Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การวัดเชาวน์ปัญญา - Coggle Diagram
การวัดเชาวน์ปัญญา
แบบทดสอบเชาวน์ปัญญาของสแตนฟอร์ด-บิเนต์
จุดมุ่งหมายเริ่มแรกใช้วัดเชาวน์ปัญญาของ เด็กเพื่อคัดแยกเด็กที่มีปัญหาในการเรียนออก
มีแบบทดสอบฉบับเดียว ใช้วัดทั้งเด็กเล็กจนถึงผู้ใหญ่
ฉบับแรกๆจะแยกออกเป็นชุดย่อยๆ แต่ฉบับล่าสุดแบ่งเป็นการวัดความสามารถ 4 ด้านใหญ่ๆ คือ ด้านเหตุผลเชิงภาษา ด้านเหตุผลเชิงปริมาณ ด้านเหตุผลเชิงนามธรรมและทัศนภาพ และด้านการจำระยะสั้น
การหาไอคิวจะมีทั้งค่าไอคิวด้านเหตุผลเชิงภาษา ด้านเหตุผลเชิงปริมาณ ด้านเหตุผลเชิงนามธรรมและทัศนภาพ ด้านการจำระยะสั้น และไอคิวรวม
การวัดเชาวน์ปัญญาของเวคส์เลอว์
จุดมุ่งหมายเริ่มแรกต้องการใช้วัดเชาวน์ปัญญาผู้ใหญ่(อายุ 16 ปีขึ้นไป) เพื่อใช้วินิจฉัยอาการทางจิต
ออกแบบทดสอบวัดเชาวน์ปัญญาของเด็กเล็ก เด็ก และผู้ใหญ่ ออกเป็นคนละฉบับ
แบบทดสอบแต่ละฉบับจะแยกออกเป็นชุดภาษาและชุดปฏิบัติ แต่ละชุดจะแยกออกเป็นชุดย่อยๆตามประเภท
การหาไอคิว จะหาไอคิวตามชุดของข้อสอบ
การแปลความหมายของคะแนน IQ
คะแนนไอคิวและความหมาย
แบบทดสอบสแตนฟอร์ด-บิเนต์
132 ขึ้นไป -----> ฉลาดมาก
121 - 131 -----> ฉลาด
89 - 110 -----> ปกติหรือปานกลาง
111 - 120 -----> ค่อนข้างฉลาด
79 - 88 -----> ค่อนข้างโง่
68 - 78 -----> คาบเส้นหรือเด็กเรียนซ้ำ
67 ลงมา -----> บกพร่องทางสมอง
แบบทดสอบเวคส์เลอร์
130 ขึ้นไป -----> ฉลาดมาก
120 - 129 -----> ฉลาด
110 - 119 -----> ค่อนข้างฉลาด
90 - 109 -----> ปกติหรือปานกลาง
80 - 89 -----> ค่อนข้างโง่
70 - 79 -----> คาบเส้นระหว่างปกติกับบกพร่องทางสมอง
69 ลงมา -----> บกพร่องทางสมอง
ข้อควรคำนึงสำหรับครูเกี่ยวกับการแปลความหมายของไอคิว
ตระหนักเสมอว่า คะแนนจากแบบทดสอบเป็นเพียงดัชนีตัวหนึ่งจากหลายๆ ตัวที่บ่งบอกความสามารถของเด็ก ฉะนั้นการที่จะตัดสินเด็กควรพิจารณาสิ่งอื่นประกอบด้วย
คะแนนจากการทดสอบเป็นการวัดความสามารถทั่วๆไปของเด็ก ครูจึงไม่อาจสรุปว่าเด็กถนัดด้านใดหรือด้อยด้านใดด้านหนึ่งโดยเฉพาะ
อย่าให้ความสำคัญกับความต่างของคะแนน(ในกรณีคะแนนแตกต่างกันไม่มาก) เพราะอาจจะเกิดจากความคลาดเคลื่อน นอกจากนี้ควรตระหนักว่าคะแนนเชาวน์ปัญญาของเด็กแต่ละคนไม่ใช่ค่าคงที่ มันจะเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา