Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
สรุปแนวคิด หลักการ ทฤษฎี และกระบวนการการบริหาร, จัดทำโดย นางสาวโวรยา …
สรุปแนวคิด หลักการ ทฤษฎี และกระบวนการการบริหาร
กระบวนการการบริหาร
องค์ประกอบของการบริหารและหลักการบริหาร
ทรัพยากรการบริหารหรือปัจจัยการบริหาร (Administrative resources) หรือ 4 M :
( Money ) เงินหรืองบประมาณ
( Material ) วัสดุและอุปกรณ์
( Management ) การจัดการหรือเทคนิคในการบริหาร
( Man ) คน หรือบุคคลหรือบุคลากร
กระบวนการบริหาร ( Administrative process )
PODC
การวางแผน ( Planning )
การจัดองค์การ ( Organizing )
การสั่งการหรือการอำนวยการ ( Directing )
การควบคุมงาน ( Controlling )
POLE
การวางแผน ( Planning )
การจัดโครงสร้าง ( Organizing )
ภาวะผู้นำ ( Leading )
การติดตามประเมินผล ( Evaluating )
ผลลัพธ์ของการบริหารงาน ( Output )
การบริหารงานนั้นจะต้องเป็นไปอย่างประหยัด ( Economic )
ผลงานมีประสิทธิภาพ ( Efficiency )
ผลงานมีประสิทธิผล ( Effectiveness )
มีความเป็นธรรม ( Equity )
บทบาทของผู้บริหารในการจัดการ (Management Roles) มินซ์เบิร์ก (Henry Mintzberg . 1973)
บทบาทในการจัดการ (Management Roles)
บทบาทในกระบวนการกลั่นกรองข้อมูล
บทบาทในกระบวนการปฏิสัมพันธ์
บทบาทในกระบวนการตัดสินใจ
บทบาทหน้าที่ด้านการทำงาน 7 ข้อ
การวางแผนและการจัดองค์กร
การแก้ปัญหา
การแสดงบทบาท และวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน
การให้ข้อมูล
การติดตามตรวจสอบ
การเป็นที่ปรึกษา
การมอบอำนาจ
บทบาทหน้าที่ในการสร้างสัมพันธภาพ 6 ข้อ
การมีเครือข่าย
การให้การสนับสนุน
การพัฒนา และเป็นพี่เลี้ยงสอนงาน
การบริหารความขัดแย้ง และการสร้างทีม
การสร้างแรงจูงใจ และให้กำลังใจ
การยอมรับ และให้รางวัล
แนวคิด หลักการ ทฤษฎี
หลักการของการบริหาร
ให้บรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายของงาน หน่วยงานและองค์การอย่างมีประสิทธิผลและมีประสิทธิภาพสูงสุด
(Objective) (Goal) (Effectiveness) (Effciency)
ความหมายของการบริหาร
การบริหาร
กระบวนการวางแผน การจัดระบบองค์กรและพนักงาน การเป็นผู้นำ และการควบคุมการดำเนินงาน โดยมีการประสานงาน และการจัดสรรทรัพยากร เพื่อความสำเร็จขององค์กรตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ซึ่งประกอบด้วย การวางแผน การจัดระบบองค์กรและการจัดระบบพนักงาน ความเป็นผู้นำและการควบคุม
การวางแผน
การกำหนดเป้าหมายและสรรหานโยบายเพื่อให้องค์กรบรรลุเป้าหมาย
เป้าหมายของการบริหาร
ประสิทธิภาพ (Efficiency)
เป็นความสามารถขององค์การในการบรรลุจุดมุ่งหมาย โดยใช้ทรัพยากรอย่างประหยัด คือสิ้นเปลืองน้อยที่สุด
ประสิทธิผล (Effictiveness)
ความสามารถขององค์การในการบริหารงานให้บรรลุจุดมุ่งหมายใน
ช่วงเวลาที่กำหนด
วัตถุประสงค์ของการทำงาน
“ต้องทำงาน”โดยระบุว่าต้องทำงานอะไร ทำเท่าไร(WHAT) ทำที่ไหน(WHERE) ทำเมื่อไร (WHEN) ทำกับใคร(WHO) และทำอย่างไร(HOW)ชัดเจน
องค์กรและการจัดการ
คือ องค์กรนั้นเป็นการรวมกลุ่มตั้งแต่สองคนขึ้นไปที่ต้องทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่กำหนด
การจำแนกองค์การโดยยึดโครงสร้าง
องค์การแบบเป็นทางการ (formal organization)
เช่น บริษัท หน่วยราชการ โรงพยาบาล
องค์การแบบไม่เป็นทางการ (informal organization)
เช่น ชมรมกลุ่มต่างๆ
การจำแนกประเภทขององค์การ
โดยยึดวัตถุประสงค์ขององค์กร ปีเตอร์ บลัวและริชาร์ด สกอตต์ (Peter Blua and Richard Scott)
องค์การเพื่อสวัสดิภาพของประชาชน
องค์การเพื่อบริการ
องค์การทางธุรกิจ
เพื่อประโยชน์ของสมาชิก
การจำแนกองค์การโดยยึดการกำเนิดสามารถแบ่งออกเป็น2ประเภท
