Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 5 การพยาบาลผู้ป่วยที่มีพยาธิสภาพโรคติดเชื้อ โรคติดเชื้อเขตร้อน…
บทที่ 5 การพยาบาลผู้ป่วยที่มีพยาธิสภาพโรคติดเชื้อ โรคติดเชื้อเขตร้อน โรคติดเชื้ออุบัติใหม่
Communicable Diseases
เป็นความเจ็บป่วยที่เกิดจากการติดเชื้อ หรือสารพิษที่เกิดขึ้น ทั้งการติดต่อโดยตรงหรือโดยอ้อม จากคนสู่คน หรือจากสัตว์สู่คน หรือสภาพแวดล้อมที่ส่งผลต่อสัตว์หรือคนที่ติดเชื้อ
Infectious diseases
เป็นความผิดปกติที่เกิดจาก แบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา ปรสิต บางโรคเกิดจากคนสู่คน สัตว์สู่คน พิษของสัตว์ สู่คน เช่น ปนเปื้อนในอาหาร น้ำ หรือสิ่งแวดล้อม
Neglected Tropical disease (NTD)โรคติดเชื้อเขตร้อน
โรคเขตร้อน เป็นกลุ่มโรคที่มีความหลากหลายของการติดเชื้อในเขตร้อนซึ่งพบได้ทั่วไปในประชากรที่มีรายได้ต่ำในภูมิภาคกําลังพัฒนาของแอฟริกาเอเชียและอเมริกา ซึ่งการติดเชื้อเกิดจากความหลากหลายของเชื้อโรค เช่น ไวรัส แบคทีเรีย โปรโตซัว และ ปรสิต ตัวอย่างเช่น HIV /AIDs , Tuberculosis
Emerging Infectious Disease (EID)โรคติดเชื้ออุบัติใหม่ หรือ โรคติดเชื้ออุบัติซ้ำ
คือโรคที่เกิดจากสาเหตุการติดเชื้อโรคหรือโรคที่ติดต่อกันได้ ที่มีการอุบัติเกิดเพิ่มมากขึ้นในช่วงระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมาและมีการคาดการณ์ว่าจะเป็นภัยคุกคามมากขึ้นแก่มนุษยชาติในอนาคตต่อไป เชื้อโรคที่เป็นสาเหตุหลักของโรคนี้ คือเชื้อโรคเดิมที่มีการปรับตัว & วิวัฒนาการ มีผลให้เกิดโรคขึ้นมาอีกเช่น ไข้หวัดใหญ่ (Influenza)
Isolation precautions
การปฏิบัติเพื่อป้องกันการติดเชื้อและควบคุมการแพร่กระจาย เชื้อจากผู้อื่น
การป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคคือ
1.ห้องที่ใช้แยกผู้ป่วยที่มีเชื้อโรค ติดต่อผู้อื่นได้ ในห้องควรมีความดันตํ่า
2.ห้องที่ใช้แยกผู้ป่วยติดเชื้อง่าย ควรจะเป็นแรงดันบวก มีความดันในห้องสูง
Transmission-based precaution
เป็นวิธีการป้องกันการแพร่กระจายของโรคติดเชื้อในผู้ป่วยที่ทราบ ด้วย Standard precautions
Airborne precaution :ใช้ลดความเสี่ยงต่อการแพร่กระจายเชื้อทางอากาศที่เกิดฝอย
ละออง
Contact precautionใช้ลดความเสี่ยงต่อการแพร่กระจายเชื้อจากการ สัมผัสโดยตรง(Direct contact), เป็นการแพร่กระจายเชื้อจากคนสู่คน หรือจากการสัมผัส
Droplet precaution (ฝอยละออง) ใช้ลดความเสี่ยงต่อการแพร่กระจายเชื้อจากฝอยละอองน้ำมูกและ/ หรือน้ำลายที่มีขนาดใหญ่กว่า 5 ไมครอน ที่เกิดจากการสัมผัสใกล้ชิดระหว่างแหล่งของเชื้อโรคกับผู้ที่สัมผัสเชื้อโรค
Standard precautions
เป็นวิธีป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรคในผู้ป่วยทุกราย โดยให้คํานึงว่าผู้ป่วย ทุกรายอาจจะมีเชื้อโรคที่สามารถติดต่อได้ทางเลือดและสารคัดหลั่งจากร่างกายทุกชนิด
ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ H1N1
การระบาดทุกปีเป็นประจำในฤดูฝน นั่นก็คือโรคไข้หวัดใหญ่ ที่ฟังดูคล้าย ๆ โรคไข้หวัดแต่กลับมีความรุนแรงมากกว่าอาการป่วยของโรคไข้หวัดใหญ่จะเหมือนกันทุกสายพันธุ์คือมีไข้สูง อาจมีอาการปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามเนื้อตัว มีอาการในระบบทางเดินหายใจ ได้แก่ ไอ จาม บางรายอาจมีอาการในระบบทางเดินอาหารร่วมด้วย ได้แก่ คลื่นไส้ อาเจียน
ประเภทของไข้หวัดใหญ่
