Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

อวัยวะรับสัมผัส ตา, น.ส.ประภัสสร สำเภาทอง เลขที่ 45 รหัส 62111301047 -…

- - - - มีพัฒนาการของพยาธิสภาพ
        
        ต้อกระจกที่ยังไม่สุก (immature cataratc)
        
        เป็นระยะที่ตาขุ่นไม่มาก
        
        ต้อกระจกที่สุกแล้ว (mature cataratc)
        
        เป็นระยะที่ตาขุ่นทั้งหมด
        
        ต้อกระจกที่สุกเกินไป (hypermature cataract)
        
        เป็นต้อกระจกที่สุกมากจนขนาดเลนส์เล็กลงและมีเปลือกหุ้มเลนส์ที่ย่น
    - - ความผิดปกติในการเจริญเติบโตของลูกตาในเด็กทารกแรกเกิด ส่วนมากเป็นกรรมพันธุ์
    - - โดนกระทบกระเทือนอย่างแรงที่ลูกตา
      - เป็นต้อหิน โรคเบาหวาน ต่อมไทรอยด์เป็นพิษ พาราไทรอยด์ พิษสารเคมี
  - - - การผ่าตัดเอาแก้วตาที่ขุ่นออกพร้อมทั้งเปลือกหุ้มเข้าตาด้านหน้า
      - โดยเหลือเปลือกหุ้มแก้วตาด้านหลัง
    - - ใช้คลื่นเสียงหรืออัลตราซาวด์ที่มีความถี่สูงเข้าไปสลายเนื้อแก้วตาแล้วดูดออกมาทิ้ง
      - ข้อดี
        
        ที่แผลผ่าตัดเล็กกว่า
        
        การเกิดสายตาเอียงหลังผ่าตัดน้อยลงระยะพักฟื้นหลังการผ่าตัดสั้นกว่า
      - ข้อเสีย
        
        ต้องอาศัยความชำนาญของแพทย์ต้องใช้เครื่องมือราคาแพง และต้องใช้สารหล่อลื่น
        
        มิฉะนั้นเครื่องอัลตราซาวด์อาจสั่นไป ทำลายกระจกตาได้
    - - การผ่าตัดนำแก้วตาที่ขุ่นพร้อมทั้งเปลือกหุ้มเข้าตาทั้งหมดในเวลาเดียวกัน
- - - - ชนิด intracapsular cataract extraction
        ได้ถึงร้อยละ 10-20
  - - - บริเวณรอบ ๆ รูหรือรอยฉีก
        ขาดของจอประสาทตา เพื่อช่วยยืดให้จอประสาทตากลับเข้าท
    - - การฉีดก๊าซเข้าไปในช่องน้ำวุ้นลูกตาเพื่อดันให้จอประสาทตาที่หลุดลอกกลับเข้าไป
    - - เป็นการใช้วัสดุหรือ
        ยางเพื่อหนุนตาขาวให้เข้าไปติดจอประสาทตาที่หลุดลอก
    - - เป็นการตัดน้ำวุ้นลูกตาที่ดึงรั้งจอประสาทตาให้ฉีกขาดออก
  - - - เน้นการประเมินและป้องกันอาการเริ่มต้นของความดันลูกตาสูง
      - ดูแลให้นอนคว่ำหน้าหรือนั่งคว่ าหน้าให้ได้อย่างน้อยวันละ 16 ชั่วโมง
      - ดูแลให้ได้รับการวัดความดันลูกตาจากแพทย์หลังผ่าตัดประมาณ 4-6 ชม.
      - ประเมินอาการเริ่มต้นของภาวะความดันลูกตาสูง ได้แก่ มีอาการ
        ปวดและรับประทานยาแล้วไม่ทุเลาลง
    - - แนะนำผู้ป่วยห้ามก้มหน้า
      - ดูแลให้ผู้ป่วย Absolute bed rest
      - ให้ข้อมูลเกี่ยวกับโรค แผนการรักษา การผ่าตัด ให้ผู้ป่วยทราบเพื่อ
        ลดความวิตกกังวล
      - แนะนำผู้ป่วยหลีกเลี่ยงขยี้ตา ส่ายศีรษะและใบหน้าแรง การอาเจียน
    - - ควรทำความสะอาดใบหน้าโดยใช้
        ผ้าขนหนูชุบน้ำบิดหมาด ๆ เช็ดหน้าเบา ๆ เฉพาะข้างที่ไม่ได้ผ่าตัด
- - - - ต้อหินทุติยภูมิ (Secondary glacoma)
        