องค์การแบบปฐม (Primary organization)
เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติมีกิจกรรมเฉพาะกลุ่ม
องค์การแบบมัธยม (Secondary organization)
จัดตั้งขึ้นโดยสมาชิกที่มีความสัมพันธ์กัน แต่ความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกในองค์การจะไม่เป็นแบบส่วนตัว
การพัฒนาแนวคิดในการจัดการ (Development of Management Thought)
การจัดการเชิงวิทยาศาสตร์
เทเลอร์ ( Frederick Taylor)
“Father ofScientific Management”แสวงหาวิธีการให้คนทำงานตามเวลา คัดเลือกคนให้ถูกกับงาน “Put the right man on the right job”
กิลเบรธ (Frank and Lillian Gilbreth )
การเคลื่อนไหวและความเหนื่อยเป็ นของคู่กัน
แกนท์ (Henrry Gantt )
จูงใจให้พนักงานและหัวหน้าทำงานได้เกินกว่ามาตรฐานปกติ
พัฒนาความรู้ในทุก ๆด้าน โดยใช้หลักเกณฑ์ทางวิทยาศาสตร์
ใช้หลักเกณฑ์ทางวิทยาศาสตร์ในการคัดเลือกบุคคลเพื่อค้นหาความถนัด
ผู้บริหารจะต้องร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับผู้ปฏิบัติงาน เพื่อให้งานดำเนินตามแผนและมีมาตรฐาน
ผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงานต้องยอมรับในงานของตนเอง หากผู้ปฏิบัติงานทำงานผิดพลาด ผู้บริหารต้องร่วมรับผิดชอบด้วย
การจัดการแบบดั้งเดิม ( Classic Organization )
การจัดการแบบเป็นทางการ ( Bureaucratic Theory )
แม็กซ์ เวเบอร์ บิดาแห่งทฤษฎีองค์กร ความสัมพันธ์ซึ่งกันและกันที่ไม่เป็นส่วนตัว ทำให้เกิดความสำเร็จของงานที่มีประสิทธิภาพ
อำนาจหน้าที่ตามประเพณี
อำนาจหน้าที่แบบบารมี
อำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย
ฟาโยล เน้นที่ความสำคัญของงาน การวางแผน การจัดองค์กร การจัดลำดับความสำคัญ การร่วมมือ และการควบคุม เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ
มีการกำหนดวัตถุประสงค์ (Objective)
คำนึงถึงความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน (Specialization)
มีการประสานงาน (Coordination)
มีการกำหนดอานาจหน้าที่ไว้อย่างชัดเจน (Authority)
มีการกำหนดความรับผิดชอบ (Responsibility)
รูปแบบของเบนเนอร์จากการเริ่มต้นสู่ผู้ เชี่ยวชาญ (Benner’ Model of Novice to Expert)
ทฤษฎีญี่ปุ่น William Ouchi
Theory Z Organization เชื่อว่า มนุษย์ทุกคนมีความคิดสร้างสรรค์และความดีอยู่ในตัวควรเปิดโอกาสให้ผู้ปฏิบัติงานได้มีส่วนร่วมในการพัฒนางาน (4S)
พนักงาน (Staff)
ความชำนาญ (Skill)
รูปแบบ (Style)
เป้าหมายที่สูงกว่าธรรมดา (Superordinate Goal)
รูปแบบของเบนเนอร์จากการเริ่มต้นสู่ผู้ เชี่ยวชาญ (Benner’ Model of Novice to Expert)
การเริ่มต้น (Novice)
ความก้าวหน้า (Advance )
การเป็นผู้ริเริ่ม (Beginner)
ความสามารถ (Competent)
เป็นผู้เชี่ยวชาญ (Expert)
ทิศทางการบริหารในอนาคต (Future Direction)
จะทำให้เป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ผู้ชำนาญการด้านความรู้ในองค์กร จะเป็นผู้ที่มีคุณค่าที่บุคคลจะหาความรู้ มีการแลกเปลี่ยน ความรู้ จัดการความรู้
Magnet Hospital
การทำงานกับพยาบาลที่มีความสามารถทางคลินิก
ความสัมพันธ์ระหว่างพยาบาล / แพทย์ที่ดี
ความเป็นอิสระด้านการพยาบาลและความรับผิดชอบ
ควบคุมการปฏิบัติการพยาบาล
การสนับสนุนผู้จัดการฝ่ายพยาบาล
การสนับสนุนด้านการศึกษา
มีพยาบาลที่เพียงพอ
การคำนึงถึงผู้ป่วยเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
Magnet Hospitals have better outcomes
Lower mortality rates
Lower morbidity rates
Higher patient satisfaction
Higher staff job satisfaction
Lower overall costs
จัดทำโดย นางสาวโวรยา อิ่มใจ ปี 3B เลขที่ 58 61110301137