ไวรัสชนิด A มีความรุนแรงและอันตรายมากที่สุดสามารถติดต่อจากสัตว์พาหะมาสู่คน และจากคนที่ติดเชื้อไปสู่คนอื่น ๆทางการไอ จาม และอากาศหายใจที่มีเชื้อไวรัสกระจายอยู่
ไวรัสชนิด B มักแพร่ระบาดตามฤดูกาลที่มีสภาพอากาศเอื้ออำนวยต่อการติดเชื้อ อย่างฤดูหนาวและฤดูฝน เช่น ไข้หวัดใหญ่
ไวรัสชนิด C เป็นการติดเชื้อทางระบบหายใจที่ไม่รุนแรง มีอาการป่วยเล็กน้อยหรือไม่แสดงอาการป่วยเลย ไม่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาด
ไวรัสชนิด D เป็นการติดเชื้อที่พบเฉพาะในสัตว์และยังไม่พบการติดเชื้อที่แพร่มาสู่คน
การแพร่ติดต่อ
เชื้อไวรัสที่อยู่ในเสมหะ น้ำมูก น้ำลายของผู้ป่วย แพร่ติดต่อไปยังคนอื่น ๆ โดยการไอจามรดกันโดยตรง หรือหายใจเอาฝอยละอองเข้าไป หากอยู่ใกล้ผู้ป่วยในระยะ 1 เมตร
อาการ
หลังจากได้รับเชื้อไวรัส 1 – 3 วัน น้อยรายที่นานถึง 7 วัน อาการป่วยใกล้เคียงกับโรคไข้หวัดใหญ่ที่เกิดขึ้นทั่วไป เช่นมีไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย ไอ เจ็บคอ อาจมีอาการเบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน หรือท้องเสียร่วมด้วย
การรักษา
รับประทานยารักษาตามอาการ เช่น ยาลดไข้พาราเซตามอล ยาละลายเสมหะ เป็นต้น
เช็ดตัวลดไข้เป็นระยะ ด้วยน้ำสะอาด ไม่เย็น
พยายามรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ได้มากพอ เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม ไข่ ผัก ผลไม้ เป็นต้น หากรับประทานอาหารได้น้อย อาจต้องได้รับวิตามินเสริม
ไม่จำเป็นต้องรับประทานยาปฏิชีวนะ ยกเว้นติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน ซึ่งต้องรับประทานยาจนหมดตามแพทย์สั่ง เพื่อป้องกันไม่ให้ดื้อยา
การป้องกันไม่ให้ติดเชื้อ
หลีกเลี่ยงการคลุกคลีกับผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่
หากต้องดูแลผู้ป่วย ควรสวมหน้ากากอนามัย เมื่อดูแลเสร็จ ควรรีบล้างมือด้วยน้ำและสบู่ให้สะอาดทันที
ไม่ใช้แก้วน้ำ หลอดดูดน้ำ ช้อนอาหาร ผ้าเช็ดมือ ผ้าเช็ดหน้าร่วมกับผู้อื่น โดยเฉพาะผู้ป่วย ไข้หวัดใหญ่
หมั่นล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังไอ จาม
อหิวาตกโรค (Cholera)
อาการ
ท้องร่วง อาการท้องร่วงที่เกิดจากการติดเชื้ออหิวาต์นั้นจะเกิดขึ้นทันทีและอาจก่อให้เกิดการสูญเสียของเหลวในร่างกายซึ่งถือว่าอันตราย
คลื่นไส้และอาเจียน ผู้ป่วยอาจเกิดอาการคลื่นไส้และอาเจียนอยู่หลายชั่วโมง ซึ่งมักเกิดขึ้นในช่วงแรกตามอาการของโรค
ประสบภาวะขาดน้ำ ผู้ป่วยสามารถเกิดอาการขาดน้ำได้ภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังเกิดอาการของโรค โดยอาการขาดน้ำนี้จะรุนแรงแตกต่างกันไป
หลังได้รับเชื้อวิบริโอ โคเลอรี จะแสดงอาการของโรคภายใน 12 ชั่วโมง ถึง 5 วัน หลังจากที่ลำไส้ได้ดูดซึมอาหารหรือน้ำปนเปื้อนที่บริโภคเข้าไป ส่วนใหญ่จะไม่ปรากฏอาการป่วยเป็นไข้
การรักษา
เกิดขึ้นกะทันหัน โดยวิธีรักษาอหิวาตกโรคประกอบด้วยการให้รับประทานน้ำเกลือแร่ การให้สารน้ำทดแทน (Intravenous Fluids) การใช้ยาปฏิชีวนะ และการให้แร่ธาตุสังกะสี
การให้รับประทานน้ำเกลือแร่ วิธีนี้จะช่วยให้ร่างกายได้รับน้ำและเกลือแร่ในเลือดทดแทนจากที่เสียไป
การให้สารน้ำทดแทน (Intravenouse Fluids) ในกรณีที่เกิดภาวะขาดน้ำและเกลือแร่มาก
การใช้ยาปฏิชีวนะ แม้ว่ายาปฏิชีวนะจะไม่จำเป็นในการรักษาอหิวาตกโรค
การให้แร่ธาตุสังกะสี ได้ปรากฏงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่าธาตุสังกะสีอาจลดและย่นระยะเวลาของอาการท้องร่วงที่เกิดจากอหิวาตกโรคในเด็กได้