Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ทฤษฎีทางจิตเวช - Coggle Diagram
ทฤษฎีทางจิตเวช
ทฤษฎีทางพฤติกรรมนิยม และพฤติกรรมทางปัญญานิยม
(Behavioral Theory)
พฤติกรรมทุกชนิดเกิดขึ้นจากการเรียนรู้ จากสถานการณ์สิ่งแวดล้อมซึ่งเป็นสิ่งเร้า
การกำหนดประเภทของโรคจิตประสาทเพื่อเป็นการตรีตรา ทางกฎหมายเท่านั้น
องค์ประกอบ 4 ประการ
แรงขับ
สิ่งเร้า
การตอบสนอง
การเสริมแรง
แนวคิดที่นำมาประยุกต์ใช้มี 2 แนวคิด
ทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบคลาสสิค Classical conditioning theory
การเรียนรู้เกิดจากการเชื่อมโยงระหว่างสิ่งเร้าตามธรรมชาติ
Pavlov , Watson , Wolpe etc.
หลักการเรียนรู้คือ
การนำสิ่งเร้าที่วางเงื่อนไข + สิ่งเร้าที่ไม่ได้วางเงื่อนไข ซ้ำกันหลายๆครั้ง และต่อมานำแค่สิ่งเร้าที่วางเงื่อนไขอย่างเดียว ส่งผลให้เกิดการตอบสนอง ที่เกิดจากการวางเงื่อนไข
เช่น
ก่อนวางเงื่อนไข อาหาร หมาจะน้ำลายไหล
มีแค่กระดิ่ง น้ำลายไม่ไหล
ขณะวางเงื่อนไข นำสิ่งเร้าทั้งสองมารวมกัน น้ำลายไหล
หลังวางเงื่อนไข แค่สั่นกระดิ่งก็น้ำลายไหล
ทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบกระทำ Operant Conditioning Theory
B.F. Skinner พฤติกรรมประกอบด้วยองค์ประกอบ 3 ตัว สิ่งที่ก่อให้เกิดขึ้นก่อน + พฤติกรรม + ผลที่ได้รับ
ธรรมชาติของการตอบสนอง สามารถควบคุมได้
การเสริมแรงจะเกิดขึ้นหลังจากตอบสนอง
ผู้ทดลองจะตอบสนองออกมาเองโดยไม่ได้ถูกกระตุ้น ( active)
บุคคลเรียนรู้ที่จะตอบสนองต่อภาวะ Anxiety ซึ่งหากลดลงบุคคลจะตอบสนองด้วยวิธีเดิมซ้ำๆ (เสริมแรง)
กระบวนการรักคือการปรับพฤติกรรมใหม่ โดย
1 ควบคุมพฤติกรรมผู้ป่วย
2 ช่วยผู้ป่วยประพฤติสิ่งที่อยู่บนความจริง
3 ปฏิบัติตามมาตราฐานสังคม
4 สร้างสถานการณ์ให้เกิดการเรียนรู้
หากถูกต้อง > ให้รางวัล
หากทำผิด > ไม่ให้รางวัล
และกระตุ้นต่อเนื่องจนเป็นนิสัย
Joseph Wolpe การรักษาด้วยวิธีการผ่อนคลาย ตรงข้ามกับ anxiety โดยใช้หลัก การวางเงื่อนไขแบบคลาสสิค
1โดยลดความวิตกกังวลแบบค่อยๆทำค่อยๆเผชิญความกล้า จับคู่สิ่งที่ผ่อนคลายกับ anxiety
2 ฝึกการแสดงออกถึงความรู้สึกที่แสดงออกในสังคม ผลัดกันเล่นบทบาทสมมติ เพื่อให้ผู้ป่วยเห็นพฤติกรรมที่ควรแก้ไข
Skinner ใช้การเรียนรู้แบบ operant conditioning
แรงเสริมทางบวก
แรงเสริมทางลบ
การปรุงแต่งพฤติกรรม ด้วย successive approximate และ chaining
ตีเด็ก ลงโทษเด็ก เด็กจะหยุดแต่เด็กจะเกิดการเรียนรู้
แนวทางการพยาบาล
ต้องใช้การเสริมแรง
ปรับพฤติกรรมโดยการใช้token economy ใช้หลัก operant conditioning
เช่นการให้เงินเป็นรางวัล
ทำดีแม่ก็กอด
การลงโทษแบบ time out เป็นการเสริมแรงทางบวกออกจากคนนั้น
ทฤษฎีสัมพันธภาพระหว่างบุคคลของ ซัลลิแวน
เน้นสัมในวัยเด็ก ประสบการณ์ในวัยเด็ก (0-6) จะส่งผลต่อพฤติกรรมนั้น
การบำบัดรักษาจึงเน้นให้สร้างสัมพันธภาพใหม่
Self system
Good me : ฉันดี
ต้องส่งเสริมความมีคุณค่าในตนเอง
Bed me : ฉันเลว (ถูกตำหนิตลอดเวลา ถูกว่า จนทำให้รู้สึกว่าตนไม่ดี )
Not me : ปฏิเสธการเป็นตนเอง ไม่ยอมรับในตนเอง
หากในวัยเด็กได้รับการยอมรับ > มองโลกในแง่ดี เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจ รู้สึกต่อตนเองทางบวก good me > เต็มใจที่จะติดต่อสัมพันธภาพกับผู้อื่น
