Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ผู้ป่วยชายไทย อายุ 69 ปี, 7.ติดตามผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ
Hemoglobin 12.8…
ผู้ป่วยชายไทย อายุ 69 ปี
ข้อมูลพื้นฐาน (Data base, Preliminary data)
เตียง 20
สถานภาพสมรส: ไม่ได้สมรส
เชื้อชาติ: ไทย
สัญชาติ: ไทย
ศาสนา: พุทธ
วันที่รับแจ้ง: 15/1/64 เวลา 15.00น.
-
โรค Stroke
Fast Stroke คือ วิธีการสังเกตอาการของโรคหลอดเลือดสมอง โดยสังเกตอาการ ‘ F.A.S.T ’ ดังนี้
F Face: ใบหน้า
อาการกล้ามเนื้อใบหน้าอ่อนแรง ผู้ป่วยจะมีอาการใบหน้าเบี้ยว ปากเบี้ยว น้ำลายไหลออกจากมุมปากข้างที่ตก
-
-
T Time : เวลา
รู้เวลาที่เกิดอาการผิดปกติ คือรู้ว่าเริ่มมีอาการเป็นเวลาเท่าไหร่นับจากที่มีอาการผิดปกติ หรือนับจากเวลาที่ผู้ป่วยมีอาการปกติเป็นครั้งสุดท้าย และควรรีบมาโรงพยาบาลให้ทันภายใน 4.5 ชั่วโมง เนื่องจากในบางกรณีแพทย์อาจพิจารณาให้ยาละลายลิ่มเลือดทางหลอดเลือดดำ ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสฟื้นตัวจากความพิการได้
แบ่งได้ 3 ประเภท
Ischemic Stroke เป็น “ภาวะหลอดเลือดสมองตีบตัน” หรือ “ภาวะสมองขาดเลือด”
• สาเหตุมาจากการเสื่อมสภาพของหลอดเลือดจากการสะสมของคราบไขมัน หินปูน ที่ผนังหลอดเลือดชั้นในจนหนานูน แข็ง ขาดความยืดหยุ่น ทำให้รูของหลอดเลือดค่อยๆ ตีบแคบลง ส่งผลให้ประสิทธิภาพของการลำเลียงเลือดลดลง หรืออาจเกิดจากลิ่มเลือดจากหัวใจ หรือการปริแตกของผนังหลอดเลือดหลุดมาอุดตันหลอดเลือดในสมอง
โรคหลอดเลือดขาดเลือดจากภาวะหลอดเลือดสมองตีบ (Thrombotic Stroke) เป็นผลมาจากหลอดเลือดแดงแข็ง(Atherosclerosis) เกิดจากภาวะไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ทำให้เลือดไม่สามารถไหลเวียนไปยังสมองได้
โรคหลอดเลือดขาดเลือดจากการอุดตัน (Embolic Stroke) เกิดจากการอุดตันของหลอดเลือดจนทำให้เลือดไม่สามารถไหลเวียนไปที่สมองได้อย่างเพียงพอ
Hemorrhagic Stroke เป็น “ภาวะหลอดเลือดสมองแตก” หรือ “ภาวะเลือดออกในสมอง” ส่งผลให้เซลล์สมองได้รับบาดเจ็บจากการมีเลือดคั่งในเนื้อสมอง ทำให้เนื้อสมองตายมักพบในผู้ที่มีความดันโลหิตสูง ทำให้หลอดเลือดมีความเปราะเเละโป่งพอง
-
โรคหลอดเลือดสมองผิดปกติ (Arteriovenous Malformation) เกิดจากความผิดปกติของหลอดเลือดสมองตั้งแต่กำเนิด
Transient ischemic attack (TIA) เป็น “ภาวะสมองขาดเลือดชั่วคราว” มีอาการคล้ายโรคสมองขาดเลือด แต่มีอาการชั่วคราวมักเป็นไม่เกิน 24 ชั่วโมง
-
พยาธิสภาพ
•โดยทั่วไปในสภาวะพัก สมองต้องการเลือดไปเลี้ยงประมาณ 15% ของ cardiac output (โดยประมาณ 750 มิลลิลิตร/นาที) และประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ของออกซิเจนที่หายใจเข้าไป ทั้งๆที่เนื้อสมองมีน้ำหนักเพียง 2 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักตัว การทำงานของสมองนั้นไม่ได้ทำหน้าที่เก็บไกลโคเจนเป็นหลัก แต่กลับต้องการพลังงานที่ได้จากกระบวนการ phosphorylation ของกลูโคส เพื่อที่จะผลิตพลังงานในรูป ATP ในการนำไปใช้งาน
