Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
สรุป - Coggle Diagram
สรุป
การจัดการความโกธรตามแนวพุทธธรรม
สาเหตุภายนอก
เกิดจากเหตุที่ผู้อื่นกระทำในสิ่งที่เราไม่ชอบไม่ถูกใจแก่เรา แก่คนที่เรารักหรือทำสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่คนที่เราเกลียด คือทำในสิ่งที่เราไม่พอใจต่างๆจนทำให้เกิดความโกธรขึ้นมา
สาเหตุภายใน
เกิดจากอกุศล3เกิดจาก ความโลภ ความโกธร ความหลงครอบงำ มีจิตอกุศล
มลทิน ภายใน3 ประการ คือ โลภะ โทสะ โมหะ โดยเฉพาะโทสะทำให้เกิดความฉิบหายมีรากฐานมาจาก
อวิชชา (ความไม่รู้)
อโยนิโสมนสิการ(ไม่คิดติตรองโดยแยบคาย)
อสัมิมานะ(ความถือตัวว่าเป็นเรา ถือเขาถือเรา)
อหิริกะ(ไม่มีความละอายใจ)
อโนตตัปปะ(ไม่เกรงกลัวต่อบาป)
ผลของความโกธร
เมื่อขาดสติ ขาดขันติ ขาดเมตตาทำให้เกิดความโกธรทำให้เกิดผลเสียเช่น โรคหัวใจ โรคความดัน ปัญหาทางจิตใจหรือปัญหาทางด้านคุณธรรมเกิดปัญหาการดำเนินชีวิตไม่สามารถคุมพฤติกรรมได้
การจัดการกับความโกธร
สติ เป็นหลักที่ทุกคนต้องฝึกให้มีขึ้นในตนตามแนวทางอบรมของสติ เป็นผลทำให้ไม่ฟุ้งซ่านมีความละอายและเกรงกลัวต่อบาป คลายความยึดมั่นถือมั่น
ขันติ(อดทน)
ทนต่อความลำบาก
ทนต่อทุกขเวนทนา
ทนต่อความเจ็บใจ
ทนต่อสิ่งยั่วกิเลส
เมตตา ให้การช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่นด้วย กาย วาจา ใจปรารถนาดีต่อผู้อื่น
การบูรณาการความโกธรด้วยหลักพุทธธรรม
ศีล คือการควบคุมความโกธร ด้านพฤติกรรมทางกาย วาจา ปฎิบัตอบรมสติ ขันติ เมตตา ในระดับศีล
สมาธิ อบรมบรรเทาความโกธร เป็นการบรรเทาความโกธรที่คุกกรุ่นในจิตใจด้วยการรปฎิบัติอบรมสติ ขันติ เมตตาในระดับสมาธิ
ปัญญา คือจัดการกับความโกธรที่ยังอยู่ในจิตใจด้วยปัญญา
การใช้กระบวนการพยาบาลในการช่วยเหลือผู้ที่มีปัญหาจิตสังคม
ผู้มีพฤติกรรมไม่เป็นมิตร (Hostility)
ลักษณะ
คล้ายความโกธร มีพฤติกรรมการทำลายมีปฎิกิริยาการตอบสนองรุนแรงซับซ้อน โดยอาจมีแต่ความเกลียดชัง อิจฉา ริษยา
วิธีการบำบัด
ประเมินปัญหาทางการพยาบาล
ประเมินความไม่เป็นมิตร
ประเมินได้ทั้งการแสดงออกทางกาย สติปัญญา ด้านร่างกายจะคล้ายความโกธร
การเปลี่ยนแปลงด้านร่างกาย
ความดันโลหิตสูง ชีพจรเต็นเร็ว หายใจถี่ขึ้น กล้ามเนื้อเกร็ง ผิวแดง คลื่นไส้ อาเจียน ปากแห้ง คอแห้ง เป็นต้น
ด้านคำพูด
