Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

อวัยวะรับสัมผัส, นางสาวฑุลิกา เดชเกตุ เลขที่ 23 ปี 2 - Coggle Diagram

- - - - เปลือกลูกตา sclera
      - กระจกตา cornea
    - - มีหลอดเลือดจำนวนมาก
      - Ciliary body
      - Choroid
      - Iris
    - - จอประสาทตา retina
      - แก้วตา lens
      - วุ้นตา vitreous
  - - - Otoscope
      - Opthalmoscope
    - - ดูตำแหน่งลูกตา เปลือกตา ความชุ่มชื้น ความนูนลูกตา
      - สังเกตอาการตาโปน ถ้ามีเปลือกตาบนไม่คลุมขอบตาดำ ตาขาวลอยเหนือตาดำ
  - - - ความผิดปกติของการไหลเวียนของ
        น้ำหล่อเลี้ยงลูกตา
    - - ค่าปกติของความดันลูกตาอยู่ที่ 5-22 มิลลิเมตรปรอท ถ้าสูงกว่าถือว่าเป็นภาวะความดันตาสูง เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของการเกิดต้อหิน
    - - ความดันตาสูง
      - ประวัติครอบครัวเป็นต้อหิน
      - เคยมีอุบัติเหตุเกี่ยวกับดวงตา
      - การใช้ยาสเตียรอยด์
      - อายุมากกว่า 40 ปี
      - เชื้อชาติ
      - ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ
    - - ต้อหินปฐมภูมิ
      - ต้อหินทุติยถูมิ
      - ต้อหินแต่กำเนิด
    - - ต้อหินระยะเฉียบพลัน
        
        ปวดศีรษะมาก คล้ายมีหมอกบังตา
        มองเห็นแสงสีรุ้งรอบๆดวงไฟ
      - ต้อหินระยะเรื้อรัง
        
        ความดันของลูกตาสูงขึ้นเล็กน้อย
        ลานสายตาค่อยๆแคบลง
    - - การตรวจตาด้วย slit-lamp microscopy
      - การตรวจวัดความดันภายในลูกตา
      - การตรวจลักษณะมุมตา
      - การตรวจลักษณะของขั้วประสาทตา
      - การตรวจลานสายตา
    - - อธิบายให้เข้าใจเกี่ยวกับโรคและการรักษา
      - การเตรียมตัวก่อนการยิงเลเซอร์
      - หากมีอาการ ตาแดง น้ำตาไหล ปวดตามาก ตามัวลง ตาสู้แสงไม่ได้
      - สอนวิธีการหยอดตาอย่างมีประสิทธิภาพ
      - แนะนำให้ใส่แว่น ไม่ขยี้ตา
  - - - เสื่อมตามวัย
        
