การใช้กระบวนการพยาบาลในการสร้างเสริมสุขภาพ ป้องกัน ฟื้นฟูเเละการดูเเลผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพดี
เเละมีปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับอวัยวะสัมผัสทางหู
กลไกการได้ยิน
การตรวจวินิจฉัยความผิดปกติของหู
การสูญเสียการได้ยิน (Hearing loss)
โรคที่พบบ่อยจากการได้ยินเเละการทรงตัว
สามารถฟังเสียงได้ 2 ทาง
การได้ยินเสียงผ่านทางอากาศ (Air conduction pathway)
การได้ยินเสียงผ่านกระดูก (Bone conduction pathway)
เริ่มจากใบหู ซึ่งจะป้องกันให้เสียงผ่านเข้าไปกระทบเเก้วหู
ทำให้เกิดการสั่นสะเทือนไปตามกระดูกหูทั้ง 3 ชิ้น เเล้วผ่าน Oval window เข้าไปยังหูชั้นใน
เสียงจากการสั่นสะเทือนของกระดูกจะวิ่งผ่านกระดูกมาสตอยด์ เข้าไปถึงหูชั้นในบริเวณ cochlea
- การซักประวัติผู้ป่วย
อาการปวดหู (Otalgia)
มีของเหลวไหลจากหู (Othorrhea)
อาการหูอื้อ ได้ยินเสียงลดลง (Hearing loss)
มีเสียงดังในหู (Tinnitus)
มีอาการเวียนศีรษะ (Dizziness or vertigo)
- การตรวจร่างกาย
ตรวจหูภายนอก
ตรวจช่องหู
เป็นข้างไหน เสียงลักษณะอย่างไร ดังเมื่อไร
เป็นข้างไหน ไม่ได้ยินตลอดเวลาหรือเป็นครั้งคราาว
เป็นมากหรือน้อย เป็นตลอดเวลาหรือเป็นพักๆ
สีอะไร ลักษณะ
เป็นบ่อยเเค่ไหน มีอาการอื่นร่วมด้วยหรือไม่ ได้รับยาอะไร มีประวัติโรคอะไรบ้าง
ดู คลำ บริเวณหน้าเเละหลังหู
ว่ามีอาการบวม ปวด เเดง มีฝี มีรู มีถุงน้ำหรือไม่
ตรวจด้วยไม้พันสำลี โดยค่อยๆ เเตะลงที่ช่องหูทั้งส่วนกระดูกเเละกระดูกอ่อน ถ้าเเตะที่ใดเจ็บปวดให้ตัดชิ้นเนื้อส่งตรวจต่อไป
ตรวจดุเยื่อเเก้วหู (Tympanic membrane) ว่ามีสีอะไร มีรอยเเผล รูทะลุหรือไม่
ตรวจหูเเล้วไม่พบสิ่งผิดปกติ ให้ตรวจศีรษะเเละคอด้วย
ช่องปาก
Temporomandibular joint
ช่องจมูก
ช่องคอทั้ง 3 ส่วน
ตรวจดูด้านหน้า-ข้าง หลัง ลำคอ
การตรวจพิเศษอื่นๆ
ถ่ายภาพรังสีของหู คอ จมูก ส่วนที่สงสัย
หรือทำ CT scan, MRI เพื่อเเยกโรคให้ชัดเจนขึ้น
การนัดตรวจซ้ำเป็นระยะๆ
- การตรวจพิเศษด้วยเครื่องมือ
การทดสอบการได้ยิน นิยมตรวจ
Tuning fork test
Audiometry
เป็นการตรวจโดยใช้ส้อมเสียง (Tuning fork test)
โดยใช้เครื่องตรวจการได้ยินชนิดไฟฟ้า
การเเปลผล
Weber Test เป็นการทดสอบ Cochlear function
- ถ้าคนปกติจะได้ยินเท่ากัน 2 ข้าง
- ถ้ามีระบบการนำเสียงบกพร่อง ข้างที่มีปัญหาจะได้ยินชัดเจนกว่า
- ถ้ามีระบบประสาทรับฟังเสียงบกพร่อง ข้างที่ดีจะได้ยินชัดเจนกว่า
