Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 7 การพยาบาลผู้ที่มีภาวะเสียสมดุล สารน้า เกลือแร่ และกรด-ด่าง -…
บทที่ 7 การพยาบาลผู้ที่มีภาวะเสียสมดุล
สารน้า เกลือแร่ และกรด-ด่าง
สารน้า (fluid)
น้ำและ
สารประกอบ ท่ีละลายอยู่ในน้ำ ได้แก่ อิเลคโทรลัยท์
ทังประจุบวกและลบ รวมถึงโปรตีน
หน้าท่ีของสารน้ำในร่างกาย
1.ช่วยในการควบคมุอณุหภูมิของร่างกาย
เป็นให้ความชุ่มชื่นต่อเนื้อเยื่อของร่างกาย เช่น ปาก ตา จมูก
3.หล่อลื่นนข้อและป้องกันอวัยวะภายใน
4.ป้องกันภาวะท้องผูก และช่วยขบัของเสียผ่านทางไต
5.ละลายเกลือแร่และสารอาหาร
น้ำอาหารและออกซิเจนไปสู่ร่างกายและเนื้อเยื่อ
น้ำในร่างกาย
น้ำภายนอกเซลล์ มีประมาณ 40 % ได้แก่ น้ำที่ อยู่ในช่องว่างระหว่าง เซลล์ในหลอดเลือดใน เนื้อเยื่อ เกี่ยวพัน
น้ำภายในเซลล์มีประมาณ 60% โดยปริมาณจะมากหรือ น้อย ขึนอยู่ กับ อายุ เพศเป็นต้น
กลไกปกติของสมดุลน้ำ
กลไกการระเหยของน้ำ เป็นกลไกการควบคุมของสมองใหญ่ (Cerebrum) เมื่อร่างกายสูญเสียน้ำ ร้อยละ 1-2 ของน้พในร่างกายทั้งหมด
การควบคุมโดยฮอร์โมน
Antidiuretic hormone (ADH) ถูกกสร้างจากต่อมใต้ สมองส่วนหลังเมื่อมีการกระตุ้นศูนย์กระหายน้พก็จะมีการ กระตุ้นการหลั่ง ADH
Aldosterone เป็นฮอร์โมนท่ีทำหน้าท่ี ร่วมกับ ADHเพื่อ ควบคุมน้ำในร่างกาย aldosterone ถูกหลั่งจากAdrenal cortex จะหลั่งเพิ่มขึนเมื่อปริมาตรของพลาสมาลดลง
การประเมินสมดุลของเหลว
การซักประวัติ
ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ
การตรวจร่างกาย
การสังเกตและการประเมิน
สีหน้า การขาดน้ำอย่างรุนแรงจะส่งผลท้าให้ตาลึกโหล สีหน้าอ่อนระโหยเยื่อบุภายในปาก แห้ง กระหายน้ำผิวหนังซีด เย็น ผิวหนังตังได้
สัญญาณชีพ มีอุณหภูมิกายขึนสูง ชีพจรเต้นเร็วหายใจเร็วลึก ความดันโลหิตลดต่้าลง
ปริมาณปัสสาวะและความเข้มข้น ปริมาณปัสสาวะลดลงเนื่องจากมีปริมาณของฮอร์โมน antidiuretic เพิ่มขึน เมื่อปริมาณของน้ำปัสสาวะลดลงจะท้าให้มีความเข้มข้นเพิ่มขึน
ภาวะไม่สมดุลของสารน้ำ
2.ความผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับการไหลเวียนภาวะเสียสมดุลของน้ำและอิเลคโทรลัยท์
การเสียสมดุลปริมาตรและความเข้มข้น
ภาวะเสียสมดุลอิเลคโทรลัยท์
1.ความผิดปกติของส่วนประกอบหรือปริมาตรของสารน้ำ
ภาวะขาดน้ำ คือ ภาวะที่มีปริมาณน ้าในร่างกายน้อยกว่า
ปกติ มีความผิดปกติของโซเดียม ECF น้อยกว่าปกติ
primary dehydration จะเกิดจากการได้รับไม่พอ ไม่ว่าจะเกิดจากการดื่มเองไม่ได้หรือไม่มีน้ำดื่ม