•ในสภาวะพักสมองของมนุษย์จะมี cerebral blood flow ระหว่าง 50-55 มิลลิลิตร ต่อ 100 กรัมของน้ำหนักเนื้อสมองต่อนาที Gray matter blood flow สูงกว่า white matter blood flow
• สมองมีการทําหน้าที่พิเศษของมันโดยสามารถควบคุมตัวเองอย่างอัตโนมัติ หรือเราเรียก autoregulation ได้ซึ่งJohnsonเป็นผู้อธิบายความหมายไว้ว่า“เป็นแนวโน้มที่ภายในของอวัยวะใดอวัยวะหนึ่งที่จะควบคุมการไหล ของเลือดให้คงท่ี ถึงแม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงแรงดันของหลอดเลือดแดงท่ีไปเลี้ยง” การที่สมองมีความสามารถ พิเศษนี้ก็เพื่อที่จะควบคุมให้เลือดไปหล่อเลี้ยงสมองได้เพียงพอ
• ในสภาวะปกติ แรงต้านทานของหลอดเลือดของสมอง (cerebrovascular resistance) นั้นจะมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อที่จะควบคุมให้เลือดไปเลี้ยงสมอง (cerebral blood flow) ให้คงที่ ภายใต้ช่วงกว้างของการเปลี่ยนแปลงของความดันเลือดและ cardiac output ที่สามารถเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา แต่อย่างไรก็ตามก็ยังมีปัจจัยเพาะอีกหลายปัจจัยเช่นกันท่ีอาจมีผลกระทบต่อ cerebral blood flow ด้วยในภาวะท่ีสมองปกติ ตัวอย่างของ สภาวะที่มีการเพิ่มขึ้นของ blood flow เช่น การกระตุ้นโดยไฟฟ้าโดยตรงต่อเนื้อสมอง การชักและ ภาวะที่มีการใช้อารมณ์ส่วนตัวอย่างของสภาวะที่มีการลดลงของ blood flow ก็คือ การดมยาด้วย barbiturate หรือการกดการทํางาน ของประสาทส่วนกลาง
โรคหลอดเลือดสมองที่เกิดจากการขาดเลือด (ischemic stroke) สามารถแบ่งได้เป็น 2 ลักษณะ คือ เกิดการตีบตันของหลอดเลือดขนาดใหญ่และหลอดเลือดขนาดเล็กในสมอง และเกิด จากการอุดตันของลิ่มเลือดที่ไหลเวียนอยู่ในกระแสเลือด
การตีบตันของหลอดเลือดในสมองส่วนใหญ่ มักจะมีความสัมพันธ์กับภาวะหลอดเลือดแข็งตัว (atherosclerosis) และความดันสูง(Hypertension) เป็นเวลานาน โดยภาวะหลอดเลือดแข็งตัวจะทำให้รูของหลอดเลือดแดงในสมองมีขนาดเล็กลง จนเลือดไม่สามารถไหลเวียนไปเลี้ยงสมองได้อย่างเพียงพอ การตีบตันหลอดเลือดสามารถเกิดขึ้นได้ทุกแห่งของหลอดเลือดสมอง โดยจะพบมากที่บริเวณหลอดเลือดแดงส่วนกลาง (middle cerebral arteries)
การอุดตันของหลอดเลือดสมองที่เกิดจากลิ่มเลือดที่ไหลเวียนอยู่ในกระแสเลือดต้นกำเนิดของลิ่มเลือดมักเกิดจากหัวใจ ภาวะหรือโรคหัวใจที่ทำให้เกิดลิ่มเลือดในกระแสเลือด ได้แก่ ภาวะหัวใจเต้นพริ้ว(atrial fibrillation) โรคหัวใจ (valvular heart disease) หรือจากหารใส่ลิ้นหัวใจเทียม และภายหลังการผ่าตัดหัวใจ การอุดตันของหลอดเลือดสมองที่เกิดจากสิ่งอุดกั้นอื่นๆที่ลอยในกระแสเลือด เช่นืฟองอากาศ ชิ้นส่วนของไขมันที่เกิดภายหลังจากการได้รับบาดเจ็บหรือกระดูกหัก