Rine test
- Rine test positive
- Rine test negative
- False negative Rinne
ได้ยินทางหน้าหูดีกว่าทางหลังหู (AC>BC)
ได้ยินทางหลังหูดีกว่าทางหน้าหู (BC>AC)
จะมี BC>AC
Weber test
Rine test
เพื่อวินิจฉัยผู้ป่วยทีมีปัญหาการนำเสียงบกพร่อง
เป้นการคัดกรองโดยจำเเนกประเภทของการสูญเสียการได้ยิน โดยผู้ป่วยฟังเปรียบเทียบที่หูข้างเดียวกัน
การตรวจโดยการใช้คำพูด (Speech Audiometry)
Speech Reception Threshold (SRT)
Speech Discrimination
ตรวจระดับเสียงพูดที่ต่ำที่สุดที่ผู้ป่วยสามารถเข้าใจว่าเป็นคำพูด เป็นคำ 2 พยางค์ที่ฟังเเล้วคุ้นเคยมาก
ประสิทธิภาพของหูในการเเยกเสียง เเละเข้าใจความหมายของคำพูด การตรวจจะใช้คำพยางค์เดียว
- การตรวจ Vestibular Function Test
Romberg's Test
Unterberger's Test
Gait Test
โดนการยืนตรง ส้นเท้าเเละปลายเท้าชิดกัน มองตรงไปข้างหน้า
ทำเหมือย Romberg's Test เเต่ยืนมือตรงไปข้างหน้า หลับตา ย่ำซอยเท้าอยู่กับที่
ให้เดินตามเเนวเส้นตรงระหว่างจุด 2 จุด เเล้วหมุนตัวเร็วๆกลับมาที่เดิม
- ตรวจดู Nystagmus
อาการตากระตุก โดยการทำ Head Shaking
หรือทำ Position Test
สั่นศีรษะผู้ป่วยในเเนวนอนระนาบนอน 20 ครั้ง
ให้ผู้ป่วยนอน จับศีรษะตะเเคงขวา ซ้าย หงาย ตรง
เพื่อดูอาการเวียนศีรษะ
ภาวะที่มีความบกพร่องในกลไกของการได้ยิน
ทำให้มีปัญหาในการฟัง หูอื้อ ได้ยินไม่ชัด มีเสียงดังในหู
ประเภท
- เเบบการนำเสียงออกทางอากาศบกพร่อง (Conductive Hearing Loss ; CHL)
เกิดจากความผิดปกติของหูชั้นนอก เยื่อเเก้วหู เเละหูชั้นกลาง
ทำให้มีความผิดปกติของกลไกการส่งผ่าคลื่นเสียงไปสู่หูชั้นใน
- เเบบประสาทหูเสื่อม (Sensorineural Hearing Loss ; SNHL)
เกิดจากความผิดปกติในอวัยวะรูปหอยโข่งในหูชั้นใน ตรงส่วนของเซลล์ประสาทรับเสียง
- การรับฟังเสียงบกพร่องเเบบผสม (Mixed Hearing Loss)
เกิดจากความผิดปกติในระบบการนำเสียงร่วมกับประสาทรับฟังเสียงบกพร่อง
พบได้ในโรคที่มีความผิดปกติของหูชั้นกลางเเละหูชั้นในร่วมกัน
- ความบกพร่องที่สมองส่วนกลาง (Central Hearing Loss)
เกิดจากความผิดปกติของสมองโดยเฉพาะ
ทำให้ผู้ป่วยได้ยินเเต่ไม่สามารถเเปลความหมายของสัญญาณนั้นได้
สาเหตุการสูญเสียการได้ยินที่พบบ่อย
สาเหตุการสูญเสียการได้ยินที่พบบ่อย
โรคหูชั้นนอก
ขี้หูอุดตัน
หูชั้นนอกอักเสบ
เนื้องอก
ประสาทหูเสื่อมที่เป็นตั้งเเต่กำเนิด (Congnital Sensorineural Hearing Loss)
ประสาทหูเสื่อมที่เกิดขึ้นภายหลัง (Acquired Sensorineural Hearing Loss)