secondary dehydration เกิดจากการเสียน้ำที่มีการเสียอิเลคโทรลัยท์ด้วย โดยเฉพาะการสูญเสียโซเดียม
อาการ ไม่มีแรง ผิวหนังแห้ง คอแห้ง ไม่มีน้ำลาย ริมฝีปากแห้งน ้าหนักลด หัวใจเต้นเร็ว กระวนกระวาย
เมื่อขาดน้ำมากกว่าร้อยละ 7 จะท้าให้ความดันลดต่้าลง ผู้ป่วยไม่รู้สึกตัว เพ้อสับสนตาลึกโบ๋ ประสาทหลอน
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
มี/เสี่ยงต่อภาวะขาดน้ำ/ได้รับน้ำไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกายเนื่องจากท้องร่วง/อาเจียน
เกิด/เสี่ยงต่อการเกิดภาวะไตวายเนื่องจาการสูญเสียน้ำ
เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุจากความรู้สึกตัวลดลง
การพยาบาลผู้ป่วยภาวะ
ประเมินระดับความรุนแรงของสภาวะการขาดน้ำ
บันทึกสัญญาณชีพ น้ำหนักตัวระดับความรู้สึกตัว
ให้สารน้ำและเกลือแร่ทดแทน
ดูแลความสะอาดปากฟัน
ติดตามผลทางห้องปฏิบัติการ
บันทึกปริมาณน้ำเข้าออก โดยจะต้องมีน้ำออกไม่น้อยกว่า
30 cc/hr
ภาวะน้ำเกิน เป็น ภาวะที่มีน ้าในร่างกายมากกว่า 60%
ของน ้าหนักตัว ECF มากกว่าปกติ จะมีอาการบวม
สาเเหตุเกิดจาก
การได้รับเกลือและน้ำมาก เกินไป
ได้รับยา corticosteroid
มีการอุดกันของทางเดินปัสสาวะ
มีการหลั่งADHมากกว่าปกติ
ผู้ป่วยที่มี ภาวะขาดโซเดียม
อาการที่เกิดขึ้น
pulmonary edema จะมีอาการหอบหายใจล้าบากไอมาก
congestive heart failure
neck vein engorged
น้ำหนักเพิ่มมากขึน อาจมีอาการชัก
บวมตามปลายมือปลายเท้า
ความดันโลหิตเพิ่มขึน
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
มี/เสี่ยงต่อภาวะน้ำเกินเนื่องจากไตวายเรื้อรัง/โปรตีนใน
เลือดต่้า/ไตสูญเสียหน้าที่
ได้รับสารน้ำสารอาหารไม่เพียงพอกับความต้องการของ
ร่างกายเนื่องจากคลื่นไส้อาเจียน
เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุจากความรู้สึกตัวลดลง
การพยาบาลผู่ป่วยภาวะน้ำเกิน
ประเมินความรู้สึกตัว อาการบวมภาวะน้ำเกิน
บันทึกสัญญาณชีพ น้ำหนักตัว
ดูแลจ้ากัดน้ำและเกลือ
ดูแลให้ยาขับปัสสาวะ
บันทึกปริมาณน้ำเข้าออก (I/O)
ติดตามผลทางห้องปฏิบัติการ (LAB)
จัดท่าให้ผู้ป่วยอยู่ในท่าที่สุขสบาย หายใจได้สะดวก
ภาวะบวม (edema)
สาเหตุ เกิดจาก
แรงดันเพิ่มเลือดคั่งในผู้ป่วย CHF
ภาวะ Alb ในเลือดต่้า
ภาวะ nephrotic syndrome เกิดจากไตผิดปกติ
มีการคั่งของโซเดียม สูญเสีย vascular permeability
เกิด การอุดตันของระบบทางเดินน ้าเหลือง (lymphatic
obstruction)
อาการ
น้ำหนักขึ้น ร้อยละ 5
มีอาการบวม ผิวหนังอุ่น ชื้น แดง
ชีพจรแรง หายใจล้าบาก หายใจเร็ว หอบเหนื่อย