        ต้อกระจกยังไม่สุก
        
        ต้อกระจกที่สุกแล้ว
        
        เหมาะกับการผ่าตัด
        
        ต้อกระจกที่สุกเกินไป
      - ความผิดปกติโดยกำเนิด
      - สาเหตุอื่นๆ
    - - ตามัว มองเห็นไม่ชัดเมื่ออยู่ในที่แสงสว่าง ถ้ามือสลัวจะเห็นปกติ
      - มองเห็นภาพซ้อน
      - มองเห็นแสงไฟกระจาย ตอนขับรถกลางคืน
      - เปลี่ยนแว่นตาบ่อย มองเห็นในระยะใกล้ดีขึ้น
      - เห็นฝ้าขาวบริเวณกลางรูม่านตา
    - - การสลายต้อกระจกด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง
      - การผ่าตัดต้อกระจกและฝังเลนส์เทียมโดยใช้เลเซอร์
    - - ห้ามเบ่งอุจจาระ
      - ระวังอย่าให้น้ำกระเด็นเข้าตา
      - ค่อยๆแปรงฟันไม่ให้สั่น
      - หลีกเลี่ยงยกของหนักมากกว่า 5 กิโลกรัม
      - ไม่ควรใช้สายตานานเกิน 1 ชม.
      - กลางคืนปิดฝาครอบตา
        กลางวันใส่แว่นตาสีชาและสีดำ
  - - - ล้างตาโดยเร็วที่สุด
        น้ำสะอาดปริมาณมากๆ มากกว่า 5 ลิตร
      - หากเกิดภาวะ corneal abrasion อาจได้รับการป้ายยา terramycin ointment และปิดตาแน่น
      - การรักษาด้วยการใช้ยาขึ้นกับความรุนแรงที่เกิดขึ้น
      - การรักษาด้วยการผ่าตัด
    - - ล้างตาด้วย normal saline หรือ sterile water
      - ดูแลบรรเทาอาการปวด
    - - ปวดแสบปวดร้อนระคายเคืองตามาก
      - สายตาสู้แสงไม่ได้
  - - - จอประสาทตาลอกที่เกิดจากรูหรือรอยฉีกขาดที่จอประสาทตา
      - จอประสาทตาลอกจากการดึงรั้ง
      - จอประสาทตาลอกที่ไม่มีรูขาดที่จอประสาทตา
    - - ตามัว
      - สูญเสียการมองเห็นบางส่วน
      - เห็นด้านข้างลดลง
      - เห็นจุดดำลอยไปมา คล้ายหยากไย่
    - - มองเห็นแสงจุดดำ เส้นลอยไปลอยมา
      - มองเห็นแสงวูบวาบคล้ายฟ้าแลบ
    - - การผ่าตัดจอประสาทตา
      - การใช้ความเย็นจี้
      - การผ่าตัดน้ำวุ้นตา
      - การฉายแสงเลเซอร์
      - การฉีดแก๊ส
    - - ก่อน
        
        ดูแลให้ผู้ป่วย Absolute bed rest
        
        หลีกเลี่ยงการขยี้ตา
        
        ห้ามก้มหน้า
      - หลัง
        
        วัดความดันลูกตา 4-6 ชม.
        
        ประเมินอาการเริ่มต้น
        
        ให้นอนคว่ำ นั่งคว่ำหน้าวันละ 16 ชม.
        
        ให้กำลังใจและข้อมูลการรักษาเป็นระยะ
        
        กินอาหารอ่อน
        
        ประเมินอาการท้องผูก
      - กลับบ้าน
        
        ทำความสะอาดหน้า ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำบิดหมาดๆ เช็ดหน้าเบาๆ
        ข้างที่ไม่ได้ผ่าตัด
        