Presbycusis
Noise induced hearing loss
Drug induced hearing loss
Infection
พบในคนชรา
เกิดจากเสียงดังมาก
เกิดจากยากลุ่ม Aminoglycoside, salicylate, diuretics
ติดเชื้อจากหูชั้นใน น้ำไขสันหลัง การติดเชื้อหูชั้นกลาง
Meniere's disease หรือ endolymphatic hydro
Tumor
Trauma
Vascular cause
Autoimmune
Sudden sensorineural hearing loss
การวินิจฉัย
การซักประวัติ
กาตรวจร่างกาย
อาการนำ
อาการร่วม
ประวัติในอดีต
หูอื้อ เสียงดังในหู หรือการได้ยินลดลง
ปวดหู น้ำออกหู คันหู มีเสียงดังในหู บ้านหมุน
การใช้ยาที่มีพิษต่อหู อุบัติเหตุที่ศีรษะ การผ่าตัดใบหู การได้ยินเสียงดังมากเกินไป มีหูหนวก เป็นใบ้
การตรวจทางร่างกายทางหู คอ จมูก
การตรวจทางระบบประสาท
การตรวจการได้ยินด้วยส้อมเสียง
การส่องกล้องดูหู
กรณีสงสัยรอยโรคของเส้นประสาทหรือสมอง
เพื่อเเยกโรคหูชั้นกลางหรือเส้นประสาทหูในผู้ป่วยที่มีปัญหาการได้ยินที่ตรวจไม่พบความผิดปกติของหูชั้นนอกเเละเยื่อเเก้งหู
โรคหูชั้นนอก
โรคหูชั้นกลาง
โรคหูชั้นใน
ใบหูมีรูทะลุ หรือมีถุงน้ำ
ขี้หูอุดตัน
สิ่งเเปลกปลอมในช่องหู
หูชั้นนอกอักเสบ
การติดเชื้องูสวัดบริเวณหู
เส้นประสาททรงตัวอักเสบ
ยาที่เป็นพิษต่อหู
การสูญเสียการได้ยินจากเสียงดัง
โรคหินปูนในหูชั้นในหลุด โรคเวียนหัวขณะเปลี่ยนท่า (Benign paroxysmal positional vertigo ; BPPV)
น้ำในหูไม่เท่ากัน
ประสาทหูเสื่อมฉับพลัน
หูชั้นในอักเสบ
หูตึงเหตุจากสูงอายุ
โรคหูน้ำหนวก
หินปูนเกาะบริเวณฐานกระดูกโกลน (Otosclerosis)
การบาดเจ็บจากเเรงดันของหู (Otitic barotrama)
สาเหตุ
พยาธิสภาพ
อาการเเละอาการเเสดง
การรักษา
สาเหตุ
อาการเเละอาการเเสดง
การรักษา
เยื่อเเก้วหูฉีกขาดเป็นรูทะลุ
สาเหตุ
อาการเเละอาการเเสดง
การรักษา
ชนิด
Acute Otitia Media
Serous Otitis Media
Chronic Otitis Media
Adhesive Otitis Media
สาเหตุ
อาการ
การรักษา
พยาธิสภาพ
สาเหตุ
อาการเเละอาการเเสดง
การรักษา
สาเหตุ
อาการเเละอาการเเสดง
พยาธิสภาพ
การรักษา
สาเหตุ
อาการเเละอาการเเสดง
พยาธิสภาพ
การป้องกัน
การผ่าตัดหู
ประเภท
การดูเเลผู้ป่วยก่อนเเละหลังการผ่าตัด บริเวณกระดูกหูเเละกระดูก MASTOID
คำเเนะนำสำหรับผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดภายในหูชั้นกลาง
ข้อวินิจฉัย
สาเหตุ
อาการ
การวินิจฉัย
การรักษา
ภาวะเเทรกซ้อนที่อาจเกิด
การป้องกันไม่ให้เกิดอาการกำเริบของโรค
สาเหตุ
อาการ
พยาธิสภาพ
