Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Respiratory distress - Coggle Diagram
Respiratory distress
อาการและอาการแสดง
หายใจเร็ว หรือหายใจช้าผิดปกติ
จมูกบาน (flaring of the nostrils with breaths)
อาศัยกล้ามเนื้อของการหายใจมากและทำให้ช่องซี่โครงเว้าลงไป (retractions)
กลั้นหายใจ (grunting when breathing out)
ริมฝีปากและผิวหนังซีดลงหรือม่วงคล้ำ
พยาธิสภาพที่ทำให้เกิดภาวะการหายใจลำบาก
พยาธิสภาพของทางเดินหายใจส่วนบน
การตีบแคบของท่อลมแต่กำเนิด (congenital tracheal stenosis)
มี2 ลักษณะที่พบได้บ่อย
1.tracheal web หรือ diaphragm เป็นการตีบแคบของท่อลมที่เป็นเฉพาะจุดและ มักพบที่ระดับใต้กระดูกอ่อน cricoid (subcricoid)
2.long segment tracheal stenosis แบ่งเป็น 3 ประเภท
1) generalised hypoplasia หลอดลมแขนงจะดูปกติ
2) funnel-like narrowing หลอดลมแขนงจะมีขนาดไม่แน่นอน อาจจะปกติหรือแคบได้
3) segmental stenosis พบว่าหลอดลมแขนงมีความผิดปกติได้เป็นจำนวนมาก
3.Congenital atresia พบได้น้อยมาก และผู้ป่วยมักเสีย ชีวิตในเวลาอันรวดเร็ว พบว่าร้อยละ 50 ของผู้ป่วยที่มีpulmonary sling จะมีท่อลมส่วนล่างตีบร่วมด้วย
พยาธิสภาพของทางเดินหายใจส่วนล่าง
pulmonary artery sling เป็นภาวะที่เกิดจากการที่หลอดเลือด พุลโมนารี่ข้างซ้ายเป็นแขนงออกมาจากหลอดเลือดพุลโมนารี่ข้างขวาและ
วางตัวอ้อมไปทางด้านหลังของท่อลมและอยู่ระหว่างท่อลมและหลอดอาหารทำให้เกิดเป็นลักษณะเหมือนบ่วงบาศก์เหนี่ยวท่อลมส่วนล่างบริเวณเหนือ carina เอาไว้ทำให้การเจริญเติบโตของท่อลมบริเวณนี้ผิดปกติโดยลักษณะที่พบมากคือการที่ท่อลมส่วนนี้จะไม่มีmembranous part เรียกลักษณะที่ผิดปกติเช่นนี้ว่า complete tracheal ring ทำให้เกิดลักษณะการตีบแคบของท่อลมที่เรียกว่า concentric stenosis ส่วนใหญ่พบว่าเป็น long segment stenosis ผู้ป่วยมาด้วยอาการหายใจลำบาก มีเสียงหายใจดัง
vascular ring เป็นความผิดปกติแต่กำเนิดของหลอดเลือดแดงใหญ่ ที่ทำให้เกิดลักษณะวงแหวนที่ครบวง (complete vascular ring)ชนิดที่พบมากที่สุดคือ double aortic arch
พยาธิสภาพของปอด
Congenital Lobar Emphysema (CLE)
เป็นความผิดปกติที่มีการขยายขนาดของปอดกลีบใดกลีบหนึ่งมากกว่าปกติทำให้มีการกดเบียดต่อปอดกลีบอื่นๆและทำให้มีการเคลื่อน
ของประจันอก (mediastinum) CLE
สาเหตุ
ที่สำคัญคือสาเหตุภายในที่เกิดภาวะหลอดลมแฟบที่เกิดจากกระดูกอ่อนของหลอดลมผิดปกติ หรือจากการที่มีเสมหะอุดตันในหลอดลม อาจจะเป็นจากการบิดตัวของหลอดลม นอกจากนี้สาเหตุภายนอกที่ทำให้เกิดการอุดกั้นของหลอดลมคือการกดเบียดจากภายนอกเช่น pulmonary arterysling หรือ หลอดเลือดใหญ่โป่งพอง
พยาธิสภาพ
สิ่งที่จะพบได้คือการที่มีหลอดลมอ่อนตัวและแฟบได้ง่าย ทำให้ถุงลมฝอยมีลมคั่งและเกิดการโป่งพองมากขึ้น แต่มีลักษณะที่เรียกว่า pulmonary hypoplasia คือถุงลมฝอยมีจำนวนลดลง ในบางรายอาจพบว่ามีจำนวนของถุงลมมากขึ้นalveolar hyperplasia) ได้เช่นกัน ตำแหน่งที่พบบ่อยคือ กลีบซ้ายบน (left upper lobe, LUL) กลีบขวาบน (right upper lobe, LUL) กลีบขวาบน (right upper lobe,RUL) และกลีบขวากลาง (right middle lobe, RML)
