Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

กระบวนการเมแทบอลิซึม (Metabolism), สมาชิกในกลุ่ม, กรดไขมันไม่สามารถเข้าสู่…

- - - - น้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว
        
        Glucose
        
        Fructose
        
        Galactose
      - น้ำตาลโมเลกุลคู่
        
        Sucrose
        
        Maltose
        
        Lactose
      - โพลีแซคคาไรด์
        
        Starch
        
        Cellulose
        
        Glycogen
    - - Nucleotide
      - Glycoprotein
      - Glycolipid
    - - การย่อยอาหารในปาก
        
        เป็นการย่อยเชิงกลโดยการบดเคี้ยว (ย่อยครั้งแรก)
      - การย่อยอาหารในลำไส้
        
        เป็นการย่อยเชิงเคมี (ย่อยครั้งที่2)
  - - - Alcohol
        
        ในยีสต์ เช่น การกมักเหล้า เบียร์
      - Lactic acid
        
        ในแบคทีเรียบางชนิด และในกล้ามเนื้อ
        
        ผลผลิตสุดท้ายของไกลโคลิซีส คือ ไพรุเวต เป็นตัวรับ อิเล็กตรอนเพื่อจะออกซิไดซ์ NADH กลับไปเป็น NAD+
  - - - -Pyruvate เข้าไปในไมโตคอนเดรีย แล้วเปลี่ยนเป็น acetyl CoA
        -โดยเอนไซม์ และต้องการ coenzyme 5 ชนิด คือ
        TPP,lipoamide,NAD+,FAD,Coenzyme A
    - - เปลี่ยนกลูโคสเป็นไพรูเวตและพลังงาน เกิดในไซโทพลาซึม ทุกเซลล์ประกอบด้วย 10 ปฏิกิริยา
      - 1 glucose -----> 2 pyruvate + 2 ATP + 2 NADH
      - Phosphofructokinase-1 ควบคุมความเร็ววิถี
      - ในสภาวะที่มีออกซิเจน อิเล็กตรอนจะถ่ายทอดจาก NADH ผ่านลูกโซ่ขนส่งอิเล็กตรอน
      - ในสภาวะที่มีออกซิเจนไม่เพียงพอ จะมีการสร้างNAD+ ไปให้ไพรูเวต เพื่อสร้างกรดแลกติก
      - ความเข้มข้นของ ATP เป็นตัวควบคุมวิถี
    - - เกิดที่ inner membrane ของไมโตรคอนเดรีย
      - จากการถ่ายทอดอิเล็กตรอนจาก NADH,FADH2 ไปให้ออกซิเจน ผ่าน enzyme complex 3 ชนิด
    - - NADH ที่เกิดในไซโตพลาซึมถูกนำเข้าไปในไมโตรคอนเดรียโดยผ่านระบบลำเลียง2ชนิด คือ
        
        Malate-aspartate shutter
        *เซลล์กล้ามเนื้อหัวใจ ไต ตับ
        1NADH ---> 1 NADH = 3 ATP / 2.5 ATP
        
        Glycerophosphate shutter
        *เซลล์สมอง กล้ามเนื้อ
        1 NADH ---> 1 FADH = 2 ATP / 1.5 ATP
  - - - ส่งเสริมการสร้างไกลโคเจนในเซลล์ตับ กล้ามเนื้อ และในเนื้อเยื่อไขมัน
    - - กระตุ้นการสลายไกลโคเจนในกล้ามเนื้อได้ Glucose --1-Phosphate เพื่อส่งเข้าสู่วิถีไกลโคไลซิส
    - - กระตุ้นการสลายไกลโคเจนในตับ ได้เป็นกลูโคสส่งไปกล้ามเนื้อ และรักษาระดับน้ำตาลในเลือด
  - - - โดยการถ่ายทอดกลุ่มฟอสเฟตจากสารที่มีพันธะเคมีฟลังงานสูงกว่ามาให้ ADP โดยตรง เรียกว่า ซับสเตรตฟอสโฟริเลชั่น (Substrate Phosphorylation)
      - โดยการรวมตัวของ ADP กับฟอสเฟต ในขณะที่เกิดการถ่ายทอดอิเล็กตรอนไปให้ออกซเจนในกระบวนการหายใจ ในไมโทรคอนเดรีย เรียกว่า ออกซิเดทีฟ ฟอสโฟริเลชัน (Oxidative Phosphorylation)
- - - - การดึงหมู่อะมิโน(NH2)ออกจากกรดอะมิโน แล้วNH2 จะถูกนำออกมาเปลี่ยนเป็นแอมโมเนียซึ่งเป็นพิษต่อร่างกายต้องกำจัดออกนอกร่างกาย เป็นยูเรีย หรือกรดยูริก
      - กรดแอลฟาคีโต
        
        เหมือนกับการสลายคาร์โบไฮเดรตหรืออาจเหมือนการสลายไขมันก็ได้ ขึ้นกับชนิดของกรดอะมิโน
        
        Glucogenic acid จะได้Pyruvic acid ก็จะมีการสลายต่อไปเหมือนพวกคาร์โบไฮเดรต
        
        Ketogenic acid จะได้acetyl coenzyme a ก็จะมีการสลายต่อไปเหมือนพวกไขมัน
    - - การเปลี่ยนที่ของหมู่อะมิโน (NH2) จากกรดอะมิโนตัวหนึ่งไปยังกรดคีโตอีกตัวหนึ่ง
      - กรดคีโต
        
        จะมีการสลายต่อไปเหมือนกับการสลายคาร์โบไฮเดรตหรืออาจเหมือนการสลายไขมันก็ได้
  - - - สายโซ่คาร์บอน ของกรดอะมิโนจะถูกเปลี่ยนเป็น Pyruvate, Acetyl-CoA
      - หมู่อะมิโน จากกรดอะมิโนจะถูกส่งไปยังแอลฟ่า-คีโตกลูตาเรท เพื่อเกิดเป็นกลูตาเมท
      - แอมโมเนียที่มากเกินความต้องการก็จะถูกเปลี่ยนเป็น amide nitrogen ของ glutamine ซึ่งจะถูกส่งไปยังตับและไมโทรคอนเดรียของตับ
  - - - ระดับการถอดข้อความทางพันธุกรรม (Transcription)
      - การแปรรหัสทางพันธุกรรม (Translation)
      - การสังเคราะห์โปรตีนจะถูกควบคุมในระดับ Transcription ส่วนระดับ Translation จะควบคุมอยู่ที่ระยะInitiation