การพยาบาลองค์รวมในผู้ป่วยที่มีปัญหาเฉียบพลัน และวิกฤต เรื้อรัง และการฟื้นฟูสภาพที่เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยนระยะสุดท้าย ภาวะโศกเศร้า สูญเสีย และการดูแลผู้ป่วยในระยะท้ายของชีวิต

ความหมายของการตาย

ความตายทางกฎหมาย – มี 2 ชนิด คือการตายโดยธรรมชาติ คือร่างกายหยุดทำงานเหมือนทางกาแพทย์ หรือการตายโดยกฎหมายต้องเป็นบุคคลสาบสูญมากกว่า 5 ปีศาลจะพิจารณาให้บุคคลนั้นเสียชีวิตตามกฎหมาย

ความตายทางศาสนา – จะเป็นไปตามความเชื่อของศาสนาตามพิธีกรรมของที่นั้นๆ และศาสนานั้นๆ

ความตายทางการแพทย์ – คือการสิ้นสุดการทำงานของร่างกาย ได้แก่หัวใจหยุดเต้น หยุดหายใจ และการตายของสมอง คือ การสิ้นสุดการทำงานของก้านสมองหรือแกนสมอง

การเปลี่ยนแปลงของร่างกายหลังความตาย

click to edit

5.หลังหัวใจหยุดทำงาน 5 นาทีต่อมาสมองจะหยุดทำงาน 15 นาทีต่อมาระบบไหลเวียนเลือดจะหยุดทำงาน และ 30 นาทีต่อมาไตจะหยุดทำงาน

4.Decomporition – เนื้อเยื่อเน่าสลายจาก autolysis & bacteria interaction เร็วช้าขึ้นกับอุณหภูมิสิ่งแวดล้อม

3.Rigor mortis – กล้ามเนื้อหดเกร็ง เริ่มที่ คอ แขน ลำตัว ขาและเท้า ตามลำดับ (หลังตาย 1 – 2 ชั่วโมง) และคลายตัวหลังจากนั้น 24 ชั่วโมง

2.Livor mortis – เลือดตกตะกอน จับเป็นก้อน ส่วนล่างร่างกายสีม่วงคล้ำ

1.Algor mortis – อุณหภูมิร่างกายลดลง

การสูญเสีย (loss) และความโศกเศร้า (grief)

การสูญเสีย แบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือการสูญเสียที่แท้จริง (actual loss) เป็นการสูญเสียแบบรูปธรรมคนอื่นรับรู้ได้ เช่น สูญเสียอวัยวะ คู่สมรส เป็นต้น และการสูญเสียตามการรับรู้ (perceived loss) เป็นการสูญเสียแบบนามธรรม เช่น สูญเสียวัยหนุ่มสาว ลาออกจากงานเพื่อมาเลี้ยงลูก เป็นต้น

แหล่งที่มาของการสูญเสีย

4.การสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก

3.การสูญเสียอัตตา เช่น ด้านจิตใจ คือ สูญเสียความฝัน , ด้านร่างกาย คือ สูญเสียอวัยวะ