การพูดกระทบกระเทือน ส่อเสียด ดูถูก ข่มขู่ โต้แย้ง อาจรุนแรงถึงดุด่า ชวนทะเลาะ
ด้านพฤติกรรม
ท่าทีเฉยเมย ต่อต้าน เงียบ เชื่องช้า ไม่ยอมสบตา เดินหนี หรือกำหมัดแน่น หรืออาจมีพฤติกรรมรุนแรง เช่น ทำร้ายร่ายกายผู้อื่น ทำลายข้าวของ หรืออาจมีพฤติกรรมแอบแฝง เช่น ทำตัวอ่อนหวาน นอบน้อมเกินไป
การพยาบาล
เร่งดำเนินการวิเคราะห์ว่าบุคคลมีภาวะความไม่เป็นมิตรเพื่อให้การพยาบาลอย่างทันท่วงที
จัดการกับสิ่งแวดล้อมและบุคคลรอบข้างเพื่อป้องกันอันตราย
จัดห้องแยกให้จำกัดพฤติกรรมในกรณีมีพฤติกรรมรุนแรง
เตรียมเจ้าหน้าที่และอุปกรณ์เพื่อให้การช่วยเหลืออย่างฉุกเฉิน
ทีมสุขภาพต้องมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับภาวะความไม่เป็นมิตร
พยาบาลต้องอยู่ในอารมณ์ที่สงบ สุขุม เยือกเย็น แต่ฉับไว ให้การยอมรับพฤติกรรมของบุคคลนั้น ลดสิ่งกระตุ้น ยั่วยุอารมณ์ใหเกิดความไม่เป็นมิตร
เปิดโอกาสให้บุคคลนั้นๆได้ระบายความรู้สึกคุบข้องใจ ความไม่พอใจ หรือความไม่เป็นมิตร สนับสนุนให้บุคคลดังกล่าว ได้พิจารณาการกระทำของตนเองและการเรียนรู้การควบคุมตนเอง
ผู้ที่มีพฤติกรรมก้าวร้าว (Aggression)
การพยาบาล
ประเมืนความเสี่ยงของผู้ป่วยที่มีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง
ประวัติการมีพฤติกรรมก้าวร้าว
การได้รับการวินิจฉัยการเจ็บป่วยของบุคคลนั้น เช่น โรจิตเภท ติดสารเสพติค เป็นต้น
พฤติกรรมปัจจุบันของบุคคลนั้น เช่น มีความก้าวร้าวมากน้อยในระดับใด สังเกตได้จาก พฤติกรรมที่สัมพันธ์กับความก้าวร้าวรุนแรง เช่น ด้านคำพูด = พูดจาถากถางผู้อื่นพูดคุกคาม
จักการกับอารมณ์โกธรก่อนที่บุคคลนั้นจะแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวออกมา
สร้างสัมพันธภาพเพื่อการบำบัดให้ผู้ป่วยเกิดความรู้สึกไว้วางใจ รู้สึกปลอดภัยทั้งร่างกายและจิตใจ
ฟังอย่างตั้งใจเปิดโอกาสให้ได้พูดระบายถึง ความรู้สึกไม่พอใตออกมา รับฟังโดยไม่ขัดจังหวะ ไม่ตำหนิ ไม่แย้งหรือไม่แก้ตัวให้กับบุคคลใดขณะที่บุคคลนั้นพูดถึงสิ่งต่างๆในทางลบ
เมือ่ความโกธรลดลงให้บุคคลนั้นสำรวจถึงสาเหตุที่ทำให้รู้สึกโกธร ไม่พอใจ เพือให้บุคคลดังกล่าวตระหนักถึงอารมณ์ที่เกิดขึ้น
จัดกิจกรรมที่ส่งเสริมการออกแรงเพื่อปลดปล่อยพลังงานส่วนเกินที่เกิดจากความกดดัน ความโกธร เช่น ดนตรี ออกกำลังกาย(ชกกระสอบทราย)