โรคหลอดเลือดสมองที่เกิดจากภาวะเลือดออก (hemorrhagic stroke) สาเหตุสําคัญ ได้แก่ ความดันโลหิตสูงที่ควบคุมไม่ได้ ซึ่งพบร่วมกับผนังของหลอดเลือดสมองขนาดเล็กอ่อนแอ ทำให้เกิดการฉีกขาดได้ง่าย เมื่อเกิดการฉีกขาดของหลอดเลือดสมอง เลือดที่ออกมาจากการแตกของ หลอดเลือดจะรวมตัวกันเป็นก้อนเลือด (hematoma) เข้าไปเบียดแทนที่เนื้อสมองบริเวณที่มีการแตกของหลอดเลือด ทำให้เนื้อสมองบริเวณนน้ันถูก กด เกิดการอักเสบ หากถูกกดและอักเสบเป็นระยะเวลา 3-6 ชั่วโมง ทําให้เกิดภาวะเซลล์สมองขาดเลือด และเกิดเนื้อสมองตาย และปัญหาสําคัญ คือ ก้อนเลือดที่มีขนาดใหญ่ ที่กดเบียดเนื้อสมองทําาให้มีภาวะสมองบวม (brain edema) ส่งผลให้เกิด ความดันในกะโหลกศีรษะสูง ถ้าอาการเลือดออกรุนแรงจะทําให้เกิดภาวะสมองยื่น (brain hernia- tion) ได้ ถ้าการแตกของหลอดเลือดสมองไม่มากนัก ก้อนเลือดที่กดเนื้อสมองจะค่อย ๆ ซึมเข้าสู่ หลอดเลือดสมองจดหมดภายในระยะเวลา 2-6 เดือน ตำแหน่งของสมองทที่เกิดภาวะเลือดออกได้บ่อย ได้แก่ basal ganglia, thalamus, cerebellum และ pons
โรคหลอดเลือดสมองทที่เกิดจากภาวะเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมอง (subarachnoid hemorrhage) มักเกิดจากการแตกของหลอดเลือดทที่โป่งพองบริเวณชั้นใต้เยื่อหุ้มสมอง สาเหตุการแตกของหลอดเลือดมักเกิดจากการได้รับบาดเจ็บ กระแทก อุบัติเหตุ ความดันโลหิตสูง หรือมีความผิดปกติของหลอดเลือดสมอง
-
อาการและอาการแสดง
อาการและอาการแสดงของโรคหลอดเลือดสมอง อาจมีเพียงเล็กน้อยถึง รุนแรง โดยจะขึ้นอยู่กับตําแหน่งที่เกิดรอยโรค ระยะเวลาที่สมองขาดเลือด หรือถูกกด อาการที่พบบ่อย ได้แก่ อาการ อ่อนแรงหรือชาครึ่งซีกของร่างกายทันทีทันใด ตามัวหรือมองไม่เห็นทันทีทันใดโดยเฉพาะที่มีอาการ เพียงข้างเดียว พูดตะกุกตะกัก พูดไม่ชัด นึกคําาพูดไม่ออกหรือไม่เข้าใจคําาพูดขึ้นมาทันทีทันใด ปวดศีรษะรุนแรงฉับพลันชนิดที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และเวียนศีรษะบ้านหมุน
Medicine
THYROSIT 100 MCG.TAB.
LEVOTHYROXINE 100 MCG. TAB.
รับประทานครั้งละ ครึ่ง เม็ด วันละ 1 ครั้ง ก่อนอาหาร เช้า
ทานยาก่อนอาหาร 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง
-
-
-
NEUROMET 500 MCG. TAB.
MECOBALAMIN 500 MCG. TAB.
รับประทานครั้งละ 1 เม็ด วันละ 3 ครั้ง หลังอาหาร เช้า กลางวัน เย็น
-
-
-
-
-
-
-
-
รายงานประวัติ
-
-
-
อาการปัจจุบัน
ผู้ป่วยชายไทย อายุ 69 ปี รูปร่างสมส่วน รู้สึกตัวดี พูดคุยสื่อสารถามตอบได้ ไม่มีอาการสับสน ผู้ป่วยช่วยเหลือตัวเองได้ทำกิจวัตรประจำวันได้ ผู้ป่วยสีผิวเหลืองซีด conjunctiva ซีด ลิ้นชาซีกขวา ปลายมือปลายเท้าซีด ชามือและขาขวา ผู้ป่วยหายใจ roomair ไม่มีหายใจหอบเหนื่อย ความถี่ของการหายใจสม่ำเสมอ อัตราการหายใจ 20 ครั้ง/นาที ชีพจร 62 ครั้ง/นาที O2 saturation 100% ความดันเลือด 136/72 mmHg ผู้ป่วยสามารถรับประทานอาหารเองได้ รับประทานอาหารอ่อนย่อยง่าย แขนและขาทั้งสองข้าง motor power grade5 มีกำลังปกติสามารถต้านแรงได้ ปัสสาวะโดยใช้กระบอกปัสสาวะ ปัสสาวะไหลดี ไม่มีอาการแสบขัด ไม่ขุ่น ไม่มีตะกอน อุจจาระ 1ครั้ง ถ่ายเหลว ถ่ายดำ ไม่มีมูกเลือด ปลายเท้าไม่มี foot drop
-
-
-
-
-
-
-
Problem list
-
-
-
ค่า Hemoglobin, Hematocrit ต่ำ
-
7.ติดตามผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ
Hemoglobin 12.8-16.1 g/dL, Hematocrit 38.2-48.3%, RBC 4.03-5.55 10^6/uL, MCV 78.9-98.6 fL ให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
-