2.การสูญเสียสิ่งแวดล้อมที่คุ้นเคย

1.การสูญเสียวัตถุภายนอก

กิจกรรมการพยาบาล

1.ช่วยให้เขาเข้าใจและยอมรับ

2.ช่วยให้เขารู้ตัวและแสดงความรู้สึที่แท้จริงออกมา

3.พิจารณาถึงการใช้ชีวิตต่อไปโดยปราศจากสิ่งที่สูญเสีย

4.ช่วยลดความรู้สึกผูกพันธ์

5.ให้เวลาโศกเศร้า

6.อธิบายสิ่งที่เป็นปกติ

7.ยอมรับความแตกต่าง

8.ให้การช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง

9.พิจารณาถึงวิธีการแก้ปัญหาสะท้อนให้เขาคิด

ความโศกเศร้า

ความโศกเศร้าแบบปกติ โดยสรุปได้เป็น 3 ระยะ คือ

1.ระยะขาดความสมดุล ส่วนมากมักปฏิเสธ 2 – 3 นาที – วันหรือเดือน

2.ระยะวุ่นวาย รู้สึกไร้ค่า 20 – 60 วันโดยประมาณ

3.ระยะการกลับสู่ปกติ พบความจริง 6 เดือน – 1 ปี

และมีการปรับตัวจะมี 5 ระยะ ปฏิเสธ , โกรธ , การต่อรอง , ซึมเศร้า , การยอมรับ ตามลำดับ

ความโศกเศร้าเมื่อรู้ว่าจะมีการสูญเสีย เป็นความรู้สึกที่กลัวไปล่วงหน้า

ความโศกเศร้าที่ผิดปกติ คือ การทุกข์ที่ยาวนาน , ปฏิกิริยาล่าช้า , ปฏิกิริยาที่บิดเบือน

การดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย (End of life) คือการเพิ่มคุณค่าชีวิตในระยะท้ายของชีวิต ลดอาการปวดทั้งทางจิตใจ ทางด้านร่างกาย และจิตวิญญาณ จะสิ้นสุดเมื่อครอบครัวมีอาการดีขึ้น

กระบวนการพยาบาลในผู้ป่วยภาวะใกล้ตาย

1.การประเมินสภาพผู้ป่วยในภาวะใกล้ตาย – ประเมินจาก 11 แบบแผนและการตรวจร่างกาย

2.ข้อวินิจฉัยการพยาบาลผู้ป่วยภาวะใกล้ตาย – จะตั้งจากการประเมินในข้อที่ผิดปกติ

3.การวางแผนการพยาบาล – จะรักษาตามอาการจากข้อวินิจฉัย

4.การปฏิบัติการพยาบาล

ดูแลด้านจิตใจสังคม

ดูแลด้านร่างกาย ตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าตั้งแต่ตื่นถึงนอนหลับ เรื่องการกินอยู่และการขับถ่าย

1.ส่งเสริมความผาสุขด้านจิตสังคมแก่ผู้ป่วย

2.บรรเทาความทุกข์ทรมานด้านจิตสังคมที่เกิดขึ้น แบ่งเป็น 6 กลวิธี

3.การป้องกันและช่วยเหลือผู้ป่วยที่หมดหนทางช่วยเหลือ

click to edit

1.การใช้ความหมายเป็นศูนย์กลาง

2.การสนับสนุนการแสดงออก

3.การจัดสิ่งแวดล้อมให้สุขสบาย

4.การอยู่กับผู้ป่วย

5.การให้ความรู้ในการฝึกทักษะการจัดการปัญหา

6.วิธีการทางศาสนา

พระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550 ที่เกี่ยวข้องกับการดูผู้ป่วยในระยะท้าย

จะกล่าวถึง Advance care planning – เป็นกระบวนการที่ช่วยสนับสนุนให้ผู้ป่วยเข้าใจถึงความต้องการของตนเอง และเป้าหมายของตนเอง และเป้าหมายของการรักษา รวมทั้งระบุบุคคลใกล้ชิดที่ทำหน้าที่ตัดสินใจแทน

การประชุมครอบครัว (Family meeting)
คนที่จะทำ Family meeting ต้องอยู่กับคนไข้ตลอดเวลา ในกรณีที่ขัดแย้งมากๆต้องใช้ Key person ในการตัดสินใจ

สถานบริการที่ดูแลในระยะท้ายของชีวิต
1.Hospital unit in the Hospital ส่วนใหญ่อยู่ไม่เกิน 1 เดือน
2.Hospital care center or Hospital institute จะรับตั้งแต่ระยะ Palliative care
3.Nursing home บ้านพักคนชรา

นาสุชาครีย์ วงศ์สุริยะ 613060199-2 sec03