ให้คำแนะนำถึงวิธีการจัดการกับความโกธรในทางที่เหมาะสม จะสามารถแนะนำได้ในกรณีที่บุคคลนั้นมีภาวะอารมณ์ปกติ สามารถรับรู้ เข้าใจเหตุและผล
ลักษณะ
ก้าวร้าวทางคำพูด
ใช้คำพูดตำหนิ ติเตียน วิพากษ์วิจารณ์ พูดในแง่ร้าย เสียงดัง ขู่ตะคอก เอะอะอาละวาด วางอำนาจ
ก้าวร้าวแสดงออกทางร่างกาย
สีหน้าบึ้งตึงแววตาไม่เป็นมิตร ท่าทางไม่พอใจ กระวนกระวาย อยู่ไมนิ่ง ไม่สนใจเรท่องการกินการนอน การขับถ่าย
ก้าวร้าวทำลายสิ่งของ = ทุบทำลายของใช้ กระจก จุดไฟเผา ปิดประตูดเสียงดัง
ก้าวร้าวทำร้ายคนอื่น = หาเรื่องทะเลาะวิวาท ละเมิดสิทธิผู้อื่นโดยการกัด การตี การผลัก แะการใช้อาวุธทำร้ายคนอื่นให้ได้รับบาดเจ็บ
ก้าวร้าวทำร้ายตนเอง = การหยิกข่วนตนเอง การใช้มีดกรีดข้อมือตนเอง การดึงผม ฆ่าตัวตายเป็นต้น
ผู้ที่มีพฤติกรรมรุนแรง(Violence)
พฤติกรรมตั้งใจใช้กำลังทางกายเพื่อข่มขู่หรือกระทำอันตรายต่อตนเอง ผู้อื่น กลุ่มบุคคลหรือสังคม ส่ผลให้เกิดความน่าจะเป็นสูงที่เกิดการบาดเจ็บ เสียชีวิต หรือบางครั้งอาจใช้อาวุธทำร้ายคนอื่น
วิธีการบำบัด
ประเมินสภาพผู้ที่มีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง โดยประเมินระดับความรุนแรง
ประเมินอาการและอาการแสดงที่เป็นสัญญาณของพฤติกรรม เช่น การแสดงออกทางสีหน้าบึ้งตึง แววตาไม่เป็นมิตร การเคลื่อนไหวกระวนกระวายอยู่ไม่นิ่ง
ประเมินการเปลี่ยนแปลงระดับความรู้สึกและอารมณ์อย่างเฉียบพลันและการศึกษาประวัติจากญาติเกี่ยวกับพฤติกรรมในอดีตมีหรือไม่อย่างไร
พยาบาลควรมีท่าทีเป็นมิตร สงบและให้เกียรติเพื่อให้เกิดความรู้สึกไว้วางใจ
สิ่งที่พยาบาลควรตระหนักเกี่ยวกับท่าทางในระหว่างให้การพยาบาลผู้ที่มีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรงเพราะท่าทางของพยาบาลอาจก่อให้เกิดพฤติกรรมรุนแรงของผู้ป่วยเพิ่มขึ้น
การพยาบาล
จัดสิ่งแวดล้อมให้ปลอดภัยรวมทั้งลดสิ่งกระตุ้นจากสิ่งแวดล้อม ลดเสียงดัง ลดแสงสว่าง ลดการมีคนพลุกพล่าน เพื่อลดสิ่งคุกคามความรู้สึกผู้ป่วย
ตรวจค้นผู้ป่วยไม่ให้มีสิ่งของที่อาจใช้เป็นอาวุธได้
ดูแลช่วยเหลือผู้ป่วยขณะพฤติกรรมก้าวร้าวตามระดับความรุนแรง
ลดความรู้สึกถูกคุกคามโดยการเรียกชื่อผู้ป่วยและพูดคุยกับผู้ป่วยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
ไม่ตำหนิ ใช้คำถามปลายเปิดให้ผู้ป่วยได้ระบายความไม่พอใจ และให้วิจารณ์ได้ แม้เป็นความรู้สึกในทางลบ