การรักษา
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีอาการเวียนศีรษะ
การวินิจฉัยการพยาบาล
การปฏิบัติพยาบาล
สาเหตุ
อาการเเละอาการเเสดง
การรักษา
สาเหตุ
อาการเเละอาการเเสดง
พยาธิสภาพ
การรักษา
ในภาวะปกติขี้หูสามารถอุดตันอยู่ในส่วนของช่องหูชั้นนอกเเละมีสีเเละปริมาณที่มากน้อยได้เเตกต่าง เเต่บางครั้งเกิดปัญหาขี้หูอุดตัน
ขี้หูสร้างมาดผิดปกติ ในผู้สูงอายุต่อมสร้างขี้หูฝ่อ ทำให้ขี้หูเเห้งเเละเเข็ง รวมทั้ง Epithalial migration ลดลง ทำให้ขี้หูอุดตันได้ง่าย
หูอื้อ ปวดหู
โดยการล้าง ใช้เครื่องดูดหรือการใช้เครื่องมืออื่นๆช่วย
ในเด็กเล็กมักพบของเล่นชิ้นเล็ก เด็กยัดใส่รูหู ทำให้เกิดการติดเชื้อจนถึงอาการเยื่อเเก้วหูทะลุได้
ในผู้ใหญ่มักพบเป็นเศษชิ้นส่วนของไม้พันสำลีหรือพวกเเมลง
หูอื้อ รำคาญ สูญเสียการได้ยิน
ในเด็กมักเอามือจับหูบ่อยๆ ร้องกวน เเละไม่ยอมดูดนม
เป็นสิ่งมีชีวิตใช้เเอลกอลฮอล์ 70 % หรือยาหยดประเภทน้ำมันหยอดลงไป เเล้วคีบออก
ในผู้ใหญ่จะพยายามเเคะหู บางรายมีอาการมึนงงเวียนศีรษะจนถึงอัมพาตของใบหน้า
เป็นสิ่งไม่มีชีวิต ใช้น้ำสะอาดหรือเกลือปราศจากเชื้อหยอดจนเต็มหูเเล้วเทน้ำออกหรือใช้ที่ล้างหูช่วย
เกิดจากของมีคม หรืออาจเกิดจากเเรงอัดดันจากการถูกกระเเทกบริเวณกระดูกขมัยเเรงๆ
เจ็บปวดเฉียบพลัน สูญเสียการได้ยิน มีเสียงดังในหู มีเลือดออกในหูเเละไหลออกมา บางรายมีอาการเวียนศีรษะร่วมด้วย
ทิ้งไว้เฉยๆ อย่าชะล้าง
ไม่ต้องเอาลิ่มเลือดออก
ไม่ต้องหยอดยาหู เเต่ให้รับประทานกันการติดเชื้อเเทน
ไม่ต้องทำความสะอาดภายในช่องหู
มีภาวะหูน้ำหนวกเกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆมีอาการน้อยกว่า 3 สัปดาห์
มีภาวะหูน้ำหนวกที่มีน้ำใสขังค้างอยู่ในชั้นกลาง มีอาการระหว่าง 3 เดือนถึง 3 สัปกาห์
มีภาวะหูน้ำหนวกที่เกิดเป็นนานๆเป็นระยะเวลานานปี
มีภาวะหูน้ำหนวกที่เกิดเป็นซ้ำเเละเป็นอยู่ในเวลานานๆ มีอาการมากกว่าหรือเท่ากับ 3 เดือน
มีการอักเสบของหูชั้นกลางเเละโพรงกกหู
ในหูชั้นกลางอักเสบเฉียบพลัน
ตรวจพบเยื่อเเก้วหูบวมเเดง
ตรวจพบเยื่อเเก้วหูสีเหลืองฟาง
ชนิดมีน้ำขัง
มีฟองอากาศ
เยื่อเเก้วหูทะลุ
เป็นหวัด คัดจมูก คออักเสบ หูชั้นกลางอักเสบ
ท่อยูสเตเชียนอุดตัน พบมากในเด็กอายุต่ำกว่า 8 ปี เพราะโครงสร้างยังเจริญไม่เต็มที่
เพดานโห่ว ทำให้กล้ามเนื้อ Tensor Veli palatine ที่ปิดเปิดท่อยูสเตเชียนทำงานได้ไม่ดี
