Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

รายงานการวางแผนการพยาบาลผู้สูงอายุ, สีฟ้า คือพบปัญหาในแต่ละแบบแผน, สีส้ม …

- - - - คนที่ 7 ไม่พบปัญหาเกี่ยวกับสติปัญญาและการรับรู้
    - - คนที่ 6 ไม่สามารถจำเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นได้
        S: -
        O: จากแฟ้มประวัติผู้สูงอายุสามารถจดจำเรื่องราวต่างๆ ในอดีตได้เป็นอย่างดี แต่ไม่สามารถจำเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นได้
      - คนที่ 8 มีปัญหาด้านการมองเห็น
        S : การมองเห็น ตาขวา มีอาการพร่ามัวมองไม่ค่อยชัด
        O :-
        มีปัญหาด้านความจำ
        S : -
        O : ผลการตรวจร่างกายและซักประวัติระบบประสาทและการสัมผัส ผู้สูงอายุมีอาการหลงลืมในเรื่องวัน เวลา และความจำระยะสั้นในบางครั้ง
        มีปัญหาด้านความปวด
        S : -
        O : ผลการประเมินความปวด VAS = 2 คะแนน NRS = 4 คะแนน ผู้สูงอายุมีอาการปวดเล็กน้อยถึงปานกลาง
      - คนที่ 5 ผู้สูงอายุมีการเปลี่ยนแปลงในระบบประสาทและการสัมผัสเป็นไปตามวัย
        S: ผู้ป่วยมีสายตาพร่ามัวเป็นบางครั้ง มีอาการหูตึงได้ยินไม่ชัดเจนทั้งสองข้าง มีหลงลืมเล็กน้อย ต้องคิดนานขึ้น
        O: -
      - คนที่ 4 มีตาพร่ามัวเล็กน้อย
        S: ผู้ป่วยบอกว่า "ต้องใส่แว่นตาจึงจะมองเห็นชัดเจน มีตาพร่ามัวเล็กน้อย"
        O : -
      - คนที่ 3 มีอาการชาที่แขนขาซีกซ้าย
        S: -
        O: ผลการประเมินความปวด(Visual Analogue Scale): 3 คะแนน
      - คนที่ 2 เสี่ยงต่อการพลัดตกหกล้มเนื่องจากการมองเห็นบกพร่อง
        S: -
        O: ตาข้างขวาเป็นต้อ และบอดสนิท
      - คนที่ 1 ผู้สูงอายุมีปัญหา สายตาพร่ามัว
        S : -
        O : ผลการประเมินความปวด (Visual Analoguc Scale :VAS)
        4 คะแนน มีอาการปวดเล็กน้อยถึงปานกลาง
  - - - คนที่ 6 ไม่พบปัญหาแบบแผนการรับรู้ตนเองและอัตมโนทัศน์
      - คนที่ 4 ไม่พบปัญหาในเรื่องของการรับรู้ตนเองและอัตมโนทัศน์
      - คนที่ 4 ไม่พบปัญหาในเรื่องของการรับรู้ตนเองและอัตมโนทัศน์
      - คนที่ 2 ไม่พบปัญหาในเรื่องของการรับรู้ตนเองและอัตมโนทัศน์
      - คนที่ 1 ไม่พบปัญหาในเรื่องของการรับรู้ตนเองและอัตมโนทัศน์
      - คนที่ 7 ม่พบปัญหาแบบแผนการรับรู้ตนเองและอัตมโนทัศน์
      - คนที่ 8 ไม่พบปัญหาในเรื่องของการรับรู้ตนเองและอัตมโนทัศน์
    - - คนที่ 3 การเจ็บป่วยของตนเองส่งผลต่อการเดินทางที่ยากลำบาก
        S:แขนขาซ้ายทำงานไม่เหมือนเดิม
        O: ความสามารถในการเดินมีปัญห
      - คนที่ 5 ผู้สูงอายุมีการรับรู้และอัตมโนทัศน์เป็นไปตามวัย
        S: - ผู้สูงอายุทำกิจกรรมได้น้อยลง ต้องได้รับการช่วยเหลือจากผู้อื่น
        O: -
  - - - คนที่ 6 ผู้สูงอายุไม่มีปฏิสัมพันธ์กับผู้สูงอายุที่อยู่ในบ้านเดียวกัน
        S: -
        O: จากแฟ้มประวัติ ผู้สูงอายุไม่มีปฏิสัมพันธ์กับผู้สูงอายุที่อยู่ในบ้านเดียวกัน
    - - คนที่ 4 ไม่พบปัญหาเกี่ยวกับเรื่องบทบาทและสัมพันธภาพ
      - คนที่ 5 ไม่พบปัญหาเกี่ยวกับเรื่องบทบาทและสัมพันธภาพ
