Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
หลักการและทฤษฎีการจัดการ - Coggle Diagram
หลักการและทฤษฎีการจัดการ
วัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม
1.สามารถอธิบายความหมาย หลักการ และแนวคิดของการจัดการได้
2.สามารถอธิบายองค์ประกอบของการจัดการได้
3.สามารถนำหลักการจัดการ ไปใช้ในการทำโครงงาน การทำงาน และชีวิตประจำวันได้
ประสิทธิภาพ หมายถึง การทํางานอย่างถูกวิธี การทํางานที่ได้ผลผลิตมากกว่า โดยใช้ปัจจัยนําเข้าน้อยกว่า หรือ เท่ากัน หมายความว่า ทํางานได้มีประสิทธิภาพมากกว่า ปัจจัยนําเข้า ได้แก่ คน เงิน วัตถุดิบ อุปกรณ์ เครื่องจักร และทุน ทรัพยากรเหล่านี้มีจํากัด และเป็นต้นทุนในการดําเนินงานขององค์การ ดังนั้น การจัดการที่ดีจึงต้องพยายามทํา ให้มีการใช้ทรัพยากรน้อยที่สุดและให้เกิดผลผลิตมากที่สุด
ประสิทธิผล หมายถึง การทําได้ตามเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ที่กําหนดไว้ ผลผลิต เป็นไปตามเป้าหมายที่ กําหนดไว้เช่น สถาบันการศึกษาที่ผลิตบัณฑิตเป็นจำนวนมาก โดยไม่คำนึงถึงคุณภาพการศึกษา ใช้ทรัพยากรในการผลิตหรือต้นทุนต่อผู้เรียนตํ่า แม้มีประสิทธิภาพ แต่อาจไม่มีประสิทธิผลในการศึกษา แต่การทํางานเพื่อให้ได้ประสิทธิผล
การจัดการ (Management) หมายถึง กระบวนการที่ทําให้งานกิจกรรมต่างๆ สําเร็จลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีประสิทธิผลด้วยคนและทรัพยากรขององค์การ (Robbins and DeCenzo, 2004; Certo, 2003) เป็นการ ดำเนินการ หรือ การปฏิบัติงานใดๆ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์และก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
วิวัฒนาการทฤษฎีการจัดการ
1.แนวคิดการจัดการในยุคแรกเริ่ม (Early Management Thought) ยุคอดีต-1880
2.ทฤษฎีการจัดการแบบดั้งเดิม (Classical Management Theory) 1880-1930
3.ทฤษฎีการจัดการเชิงพฤติกรรม (Behavioral Management Theory) 1930-1950
4.ทฤษฎีการจัดการสมัยใหม่ (Modern Management Theory) 1950-ปัจจุบัน
- ทฤษฎีการจัดการแบบดั้งเดิม (Classical Management Theory) 1880-1930 ใช้หลักวิธีการจัดการแบบวิทยาศาสตร์มาช่วยในการบริหารการจัดการ เน้นประสิทธิภาพ (Efficiency) และ ประสิทธิผล (Effectiveness) ทำให้ระบบบริหารการจัดการแบบโบราณได้เปลี่ยนแปลงไปมาก
(3) แนวคิดของ Frank Gilbreth & Lillian Gilbreth
ได้พัฒนาแผนผังกระบวนการไหลของงาน (Flow Process Chart) เพื่อลดเวลาสูญเปล่า และเพิ่มผลผลิต ในการทำงานสนับสนุนแนวคิดของ Taylor
-
-
(5) แนวคิดของ Henri Fayol
เป็นวิศวกร นักเศรษฐศาสตร์ และนักทฤษฎีทุนนิยมเสรีแนวใหม่ซึ่งมองว่าการบริหารองค์กรต้องมีการ จัดการแรงงาน ควบคุมต้นทุนในการผลิตให้ได้ซึ่งแนวคิดของ Henri เป็นแนวทางเดียวกับทฤษฎีScientific Management ของ Frederick Winslow Taylor และเมื่อปี ค.ศ. 1916 ได้เขียนหนังสือชื่อ Administration industrielle et générale หรือ หลักการบริหารอุตสาหกรรม
“หลักการจัดการที่มีประสิทธิภาพของ Fayol”
หัวใจของการบริหารจัดการเพื่อให้งานสำเร็จตามเป้าหมายมีองค์ประกอบ 5 ปัจจัย เรียกว่า POCCC ดังนี้ - การวางแผน (Planning)
- การจัดองค์การ (Organizing)
- การบังคับบัญชาหรือการสั่งการ (Commanding)
- การประสานงาน (Coordinating)
-
(1) แนวคิดของ Frederick W. Taylor : ค้นหาวิธีทำงานที่มีประสิทธิภาพสูงสุด และได้คิดค้นระบบ Scientific Management และนำหลักการศึกษาเวลาและการเคลื่อนไหว (time-motion Studies) เพื่อปรับปรุงวิธีการ ทำงาน โดยมีหลักการ
-
-
- แนวคิดการจัดการในยุคแรกเริ่ม (Early Management Thought) ยุคอดีต-1880 ยุคนี้อาศัยอำนาจหรือการบังคับให้คนงานทำงาน ซึ่งวิธีการบังคับอาจใช้ การลงโทษ การใช้แส้ การทำงานใน ยุคนี้ จึงเปรียบเสมือนทาส ต้องทำงานเพราะกลัวการลงโทษ
- ทฤษฎีการจัดการเชิงพฤติกรรม (Behavioral Management Theory) 1930-1950 มุ่งศึกษาพฤติกรรมมนุษย์ และให้ความสำคัญกับทรัพยากรมนุษย์ เช่น การสร้างแรงจูงใจ ให้คนยินยอม ปฏิบัติงานที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จ ความต้องการทั้งทางด้านสังคม และตนเองที่มุ่งที่จะสร้างความพึงพอใจต่อ ปฏิสัมพันธ์ทางสังคมกับผู้อื่น รวมถึงปฏิกิริยาต่อแรงกดดันกับผู้ร่วมงาน เป็นต้น
(1) แนวคิดของ Elton Mayo
-
- องค์กรมีภารกิจผลิตสินค้า บริการ และสร้างความพอใจให้กับสมาชิกในองค์กร
- พฤติกรรมมนุษย์ขึ้นอยู่กับค่านิยม และความเชื่อความรู้สึกของแต่ละคน
- สมาชิกในองค์กร ทำงานในฐานะสมาชิกกลุ่ม
- ระดับของผลผลิตถูกกำหนดโดยปทัสถานทางสังคมของกลุ่ม
- องค์กรที่ไม่เป็นทางการจะส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมของคนในองค์กร
(2) แนวคิดของ Mary Parker Follet ให้ความสนใจ เรื่อง “การจูงใจบุคคล” และการจูงใจกลุ่ม โดยการ กระตุ้นให้คนรู้สึกอยากทำงาน และคิดว่างานที่ทำ ทำให้มีความสุข ซึ่งได้เน้นเรื่องการประสานงาน อันจะก่อให้เกิดความ เข้าใจซึ่งกันและกัน ระหว่างพนักงานและฝ่ายจัดการ
-
- ทฤษฎีการจัดการสมัยใหม่ (Modern Management Theory) 1950-ปัจจุบัน
-
-
-
-
-
-
-