        หลังผ่าตัด 2 เดือนแรก หลีกเลี่ยงการออกกำลังกาย
        
        ไม่ควรยกของหนัก ทำงานหนัก
  - - - การติดเชื้อที่ดวงตา
      - การบาดเจ็บจากวัตถุไม่มีคม
      - โรคเกี่ยวกับเลือด
      - ภาวะเบาหวานขึ้นตา
    - - มีเลือดออกด้านหน้าของดวงตา
      - ปวดตา
      - ตาแพ้แสง
      - ตาพร่ามัว เห็นแคบลง
    - - นอนนิ่งๆ ไม่ลุกจากเตียง 3-5 วัน
      - ปิดตาทั้งสองด้วยผ้าปิดตาและที่ครอบตา
      - หัวเตียงสูง 30-45 องศา
  - - - ความยาวนานของการเป็นเบาหวาน
      - การควบคุมระดับน้ำตาล
      - ความผิดปกติจากเบาหวาน
      - ความดันโลหิตสูง
      - ไขมันเลือดสูง
    - - ตามัว จากจอประสาทตาบวม หรือเลือดออกในวุ้นตา
    - - การยิงเลเซอร์
      - การฉีดยาเข้าในน้ำวุ้นตา
      - การผ่าตัดน้ำวุ้นตา
    - - ควบคุมระดับน้ำตาลให้คงที่
      - แนะนำตรวจจอประสาทตาอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง
      - ออกกำลังกาย ทานยา ฉีดยาลดระดับน้ำตาลในเลือด
  - - - อุบัติเหตุ
      - กระจกตามีภูมิต้านทานต่ำ
      - มีความผิดปกติของกระจกตา
      - ตาปิดไม่สนิทขณะหลับ
      - ความผิดปกติบริเวณหนังตา
      - โรคทางกายที่ทำให้ภูมิคุ้มกันพร่องลง
      - การใส่คอนแทคเลนส์
    - - ปวดตา โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในบริเวณที่มีแสงสว่างมาก
      - คันตา ตามัว
      - ตาอักเสบ เปลือกตาบวม
      - แสบตา มีน้ำตาไหลออกมาตลอดเวลา
      - รู้สึกมีบางอย่างในตา
      - มีหนองไหลจากตา
    - - หยอดตาตามแผนการรักษา
      - แนะนำผู้ป่วยห้ามขยี้ตา อย่าให้น้ำเข้า นอนตะแคงข้างที่มีพยาธิสภาพ
      - ให้ผู้ป่วยพักผ่อน
        ได้อาหารเพียงพอ
- - - - แนะนำให้อ้าปากเวลาไอจาม
      - ห้ามดึงก๊อซออกเอง
      - หลีกเลี่ยงการกระทบกระเทือนบริเวณจมูก
      - ห้ามสั่งน้ำมูก แกะแผล
      - อาจมีอาการหูอื้อได้
      - หลังนำตัวกดเลือดออก ควรนอนนิ่งๆ2-3 ชม.
      - ห้ามยกของหนักหรือออกกำลังกายที่ใช้แรงมากๆ 4-6 สัปดาห์
    - - เกิดการฉีกขาดของหลอดเลือดที่เยื่อจมูก
      - การมีความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด
      - การบาดเจ็บ
      - มีสิ่งแปลกปลอมเข้าไป
      - มีเนื้องอกในโพรงจมูก
    - - แบ่งเป็น
        
        เลือดออกผนังกั้นจมูกส่วนหน้า
        
        พบมากในเด็กและหนุ่มสาว
        
        เลือดออกผนังกั้นจมูกส่วนหลัง
        
        พบในผู้สูงอายุ
    - - แบ่งเป็น
        
        เลือดออกผนังกั้นจมูกส่วนหน้า
        
        ใช้สารเคมีหรือไฟฟ้า เพื่อหยุดที่ตำแหน่งเลือดออก
        
        ใส่ผ้าก๊อซที่มียาปฏิชีวนะเพื่ออุดตำแหน่งที่มีเลือดออก
        
        เลือดออกผนังกั้นจมูกส่วนหลัง
        
        ใช้ Gauze Tampon balloon Foley's
        เสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน
        ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด
  - - - เป็นหวัดเรื้อรัง
        
        หวัดจากการแพ้
        
        การติดเชื้อของเยื่อจมูก
    - - คันจมูก แน่นจมูก
      - หายใจไม่สะดวก
      - ไม่ได้กลิ่น
      - น้ำมูกเป็นหนอง
      - ปวดหัวคิ้วถ้าติ่งเนื้ออุดกั้นไซนัส
    - - ติ่งเนื้อ สีค่อนข้างใส อุดกั้นในรูจมูก
    - - Medical Polypectomy
        
        การใช้ยากลุ่มสเตียรอยด์
        พ่นจมูกเพื่อทำให้ยุบตัวลง
      - Surgical Polypectomy
        
        Nasal polyp
        
        Antrochonal polyp
    - - แน่นจมูก
      - ไซนัสอักเสบ
    - - การใช้ยาเพื่อป้องกันการเกิดซ้ำ
        
        เพนนิโซโลน 5-7 วัน
        
        ยาสเตียรอยด์แบบพ่น 3 เดือน
      - แพทย์ต้องหาสาเหตุให้พบไม่เช่นนั้นจะต้องทำผ่าตัดซ้ำ
      - แนะนำการทำความสะอาดโพรงจมูกโดยการล้างโพรงจมูกด้วยน้ำเกลือทุกวัน
  - - - สุขภาพทั่วไปไม่ดี
        