      - คนที่ 7 ไม่พบปัญหาเกี่ยวกับเรื่องบทบาทและสัมพันธภาพ
      - คนที่ 8 ไม่พบปัญหาเกี่ยวกับเรื่องบทบาทและสัมพันธภาพ
      - คนที่ 3 ม่พบปัญหาเกี่ยวกับเรื่องบทบาทและสัมพันธภาพ
      - คนที่ 2 ไม่พบปัญหาเกี่ยวกับเรื่องบทบาทและสัมพันธภาพ
      - คนที่ 1 ไม่พบปัญหาเกี่ยวกับเรื่องบทบาทและสัมพันธภาพ
  - - - คนที่ 6 ไม่พบปัญหาเกี่ยวกับการนอนหลับ
      - คนที่ 8 ไม่พบปัญหาเกี่ยวกับการพักผ่อนและการนอนหลับ
      - คนที่ 4ไม่พบปัญหาในเรื่องการพักผ่อนและการนอนหลับ
      - คนที่ 3 ไม่พบปัญหาในเรื่องการพักผ่อนและการนอนหลับ
      - คนที่ 2 ไม่พบปัญหาในเรื่องการพักผ่อนและการนอนหลับ
      - คนที่ 1 ไม่พบปัญหาในเรื่องการพักผ่อนและการนอนหลับ
    - - คนที่ 5 ผู้สูงอายุมีปัญหาเกี่ยวกับการนอนหลับไม่ดี
        S: -
        O: ผลการประเมินตามแบบประเมินคุณภาพการนอนหลับ (PSQI): 14 คะแนน
      - คนที่ 7 ผู้สูงอายุมีคุณภาพการนอนหลับไม่ดี
        S : ผู้สูงอายุให้ข้อมูลว่า “นอนไม่ค่อยหลับ ใช้เวลานานกว่าจะนอนหลับ และมักจะตื่นนอนประมาณ 01.00 น.”
        O : ผลการประเมินตามแบบประเมินคุณภาพการนอนหลับ (PSQI)
        ผลการประเมิน = 9 คะแนน
  - - - คนที่1 ไม่พบปัญหาเกี่ยวกับการรับรู้สุขภาพและการดูแลสุขภาพ
      - คนที่ 8 ไม่พบปัญหาเกี่ยวกับการรับรู้สุขภาพและการดูแลสุขภาพ
      - คนที่ 4 ไม่พบปัญหาเกี่ยวกับการรับรู้สุขภาพและการดูแลสุขภาพ
      - คนที่ 2 ไม่พบปัญหาเกี่ยวกับการรับรู้สุขภาพและการดูแลสุขภาพ
    - - คนที่ 6 ปวดเข่าเนื่องจากมีการเสื่อมสภาพของกระดูก
        S: ผู้สูงอายุบอกว่า “ปวดเข่าซ้ายบางครั้งเวลาเดิน ทำให้เดินไม่สะดวก ไม่อยากเดิน”
        O: -
      - คนที่ 7 มีพฤติกรรมการสูบบุหรี่
        S: “ผู้สูงอายุให้ข้อมูลว่าสูบบุหรี่เมื่ออายุ20ปัจจุบันยังไม่เลิกสูบบุหรี่แต่ลดจำนวนลง
        O: -
      - คนที่ 5 พฤติกรรมการสูบบุหรี่เป็นครั้งคราวขณะพักอยู่ที่ศูนย์ฯ
        S : ผู้ป่วยบอกว่า "สูบบุหรี่เป็นครั้งคราวขณะพักอยู่ที่ศูนย์"
        O : -
      - คนที่3 มีพฤติกรรมการสูบบุหรี่และการดื่มกาแฟในปริมาณที่มาก
        S : -
        O : จากแฟ้มประวัติผู้สูงอายุสูบบุหรี่วันละ 1 ซอง/วัน กาแฟ 5 แก้ว/วัน
  - - - คนที่ 4 ไม่พบปัญหาเกี่ยวกับพฤติกรรมการรัประทานอหารและการเผาผลาญ
      - คนที่ 3 ไม่พบปัญหาเกี่ยวกับพฤติกรรมการรัประทานอหารและการเผาผลาญ
      - คนที่ 2 ไม่พบปัญหาเกี่ยวกับพฤติกรรมการรัประทานอหารและการเผาผลาญ
      - คนที่ 1 ไม่พบปัญหาเกี่ยวกับพฤติกรรมการรัประทานอหารและการเผาผลาญ
    - - คนที่ 7 ฟันหลุดร่วงทําให้การเคี้ยวลําบาก
        S: -
        O: ผลการประเมินตามแบบประเมินโภชนาการ (Mini Nutritional Assessment : MNA)
        ผลการประเมิน : คะแนนคัดกรอง = 8 คะแนน มีความเสี่ยงต่อภาวะขาดสารอาหาร
      - คนที่ 8 ผู้สูงอายุมีภาวะอ้วน
        S: -
        O: ค่า BMI = 28.65 kg / m (อ้วนปานกลาง)
      - คนที่ 6 ผู้ป่วยดื่มน้ำน้อย
        S: ผู้สูงอายุบอกว่า “ดื่มน้ำน้อย เพราะดื่มเยอะทำให้ปัสสาวะบ่อย”
