Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

อวัยวะสัมผัสหู คอ จมูก, น.ส.ประภัสสร สำเภาทอง เลขที่ 45 รหัส 62111301047 -…

- - - - ช่องหู หรือ รูหู (Auditory canal)
        
        ทำหน้าที่เป็นทางเดินของคลื่นเสียงเข้าสู่หูส่วนกลาง
        
        รูหูมีขนและต่อมสร้างขี้หู (Cerumious gland) ทำหน้าที่สร้างขี้หูไว้ดักฝุ่นละออง หรือสิ่งแปลกปลอมไม่ให้เข้าไปในรูหู
        
        เป็นส่วนที่อยู่ถัดใบหูเข้ามาจนถึงเยื่อแก้วหู
        
        มีความยาว 2.5 ซม.
        
        ลักษณะคดคล้ายตัว S
      - แก้วหู หรือ เยื่อแก้วหู (Tympanic membrane หรือ Ear drum)
        
        มีลักษณะเป็นเยื่อบางๆ
        
        มีเนื้อเยื่อ3 ชั้น
        
        fibrous layer (ชั้นกลาง)
        
        mucous membrane (ชั้นในสุด)
        
        epithelium layer (ชั้นนอกซึ่งติดกับรูหู)
      - ใบหู (Pinna)
        
        มีหน้าที่ในการรวบรวมคลื่นเสียงที่มาจากที่ต่างๆ ส่งเข้าสู่รูหู ใบหู
        
        มีกระดูกอ่อนอีลาสติก เป็นแกนอยู่ภายใน ทำให้โค้งพับงอได้
    - - มีกระดูก 3 ชิ้น
        
        กระดูกทั่ง (Incus)
        
        กระดูกโกลน (Stapes)
        
        กระดูกค้อน (Malleus)
      - มีหน้าที่ปรับความดันภายในหูให้ภายในหูมีความดันเท่ากับความดันภายนอก
    - - เป็นที่อยู่ของอวัยวะรับเสียงเเละอวัยวะเกี่ยวกับการทรงตัว
      - เเบ่งออกเป็น
        
        2.Membranous labyrinth คือ ส่วนที่เป็นท่ออยู่ภายใน Bony labyrinth
        
        1.Bony labyrinth คือ ส่วนที่เป็นกระดูก
  - - - ทางแรกคือการได้ยินเสียงผ่านทางอากาศ (Air conduction
        pathway)
      - ทางที่สองคือการได้ยินเสียงผ่านกระดูก (bone conduction
        pathway)
  - - - 2.2 ตรวจช่องหู (Otoscopy)
        
        ตรวจดูเยื่อเเก้วหู
      - 2.3 ตรวจหูเเล้วไม่พบความผิดปกติ ให้ตรวจศรีษะเเละลำคอด้วย
      - 2.1 ตรวจหูภายนอก
      - 2.4 การตรวจพิเศษอื่นๆ
      - 2.5 การนัดตรวจซ้ำเป็นระยะๆ
    - - 3.1 การทดสอบการได้ยิน
        
        3.1.1 Tuning fork test เป็นการตรวจโดยใช้ส้อมเสียง
        
        3.1.2 Audiometry โดยใช้เครื่องตรวจการได้ยินชนิดไฟฟ้า
    - - อาการหูอื้อ ได้ยินเสียงลดลง (Hearing loss)
      - มีเสียงดังในหู (Tinnitus)
      - มีของเหลวไหลจากหู (Otorrhea)
      - มีอาการเวียนศรีษะ (Dizziness or vertigo)
      - อาการปวดหู (Otlgia)
    - - 4.2 Unterberger's Test
        
        ทําเหมือน Romberg's Test แต่ยื่นมือตรงไปข้างหน้า หลับตา ย่ําซอยเท้าอยู่กับที่
      - 4.3 Gait Test
        
        ให้เดินตามแนวเส้นตรงระหว่างจุด 2 จุด แล้ว
        หมุนตัวเร็ว ๆ กลับมาที่เดิม
      - 4.1 Romberg's Test
        