เด็กที่ถูกเลี้ยงดูด้วยนมขวด จะใช้เเรงดูดมากกว่าเด็กที่ดูดนมเเม่ เเละเด็กมักนอนบนพื้นราบมากกว่าการดูดนมเเม่ ทำให้มีโอกาสเกิดการไหลย้อนของนมเข้าสู่ท่อยูสเตเชียนได้ง่ายทำให้เกิดหูชั้นกลางอักเสบ
เนื้องอกบริเวณช่องโพรงจมูก (Nasopharynx) ไปอุดตันท่อยูสเตเชียน
ขณะเครื่องบินลง เกิดภาวะ Barotrauma ทำให้ท่อยูสเตเชียนเปิดไม่ได้
สูญเสียการได้ยินบางรายอาจจะมีอาการหูอื้อเวลาพูดเสียงดังจะรู้สึกก้องหูมาก
รู้สึกเหมือนมีน้ำขังอยู่อยู่ในหูตลอดเวลา
ตรวจเเก้วหูด้วย Otoscopy
พบเยื่อเเก้วหูมีลักษณะนูนโป่งเเละมีอาการปวดหูร่วมด้วย
ปรับความดันของหูชั้นกลางให้ปกติ
ทำ Valsava Maneuver เเละ Politzerisation
คือหายใจเข้าเต็มที่ บีบจมูก หุบปากให้สนิทเเล้วเบ่งลมหายใจออกเป็นการเพิ่มความดันบริเวณช่องคอหลังโพร่งจมูก ทำให้ท่อยูสเตเชียนเปิดออก
การรักษาทางยา ให้ยาเเก้เเพ้ ยาลดอาการคัดเเน่นจมูกเเละยาปฏิชีวนะร่วมด้วย
การทำ Myringostomy (ในรายที่รักษาทางยาไม่ได้ผล)
การเจาะเยื่อเเก้วหูเเล้วใส่ท่อคาไว้ เพื่อให้ลมผ่านเข้าออกได้ตลอด ให้ของเหลวในหูชั้นกลางไหลออกมา
หลังทำห้ามเเคะหู ห้ามน้ำเข้าหู ถ้ามีหนองไหลใช้สำลีสะอาดเช็ด
เกิดจากภาวะที่มีการรักษาไม่หายขาดของหูชั้นกลางอักเสบ (Otitis Media) เเละการกลับเป็นซ้ำอีกของ Otitis Media
เยื่อเเก้วหูทะลุ (Tympanic Membrane perforation)
มีของเหลวไหลเป็นน้ำหนอง
หูอื้อ บางรายสูญเสียการได้ยิน
การรักษาทางยา ให้ยาปฏิชีวนะ ยาเเก้ปวด ยาลดการคัดเเน่นจมูก บางรายอาจจะให้ยาหยอดหูร่วมด้วย
ควรทำการผ่าตัดต่อไป (ทำ Tympanoplasty เเละอาจต้องทำ Mastoidectomy ร่วมด้วยในบางราย) ให้ยานาน 2 สัปดาห์ไม่หาย
ไม่ทราบเเน่ชัด อาจเกิด Measle virus เเละหากมีประวัติในครอบครัวถ่ายทอดทางพันธุกรรมเเบบ autosomal dominate
หูอื้อ อาจมีเวียนศีรษะบ้านหมุน มีเสียงดังในหู การสูญเสียการได้ยินเเบบ CHL
มีการเพิ่มของ Osteoblastic เเละ osteoclasvtic activity บริเวณ stapes footplate ทำให้เกิด otosclerosis
ใช้เครื่องช่วยฟัง เหมาะสำหรับสูญเสียการฟังไม่มาก
วิธีการผ่าตัด
จะนำกระดูกหูที่มีพยาธิสภาพออกเเละใส่วัสดุเทียมเข้าไปเพื่อทำหน้าที่ในการส่งผ่านเสียงเเทนกระดูกที่มีหินปูนยึดติด
จากการเปลี่ยนเเปลงความดันอากาศหรือความดันในหูชั้นกลางเเละโพรงกกหู
มักเกิดในภาวะที่ท่อ Eustachain ทำงานผิดปกติส่วนมากเกิดจากการเดินทางโดยเครื่องบิน
ปวดหู เเน่นหู สูญเสียการได้ยินเเบบ CHL ร่วมกับมีประวัติขึ้นเครื่องบิน หรือดำน้ำ