        O: จากแฟ้มประวัติผู้สูงอายุดื่มน้ำฝนที่รองใส่ตุ่ม
      - คนที่ 5 ผู้สูงอายุมีการเปลี่ยนแปลงในระบบทางเดินอาหารเป็นไปตามวัย
        S: -
        O: ผลการประเมินภาวะโภชนาการ (MNA): 18.5 คะแนน
  - - - คนที่ 4 ผู้สูงอายุกลั้นปัสสาวะไม่อยู่
        S : ผู้ป่วยบอกว่า “ผู้สูงอายุจะมีอาการปัสสาวะเล็ด เมื่อปวดปัสสาวะจะไปเข้าห้องน้ำทันที “
        O : ผลการประเมินภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ในผู้สูงอายุผู้ป่วยมี
        การกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ในระดับรุนแรงน้อย
      - คนที่ 5 ผู้สูงอายุมีภาวะท้องผูกในระดับปานกลาง
        S: -
        O:ผลการประเมินแบบแผนประเมิน
        ความเสี่ยงต่อการเกิดอาการท้องผูกของผู้สูงอายุ: -4 คะแนน
    - - คนที่ 7 ไม่พบปัญหาในระบบขับถ่าย
      - คนที่ 8 ไม่พบปัญหาเกี่ยวกับการขับถ่าย
      - คนที่ 6 ไม่พบปัญหาแบบแผนการขับถ่าย
      - คนที่ 3 ไม่พบปัญหาในระบบขับถ่าย
      - คนที่ 2 ไม่พบปัญหาในระบบขับถ่าย
      - คนที่ 1 ไม่พบปัญหาในระบบขับถ่าย
  - - - คนที่ 2 ไม่พบปัญหาเกี่ยวกับการปรับตัวและการเผชิญปัญหาเกี่ยวกับความเครียด
      - คนที่ 1 ไม่พบปัญหาเกี่ยวกับการปรับตัวและการเผชิญปัญหาเกี่ยวกับความเครียด
    - - คนที่ 3 มีความเครียดเล็กน้อย
        S:-
        O: ผลประเมินตามแบบแผนความเครียดกรมสุขภาพจิต(ST-5) 2 คะแนน
      - คนที่ 4 มีความเครียดระดับปานกลาง
        S:-
        O: ผลการประเมินตามแบบประเมินความเครียดกรมสุขภาพ(ST-5)
        ได้คะแนน 5 คะแนน
      - คนที่ 5 ผู้สูงอายุมีความเครียดน้อย
        S:-
        O:ผลประเมินตามแบบแผนความเครียดกรมสุขภาพจิต(ST-5) 4 คะแนน :
      - คนที่ 6 มีความเครียดเล็กน้อย
        S: -
        O: ผลการประเมินตามแบบประเมินความเครียดกรมสุขภาพจิต (ST-5) : ได้ 3 คะแนน
      - คนที่ 7 ผู้สูงอายุมีความเครียดน้อย
        S: ผู้สูงอายุให้ข้อมูลว่าเครียดจากการ “ไม่ได้อยู่ด้วยกันกับภรรยาและบุตร”
        O: ผลการประเมินตามแบบประเมินความเครียดกรมสุขภาพจิต (ST-5) = 4 คะแนน
      - คนที่ 8 พบความเครียดเล็กน้อย
        S: -
        O: ผลการประเมินตามแบบประเมินความเครียดกรมสุขภาพจิต ST-5
        = 4 คะแนน หมายถึง เครียดน้อย
- - - - เพื่อป้องกันการนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ
    - - ผู้สูงอายุรายนี้มีปัญหานอนหลับยาก จากการเปลี่ยนแปลงตามวัยพบว่าในผู้สูงอายุจะมีการหลั่งของเมลาโทนินลดลงส่งผลให้ผู้สูงอายุต้องใช้เวลานอนอยู่บนเตียงนานกว่าจะสามารถหลับได้ ระยะหลับลึกในระยะที่ 3 และ 4 ของ NREMลดลง และมีการตื่นระหว่างการนอนหลับช่วงเวลากลางคืนได้ หรืออาจเป็นผลมาจากการที่ผู้สูงอายุสูบบุหรี่ ซึ่งในบุหรี่สารนิโคตินจะมีฤทธิ์กระตุ้นการทำงานของระบบประสาท sympathetic ทำให้มีการหลั่งของ Catecholamine เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ผู้สูงอายุนอนไม่หลับได้เช่นกัน
    - - 1.ประเมินอาการง่วงนอนและการพักผ่อนในแต่ละวันเพื่อวางแผนการให้การพยาบาลอย่างเหมาะสม ดังนี้
        