Pulmonary cyst
นี้คือถุงน้ำที่อยู่ในเนื้อปอด (pulmonary
parenchyma) ซึ่งถุงน้ำที่เกิดขึ้นมีแหล่งกำเนิดที่แตกต่างกันขึ้นกับเนื้อเยื่อต้นกำเนิดโดยทราบจากการตรวจทางพยาธิวิทยาของผนังของถุงน้ำ เช่น เกิดจากต่อมที่เยื่อบุหลอดลม (bronchial gland) กระดูกอ่อนของหลอดลมหรือแม้กระทั่งเยื่อบุถุงลม (alveolar epithelium)
พยาธิสภาพ
ถุงน้ำมีลักษณะเป็นถุงเดี่ยวและมักเป็นเฉพาะที่ในกลีบใดกลีบหนึ่ง ที่พบบ่อยคือกลีบล่างของทั้ง 2 ข้าง ถุงน้ำนี้สามารถหายได้เอง แต่ถ้าเป็นอยู่นานติดต่อกันเกินหนึ่งปีพบว่ามีโอกาสที่ถุงน้ำจะหายไปได้ด้วยตนเองน้อยมาก
ในกรณีของถุงน้ำหลายตำแหน่งมีโอกาสเกิดจากความผิดปกติแต่กำเนิดน้อยมาก ซึ่งมักจะเกิดจากการติดเชื้อมากขึ้น โดยเฉพาะในภาวะปอดอักเสบที่เกิดจากเชื้อ Staphylococcus และcystic fibrosis
Congenital Cystic Adenomatoid Malformation (CCAM)
เป็นภาวะที่เนื้อเยื่อปกติของปอดที่เรียกว่า hamartoma ที่หลอดลมฝอยและถุงลมมีการเจริญเติบโตเกินกว่าปกติในหลายๆ ระดับ ดังนั้นลักษณะของ CCAM จึงเป็นไปได้ตั้งแต่เป็นถุงน้ำจนถึงเป็นก้อนแข็ง อย่างไรก็ตามจะไม่พบกระดูกอ่อนในโรคนี
พยาธิสภาพ
ลักษณะที่พบบ่อยคือพยาธิสภาพที่เกิดขึ้นจะอยู่ในกลีบใดกลีบหนึ่งมีการคั่งของอากาศมากขึ้นเรื่อยๆในบริเวณที่มีถุงลมทำให้เกิดการขยายขนาดของกลีบปอดมากขึ้นเรื่อยๆ
ลักษณะทางพยาธิวิทยาของ CCAMแบ่งเป็น3ประเภทดังที่แสดงไว้ในตารางที่ 1 ชนิดที่ 2 เป็นชนิดที่พบร่วมความผิดปกติแต่กำเนิดชนิดอื่นได้มากที่สุด และมีโอกาสเสียชีวิตมากที่สุดอีกด้วย
พยาธิสภาพของอวัยวะอื่นในทรวงอก
Congenital Diaphragmatic Hernia (CDH)
เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของสร้างกะบังลม ทำให้เกิดช่องว่างขึ้นและเป็นจุดที่ทำให้อวัยวะภายในช่องท้องเช่นกระเพาะอาหาร ลำไส้ ตับ หรือแม้กระทั่งม้ามเคลื่อนเข้ามาอยู่ในทรวงอก การย้ายที่ของอวัยวะภายในช่องท้องมักเกิดขึ้นตั้งแต่ทารกอยู่ในครรภ์มารดา ดังนั้นจึงเป็นสาเหตุที่ขัดขวางการเจริญเติบโตของปอดข้างนั้นทำให้เกิด pulmonary hypoplasia ด้วย
พยาธิวิทยา
ในปัจจุบันพิสูจน์แล้วว่าความผิดปกติของการสร้างกะบังลมเกิดขึ้นตั้งแต่ในช่วงแรกของอายุครรภ์ทำให้อวัยะวภายในช่องท้องเจริญเติบโต
อยู่ในทรวงอกเกิดการขัดขวางการเจริญเติบโตของปอดซึ่งมีผลกระทบต่อปอดทั้งสองข้าง และทำให้ความดันเลือดในปอดสูง (persistent pulmonary hypertension) ซึ่งเป็นผลจากการที่มีความต้านทานในการไหลของเลือดใน
ปอดสูงขึ้น (increased pulmonary vascular resistance) ตั้งแต่แรกเกิด
ผลกระทบที่เกิดขึ้นตามมาก็คือเกิดการลัดวงจรของเลือดจากขวาไปซ้ายright-to-left shunt) ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงตั้งแต่แรกเกิดจะมีค่าออกซิเจนในเลือดต่ำ คาร์บอนไดออกไซด์ในกระแสเลือดสูงขึ้น และผู้ป่วยมีค่าความเป็นกรดในกระแสเลือด ทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ในเวลาอันรวดเร็ว
เป็นอาการแสดงทางภายนอกของภาวะที่มี
การหายใจลำบากอย่างรุนแรงหรือมีการใช้กำลังในการหายใจมาก
มีผลต่อการแลกเปลี่ยนก๊าซและ ventilation