หลอดเลือดด้าที่คอโป่งพอง (neck vein engorgement)
กระสับกระส่าย สับสน ตะคริว ชัก หมดสติ คลื่นไส้อาเจียน
ถ่ายอุจจาระเป็นน้ำปัสสาวะอาจออกมากหรือ น้อยกว่าปกติได้
การตรวจร่างกาย
บวมกดบุ๋ม, หลอดเลือดที่คอโป่ง
ตรวจทางห้องปฏิบัติการ
ผล urine spgr. < 1.010
พบ Na ในปัสสาวะ
Na ในเลือด< 135 mEq/L
Hct ต่้ากว่าปกติได้
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
เสี่ยงต่อภาวะน ้าเกินเนื่องจากไตวายเรื้อรัง/ไตสูญเสียหน้าที่
เสี่ยงต่อภาวะน ้าเกินเนื่องจากโปรตีนในเลือดต่้า
ได้รับสารน้ำสารอาหารไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกายเนื่องจากมีอาการคลื่นไส้อาเจียน
เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุเนื่องจากระดับความรู้สึกตัวลดลง
ความสามารถในการท้ากิจกรรมลดลงเนื่องจากอ่อนเพลีย/มีอาการบวมตามแขนขาหรือทั่วร่างกาย
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีภาวะบวม
ประเมินระดับความรู้สึกตัว
ประเมินอาการบวม สังเกตอาการของภาวะน้ำเกิน
จัดท่านอนศีรษะสูง semi-fowler’s position
จ้ากัดน้ำดื่ม จ้ากัดอาหารเค็ม
บันทึกสัญญาณชีพ, ชั่งน้ำหนัก, I/O
ดูแลให้hypertonic saline ตามแผนการรักษา
เพื่อปรับ plasma osmolality
ติดตามผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ
ให้ยาขับปัสสาวะตามแผนการรักษา
อิเลคโทรลัยท์ (Electrolyte)หมายถึง สารที่แตกตัวเป็น
ไอออนได้
ร่างกายได้รับ E’lyte จากอาหาร น้ำดื่ม หรืออาจได้รับจากยาหรือสารน ้าทางหลอดเลือดด้าในการรักษาภาวะของโรค
กลุ่มที่มีประจุบวก
สารที่มีประจุลบ
E’lyte เหล่านี จะอยู่ในสารน้ำของร่างกายทั้งภายในเซลล์และภายนอกเซลล์
หน่วยของการวัดความเข้มข้นของ E’lyte ในร่างกายวัดเป็นmEq/L (milliequivalentsperliter)หรือmg/dl(milligrams/deciliter)
ตัวที่ทำหน้าที่ในการควบคุม E’lyte ได้แก่ ระบบไต ระบบต่อมไร้ท่อ และระบบทางเดินอาหาร
โซเดียม (sodium, Na)
โซเดียมเป็นอิเลคโทรลัยท์ที่มีมากที่สุดในร่างกาย
ค่าปกติ 135-145 mEq/L
ปริมาณของโซเดียมที่ร่างกายได้รับขึ้นกับอาหารที่
รับประทาน
ในคนปกติต้องการได้รับเกลือใหญ่ ขนาด 2 กรัม/วัน
ภาวะที่ร่ํางกายมีระดับของโซเดียมต่ำ
สาเหตุเกิดจาก
ร่างกายได้รับ Na จากอาหารน้อยไป มีการดูดซึมไม่ดี
ได้รับยาขับปัสสาวะเป็นเวลานาน
สูญเสียทางระบบทางเดินอาหาร เช่น อาเจียน ท้องร่วง
NG tube with suction , NG content
การที่มีเหงื่อ ออกมากเกิน ออกก้าลังกาย หรืออยู่ในที่อากาศร้อน
อาการทางระบบประสาท โรคจิต ซึมเศร้า
Coma
แบ่งออกเป็น 3 ระดับ