ความดันหูชั้นกลางมีความเเตกต่างจากบรรยากาศภายนอก เยื่อเมือกจะบวม มีการสร้างของเหลวจากต่อมเมือก มีเส้นเลือดฉีกขาด ทำให้เกิดของเหลวหรือเลือดคั่งในหูชั้นกลาง
พยายามปรับความดัน ไม่ให้เกิดความเเตกต่างของหูชั้นกลางบ่อยๆ
การผ่าตัดตกเเต่งเเก้วหู ปะเยื่อเเก้วหู (Myringoplasy or Tympanoplasty Type I)
การตกเเต่งหูชั้นกลาง รวมทั้งปะเเก้วหูเเละตกเเต่งกระดูกหู (Tympanoplasty)
การผ่าตัดเอา Mastoid air cell ออก (Mastoidectomy) ทำในพวกที่มี Cholestestoma เเละ Mastoidectomy
การผ่าตัดเปิดเข้าไปในหูชั้นกลาง เพื่อดูว่าจะทำอะไรต่อไป (Explormiddle ear)
การผ่าตัด Stapes bone เเละ Footplate ออก เเล้วใส่ของเทียมเชื่อมระหว่าง Incus กับ Oval window เเทน
การผ่าตัดบริเวณหูชั้นกลาง เพื่อลดการกดของ facial nerve ลง จะลดภาวะ facial paralysis
การผ่าตัดซ่อมเเซมกระดูกหูในช่องหูชั้นกลาง (Ossiculoplasty) เเละใส่เชื่อมต่อกระดูกหูด้วยกระดูกเทียม
นอนราบตะเเคงข้างที่ไม่ผ่าตัด ถ้าไม่อาเจียนให้หนุนหมอนได้
ถ้ามีอาการเวียนศีรษะให้นอนพัก เเละระวังอุบัติเหตุขณะเคลื่อนไหว
ติดตามประเมินภาวะปากเบี้ยว ตาปิดสนิท ชาที่หน้า
ในรายที่ทำการผ่าตัดซ่อมเเซมกระดูกโกลนร่วมด้วย
ห้ามก้มมากๆ ห้ามออกเเรงยกของหนักมากๆ นาน 2 สัปดาห์
เริ่่มรับประทานอาหารอ่อนๆได้หากไม่มีอาการคลื่นไส้อาเจียน เเต่ให้เคี้ยวด้านตรงข้ามกับที่ผ่าตัด
ตัวกดห้ามเลือด จะนำออกหลังผ่าตัด 24 - 48 ชั่วโมง
ห้ามสั่งน้ำมูก 2-3 สัปดาห์หลังผ่าตัด เพื่อป้องกันสิ่งที่ซ่อมเเซมหลุด
เวลาไอจาม ให้เปิดปากทุกครั้ง อย่างน้อย 2-3 สัปดาห์หลังผ่าตัด
ห้ามใช้เเรงยกของหนักเกิน 50 กก. หรือต้องออกเเรงดึงเเละก้มมากเกินไปอย่างน้อย 2-3 สัปดาห์หลังผ่าตัด
ดูเเลอย่าให้น้ำเข้าหู หลีกเลี่ยงการสระผม 2-3 วันหลังผ่าตัด
เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิธีการผ่าตัด ประสิทธิภาพของการได้ยินที่อาจสูญเสียไป
ปวดเนื่องจากการชอกช้ำของเนื้อเยื่อจากการผ่าตัด
เสี่ยงต่อภาวะติดเชื้อจากการทำผ่าตัดเอากระดูกมาสสตอยด์ออก
การรับคลื่นเสียงต่างๆเปลี่ยนเเปลงไป เนื่องจากความผิดปกติในช่องหูที่เกิดขึ้น
เสี่ยงต่ออันตรายจากภาวะบาดเจ็บ เนื่องจากไม่สามารถควบคุมการทรงตัว มีอาการเวียนศีรษะในระหว่างระยะเวลาภายหลังการผ่าตัด
มีการเปลี่ยนเเปลงของการรับรู้ความรู้สึกต่างๆที่ใบหน้า เนื่องจากเส้นประสาทคู้ที่ 7 ถูกทำลาย เเละการกระทบกระเทือนต่อเเขนงเล็กๆของเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7