        ภูมิต้านทานต่ำ
        
        โรคเกี่ยวกับเลือด
        
        ฝุ่นละออง ควันบุหรี่
        
        นอนไม่หลับ พักผ่อนไม่พอ
        
        เบาหวาน
      - สภาพของจมูก
        
        การอักเสบในจมูก
        
        เนื้องอกในจมูก
        
        แผ่นกั้นช่องจมูกคด
      - สาเหตุโดยตรง
        
        ฟันผุและการถอนฟัน
        
        การสั่งน้ำมูกแรง
        
        การดำน้ำ
    - - ชนิดเฉียบพลัน
        
        คัดจมูก
        
        อาการปวดกดเจ็บบริเวณโพรงอากาศข้างจมูก
        
        มีของเหลวเป็นหนองไหลออกจากช่องจมูก
    - - รักษาด้วยยา
        
        ยาปฏิชีวนะและตามอาการ
      - การผ่าตัด
        
        การพยาบาล
        
        จัดท่านอนศีรษะสูง 40-45 องศา เพื่อลดอาการบวม
        
        ประคบบริเวณจมูกด้วยความเย็นลดการปวด
        
        ป้องกันการติดเชื้ บ้วนปากด้วยน้ำเกลือ
        
        หลีกเลี่ยงการออกกำลังกาย การยกของ
        ทำงานหนัก 10-14วัน หลังผ่าตัด
        
        ไม่ควรไอ จามแรง
- - - - สาเหตุ
        
        เชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย ผื่นคัน
      - อาการ
        
        ปวดหู น้ำเยิ้ม หูแฉะ
        บวมแดง
      - การรักษา
        
        ทำความสะอาด ดูดหนอง ขี้หูออกเช็ดด้วยยาปฏิชีวนะ หรือยาเพิ่มความเป็นกรด
    - - สาเหตุ
        