รุนแรงเล็กน้อย Na = 125 -135 mEq/L
รุนแรงปานกลาง Na = 115 -125 mEq/L
รุนแรงมาก Na = 90 -115 mEq/L
อาการ
จากการสูญเสียโซเดียม
1.รุนแรงเล็กน้อย
อ่อนเพลีย ความดันเลือดปกติ
2.รุนแรงปานกลาง
รู้สึกตัวดี กระหายน้ำ ถ้าดื่มมากจะเป็นตะคริว อาเจียน
เริ่มรู้สึกเวียนศีรษะ เวลายืนจะเป็นลม อ่อนเพลียมาก
ความดันเลือดท่านั่งและท่ายืนมากกว่าท่านอน
ชีพจรมากกว่า 100 ครั ง/นาที ผิวหนังเหี่ยวย่น
3.รุนแรงมาก
กล้ามเนื อกระตุก สั่น เพ้อกระสับกระส่าย ต่อมาไม่รู้สึกตัว
Systolic Bp < 90 mm.Hg
ผิวหนังเหี่ยวย่นชัดเจน ขอบตาลึก
ปัสสาวะน้อยกว่า 15 มล./ชม.
ปลายมือปลายเท้าเขียว และเสียชีวิต
จากภาวะน้ำเกิน
น้ำหนักเพิ่มขึ้น บวม
ปริมาณปัสสาวะปกติหรือมากกว่าปกติ
BP สูง P เร็วและแรง หลอดเลือดด้าส่วนปลายโป่งพอง
ฟังหัวใจพบ murmur และ gallop
กล้ามเนื ออ่อนแรงและเป็นตะคริว
การวินิจฉัย
ระดับของ Na < 135 mEq/L
Osmolarity < 285 mosm/kg
urine sp gr. 1.002-1.004
BUN สูง
Na ในปัสสาวะ < 10 mEq/L
จากการซักประวัติ พบว่า มีอาการอาเจียน ท้องร่วงร่วมด้วย
การรักษา
หากร่างกายมีการขําดNaน้อยและมีการขาดน้ำมาก จะต้องให้ Normal saline และอาหารที่มีโซเดียมสูง
หากเกิดภาวะน้ำเกินมากและขาดNaมากจะต้องมีการให้ Na ทดแทน และยาขับปัสสาวะ (Furosemide)
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
มี/เสี่ยงต่อภาวะโซเดียมในร่างกายต่่าเนื่องจากอาเจียน/
ท้องร่วง/แผลไหม้/ขาดสารอาหาร
เสี่ยงต่อการเกิดแผลในปากเนื่องจากเยื่อบุปากแห้ง
ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างการ
เนื่องจากคลื่นไส้/อาเจียน / เบื่ออาหาร
เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุจากความรู้สึกตัวลดลง
หลักการพยาบาล
ภาวะที่ร่างกายมีระดับของโซเดียมต่ำ(hyponatremia)
หาสาเหตุและแก้ไข
ให้โซเดียมทดแทนและป้องกันภาวะ shock
ป้องกันภาวะโซเดียมต่ำ
ประเมินระดับความรู้สึกตัว ป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ
ช่วยเหลือในการปฏิบัติกิจวัตรประจ้าวันต่างๆ
ให้ความรู้แก่ผู้ป่วยและญาติเพื่อลดความวิตกกังวล
ติดตามผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ
ภาวะที่ร่างกายมีระดับของโซเดียมเกิน
Na >145 mEq/L
สาเหตุ
ได้รับเกลือเพิ่มขึ้น
ได้รับน้ำน้อยหรือสูญเสียน้ำมาก
อาการทั่วไป มีไข้ต่้าๆ กระหายน ้ามาก
ผิวหนัง ผิวแดง หน้าแดง บวม ปากแห้ง ลิ้นบวมแดง
ระบบหัวใจและหลอดเลือด หัวใจเต้นเร็ว ความดันเลือดสูง ความดันเลือดด้าส่วนกลาง (CVP) สูง