หากในวัยเด็กไม่ได้รับการยอมรับ > เกิดความไม่ไว้วางใจ รู้สึกต่อตนเองทางลบ bad me / not me > ไม่ต้องการมีสัมพันธภาพกับผู้อื่น
การพยาบาล
ให้การพยาบาลแบบองค์รวม
ให้ความรู้เกี่ยวกับการอบรมเลี้ยงดูบุตร
ช่วยเหลือให้ผู้ป่วยค้นหาจุดดีของตนเอง good me
ทฤษฎีทางชีวภาพทางการแพทย์
การบำบัดรักษา
รักษาด้วยยา
ด้วยกระแสไฟฟ้า
ผ่าตัดสมอง
การใช้ฮอร์โมนบำบัด
โภชนบำบัด
การพยาบาล
ดูแลให้ได้รับยาตามแผนการรักษา
ใส่ใจปัญหาสุขภาพ ความต้องการของผู้ป่วย
นำทฤษฎีอื่นมาประยุกต์ใช้
ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการส่งเสริมสุขภาพจิต
พฤติกรรมที่ผิดปกติเกิดจากการทำงานของโครงสร้าง cell สมองที่ทำงานผิดปกติ
บุคลิกที่ผิดปกติเกิดจากความสมดุลของสารสื่อประสาทในสมอง
สาเหตุความผิดปกติ
สารสื่อประสาท ได้แก่
dopamine (การเคลื่อนไหว เหตุผล อารมณ์ ) ,
norepinephrine (อารมณ์ การตื่นตัว การควบคุมอุณหภูมิ ระบบประสาทอัตโนมัติ) ,
serotonin (ความสุข การหลับ การอยากอาหาร)
,acetylcholine (ความจำ การเรียนรู้ ถ้าต่ำจะเป็นAlzheimer )
,Gaba (ลดความวิตกกังวล ถ้าต่ำจะชัก anxiety)
ความผิดปกติของโครงสร้างและการทำงานของสมอง
พัฒนาการของเซลล์ประสาท
พันธุกรรม
ฮอร์โมน
ทฤษฎีมนุษยนิยม
ทฤษฎีอัตถิภาวะนิยม ( Existential Theory )
เน้นประสบการณ์ในปัจจุบัน ไม่สนอดีต
เชื่อในความสำคัญของบุคคลแต่ละคน มากกว่าสังคม
มนุษย์มีศักยภาพในการแก้ไขปัญหา
บุคคลไม่เข้าใจใน insight ของตัวเอง จึงรู้สึกเศร้า
เน้นรักษา ให้ผู้ป่วยอยู่กับปัจจุบันมากที่สุด near&now
เช่น บอกข้อดีของการออกกำลังกาย ถ้าทำ ไม่ทำอะไรจะมีประโยชน์มากกว่า
การบำบัดรักษาทางจิตเวช
รับผิดชอบตนเอง
ให้การช่วยเหลือค้นหาความหมายของชีวิต อันเป็นแรงผลักดัน
เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
ไม่คำนึงถึงความดีเลว
ทฤษฎีกลุ่มปรัชญามานุษยนิยม (Humanistic philosophies)
ความเชื่อ
มนุษย์มีศักยภาพในการแก้ไขปัญหาด้วยตนเอง
มีอิสระในการเลือกกระทำสิ่งต่างๆที่มีขอบเขต
เป้าหมายสูงสุดในชีวิตคือ ความสุข อิสระ การเจริญพัฒนา
ทฤษฎีการเรียนรู้ของ คาร์ล โรเจอร์ ( roge‘s Self theory)
เน้นผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง
เน้นให้คำปรึกษาเป็นหลัก
ดึงศักยภาพและเหตุผลของผู้ป่วยออกมาใช้โดยผู้ป่วยเอง
เน้น non directive คือไม่แนะนำแต่ให้ผู้ป่วยตระหนักถึงด้วยตนเอง โดยพยาบาลสะท้อนกลับคำพูดของผู้ป่วย
ทฤษฎีตัวตน
Self concept มุมมองเห็นว่าตนเป็นอย่างไร เช่นคิดว่าตัวเองไม่สวย
Real self ตัวตนตามความเป็นจริง
Ideal self ตัวตนที่อยากเป็น เช่น อยากเป็นดารา
ไม่เรียกผู้ป่วย คนไข้ เรียกผู้รับบริการเราพยาบาลเป็น partner
กระบวนการรักษาเน้นที่ทัศนคติของผู้ให้การบำบัดต่อผู้รับบริการ
Genuineness ความจริงใจต่อตนเองและผู้รับบริการ
Empathy ความเห็นอกเห็นใจ
Unconditional positive regard การยอมรับผู้รับบริการโดยปราศจากเงื่อนไข
มาสโลว์ : มนุษย์เกิดมาทำดี เกิดจากการตอบสนองความต้องการพื้นฐานเพียงพอ
ก่อนพัฒนาตนเองได้ต้องได้รับการตอบสนองอย่างเพียงพอจึงจะพัฒนาได้
การนำมาใช้ แนะนำให้การเลี้ยงดูเรื่องการตอบสนอง เขาอยากได้อะไร ขาดตรงไหนก็ให้