มีความบกพร่องในการประสานของเนื้อเยื่อบริเวณบาดเเผล อันเนื่องมาจากการชอกช้ำเมื่อมีการผ่าตัดในช่องหู เเละการปลูกสร้างผิวหนังใหม่
ขาดความรู้เกี่ยวกับโรคมาสตอยด์ วิธีการทำผ่าตัด การดูเเลหลังผ่าตัด ภาสะเเทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้
จากความเสื่อมตามวัย
อุบัติเหตุโดยเฉพาะการบาดเจ็บ หรืออุบัติเหตุบริเวณศีรษะ
โรคหูชั้นใน
การติดเชื้อ
เวียนศีรษะบ้านหมุน
รู้สึกโครงเครง
สูญเสียการทรงตัว
ไม่มีอาการ หูอื้อ เเขนขาชา พูดไม่ชัด หมดสติ
การซักประวัติ
การตรวจร่างกาย
การสืบค้นเพิ่มเติม
การตรวจการได้ยิน
การตรวจด้วยคลื่นเเม่เหล็กไฟฟ้า (MRI)
อาการเวียนศีรษะ
เมื่อมีการเปลี่ยนเเปลงท่าทางของศีรษะเเละเป็นช่วงสั้นๆ
ไม่มีการสูญเสียการได้ยินหรือหูอื้อ
เมื่อล้มตัวลงนอนอย่างรวดเร็วในท่าตะเเคงศีรษะเเละห้อยศีรษะลงเล็กน้อย
จะมีอาการเวียนศีรษะ เเละมีการกระตุกของลูกตา
การรักษาด้วยยา
การทำกายภาพบำบัด
การผ่าตัด
ให้ยาบรรเทาอาการเวียนศีรษะ
เป็นการขยับศีรษะเเละคอ โดยใช้เเรงดึงดูดของโลก
เพื่อเคลื่อนตะกอนหินปูนออกจากอวัยวะควบคุมการทรงตัว
มักทำในกรณีผู้ป่วยรักษาด้วยยาเเละทำกายภาพไม่ได้ผล
ถ้าอาเจียนมาก อาจมีการสูญเสียน้ำเเละเกลือเเร่ในร่างกายมาก อาจช็อกได้
ถ้าเวียนศีรษะมากอาจล้มได้ ทำให้เกิดการบาดเจ็บของอวัยวะต่างๆ
ควรรีบนั่งลง หรือนอนราบ
ไม่ควรดำน้ำ ว่ายน้ำ ปีนป่ายที่สูง
เวลานอนควรนอนหนุนหมอนสูง หลีกเลี่ยงการนอนราบ
หลีกเลี่ยงการนอนที่เอาหูด้านที่กระตุ้นให้เกิดอาการลง
ตอนตื่นนอนตอนเช้า ควรลุกจากเตียงช้าๆ เเละนั่งบนขอบเตียงก่อน
หลีกเลี่ยงการก้มเก็บสิ่งของ หรือเงยหยิบสิ่งของที่อยูู่สูง
เวลาทำอะไรควรทำอย่างช้าๆ
ไม่ทราบเเน่ชัด
เสียการได้ยินเเบบประสาทเสียงเสีย
หูอื้อ
เเน่นหู
มีเสียงดังในหู
เวียนศีรษะ
บ้านหมุน
เกิดการคั่งของ endolymph จนทำให้ membranous labyrinth เเตกออก
ทำให้มีการลดลงของ Auditory เเละ Vestibular neronal outflow ตามมา
จึงทำให้มีอาการเวียนศีรษะบ้านหมุน ดารได้ยินลดลง
ให้ยาบรรเทาอาการ
การรักษา
ควรหยุดเดิน หรือนั่งพักเมื่อมีอาการเวียนศีรษะ
พยายามอย่ากินหรือดื่มหนัก
หลีกเลี่ยงการเดินทางโดยเรือ
จำกัดความเค็ม
กินยาขยายหลอดเลือด ฮิสตามีน
ถ้าอาการดีขึ้นเเล้วควรออกกำลังกายสม่ำเสมอ
หลีกเลี่ยงชา คาเฟอีน บุหรี่
เพราะจะทำให้เลือดไปเลี้ยงที่หูชั้นในลดลง
เพิ่มเลือดไปเลี้ยงที่หูมากขึ้น
ป้องกันน้ำคั่งในร่างกายทเเละน้ำในหูชั้นในมากขึ้น