ระบบหายใจ หายใจหอบเหนื่อย ปอดมีเสียงกรอบแกรบ (รายที่มีHypervolemia)
ระบบประสาท สับสน กระสับกระส่าย ชัก
ระบบกล้ามเนื้ออ่อนแรงระบบทางเดินปัสสาวะน้อยหรือไม่มี
การวินิจฉัย
ซักประวัติ และตรวจร่างกาย
2.ตรวจทางห้องปฏิบัติการ
Na > 145 mEq/L
Cl > 110 mEq/L
Osmolarity > 295 mOsm/kg
Sp. gr. สูงขึ้น
Osmolarity in urine > 800 mOSm/kg
การรักษาภาวะโซเดียมเกิน
หาสาเหตุ
ดูแลให้ได้รับสารน้ำที่ไม่มีโซเดียม จ้ากัดเกลือ ขับเกลือ
เพิ่มโปรตีนในพลาสมาในรายโปรตีนต่ำ
นอนราบไม่ได้ ให้สารละลายไฮโปโทนิคเพื่อลดระดับโซเดียม
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลภาวะโซเดียมในเลือดสูง
มี/เสี่ยงต่อภาวะโซเดียมในเลือดสูงเนื่องจากไตวาย/ได้รับ
ยาสเตียรอยด์/สูญเสียน้ำ
เสี่ยงต่อการเกิดแผลในปากเนื่องจากเยื่อบุปากแห้ง
ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย
เนื่องจากมีแผลในปาก ลิ้น
เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุจากความรู้สึกตัวลดลง
หลักการพยาบาลภาวะโซเดียมในเลือดสูง
จ้ากัดกิจกรรมบนเตียง ให้นอนพักบนเตียง
ประเมินสัญญาณชีพ ประเมินระดับความรู้สึกตัว
ดูแลให้สารน้ำทดแทน
จ้ากัดน้ำดื่มในกรณีที่มีภาวะน้ำเกิน
บันทึกI/O ชั่งน้ำหนัก
ติดตามผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ
สังเกตอาการเปลี่ยนแปลง
โปแตสเซียม(Potassium,K)
หน้าที่ของ K
•ท้าให้เกิดความต่างศักย์ที่เยื่อหุ้มเซลล์
•K เป็นปัจจัยร่วมในการท้างานของ insulin ในการนำ
กลูโคสเข้าเซลล์
•ช่วยควบคุมการไหลเวียนของเลือดขณะออกก้าลังกาย
ภาวะที่ร่างกายมีโปแตสเซียมต่ำ
K < 3.5 mEq/L สาเหตุ เกิดจาก
การที่มีการขนส่ง K เข้าเซลล์มากเกินไป
ได้รับสารอาหารที่มีปริมาณของ K น้อยเกินไป
ไม่รับประทานผักและผลไม้
มีการสูญเสียจากการอาเจียนมากๆ
มีอาการถ่ายเหลว
อาการ ของภาวะ K ต่ำ ได้แก่
กล้ามเนื้อ กล้ามเนื้ออ่อนแรง
หัวใจ หัวใจเต้นไม่สม่้าเสมอ
หายใจ หายใจตื้น
ระบบทางเดินอาหาร เบื่ออาหารคลื่นไส้ อาเจียน
การวินิจฉัย
ซักประวัติ
ตรวจร่างกาย
ตรวจทางห้องปฏิบัติการ
การรักษา
ทดแทน K
ในรูปยากิน
แก้ไขสาเหตุ
ติดตาม EKG
การวินิจฉัยทางการพยาบาลภาวะที่มีร่างกายมีโปรแตสเซียมต่ำ
มี/เกิด/เสี่ยงต่อการเกิดภาวะโปแตสเซียมใน
เลือดต่้าเนื่องจากปัสสาวะออกมาก
เสี่ยงต่อการเกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ
เนื่องจากโปแตสเซียมในเลือดต่้า
เนื้อเยื่อได้รับเลือดไปเลี้ยงน้อยลงเนื่องจากหัว
ใจเต้นผิดจังหวะ
ภาวะที่มีระดับของโปรแตสเซียมสูง
K > 5.5 mEq/L สาเหตุเกิดจาก