        โดยการยืนตรง ส้นเท้าและปลายเท้าชิด
        กัน มองตรงไปข้างหน้า
    - - คืออาการตากระตุก โดยการทํา Head Shaking (สั่นศีรษะผู้ป่วยในแนวระนาบนอน 20 ครั้ง)
      - หรือทํา Position Test (ให้ผู้ป่วยนอน จับ ศีรษะตะแคงขวา ซ้าย หงาย ตรง)
      - เพื่อดูอาการเวียนศีรษะ (Vertigo)
- - - - 1.2 อาการร่วม
      - 1.3 ประวัติในอดีต
      - 1.1 อาการนํา
    - - 2.2 การตรวจทางระบบประสาท
      - 2.3 การตรวจการได้ยินด้วยส้อมเสียง (Tuning fork)
      - 2.1 การตรวจทางร่างกายทางหู คอ จมูก
- - - - บางครั้งเกิดปัญหาขี้หูอุดตัน
      - ในภาวะปกติขี้หูสามารถอุดตันอยู่ในส่วนของช่องหูชั้นนอก
    - - ขี้หูถูกสร้างโดยต่อมสร้างขี้หูซึ่งอยู่ในช่องหูส่วนกระดูกอ่อน
        ปกติขี้หูจะเคลื่อนออกมาด้านนอกได้เอง
      - ส่วนมากเกิดจากขี้หูสร้างมากผิดปกติ ในผู้สูงอายุต่อมสร้างขี้หูฝ่อ ทําให้ขี้หูแห้งและแข็ง
    - - หูอื้อ ปวดหู
    - - โดยการล้าง ใช้เครื่องดูดหรือการใช้เครื่องมืออื่น ๆ ช่วย
  - - - ในเด็กเล็กมักพบของเล่นชิ้นเล็ก ลูกปัด
      - ทําให้เกิดอาการติดเชื้อ จนถึงอาการเยื่อแก้วหูทะลุได
      - ผู้ใหญ่มักพบเป็นเศษชิ้นส่วนของไม้พันสําลีหรือพวกแมลง
    - - หูอื้อ รําคาญ สูญเสียการได้ยิน
      - บางรายมีอาการมึนงงเวียนศีรษะจนถึงอัมพาตของใบหน้า
        (Facial Paralysis) ได้
    - - เป็นสิ่งมีชีวิตใช้แอลกฮอล์70% หรือยาหยดประเภทน้ํามันหยอดลงไป
      - เป็นสิ่งไม้มีชีวิต ใช้น้ําสะอาดหรือเกลือปราศจาก
        เชื้อหยอดจนเต็มหูแล้วเทน้ําออกหรือใช้ที่ล้างหูช่วย
  - - - เกิดจากของมีคม เช่น ที่ใช้ในการเเคะหูหรืออาจเกิดจากเเรงอักดันจากการถูกกระทบกระเเทก
    - - เจ็บปวดเฉียบพลัน
      - สูญเสียการได้ยิน
      - มีเลือดไหลในหู
      - บางรายอาจมีอาการเวียนศรีษะร่วมด้วย
    - - ไม่ต้องเอาลิ่มเลือดออก
      - ไม่ต้องหยอดยาหู เเต่ให้รับประทานกันการติดเชื้อเเทน
      - ทิ้งเฉยๆ อย่าชะล้าง
      - ไม่ต้องทำความสะอาดภายช้องหู
- - - - อาการเวียนศีรษะ
    - - การตรวจการได้ยิน
      - การตรวจด้วยคลื่นแม่หล็กไฟฟ้า (MRI)
- - - - การติดเชื้อไวรัส
      - การอุดตันของเลือดไปเลี้ยงที่หูชั้นใน
      - การรั่วของของน้ําในหูชั้นใน เข้าไปในหูชั้นกลาง
    - - การบาดเจ็บ
        
        บาดเจ็บที่ศีรษะอาจทําให้เกิดการรั่วของน้ําในหูชั้นใน
        หรือกระดูกบริเวณกกหูหักทําให้มีการบาดเจ็บของเส้นประสาทหู
- - - - เป็นภาวะที่มีเลือดออกทางจมูก
      - การฉีกขาดของหลอดเลือที่เยื่อบุจมูก
    - - 1.เลือดออกจากผนังกั้นจมูกส่วนหน้า Anerior Epistaxis
      - 2.เลือดออกจากผนังกั้นจมูกส่วนหลัง Posterior Epistaxis
  - - - โรคภูมิแพ้ ซึ่งจะมีการอักเสบของเยื่อบุจมูกเรื้อรังเป็นระยะเวลานาน
    - - คันจมูก เเน่จมูก หายใจไม่สะดวก
      - พูดเสียงขึ้นจมูก
  - - - เริ่มจากอาการของโรคหวัดหรือภูมิแพ้ ได้แก่ มีน้ำมูก คัดจมูก ไอ
      - ปวดบริเวณโพรงอากาศที่อักเสบ บางครั้งมีอาการมึนศีรษะร่วมกับอาการปวด
    - - เกิดจากเยื่อบุไซนัสติดเชื้อไวรัสหรือเชื้อแบคทีเรียในระบบทางเดินหายใจ
      - และร่างกายจะผลิตสารคัดหลั่งเมือกเหลวขึ้นมามากจนเกิดการอุดตันจนกลายเป็นหนองอักเสบหรือน้ำมูกเขียวข้น
    - - ไซนัสอักเสบเรื้อรัง (Chronic)
      - ไซนัสอักเสบซ้ำซ้อน (Recurrent)
      - ไซนัสอักเสบเฉียบพลัน (Acute)
      - ไซนัสอักเสบกึ่งเฉียบพลัน (Subacute)
- - - - เมื่อร่างกายติดเชื้อจากผู้อื่นทำให้เชื้อในคอมีปริมาณมาก ต่อมทอลซิลซึ่งมีหน้าที่กรองเชื้อจะบวมแดง โตและเจ็บ
      - ขึ้นกับอายุ เด็กโตหรือผู้ใหญ่จะเกิดจากเชื้อที่เรียกว่า Streptococcus ส่วนเด็กมักจะเกิดจากเชื้อไวรัส
    - - ไข้ ไอ เจ็บคอ กลืนลำบาก
      - รายที่ต่อมอีนอยด์อักเสบจะพบอาการที่เป็นผลมาจากภาวะเเทรกซ้อนต่างๆ
        
        1.อาการหายใจทางปาก
        
        2.อาการของช่องหูชั้นกลางอักเสบ
        
        3.การพูดเสียงขึ้นจมูก
    - - รักษาด้วยยาเเล้วไม่ได้ผล
      - มี่อาการกลับมาเป็นทอลซินอักเสบ 4-5ครั้ง/ปี
      - มีอาการกลืนลำบาก
      - มีภาวะบวมโตของต่อมทั้ 2 นี้จนขัดขวางการหายใจ