าหรือเท่ากับ 94% เพราะการ ประเมินสัญญาณชีพจะช่วยให้ทราบความรุนแรงของภาวะพร่องออกซิเจน
3.จัดท่าให้ผู้ป่วยนอนศีรษะสูงหรือท่า Fowler‘s position เพื่อให้กระบังลมหย่อน ปอดสามารถจะขยายตัวได้ดี สามรถแลกเปลี่ยน O2 ได้ดีมากขึ้น
4.ดูแลให้ผู้ป่วยพักผ่อนบนเตียง จะช่วยลดการใช้ออกซิเจนในการทำกิจกรรม ทำให้อาการเหนื่อยอ่อนเพลียลดลง
ดูแลให้ O2 cannula 3 LPM KEEP oxygen saturation มากกว่าหรือเท่ากับ 94%
ดูแลให้ยาขับปัสสาวะเพื่อให้ขับน้ำออกตามแผนการรักษา Furosemide รับประทานครั้งละ 1 เม็ด วันละ 2 ครั้ง หลังอาหาร เช้า กลางวัน (หยุดวันล้างไต)
จำกัดน้ำผู้ป่วยให้ได้น้อยกว่าหรือเท่ากับ 800 ml ต่อวัน
บันทึกน้ำเข้า - ออกร่างกายทุก 8 ชัวโมงเพื่อประเมินความสมดุลของน้ำเข้า-ออก
ฟังเสียงปอด ประเมินความผิดปกติ ว่า มีเสียงน้ำหรือเสียง crepitation ที่ปอดทั้งสองข้างหรือไม่
ติดตามผลทางห้องปฏิบัติการ
ค่า hemoglobin (HB)ค่าปกติ 12.8 -16.1 g/dL
ค่า Hematocrit (Hct) ค่าปกติ 74.0 -108.0 %
ค่า Troponin-T ค่าปกติ 0-0.014 ng/mL
การประเมินผล
ข้อวินิจฉัยการทางพยาบาลที่ 2
ผู้ป่วยมีภาวะของเสียคั่งในกระแสเลือดเนื่องจากประสิทธิภาพการกรองของไตลดลง
ข้อมูลสนับสนุน
Objective data
ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ วันที่ 8/02/64
BUN 30.0 mg/dL สูง (ค่าปกติ 7.0 -18.7 mg/dL)
Creatinine 2.46 mg/dL สูง (ค่าปกติ 0.55 -1.02)
eGFR 21.11 mL/min ปกติ (ค่าปกติ >90)
albumin 2.7 g/dL ต่ำ (ค่าปกติ 3.5-5.2 )
มือบวม pitting edema grade 1+
ขาบวม pitting edema grade 2+
การประเมินผล
วัตถุประสงค์
1.เพื่อส่งเสริมการทำงานของไตให้สามารถกรองหรือขับของเสียในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2.เพื่อรักษาสมดุลในการกำจัดของเสียในร่างกาย
กิจกรรมการพยาบาล
สังเกตอาการของเสียคั่งในร่างกาย หรือปัสสาวะคั่งได้แก่ อ่อนเพลีย มึนงง เบื่ออาหาร นอนไม่หลับ เพื่อประเมินความรุนแรงของของเสียในร่างกาย
สังเกตอาการแขนขาบวม เพื่อประเมินระดับ pitting edema
จำกัดน้ำผู้ป่วยน้อยกว่าหรือเท่ากับ 800 ml / day
บันทึกน้ำเข้าออก ในร่างกายเพื่อประเมินความสมดุลของน้ำเข้า-ออก
ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับการฟอกเลือด ด้วยเครื่องไตเทียมเพื่อขับของเสียที่คั่งในร่างกาย ทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์
การพยาบาลก่อนการฟอกเลือด
1.ประเมินสภาพผู้ป่วยทั่วไป การรับรู้ การเคลื่อนไหวร่างกาย การตรวจดูภาวะบวม