ช่วยให้มีการไหลเวียนไปที่หูเพิ่มมากขึ้น
เสี่ยงต่ออันตรายจากอุบัติเหตุ เนื่องจากไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เป็นปกติ จากการมีอาการเวียนศีรษะ
วิตกกังวลจากการมีเสียงดังรบกวนในหู การมีอาการหูอื้อเเละสูญเสียการได้ยินไป
นอนพักผ่อนไม่เพียงพอ จากอาการที่ปรากฏเเละความวิตกกังวล
ขาดความรู้ในการปฏิบัติตนเมื่อมีอาการต่างๆ
ให้คำเเนะนำในเรื่องของการเคลื่อนไหว ควรเคลื่อนไหวช้าๆอาจให้ใช้ไม้เท้าช่วยพยุงไว้ก่อน
ขณะมีอาการเวียนศีรษะควรนอนพักนิ่งๆบนเตียง เเนะนำให้หลับตา สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ยาวๆ
เเนะนำให้ความรู้ในเรื่องของโรคเเละการรักษาเพื่อให้ผู้ป่วยสามารถดำเนินชีวิตได้เป็นปกติ
ประเมินต่างของผู้ป่วยที่เป็นเรื่องจำเป็น
อาการเวียนศีรษะ ความถี่ ความห่าง ช่วงเวลา
จัดสิ่งเเวดล้อมต่างๆให้เหมาะสม ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถพักผ่อนได้มากยิ่งขึ้น
ถ้าจำเป็นอาจจะต้องให้ยานอนหลับ
ให้คำเเนะนำเรื่องการออกกำลังกายเท่าที่ทำได้
เเต่ไม่ควรทำงานหนักเกินไป เเละไม่เดินทางไปในที่ๆอาจเกิดอันตรายได้
ไม่ทราบเเน่ชัด อาจเกิดจาก
การติดเชื้อไวรัส
การอุดตันของเลือดไปเลี้ยงที่หูชั้นใน
การรั่วของน้ำในหูชั้นใน เข้าไปหูชั้นกลาง
การถ่ายเเบ่ง การจาม
ความเครียด เบาหวาน ไขมันในหลอดเลือดสูง
การบาดเจ็บ
การผ่าตัด การดำน้ำ การขึ้นเครื่องบิน การได้ยินเสียงดังมากๆในระยะสั้นๆ
หูอื้อ
การได้ยินลดลงในหูข้างใดข้างหนึ่งอย่างเฉียบพลัน
บางรายอาจมีอาการเวียนศีรษะร่วมด้วย
กรณีทราบสาเหตุ
กรณีไม่ทราบสาเหตุ
รักษาตามสาเหตุ
อาการเวียนศีรษะ
อาการมีเสียงดังในหู
มักมีอาการหายได้เอง
มุ่งรักษาเพื่อรักษาอาการอักเสบของประสาทหู
ยาขยายหลอดเลือด ยาวิตามิน ยาลดอาการเวียนศีรษะ
การนอนพัก เเละไม่ควรทำงานหนัก หรือออกกำลังกายหักโหม 1-2 สัปดาห์
หลีกเลี่ยง
เสียงดัง
ยาที่มีพิษต่อหู
อุบัติเหตุ หรือการกระทบกระเทือนที่หู
การติดเชื้อที่หู
อาหารเค็ม หรือเครื่องดื่มที่กระตุ้นระบบประสาท
อายุเพิ่มมากขึ้น
การใช้ยา
การได้รับเสียงดัง
การสูบบุหรี่
การได้ยินลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปเท่าๆกันทั้งสองข้าง
มีเสียงดังในหูร่วมด้วย
มีการเเข็งตัวของ basilar membrane
มีการลดลงของ Sensory cells เเละ Supporting cells
การทำงานของ mitochondrial ลดลง
ใช้เครื่องช่วยฟังเป็นหลัก
การจำกัดเเคลอรี่ ช่วยลดปริมาณไขมันในร่างกาย