        มีความผิดปกติภายในลูกตาหรืออาจเกิดจากมีโรคทางกายที่ทำ
        ให้การไหลของเอเควียสลดลง
      - ต้อหินแต่กำเนิด (Congenital glacoma)
        
        ต้อที่เกิดจากมี development anormalies
        
        โดยชนิดการเกิดต้อนั้น อาจเป็นแบบ
        เฉียบพลันหรือเรื้อรัง
      - ต้อหินปฐมภูมิ (Primary glacoma)
        
        ต้อหินชนิดมุมปิด (angle – closure glacoma)
        
        เกิดความผิดปกติของทางเดินน้ำเลี้ยงภายในลูกตา
        
        การตีบแคบของท่อตะแกรงที่เป็นทางระบายน้ำเลี้ยงภายในลูกตา (trabecular meshwork)
        
        ต้อหินชนิดมุมเปิด (open – angle glacoma)
    - - ต้อหินระยะเฉียบพลัน
        
        มีอาการปวดศีรษะมาก
        
        ปวดตามากสู้แสงไม่ได้
        
        ตามัวลงคล้ายหมอกมาบัง
      - ต้อหินระยะเรื้อรัง
        
        ความดันของลูกตาสูงขึ้นเล็กน้อย
        
        บางคนรู้สึกมึนศีรษะ ตาพร่ามัว รู้สึกเพลียตา ไม่มีอาการปวด
        
        ลานสายตาจะค่อย ๆ แคบลง
  - - - เวลายิงจะไม่รู้สึกเจ็บภายใน 24ชม. แรก หลังยิงเลเซอร์อาจมีอาการปวดศีรษะหรือตามัวลงเล็กน้อย
- - - - ถ้าไม่ทุเลา ยังคงปวดตามากและมีอาการร่วมอื่นๆ
        ให้รีบรายงานแพทย์เพื่อประเมินความดันตา
- - - - 1.เบาหวานระยะแรก (Non-Proliferation diabetic
        retinopathy=NPDR)
      - 2.เบาหวานระยะรุนแรง (Proliferation diabetic
        retinopathy=PDR)
- - - - เป็นแผ่นบาง ๆ ยืดหดได้ อยู่หลังกระจกตาหน้าเลนส์
      - ตรงกลางมีช่องเรียกว่า รูม่านตา (pupil)
      - ทำหน้าที่ควบคุมปริมาณแสงเข้าสู่ตาโดยการหดยืดของม่านตา
    - - เป็นส่วนหน้าสุดของ choroid
      - ทำหน้าที่สร้างของเหลวที่เรียกว่า aqueous humor
        
        ทำหน้าที่ให้อาหารแก่เลนส์และกระจกตาซึ่งไม่มีเลือดมาเลี้ยงโดยตรง
        
        ช่วยรักษาความดันในลูกตาให้คงที่
    - - เป็นเยื่อบาง ๆ อยู่ระหว่าง sclera กับจอตา
      - เป็นชั้นที่มีหลอดเลือดจำนวนมาก
      - มีเซลล์เม็ดสี(pigmented cell) จำนวมาก
      - ทำหน้าที่สร้างอาหารมาเลี้ยงส่วนนอกของ
        จอตา เลนส์และ vitreous body
  - - - ห่อหุ้มลูกตาเพื่อรักษาทรงของลูกตา
      - ป้องกันอันตรายให้แก่เนื้อเยื่อชั้นในผนังลูกตาชั้นนี้จะทึบแสง
    - - มีลักษณะโปร่งแสง
      - ทำหน้าที่หักเหแสงร่วมกับ
        เลนส์ตา และช่วยในการโฟกัสภาพ
  - - - เป็นเนื้อเยื่อที่ประกอบด้วยเซลล์ที่มีความไวต่อแสงมาก
      - มีหน้าที่รับภาพจากแก้วตา
      - เป็นส่วนหลังสุดของลูกตา
    - - มีชีวิตอยู่ได้โดยอาหารจากสารน้ำในลูกตาและวุ้นตา
      - ทำหน้าที่ช่วยกระจกตาท าหน้าที่ในการหักเหของแสงให้มาโฟกัสที่จอตาทำให้เกิดการมองเห็น
      - เป็นอวัยวะที่ไม่มีหลอดเลือดมาเลี้ยง ไม่มีเส้นประสาทมากำกับ
    - - เป็นแหล่งอาหารแก้วตา
      - เนื้อเยื่อ Ciliary body และจอตา