2.ประเมิน vital sign สังเกตความผิดปกติต่างๆ เช่น มีไข้ ไอ เจ็บแน่นหน้าอก นอนราบไม่ได้ ท้องผูก ท้องเสีย แนะนำให้ผู้ป่วยแจ้งให้ทราบทันทีเมื่อมีอาการผิดปกติ
3.เตรียม set oxygen cannula ไปด้วยทุกครั้งที่ผู้ป่วยทำการฟอกเลือด เนื่องจากผู้ป่วยอาจเกิดความดันโลหิตต่ำขณะฟอกเลือด
4.ดูแลให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารให้เรียบร้อยก่อนการฟอกเลือด ไม่ควรเป็นอาหารมื้อหนักและปริมาณมาก เพราะจะทำให้เลือดไปเลี้ยงกระเพาะเพื่อย่อยอาหารมากขึ้น ทำให้ความดันโลหิตต่ำขณะฟอกเลือดได้
5.ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับประทานยาตามแผนการรักษา DOXAZOSIN 2 MG.TAB. รับประทานครั้งละ 1 เม็ด วันละ 2 ครั้ง หลังอาหาร เช้า เย็น และ FUROSEMIDE 500 MG.TAB. รับประทานครั้งละ 1 เม็ด วันละ 2 ครั้ง หลังอาหาร เช้า กลางวัน (หยุดวันล้างไต)
การพยาบาลหลังการฟอกเลือด
1.ประเมินสภาพผู้ป่วยทั่วไป การรับรู้ การเคลื่อนไหวร่างกาย การตรวจดูภาวะบวม
2.ประเมิน vital sign สังเกตความผิดปกติต่างๆ
3.สังเกตว่ามี discharge ซึม บริเวณผ้าปิดแผลบริเวณคอหรือไม่
ผู้ป่วยใช้เส้นฟอกเลือดที่คอ ควรดูแลความสะอาดของผิวหนังรอบๆ โดยห้ามแผลเปียกน้ำ ระวังการมีเหงื่อออกมาก การอับชื้นของแผล ห้ามเกาแผล ระวังไม่ให้ผ้าปิดแผลหลุดเพราะจะเป็นช่องทางของเชื้อโรคทำให้เกิดการติดเชื้อได้
เกณฑ์การประเมินผล
ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
ค่าBUN อยูในเกณฑ์ปกติ 7.0-18.7 mg/dL , ค่าCreatinine อยู่ในเกณฑ์ปกติ 0.55-1.02 mg/dL, ค่า eGFR อยู่ในเกณฑ์ปกติ >90 ml/min/1.73m2 , ค่าalbumin อยู่ในเกณฑ์ปกติ 3.5-5.2 gm/dL
น้ำเข้า-ออกร่างกายสมดุลกัน
ไม่มีภาวะบวม pitting edema
ข้อวินิจฉัยการพยาบาลที่ 3
ผู้ป่วยมีภาวะซีดจางเนื่องจากไตสูญเสียหน้าที่
ข้อมูลสนับสนุน
Objective data
ผู้ป่วยมีสีหน้าอ่อนเพลีย ไม่มีแรง
เยื่อบุตา (conjunctiva) ซีด
capillary refill นานกว่า 2 วินาที
ปลายมือปลายเท้าซีด
ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ (4/2/64)
ค่า hemoglobin (HB) 8.6 g/dL (ค่าปกติ 12.8 -16.1 g/dL)
ค่า Hematocrit (Hct) 28.0 % (ค่าปกติ 74.0 -108.0 %)
BUN 30.0 mg/dL สูง (ค่าปกติ 7.0 -18.7 mg/dL)
Creatinine 2.46 mg/dL สูง (ค่าปกติ 0.55 -1.02)
eGFR 21.11 mL/min ปกติ (ค่าปกติ >90)
มือบวม pitting edema grade 1+
ขาบวม pitting edema grade 2+
Subjective data
: ผู้ป่วยบอกว่ารู้สึกเหนื่อย
วัตถุประสงค์
ผู้ป่วยมีภาวะซีดลดลง
กิจกรรมการพยาบาล
ประเมินสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมงให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ โดยเฉพาะการหายใจ และ ชีพจร หากหายใจตื้น หัวใจเต้นเร็วให้ปรึกษาแพทย์