ได้รับเพิ่มขึ้น เช่น ได้รับโปแตสเซียมมากไปได้เลือดเก่าใกล้หมดอายุเพราะเม็ดเลือดแดงแตกง่าย
ลดการขับออก เช่น ไตวายเฉียบพลันหรือเรื้อรัง
โปแตสเซียมออกจากเซลล์มากขึ้น เช่น มีการย้ายออกนอกเซลล์จากภาวะ
อาการภาวะโปแตสเซียมในเลือดสูง
หัวใจ มีการเต้นของหัวใจที่ผิดปกติอย่างรุนแรง หัวใจเต้นเร็วมากกว่า 100 ครั ง/นาทีต่อมาเต้นช้ากว่าปกติสุดท้ายหัวใจจะหยุด
กล้ามเนื้อ ชาและอ่อนแรงและเป็นอัมพาต
การหายใจ เกิดภาวะขาดออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์คั่ง
ระบบทางเดินอาหาร คลื่นไส้ ท้องเดิน เสียงล้าไส้เคลื่อนไหวเพิ่มขึ้น กล้ามเนื้อหน้าท้องเป็นตะคริว
เกิดภาวะกรดในร่างกาย
การรักษาภาวะที่มีระดับของโปรแตสเซียมสูง
ให้ 50% glucose ผสมกับ regular
insulin
ให้Kayexalate
ให้ยาขับปัสสาวะ
หลักการพยาบาลภาวะที่มีระดับของโปรแตสเซียมสูง
บันทึกสัญญาณชีพ
ดูแลจ้ากัดอาหารที่มีโปแตสเซียม
ป้องกันการเกิดอันตรายต่อหัวใจ
ติดตามผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ
แคลเซียม
(calcium, Ca)
ภําวะที่เลือดมีระดับของแคลเซียม
เกิน (hypercalcemia)
ภาวะที่ร่างกายมีระดับของฮอร์โมนพาราไธรอยด์
เพิ่มขึ้นสาเหตุจาก
อาการ
ความดันโลหิตเพิ่มสูงขึ น หัวใจเต้นผิดจังหวะหัวใจเต้นช้า
กล้ามเนื ออ่อนแรงและปวดกระดูก
ภําวะที่มีระดับของแคลเซียมต่ำ
(hypocalcemia)
มีระดับของ Ca ในเลือดน้อยกว่า 4 mg.%
ภาวะที่เจ็บป่วยเรื้อรัง
การรักษา
การให้แคลเซียมทดแทน ได้แก่ 10%
แคลเซียมกลูโคเนต
ก้าจัดสาเหตุ
1 more item...
อาการ
จะมีการชา ตามนิ วมือนิ้วเท้า มือจีบ(trousseau’s sign)
และริมฝีปากเกร็งกระตุก(tetany)
มีผลต่อระบบหัวใจ ระบบทางเดินอาหาร กระดูกอ่อนเพลีย วิตกกังวล
การรักษาภาวะที่เลือดมีระดับของแคลเซียมเกิน
(hypercalcemia)
ให้น ้าเกลือและยาขับปัสสาวะ
หากไม่ได้ผลหรือผู้ป่วยเป็นโรคหัวใจหรือไตอาจจะต้องพิจารณาให้การฟอกเลือด
ติดตามการท้างานของกล้ามเนื้อหัวใจ
กํารรักษําภําวะที่เลือดมีระดับของแคลเซียมเกิน
(hypercalcemia)
การผ่าตัดต่อมพาราไทรอยด์
การรักษาด้วยยา
การรักษามะเร็ง
แมกนีเซียม
(magnesium, Mg)
แมกนีเซียมจะท้าหน้าที่เป็นโคแฟคเตอร์ ของเอนไซม์ต่าง ๆภายในร่างกายเพื่อที่จะท้าหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์
สาเหตุ
การที่ได้รับสารอาหารที่มีMg น้อยไปหรือมีการสูญเสียMg
ทางไตมากเกิน
การได้รับยาบางชนิด เช่น ยาขับปัสสาวะ
ภาวะทุพโภชนาการ
เกิดจากภาวะ alcoholism
อาการ
กล้ามเนื อบิด เกร็ง กล้ามเนื อสั่น
1 more item...