        ผู้ป่วยมีอาการง่วงนอนหรือไม่
        
        นอนหลับวันละกี่ชั่วโมง
        
        กิจวัตรประจำวันเป็นอย่างไร
        
        การออกกำลังกายและการรับประทานอาหาร เป็นเช่นไร
      - จัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับการนอนหลับไม่มีการรบกวนเพื่อส่งเสริมการนอน ดังนี้
        
        ดูแลจัดการให้ห้องนอนไม่มีเสียงรบกวน และปิดไฟ ให้สลัวๆ ไม่ควรให้สว่างมากเกินไปเพื่อส่งเสริมการนอนหลับ
        
        ดูแลให้ผู้สูงอายุปัสสาวะก่อนเข้านอน
        
        ดูแลให้ผู้สูงอายุทำความสะอาดร่างกาย ปากฟันก่อนเข้านอน
      - แนะนำให้ผู้สูงอายุทำจิตใจให้สบายก่อนเข้านอน ได้แก่ การสวดมนต์และการทำสมาธิ
      - แนะนำไม่ให้ผู้สูงอายุงีบหลับในเวลากลางวันเพราะจะทำให้การหลับตอนกลางคืนมีปัญหาได้
      - แนะนำให้ผู้สูงอายุดื่มเครื่องดื่มพวกนม เพราะมี L-tryptophan ซึ่งสามารถเปลี่ยนเป็นสารสื่อประสาทพวก serotonin และ melatonin ซึ่งช่วยในการนอนหลับ
      - แนะนำผู้สูงอายุหลีกเลี่ยงหรืองดการสูบบุหรี่ก่อนนอน เนื่องจากบุหรี่มีสารนิโคตินซึ่งช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบประสาทให้ร่างกายมีการทำงานเพิ่มมากขึ้น
      - กระตุ้นให้ผู้สูงอายุมีกิจกรรมในช่วงกลางวัน เช่น ออกกำลังกาย เพื่อส่งเสริมการนอนหลับ
    - - ผู้สูงอายุไม่มีอาการง่วง หาวนอน
      - ผู้สูงอายุนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ วันละ 7-8 ชั่วโมง
  - - - การรับประทานยาในผู้สูงอายุ เป็นสิ่งสำคัญ พฤติกรรมการรับประทานยาที่ไม่ถูกต้อง และเป็นปัญหาของผู้สูงอายุคือ มีการหลงลืมการรับประทานยา รับประทานยาไม่ตรงเวลา หรือรับประทานยาเกินขนาด เนื่องจากลืมว่ารับประทานยาไปแล้ว เมื่อผู้สูงอายุนั้นมีโรคประจำตัวและต้องอยู่กับการกินยาไปตลอดชีวิต เมื่อเริ่มมีอายุมากขึ้น ทั้งไขมัน ความดัน และเบาหวาน เมื่อเป็นแล้วก็ต้องรักษา ยาจึงเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิตของผู้สูงอายุ แต่การทำงานของร่างกายกลับเสื่อมถอย ผู้สูงอายุ มีอาการหลงลืมในเรื่องวัน เวลา และความจำระยะสั้นได้ ซึ่งส่งผลกับการลืมรับประทานยาของผู้ป่วยโดยตรง
    - - เพื่อให้ผู้สูงอายุได้รับประทานยาถูกต้องตามแผนการรักษา
    - - ผู้สูงอายุไม่ลืมรับประทานยา รับประทานยาตรงเวลา
    - - ประเมินความสามารถในการรับประทานยาของผู้สูงอายุ เพื่อให้ทราบว่าผู้สูงอายุรับประทานยาได้ด้วยตนเองหรือมีผู้ดูแลเตรียมยาไว้ให้ เพื่อให้คำแนะนำได้อย่างถูกต้อง
      - ประเมินความเสี่ยงต่อการขาดความร่วมมือในการรับประทานยา ได้แก่
        