ประเมินภาวะทั่วไปที่แสดงถึงอาการซีด เช่น อ่อนเพลีย ไม่สดชื่น วิงเวียนศีรษะ ปลายมือปลายเท้าซีด เขียว เย็น
3.ดูแลให้ได้รับยาตามแผนการรักษา คือ
Folic acid 5 mg.Tab รับประทานครั้งละ 1 เม็ด วันละ 1 ครั้ง หลังอาหารเช้า เพื่อข่วยสร้างเม็ดเลือดแดง
Fermasian 200 mg.tab รับประทานครั้งละ 1 เม็ด วันละ 3 ครั้งหลังอาหาร เช้า กลางวัน เย็น เพื่อรักษาเลือดจางจากการขาดธาตุเหล็ก
epoetin Alfa 4000 IU.INJ. 0.4รักษา ภาวะโลหิตจาง
4.ดูแลให้ผู้ป่วยพักผ่อนบนเตียงเพื่อลดการใช้ออกซิเจนในร่างกาย
ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับประทานอาหารตามแผนการรักษา คือเพิ่มโปรตีน 85 gm/day
ติดตามผลทางห้องปฏิบัติการ CBC เพื่อดูค่าแสดงความเข้มข้นของเลือดในร่างกาย
เกณฑ์การประเมินผล
เยื่อบุตาไม่ซีด
capillary refill น้อยกว่า 2 วินาที
ปลายมือปลายเท้าไม่ซีด
ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ
ค่า hemoglobin (HB) อยู่ในเกณฑ์ปกติ 12.8 -16.1 g/dL
ค่า Hematocrit (Hct) อยู่ในเกณฑ์ปกติ 74.0 -108.0 %
BUN อยู่ในค่าปกติ 7.0 -18.7 mg/dL
Creatinine อยู่ในเกณฑ์ค่าปกติ 0.55 -1.02mg/dL
eGFR อยู่ในเกณฑ์ปกติ >90 mL/min
การประเมินผล
ข้อวินิจฉัยการพยาบาลที่ 4
ความสามารถในการทำกิจวัตรประจำวันลดลงเนื่องจากช่วยเหลือตนเองได้น้อย
ข้อมูลสนับสนุน
Subjective data
: ผู้ป่วยบอกว่า "หนูช่วยหยิบของให้หน่อย"
Objective data
ผู้ป่วยมีน้ำหนัก 90 กิโลกรัม ส่วนสูง 154 เซนติเมตร ดัชนีมวลกาย Body Mass Index :BMI = 37.95 กก./ม2
ผู้ป่วยมีอาการอ่อนเพลีย ไม่มีแรง
NYHA : Class IV คือ ผู้ป่วยไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้เลยเนื่องจาก ไม่สุขสบาย แม้แต่อยู่เฉยๆ ก็มีอาการเหนื่อยหอบ อ่อนเพลีย หายใจลำบาก และเมื่อทำกิจวัตรประจำวันเพียงเล็กน้อยอาหารจะรุนแรงยิ่งขึ้น
วัตถุประสงค์
ผู้ป่วยช่วยเหลือตนเองได้มากขึ้น
เกณฑ์การประเมินผล
ผู้ป่วยสามารถช่วยเหลือตัวเองได้มากขึ้น
ไม่มีอาการอ่อนเพลีย
สามารถหยิบจับของได้ด้วยตัวเอง
การประเมินผล
กิจกรรมการพยาบาล
1.จัดกิจกรรมให้เหมาะสมกับความสามารถของผู้ป่วย การมีกิจกรรมมากน้อยแค่ไหนขึ้นกับความสามารถของผู้ป่วยที่จะทนได้โดยการประเมินตามการจำแนกหน้าที่การทำงานของผู้ป่วยภาวะหัวใจล้มเหลวของสมาคมโรคหัวใจ สำหรับผู้ป่วยระดับ 4 งดกิจกรรมที่ต้องออกแรงทั้งหมด ทั้งนี้เพื่อช่วยให้ร่างกายต้องการออกซิเจนน้อยที่สุด