ให้ยาตามแผนการรักษาและรายงานแพทย์ในรายที่มีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรงมากขึ้น
ในกรณีที่ผู้ป่วยมีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรงเพิ่มมากขึ้นอาจต้องมี การจำกัดพฤติกรรม การใช้ห้องแยก การผูกมัดร่างกาย
สมรรถนะของพยาบาลจิตเวชในการปฏิบัติการพยาบาล
การบริการด้านการพยาบาลที่ดี มีคุณภาพนั้น ล้วนมักก่อกำเนิดจากผู้ปฏิบัติทางการพยาบาลที่มีความรู้ ความสามารถและทักษะทางวิชาชีพ เป็นต้น ซึ่งการพยาบาลผู้ป่วยจิตเวช พึงต้องมีความสามารถหรือความเชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านจิตเวชที่ถูกต้อง เช่น ความรู้เรื่องสุขภาพจิตและจิตเวช การประเมินคัดกรองในกลุ่มบุคคลทั่วไป กลุ่มที่มีความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยทางจิตด้วยแบบคัดกรองทางจิตวิทยา เข้าใจในแผนการบำบัด ฟื้นฟู ของผู้ป่วยจิตเวชแต่ละราย เป็นต้น ดังนั้นบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องในสาขาการพยาบาลด้านจิตเวชมีความตระหนักในการพัฒนาศักยภาพหรือสมรรถนะของตนอย่างต่อเนื่อง โดยผู้รับบริการจะรับการบริการที่มีประสิทธิภาพ ตลอดจนมุ่งหวังให้ผู้อ่านทั่วไปที่มีความสนใจ เกิดความเข้าใจ และนำความรู้ที่ได้รับไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาสมรรถนะของตนเองได้เช่นกัน ซึ่งในบทความจะกล่าวถึงความหมายของสมรรถนะพยาบาลจิตเวช สมรรถนะทั้ง 7 ด้านของพยาบาลจิตเวชในการปฏิบัติการพยาบาล ประกอบด้วย ด้านคุณธรรมจริยธรรม ด้านความรู้ด้านทักษะทางปัญญา ด้านสัมพันธภาพระหว่างบุคคลและการสื่อสาร ด้านการประเมินผลและการใช้ระบบสารสนเทศ ด้านการปฏิบัติการพยาบาลจิตเวช และด้านบุคลิกภาพ
บทบาทพยาบาลในการจัดการกับพฤติกรรมก้าวร้าว
ในผู้ป่วยจิตเวช
ผู้ป่วยจิตเวชมักเกิดพฤติกรรมก้าวร้าว สาหตุเกิดจากภาวะการเจ็บป่วยทางจิตเวช อาทิ การมีความคิดหลงผิด การตอบสนองต่ออาการประสาทหลอน การไม่ยินยอมรับการรักษา รวมทั้งการจัดสภาพแวดล้อมในหอผู้ป่วยที่ไม่เหมาะสม พฤติกรรมก้าวร้าวมักเป็นสาเหตุที่ให้เกิดอันตรายต่อตัวผู้ป่วยเอง บุคลากรในทีมสุขภาพ พยาบาลควรตระหนักในการจัดการกับพฤติกรรมก้าวร้าวในผู้ป่วยจิตเวช บทความนี้จะขอนำเสนอ ความหมายของพฤติกรรมก้าวร้าว และบทบาทของพยาบาลในการจัดการกับพฤติกรรมก้าวร้าวอย่างเป็นขั้นตอน เพื่อลดความรุนแรงและผลกระทบที่อาจเกิดจากพฤติกรรมก้าวร้าว