Kingdom Plantae

ลักษณะร่วม

เป็นเซลล์ยูแคริโอต

ประกอบด้วยผนังเซลล์ที่มีเซลลูโลส

สามารถสร้างอาหารเองได้

มีการปฏิสนธิภายใน

มีวัฏจักรชีวิตแบบสลับ

มีระยะสปอโรไฟต์ซึ่งเป็นการสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ สลับกับระยะแกมีโทไฟต์ที่มีการสร้างเซลล์สืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ

แบ่งได้เป็น 2 กลุ่มตามการสร้างสปอร์

Homosporous จะสร้างสปอร์ชนิดเดียว

Heterosporous จะสร้างสปอร์ 2 ชนิด

megaspore

microspore

Nonvascular plant

Vascular plant

Phylum Bryophyta

ได้แก่ มอส

การปฏิสนธิอาศัยน้ำเป็นตัวกลาง

Sporophyte ประกอบด้วย 3 ส่วน

foot

seta

sporangium/capsule

มักพบบริเวณที่ชื้นแฉะ

มีขนาดเล็กและมักเจริญในที่ที่มีความชื้นสูง

ยังไม่มีราก ลำต้น และใบที่แท้จริง

โครงสร้างลักษณะคล้ายราก เรียกว่า Rhizoid

การปฏิสนธิต้องอาศัยน้ำเป็นตัวกลาง

วัฏจักรชีวิตแบบสลับของระยะ
gametophyte เด่นตลอดชีวิต

Phylum Hepatophyta

peristome teeth

ได้แก่ ลิเวอร์เวิร์ต

ระยะแกมีโทไฟต์มีรูปร่างเป็นแผ่น
หรืออาจมีรูปร่างคล้ายกับมอส

เมื่อตกในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม
ก็จะกลายเป็นต้น gametophyte

Antheridiophore ทำหน้าที่เป็น
ก้านชูโครงสร้างของ antheridium

Archegoniophore ทำหน้าที่เป็น
ก้านชูโครงสร้างของ archegonium

เป็นพืชที่ยังไม่พบโครงสร้างของปากใบ

Leafy liverwort ส่วนของ gametophyte เป็นแผ่นบาง ๆ ภายในเซลล์มีหยดน้ำมันอยู่ด้วย ส่วน sporophyte มีลักษณะเป็นก้านชูขึ้นมาแต่มีความสูงน้อยกว่าของมอสหรือฮอร์นเวิร์ต

Phylum Anthocerophyta

ได้แก่ ฮอร์นเวิร์ต

ฮอร์นเวิร์ตมีลักษณะหลายอย่าง
ที่แตกต่างออกไปจากกลุ่ม Nonvascular

แต่ละเซลล์จะมีคลอโรพลาสต์ขนาดใหญ่ 1 คลอโรพลาสต์
และคลอโรพลาสต์มีรูปร่างเป็นแผ่น

ต้น sporophyte ของฮอร์นเวิร์ตจะสามารถเจริญเติบโตได้เรื่อย ๆ ไม่มีขีดจำกัด

มีราก ลำต้น และใบที่แท้จริง มีใบ 2 ประเภท

microphyll

megaphyll

มีระยะ sporophyte
เป็นระยะที่เด่น

Seedless plant

Euphyllophyte

Seed plant

Angiosperm

sporophyte จะมีการเจริญที่เป็น
อิสระออกมาจากระยะ gametophyte

sporophyte จะมีลักษณะแตก
กิ่งก้านสาขาออกมามากขึ้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

Lycophyte

เจริญอยู่บนดินหรือเป็นพืชอิงอาศัย

มีการสร้างสปอร์ภายใน sporangium
ซึ่งถูกสร้างโดยใบพิเศษที่เรียกว่า sporophyll
เรียกโครงสร้างนี้ว่า strobilus

Lycopodium

ชื่อสามัญคือ club moss สร้ายนางกรอง ช้องนางคลี่ หางสิงห์

มีการสร้างสปอร์แบบเดียว

มีการแตกกิ่งแบบแยกเป็นสองแฉก

มี strobilus อยู่ปลายกิ่ง

Selaginella

Isoetes

Gymnosperm

เช่น กระเทียมน้ำ

พบได้ยากในปัจจุบัน

เป็นกอคล้ายกอกระเทียมขนาดเล็ก

การปฏิสนธิต้องอาศัยน้ำเป็นตัวกลาง

มีชื่อสามัญคือ spike moss ตีนตุ๊กแก พ่อค้าตีเมีย

มีการสร้างสปอร์ 2 แบบ

มีการแตกกิ่งแบบแยกเป็นสองแฉก

microsporangium ซึ่งถูกสร้างโดย microsporophyll มีหน้าที่ในการสร้าง microspore ซึ่งจะเจริญไปเป็น male gametophyte

megasporangium ซึ่งถูกสร้างโดย megasporophyll มีหน้าที่ในการสร้าง megaspore ซึ่งจะเจริญไปเป็น female gametophyte