เปลี่ยนท่านอนผู้ป่วยบ่อยๆเพื่อส่งเสริมการไหลเวียนโลหิต มีผลให้เซลล์ได้รับออกซิเจนพอเพียง โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจล้มเหลว จะมีอาการบวมทั้งอวัยวะภายในและส่วนปลายของร่างกาย ซึ่งมีผลทำให้เนื้อเยื่อขาดอาหาร ดังนั้น จะต้องดูแลผิวหนังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะในส่วนที่ถูกกดทับ เสื้อผ้า ผ้าปูที่นอนจะต้องสะอาด เรียบ แห้ง และคอยเปลี่ยนท่าของผู้ป่วยบ่อยๆ ควรงอเข่า ข้อเท้าทุกชั่วโมง จะช่วยให้การไหลเวียนโลหิตได้ดีขึ้น เนื้อเยื่อได้รับออกซิเจนดีขึ้น
3.ดูแลให้ผู้ป่วยนอนหลับพักผ่อนบนเตียง ช่วยลดการใช้ออกซิเจนในการทำกิจกรรม ทำให้อาการเหนื่อย อ่อนเพลียลดลง
4.การพักผ่อนทางร่างกายมีความสำคัญที่จะทำให้หัวใจได้พัก โดยเฉพาะการนอนหลับควรจะพักได้เต็มที่ประมาณวันละ 10-12 ชั่วโมง
5.นำไม้กั้นเตียงขึ้นทุกครั้งหลังจากทำกิจกรรมกับผู้ป่วย เพื่อป้องกันความปลอดภัยของผู้ป่วย
ข้อมูลพื้นฐาน
อาการสำคัญ (Chief complaints)
ผู้ป่วยมาตรวจตามนัด มีอาการเหนื่อยหอบ ขาบวมมากขึ้น แพทย์จึงให้ admit เพื่อทำการรักษา
การเจ็บป่วยในอดีต (Past illness)
โรคไตวายเรื้อรังระยะ 4 (Chronic kidney disease ;CKD) stage 4
โรคเบาหวาน (Diabetes mellitus ;DM)
โรคความดันโลหิตสูง (Hypertension ;HT)
โรคไขมันในเลือดสูง (Dyslipidemia ;DLP)
โรคเลือดจาง Anemia
ประวัติครอบครัว (Family history)
น้องสาวเป็นโรคความดันโลหิตสูง (Hypertension:HT) และโรคไตเรื้อรัง (chronic kidney disease : CKD)
ล้างไตทุกสัปดาห์
ประเมินสภาพผู้ป่วยในแต่ละวัน
วัน อาทิตย์ ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2564
ผู้ป่วยถามตอบรู้เรื่อง ไม่มีอาการมึนงง ผู้ป่วยมีอาการหอบเหนื่อยขณะเคลื่อนไหวร่างกาย รับประทานอาหารได้มากขึ้น มือซ้ายและขวามีภาวะบวมกดบุ๋ม grade 1 กดบุ๋มลงไป 2 mm รอยบุ๋มหายไปเร็ว หน้าขาทั้ง2ข้าง บวมกดบุ๋ม grade 2 กดบุ๋มลงไป 4 mm รอยบุ๋มหายไปใน 15 วินาที สัญญาณชีพBT = 36.6 องศาเซลเซียส Pulse = 80 ครั้ง/นาที. RR = 18 ครั้ง/ นาที BP = 196/85mmHg Oxygen saturation = 97%
วัน จันทร์ ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2564
ผู้ป่วยถามตอบรู้เรื่อง ไม่มีอาการมึนงง ผู้ป่วยมีอาการหอบเหนื่อยขณะเคลื่อนไหวร่างกาย DTX =123 mg/dL (15.00น.) output = 700 cc ผู้ป่วยไปฟอกเลือดที่ internal jugular vein ฟอกด้วยเครื่องไตเทียม (Hemodialysis;HD) UF = 4500 cc รับประทานอาหารได้ดี ชอบปรุงรสชาติอาหาร มือซ้ายและขวามีภาวะบวมกดบุ๋ม grade 1 กดบุ๋มลงไป 2 mm รอยบุ๋มหายไปเร็ว หน้าขาทั้ง2ข้าง บวมกดบุ๋ม grade 2 กดบุ๋มลงไป 4 mm รอยบุ๋มหายไปใน 15 วินาที สัญญาณชีพ BT = 36.6 องศาเซลเซียส Pulse = 76 ครั้ง/นาที RR = 18 ครั้ง/ นาที