        ประเมินการมีผู้ดูแล
        
        ประเมินความร่วมมือในการใช้ยา Morisky questionnaire ข้อคำถาม 8 ข้อ ถ้าได้ค่าคะแนน ≤ 6 คะแนน แสดงว่ามีความร่วมมือในการใช้ยาต่ำ
        
        ประเมินผลข้างเคียงจากยา ถ้าพบแสดงว่ามีความเสี่ยงต่อความร่วมมือในการใช้ยา
      - ปรึกษาแพทย์ เพื่อปรับยาให้ผู้สูงอายุสามารถรับประทานยาได้ในมื้อเดียว เพื่อสะดวก ทำให้ผู้สูงอายุไม่ลืมรับประทานยา รับประทานยาได้ง่ายขึ้น
      - 4.ตั้งเตือนเป็นเสียงผ่านโทรศัพท์ ตามเวลาที่ผู้สูงอายุต้องรับประทานยา เพื่อเมื่อผู้สูงอายุได้ยินเสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ ก็สามารถไปหยิบยาที่เราเตรียมไว้ให้มารับประทานได้อย่างไม่ลืม
      - 5.ฝึกทบทวนวันเวลา และให้ผู้สูงอายุทำกิจกรรมด้วยตนเอง เพื่อเป็นการฝึกความจำ ให้ผู้สูงอายุไม่หลงลืมวันเวลา ณ ปัจจุบัน
      - ให้ความรู้เรื่องการรับประทานยา ประโยขน์ของการรับประทายา และโทษของการไม่รับประทานยา กระตุ้นและส่งเสริมให้ผู้สูงอายุ เห็นความสำคัญของการรับประทานยา นอกจากนั้นคือจัดสิ่งแวดล้อมของผู้ป่วย สนับสนุนให้กำลังใจ เอาใจใส่สอบถามเป็นระยะ เพื่อให้ผู้สูงอายุไม่ลืมเรื่องการรับประทานยา
    - - ตู้ยานาฬิกาปลุก
        
        Link Title
  - - - ผู้สูงอายุไม่เกิดการหกล้ม
    - - เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้สูงอายุเกิดการหกล้ม
    - - ให้คำแนะนำแก่ผู้ดูแลเกี่ยวกับการจัดสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับผู้สูงอายุ ดังนี้
        
        บริเวณที่พักอาศัย ไม่ควรมีพรมเช็ดเท้าหรือผ้าเช็ดเท้าลื่น ขอบสูงเกินไป หรือการนำเอาเศษผ้าที่เหลือใช้มาทำเป็นผ้าเช็ดเท้า เพื่อไม่ทำให้เสี่ยงต่อการเดินสะดุดหกล้มได้ง่าย
        
        ควรเก็บของ อุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้ หรือที่ใช้บ่อยไว้ในที่ที่ผู้สูงอายุหยิบใช้ง่าย อยู่ระดับเอว เพื่อป้องกันการเอื้อมหยิบของจากที่สูงจนเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้
        
        ห้องน้ำติดผ้ายางกันลื่นในบริเวณพื้นห้องน้ำหรืออาบน้ำเพื่อกันลื่น ดูแลให้พื้นห้องน้ำมีความแห้งอยู่เสมอเมื่อใช้เสร็จ และมีราวจับบริเวณที่อาบน้ำและข้างโถส้วม เพื่อช่วยในการทรงตัว และลดปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้
        
        ดูแลให้มีแสงสว่างเพียงพอในที่พักอาศัย เพื่อให้ผู้สูงได้มองเห็นทางและสิ่งต่างๆอย่างชัดเจน ป้องกันการเกิดอุบัตืเหตุ
        -ดูแลจัดสิ่งของ เครื่องใช้ภายในบ้านให้เป็นระเบียบเพื่อมีให้มีสิ่งกีดขวางทางเดิน ป้องกันการสะดุดหกล้ม
      - ให้คำแนะนำการปฏิบัติตัวในการป้องกันการหกล้ม ดังนี้
        
        ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการสวมถุงเท้าแบบที่มีพื้นกันลื่นหรือรองเท้าแตะ กันลื่น เพื่อเพิ่มแรงเสียดทานทำให้ยึดเกาะกับพื้นมากขึ้น
        
        เวลาเดินให้เดินช้าๆ และใช้ไม้เท้าในการช่วยพยุงตัวเพื่อป้องกันการทรงตัวที่ไม่ดี จนเกิดการกหล้มได้
        
        แนะนำให้ผู้สูงอายุขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น ได้แก่ ผู้ดูแล ในการทำกิจกรรมบางอย่าง ซึ่งมีความเสี่ยงสูงที่จะหกล้ม เช่น การหยิบของใช้จากบนที่สูงที่ต้องเอื้อมหยิบ การเดินบนพื้นที่ต่างระดับที่สังเกตยาก และการเดินบนพื้นที่ที่มีความลาดชันสูง เพื่อป้องกันการหกล้มที่จะเกิดขึ้นไ
      - แนะนำวิธีการปฏิบัติตัวเมื่อหกล้ม โดยให้ ผู้สูงอายุตั้งสติและค่อย ๆ
        สำรวจตนเองว่ามีการบาดเจ็บ รุนแรงหรือไม่ และบาดเจ็บที่บริเวณใด หากบาดเจ็บไม่มาก ให้ค่อย ๆ พยุงตัวลุกขึ้นนั่งบนเก้าอี้ที่มีความมั่นคง หากมี อาการบาดเจ็บมาก เช่น
        สงสัยว่าจะมีกระดูกหัก ซึ่งมักพบ ได้บ่อยบริเวณกระดูกข้อมือ และกระดูกข้อสะโพก หรือศีรษะได้รับบาดเจ็บ ไม่ควรลุกขึ้นเอง แต่ควรขอความช่วยเหลือจากผู้ดูแลทันที เพื่อให้ได้รับการพยาบาลที่หมาะสม
      - ประเมินภาวะเสี่ยงต่อการหกล้มของผู้สูงอายุในชุมชน เพื่อเป็นข้อมูลในการให้การดูแลผู้สูงอายุ
      - ส่งเสริมการลดพฤติกรรมเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดการหกล้มในผู้สูงอายุ
        โดยการกระตุ้นให้ผู้สูงอายุ ประเมินตนเองว่ามีพฤติกรรมใดบ้างที่เสี่ยงต่อการหกล้ม แล้วสนับสนุนให้ผู้สูงอายุตั้งเป้าหมายเพื่อลดพฤติกรรมเสี่ยงของตนเองเพื่อให้ผู้สูงอายุตระหนักรู้ถึงการดูแลตนเอง
      - ประเมินภาวะสุขภาพของผู้สูงอายุ ได้แก่ การมองเห็น ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและความสามารถในการทรงตัว ความสามารถในการปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน รวมทั้งประเมินผลข้างเคียงจากการใช้ยาเพื่อดูแล ป้องกันสาเหตุที่นำไปสู่การหลัดตกหกล้ม
    - - ภาวะหกล้มส่งผลกระทบต่อผู้สูงอายุทั้งทางด้านร่างกายจิตใจสังคมและเศรษฐกิจทางด้านร่างกายทำให้เกิดการบาดเจ็บตั้งแต่บาดเจ็บเล็กน้อยเช่นฟกช้ำเกิดแผลจนกระทั่งบาดเจ็บรุนแรงโดยพบว่าประมาณ 1 ใน 10 คนมีการบาดเจ็บรุนแรงเช่นภาวะกระดูกสะโพกหักและการบาดเจ็บของสมองทำให้ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลและสูญเสียความสามารถในการดำเนินกิจวัตรประจำวันและสูญเสียค่าใช้จ่ายผลกระทบด้านสุขภาพจิตพบว่าผู้สูงอายุที่เคยมีประสบการณ์การหกล้มจะเกิดความกังวลภาวะซึมเศร้าตลอดจนสูญเสียความมั่นใจในการเดิน
    - - ไม้เท้าเตือนภัย
        “Falling alert offset cane”
        สามารถทำงานเมื่อหกล้มจะมีสัญญาณเสียงเตือนจากไม้เท้า
        เพื่อส่งสัญญาณเตือนผู้ดูแลหรือผู้ที่อยู่ใกล้เคียงว่า
        ได้รับอุบัติเหตุและสามารถให้การช่วยเหลือได้