เป็นพืชที่มีใบแบบ megaphyll

เป็นพืชที่มีใบแบบ microphyll

Monilophyte

พบได้ทั้งบนดิน หิน เป็นพืชอิงอาศัย

การปฏิสนธิยังต้องอาศัยน้ำเป็นตัวกลาง

มีทั้งลำต้นใต้ดินและลำต้นเหนือดิน

มีขนาดเล็กไปจนถึงเป็นไม้ต้นขนาดใหญ

Fern

มีความหลากหลายสูง

บางชนิดมีขนาดเล็ก บางชนิดมีขนาดใหญ่


บางชนิดอาจมีการดำรงชีวิต
เป็นพืชอิงอาศัย

มีลักษณะของใบอ่อนม้วนงอ

มีการสร้างอับสปอร์อยู่ทางด้านล่าง
ของแผ่นใบเรียกว่า Sorus

มีเยื่อหุ้มที่เรียกว่า indusium ปกคลุมซอรัส
แต่ละซอรัสประกอบขึ้นจาก sporangium
sporangium แต่ละอันจะมีสปอร์อยู่เป็นจำนวนมาก

มีการสร้างสปอร์แบบเดียวยกเว้นเฟิร์นน้ำ
ที่มีการสร้างสปอร์สองแบบ

Horsetail

เรียกอีกชื่อหนึ่งว่าสนหางม้า ปัจจุบันเหลืออยู่สกุลเดียว คือ Equisetum sp

ต้นสปอโรไฟต์มีส่วนของลำต้นเหนือดินที่เห็นข้อปล้องชัดเจน

แต่ละใบมีเส้นใบ 1 เส้นดูคล้ายลักษณะของไลโคฟิลล์แต่มีกำเนิดต่างกัน

ผิวของลำต้นเหนือดินมีลักษณะสากเนื่องจากการสะสมของธาตุซิลิกา

โครงสร้างที่สร้างอับสปอร์เกิดอยู่รวมกันเป็นกลุ่มที่ปลายกิ่งเรียกstrobilus

มีการสร้างสปอร์
แบบเดียว

Whisk fern

มีใบแบบยูฟิลล์ไม่พัฒนา ใบลดรูปมีขนาดเล็กคล้ายเกล็ด เรียกว่า appendage

ไม่พบรากที่แท้จริง แต่มีrhizoid ทำหน้าที่แทนราก

การแตกกิ่งจะมีการแตกกิ่งออกเป็นคู่ ๆ ขนาดเท่ากันแยกไปเรื่อย ๆ

การสร้างสปอร์จะสร้างภายในอับสปอร์ที่มีลักษณะเป็น 3 พูเกิดบนกิ่ง
โดยสปอร์ที่สร้างขึ้นจะเป็นสปอร์แบบเดียว

เป็นกลุ่มพืชที่สร้างออวุล

มีการถ่ายเรณูโดยอาจอาศัยสัตว์ ลม หรือน้ำ

หลังการปฏิสนธิออวุลจะ
เจริญไปเป็นเมล็ด

ออวุลของพืชกลุ่มนี้ไม่มีรังไข่ห่อหุ้ม ดังนั้นเมล็ดจึงไม่มีผลห่อหุ้ม

โครงสร้างที่สร้างอับสปอร์มักเกิดการรวมกัน
เป็นกลุ่มเรียกว่า cone หรือ strobilus

Phylum Cycadophyta

ได้แก่ปรงชนิดต่าง ๆ

บางชนิดสามารถสูงได้ถึง 20 เมตร

ใบปรงเป็นแบบเมกะฟิลล์
ที่เป็นใบประกอบแบบขนนก

เป็นพืชที่มีการแยกเพศคนละต้น

Phylum Ginkgophyta

Phylum Coniferophyta

Phylum Gnetophyta

พืชในไฟลัมนี้เหลือเพียงชนิดเดียว คือ แปะก๊วย

เป็นไม้ยืนต้น ใบมีรูปร่างคล้ายพัด

เส้นใบมีการแตกแขนงแบบ dichotomous branching

เป็นพืชที่มีการแยกเพศคนละต้น

เป็นพืชที่มีความหลากหลาย
มากที่สุดในพืชกลุ่มเมล็ดเปลือย

เป็นไม้ต้นขนาดใหญ่ที่ไม่ผลัดใบ

ใบอาจจะเป็นแบบ needle like leaves หรือ
scale like leaves เพื่อลดการคายน้ำ

มีการสืบพันธุ์โดยอาศัยเมล็ดที่ไม่มีผนังรังไข่หุ้ม

ได้แก่ มะเมื่อย

เมล็ดยังคงไม่มีผลห่อหุ้ม แต่มีลักษณะหลายประการคล้ายกับพืชดอก

มีสโตรบิลัสแยกเพศ

มีราก ลำต้น ใบ ที่แท้จริง รวมถึงมีวิวัฒนาการของเนื้อเยื่อลำเลียงที่สมบูรณ์

ออวุลอยู่ในโครงสร้างของรังไข่เมื่อพัฒนาไปเป็นเมล็ด เมล็ดของพืชดอกจึงอยู่ภายในผลซึ่งพัฒนามาจากรังไข่

Monocots

Eudicots

มีใบเลี้ยง 1 ใบ

มีใบเลี้ยง 2 ใบ

ใบแบบร่างแห

ระบบรากแก้ว

ระบบท่อลำเลียงเป็นระเบียบ

มีวงปี

มีการเจริญเติบโตขั้นที่ 2

ใบแบบขนาน

ระบบรากฝอย

ระบบท่อลำเลียงกระจาย

วิวัฒนาการสูงกว่า