Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

วงดนตรี - Coggle Diagram

- - - - 1.1ลักษณะการเดินเป็นแถวตอน (Parade)
        
        -ใช้บรรเลงเฉพาะวงหรือนำขบวนต่างๆ
        
        -นิยมบรรเลงเพลงประเภทเพลงมาร์ช (March)
      - 1.2 ลักษณะการเดินแปรขบวน(Display)
        
        -บรรเลงประกอบการแปรแถว
        
        -ผู้บรรเลงจะเดินแปรแถวเป็นรูปต่างๆ
    - - -นั่งบรรเลงในลักษณะคอนเสิร์ต
      - -มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า วง Symphonic Band
- - - - 1.ดนตรีแจ๊สในยุค New Orleans
        
        เป็นยุคเริ่มต้นของดนตรีแจ๊ส
        
        เรียกอีกชื่อว่า Original Jazz
        
        มีการกําหนดบทบาทของเครื่องดนตรีแต่ละชิ้นแน่นอน
        
        üงดนตรีแจ๊สในยุคนี้จะถูกเรียกว่า วงดิ๊กซี่แลนด์
        
        หน้าที่ภายในวงดนตรีแจ๊สในยุค New Orleans
        ● ทํานองหลัก = ทรัมเป็ต (Trumpet) หรือ นักร้อง (Vocal)
        ● เสียงประสาน = ทรอมโบน (Trombone)
        ● ทํานอง Improvisation = คลาริเน็ต(Clarinet)หรือแซกโซโฟน (Saxophone)
        ● ประกอบจังหวะ (Rhythm Section) = เปียโน(Piano) แบนโจ(Banjo) ดับเบิ้ลเบส(Double
        Bass) และกลองชุด(Drumset)
      - 2.แจ๊สในยุค New York
        
        รูปแบบเพลงเป็นดนตรีเต้นรําให้ความสนุกสนาน
        บันเทิง เป็นที่มาของจังหวะ Swing
        
        กําเนิดวงหัสดิน (Big Band)
      - วงดนตรีแจ๊สในยุค Bebop
        
        -ดนตรีแจ๊สถูกพัฒนาเป็นดนตรีในรูปแบบ Bebop
        นิยมเรียกสั้นๆ ว่า Bop
        
        -คําว่า Bebop เป็นคําที่ไม่มีความหมาย แต่เกิดขึ้นมาจากคําร้องติดปากของโน้ต 2 ตัว ซึ่งร้องคลอระหว่างจังหวะดนตรี
        
        เป็นดนตรีที่พัฒนามาจากดนตรีประเภท Swing ซึ่งเพลงBebop มีความแตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิงทั้งด้านการจัดวงที่ใช้เครื่องดนตรีน้อยชิ้นและการประพันธ์ไม่ได้เน้นไปที่การเต้นรําแต่จะเน้นไปที่การแสดงความสามารถของผู้บรรเลง
      - วงดนตรีแจ๊สในยุค Fusion (1970-ปัจจุบัน)
        
        เกิดดนตรีรูปแบบใหม่คือ ฟิวชั่น (Fusion)
        
        ฟิวชั่น (Fusion) เป็นการรวมกันของดนตรีร็อคและดนตรีแจ๊สซึ่ง ใช้รูปแบบจังหวะแบบร็อคและทํานองเสียงประสานแบบแจ๊ส
        
        Fusion ในปัจจุบัน
        ในปัจจุบันดนตรีแนว Fusion ไม่ได้ครอบคลุมเพียงดนตรีแจ๊สและดนตรีร็อค แต่นักดนตรีเริ่มผสมผสานแจ๊สเข้ากับดนตรีแนวอื่น ๆ อีกด้วย
- - - - ค.ศ. 1600 - 1750
      - ยุคเริ่มต้นวัฒนธรรมดนตรีออร์เคสตรา
      - บรรเลงดนตรีถวายกษัตริย์และเจ้านายชั้นสูงในพระราชวัง
    - - ค.ศ. 1750 - 1830
      - วงดุริยางค์ประจําราชสํานักการจัดวงมีแบบแผนชัดเจน
      - ผู้อํานวยเพลง (Conductor) ทําหน้าที่ควบคุมการบรรเลงอยู่ด้านหน้าวง
    - - ค.ศ. 1830 - 1930
      - องค์กรอิสระของนักดนตรีอาชีพวงออร์เคสตราประจําเมือง
      - ออกแสดงตามหอแสดงดนตรี (Concert Hall)
      - เกิดเป็นรูปแบบมาตรฐานที่ใช้มาจนถึงปัจจุบัน