BP = 158/86 mmHg Oxygen saturation = 97%
วัน อังคาร ที่ 9 กุมภาพันธ์ 2564
ผู้ป่วยถามตอบรู้เรื่อง ไม่มีอาการมึนงง ผู้ป่วยมีอาการหอบเหนื่อยขณะเคลื่อนไหวร่างกาย DTX =178 mg/dL (15.00น.) รับประทานอาหารได้ดี ชอบปรุงรสชาติอาหาร มือซ้ายและขวามีภาวะบวมกดบุ๋ม grade 1 กดบุ๋มลงไป 2 mm รอยบุ๋มหายไปเร็ว หน้าขาทั้ง2ข้าง บวมกดบุ๋ม grade 2 กดบุ๋มลงไป 4 mm รอยบุ๋มหายไปใน 15 วินาที สัญญาณชีพ. BT = 36.1 องศาเซลเซียส Pulse = 76 ครั้ง/นาที RR = 18 ครั้ง/ นาที BP = 174/90 mmHg Oxygen saturation = 99% output = 200 cc ปัสสาวะมีสีเหลืองปนแดง มีตะกอน
อาการปัจจุบัน (General Apperance )
ผู้ป่วยหญิงไทยอายุ 57 ปี รู้สึกตัวดี พูดคุยโต้ตอบได้ ช่วยเหลือตัวเองได้บนเตียง E4M6V5 สายตายาว ต้องสวมแว่น เพื่อช่วยในการมองเห็น on oxygen cannula 3 LPM KEEP oxygen saturation มากกว่าหรือเท่ากับ 94% มีการหายใจหอบเหนื่อย รับประทานอาหารได้เอง ประเภท อาหารธรรมดา-เบาหวาน เพิ่มโปรตีน 85 gm /day รับประทานได้ดี จำกัดน้ำน้อยกว่าหรือเท่ากับ 800 ml/day ฟอกเลือดที่บริเวณ internal jugular vein ฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม
( Hemodialysis: HD )ทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์ ต้นแขนขวา on injection plug ไม่มีอาการ phlebitis มือซ้ายและขวามีภาวะบวมกดบุ๋ม grade 1 กดบุ๋มลงไป 2 mm รอยบุ๋มหายไปเร็ว หน้าขาทั้ง2ข้าง บวมกดบุ๋ม grade 2 กดบุ๋มลงไป 4 mm รอยบุ๋มหายไปใน 15 วินาที
Retained foley’s cath with urine bag ปัสสาวะมีเหลืองปนแดง มีตะกอน
(9/02/64)
การแพ้ยา
ปฏิเสธการแพ้ยา
การผ่าตัด
ผ่าตัดตา เดือน กันยายน 2563
การเจ็บป่วยปัจจุบัน (Present illness)
3 เดือนก่อนมาโรงพยาบาล ผู้ป่วยรู้สึกขาบวมมากขึ้น เดินได้ระยะใกล้ๆ หายใจเหนื่อย เป็นๆ หายๆ
1 เดือนก่อนมาโรงพยาบาล เริ่มรู้สึกเหนื่อยง่ายขึ้น แต่ยังพอทำงานได้ ไม่มีเจ็บแน่นหน้าอก
2 สัปดาห์ก่อนมาโรงพยาบาล เหนื่อย นอนราบไม่ได้ บวม หอบเหนื่อยตื่นขึ้นมาหายใจ (Paroxysmal nocturnal dyspnea ;PND) หายใจลำบาก แน่นหน้าอก แขนขาขยับลำบาก เดินแล้วเหนื่อยง่าย ทำงานบ้านไม่ได้
4 วัน ก่อนมาโรงพยาบาล คนไข้ล้มไหล่ขวากระแทก
1 วันก่อนมาโรงพยาบาล อาการเหนื่อยนอนราบไม่ได้ PND ไม่ดีขึ้น
(28/01/2564) วันนี้มาตามนัด มีอาการเหนื่อยมากขึ้น ขาบวม กดบุ๋มทั้ง 2 ข้าง grade 2+ แพทย์จึงให้ admit
ยากิน
ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