        เกิดจากของมีคม
      - อาการ
        
        เจ็บปวดเฉียบพลัน
        
        ไม่ได้ยิน
        
        มีเลือดออก
      - การรักษา
        
        ทิ้งไว้เฉยๆ ไม่ต้องทำอะไร ป้องกันไม่ให้ติดเชื้อ
    - - สาเหตุ
        
        ขี้หูอุดตัน
      - อาการ
        
        หูอื้อ ปวดหู
      - การรักษา
        
        ล้าง ใช้เครื่องช่วยดูด
    - - สาเหตุ
        
        ลูกปัด เมล็ดผลไม้
        เศษไม้พันสำลี แมลง
      - อาการ
        
        หูอื้อ ไม่ได้ยิน
      - การรักษา
        
        ใช้แอลกอฮอลล์ 70% หรือยาหยอดน้ำมัน ลงไปแล้วคีบออก
        
        ใช้น้ำสะอาด หรือน้ำเกลือหยอดแล้วเทออก
  - - - สาเหตุ
        
        ไม่ทราบแน่ชัด อาจเกิดจากvirus
      - อาการ
        
        หูอื้อ
        
        เวียนหัว บ้านหมุน
        
        มีเสียงดังในหู สูญเสียการได้ยินแบบ CHL
      - การรักษา
        
        ใช้เครื่องช่วยฟัง
        
        นำกระดูกหูออก ใส่วัสดุเทียม
    - - แบ่งเป็น
        
        Acute otitis media
        
        Serous otitis media
        
        Chronic otitis media
        
        Adhesive otitis media
      - อาการ
        
        สูญเสียการได้ยิน หูอื้อ เวลาพูดเสียงดังจะรู้สึกก้องในหู
        
        เหมือนมีน้ำขังตลอดเวลา
        
        เยื่อแก้วหูโป่งนูน ปวดหูร่วมด้วย
      - การรักษา
        
        ห้ามแคะหู ห้ามน้ำเข้าหู ถ้ามีหนองไหลใช้สำลีเช็ด
    - - สาเหตุ
        
        จากผลการเปลี่ยนแปลงความดันอากาศ
      - อาการ
        
        ปวดหู แน่นหู มีประวัติขึ้นเครื่องบิน
      - การรักษา
        
        การป้องกันสำคัญกว่า
  - - - สาเหตุ
        
        ความเสื่อมตามวัย
        
        อุบัติเหตุ การบาดเจ็บ
        
        โรคหูชั้นใน
        
        การติดเชื้อ
      - อาการ
        
        เวียนหัว บ้านหมุน
        
        รู้สึกโคลงเคลง
        
        สูญเสียการทรงตัว
      - การรักษา
        
        รักษาด้วยยา
        
        ทำกายภาพบำบัด
        
        การผ่าตัด
    - - อาการ
        
        ประสาทหูเสื่อม
        
        มีเสียงดังในหู
        
        เวียนหัว บ้านหมุน
        
        คลื่นไส้อาเจียน
        
        เหงื่อออก
      - การรักษา
        
        จำกัดความเค็ม
        
        กินยาขยายหลอดเลือด
        
        อออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพิ่มเลือดไปเลี้ยงหู
        
        หลีกเลี่ยงชา คาเฟอีน บุหรี่ ความเครียด
    - - สาเหตุ
        
        การติดเชื้อไวรัส
        
        การอุดตันของเลือดที่ไปเลี้ยงหูชั้นใน
        
        การรั่วของน้ำในหูชั้นใน
        
        การบาดเจ็บ
      - การรักษา
        
        ยาขยายหลอดลม
        
        ยาวิตามิน บำรุงประสาทที่หู
        
        นอนหัวสูง 30 องศา
        
        ไม่ควรทำงานหนัก
        
        หลีกเลี่ยงเสียงดัง
        
        หลีกเลี่ยงอุบัติเหตุ
      - อาการ
        
        หูอื้อ
        
        การได้ยินลดลงในหูข้างใดข้างหนึ่งอย่างเฉียบพลัน
        
        เวียนหัวร่วมด้วย
    - - สาเหตุ
        
        อายุเพิ่มขึ้น
        
        การใช้ยา
        
        การได้รับเสียงดัง
      - อาการ
        
        การได้ยินลดลง
        แบบค่อยเป็นค่อยไปทั้งสองข้าง
        
        มีเสียงดังในหูร่วมด้วย
      - การรักษา
        
        การใช้เครื่องช่วยฟัง
        
        จำกัดแคลอรี่ ลดไขมันในร่างกาย
- - - - เกิดจากแบคทีเรียรวมกับไวรัส
      - อาจเกิดจากภาวะภูมิแพ้ หอบหืด ไซนัส
      - การเกิดต่อมทอนซิลอักเสบนั้น
        โดยเชื้อที่ทำให้เกิดคือ Streptococci group A
    - - ไข้
      - ไอ
      - เจ็บคอ
      - กลืนลำบาก
    - - เมื่อรักษาด้วยยาไม่ได้ผล เป็นหลายครั้ง หลายปีติดต่อกัน
      - แพทย์สงสัยว่าเป็นมะเร็งของต่อมทอนซิลโดยตรง
      - เมื่อต่อมทอนซิลโตมากๆ เกิดการอุดกั้นทางเดินหายใจ
    - - หลีกเลี่ยงการทานอาหารเผ็ดร้อน เปรี้ยว
        เนื่องจากจะทำให้เกิดอาการเคืองคอได้
      - แนะนำให้ทาของเย็น เพื่อช่วยลดอาการบวม
        รวมถึงบรรเทาปวดได้
      - หลีกเลี่ยงการไปชุมชน 7 วันแรก
        เพื่อป้องกันการเอาเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย
      - แนะนำการทำกิจกรรมที่ต้องงดใช้เสียง
    - - ทำเมื่อรักษาด้วยยาไม่ได้ผล
      - เป็นซ้ำได้
      - สูญเสียการได้ยิน มีการอักเสบของหูชั้นกลาง