ภาวะที่ร่างกายมีแมกนีเซียมเกิน
(hypermagnesemia)
สาเหตุ
การที่ไตท้างานไม่มีประสิทธิภาพ
การให้Mg ใน หญิงตัังครรภ์
ผู้ป่วยโรคไต
อาการ
ระบบประสาท มีการกดการท้างานของระบบประสาท
กล้ามเนื้ออ่อนแรง
ระบบไหลเวียนเลือดความดันเลือดต่ำ
1 more item...
ฟอสฟอรัส (Phosphorus)
เป็นแหล่งส้ารองพลังงานของเซลล์ต่างๆ เกี่ยวข้องกับกลไกการสร้างพลังงานโดย ช่วยปล่อยโมเลกุลของ
ออกซิเจนจากฮีโมโกลบิน เกี่ยวข้องกับกลไกการสร้างพลังงานโดย ช่วยปล่อยโมเลกุลของ
ออกซิเจนจากฮีโมโกลบิน
ภาวะที่ร่างกายมีฟอสเฟตต่ำ
(hypophatemia)
ภาวะที่ระดับฟอสเฟตในเลือด < 2.2 mg/dl ไตสามารถปรับตัวโดย การลดการขับฟอสเฟตออกจาก
ร่างกาย
สาเหตุ
การได้รับอาหารไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย
การดูดซึมฟอสฟอรัสในทางเดินอาหารลดลง
ไตเพิ่มการสร้างและขับปัสสาวะ การได้รับยาขับปัสสาวะ
การติดสุรา
1 more item...
อาการและอาการแสดง
ระบบประสาทส่วนกลาง อ่อนเพลีย อิดโรย
ระบบกล้ามเนื อและกระดูก กล้ามเนื ออ่อนแรง กล้ามเนื อสั่น
ระบบไหลเวียนเลือด หัวใจล้มเหลว หัวใจเต้นผิดจังหวะ
1 more item...
การรักษา
ให้รับประทานอาหารที่มีฟอสฟอรัสสูง
ให้ยาที่มีฟอสเฟตเป็นองค์ประกอบทาง
หลอดเลือดด้าช้าๆ
ให้รับประทานหรือสวนทวารด้วยยาที่มี
ฟอสเฟต โพแทสเซียมฟอสเฟต
1 more item...
ภาวะฟอสเฟตในเลือดสูง
(hyperphosphatemia)
ภาวะที่ร่างกายมีระดับฟอสเฟตในเลือด > 5.0 mg/dlแสดงถึงภาวะฟอสเฟตในเลือดสูงระดับรุนแรง
สาเหตุ
ไตขับฟอสเฟตออกจากร่างกายทางปัสสาวะลดลง
การได้รับฟอสฟอรัสมากๆ
การได้รับยา สารน้ำ หรือเลือดและส่วนประกอบของเลือด
การเคลื่อนย้ายฟอสเฟตออกจากเซลล์เพิ่มขึ
อาการ
1 more item...
การรักษาภาวะฟอสเฟตสูงเฉียบพลัน
ให้สารน้ำ เช่น NSS , D5N
ให้กลุโคสและอินซูลิน เพื่อเพิ่มการเคลื่อนย้ายฟอสเฟตเข้าสู่เซลล์
การล้างไต ให้ยาขับปัสสาวะ