Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 4 การพยาบาลเด็กและวัยรุ่นที่มีการเจ็บป่วยทางจิตเวชเด็กที่มีภาวะบกพร่…
บทที่ 4 การพยาบาลเด็กและวัยรุ่นที่มีการเจ็บป่วยทางจิตเวชเด็กที่มีภาวะบกพร่องทางสติปัญญา
ความหมายเด็กที่มีภาวะบกพร่องทางสติปัญญา
ภาวะที่เกิดขึ้นในระยะพัฒนาการจากการที่สมองของเด็กหยุดพัฒนาหรือมีการพัฒนาอย่างไม่สมบูรณ์
ภาวะที่เกิดขึ้นในระยะพัฒนาการจากการที่สมองของเด็กหยุดพัฒนาหรือมีการพัฒนาอย่างไม่สมบูรณ์
ร่างกาย อารมณ์ สังคม ภาษา สติปัญญา ซึ่งมีผลต่อการพึ่งตนเองในชีวิตประจำวัน การเรียน การทำงาน และการมีส่วนร่วมสังคมของเด็กมีความบกพร่อง
ลักษณะอาการและอาการแสดงเด็กที่มีภาวะบกพร่องทางสติปัญญา
ความบกพร่องทางสติปัญญา (deficits in intellectual function)
การให้เหตุผล การแก้ปัญหา การวางแผน ความคิดนามธรรม การตัดสินใจ การเรียนรู้ในโรงเรียนหรือการเรียนรู้จากประสบการณ์
ตรวจพบได้ด้วยการประเมินทางคลีนิกและการทดสอบระดับสติปัญญา
ภาวะบกพร่องทางสติปัญญาและการปรับตัว
มีพัฒนาการล่าซ้ำ
พัฒนาการที่ล่าช้ากว่าเกณฑ์ในทุกด้าน
ลักษณะผิดปกติของรูปร่างอวัยวะต่าง ๆ
ดาวน์ซินโดรม มีศีรษะขนาดเล็ก ตั้งจมูกแบน ตาห่าง หางตาชี้ขึ้น ซึ่งเป็นลักษณะผิดปกติที่ปรากฏให้เห็นได้
มีปัญหาด้านพฤติกรรม
พฤติกรรมซน อยู่ไม่นิ่ง ไม่มีสมาธิ และพฤติกรรมก้าวร้าว
ความบกพร่องด้านเชาว์ปัญญา
-ภาวะบกพร่องทางสติปัญญาระดับรุนแรงมากสังเกตพบความผิดปกติได้ตั้งแต่แรกเกิด
-ระดับเล็กน้อยจะไม่พบอาการหรือพฤติกรรมที่ผิดปกติจนกว่าจะถึงวัยเรียน
-ภาวะบกพร่องทางสติปัญญาระดับปานกลางจะพบพัฒนาการล่าช้าเมื่ออายุ 3-5 ปี
-ภาวะบกพร่องทางสติปัญญาระดับรุนแรงสามารถเห็นความผิดปกติได้ตั้งแต่ในขวบปีแรก
ระดับความรุนแรง
บกพร่องทางสติปัญญารุนแรง (severe intellectual disability)
ระดับ IQ 20-34
ต้องการความช่วยเหลือมาก พบร้อยละ 3-4 ความผิดปกติของพัฒนาการพบได้ตั้งแต่ขวบปีแรก
ด้านความคิด
มีข้อจำกัด ด้านการคิด การใช้ภาษา ต้องช่วยเหลือในการแก้ปัญหา
ตลอดชีวิต
ด้านสังคม
มีข้อจำกัดใการพูด อาจพูดได้เป็นคำ ๆ หรือวลี จะมีสัมพันธภาพกับสมาชิก
ในครอบครัวและผู้คุ้นเคย
ด้านการปฏิบัติ
ต้องการความช่วยเหลือทุกอย่างในการทำกิจวัตรประจำวัน เช่น การรับประทานอาหาร แต่งตัว อาบน้ำ ขับถ่าย การทำงาน การเล่น ต้องใช้เวลาอย่างต่อเนื่องในการฝึกและช่วยเหลือบางรายพบพฤติกรรมที่เป็นปัญหาร่วมด้วย
บกพร่องทางสติปัญญาปานกลาง (moderate intellectual disability)
ด้านสังคม
มีข้อจำกัดในการตัดสินใจทางสังคม และการสื่อสาร ซึ่งมีผลต่อการสร้างสัมพันธภาพกับผู้อื่น
ระดับ IQ 35-49
ต้องการความช่วยเหลือปานกลาง พบร้อยละ 12
ด้านความคิด
ทักษะการสื่อสารการพูด การอ่าน การเขียน ทักษะความคิดการคำนวณ การเข้าใจเวลา และการเงินมีข้อจำกัด ต้องการความช่วยเหลือในการทำงานในชีวิตส่วนตัวและการดำเนินชีวิต
ด้านการปฏิบัติ
สามารถดูแลตนเองในการรับประทานอาหาร แต่งกาย ขับถ่ายสุขอนามัย และการทำงานบ้าน โดยต้องใช้เวลาในการฝึกมากกว่าเด็กที่มีพัฒนาการปกติ
บกพร่องทางสติปัญญาเล็กน้อย (mild intellectual disability)
ด้านการปฏิบัติ
ต้องการความช่วยหลือในการทำกิจกรรมที่มีความซับซ้อน
ด้านความคิด
มีความยากลำบากในการเรียนรู้ทักษะเกี่ยวกับการอ่าน การเขียน การคิดคำนวณและความบกพร่องของความคิดเชิงนามธรรม
ด้านสังคม
มีปัญหาในการปฏิสัมพันธ์ด้านทางสังคมกับบุคลอื่น
ขาดความสามารถในการตัดสินใจจึงเสี่ยงต่อการถูกล่อลวง
ระดับ IQ 50-69
ความช่วยเหลือเป็นครั้งคราว พบร้อยละ 80
บกพร่องทางสติปัญญาเล็กน้อยในเด็กวัยก่อนเรียนอาจจะไม่เห็นความผิดปกติที่ชัดเจน มักได้รับการวินิจฉัยเมื่อเด็กเข้าสู่วัยเรียนแล้ว
บกพร่องทางสติปัญญารุนแรงมาก (profound intellectual disability)
ด้านการปฏิบัติ
ต้องพึ่พาผู้อื่นในทุกด้านของการทำกิจวัตรประจำวัน
ด้านสังคม
สัมพันธภาพที่ดีกับสมาชิกครอบครัวและผู้ดูแลที่คุ้นเคย
ด้านความคิด
มีข้อจำกัดในการเข้าใจสัญลักษณ์ของการสื่อสารด้วยคำพูด หรือท่าทาง
ระดับ IQ < 20
ต้องการความช่วยหลือตลอดวลา พบร้อยละ 1:2
จะพบความบกพร่องทางสติปัญญาตั้งแต่แรกเกิด อาจมีความพิการทางหน้าตาและร่างกายร่วมด้วย
ความบกพร่องของการปรับตัว (deficits in adaptive function)
ทำให้มีความจำกัดในการดำรงชีวิตประจำวัน เช่น การสื่อสาร การส่วนร่วมในสังคม และการพึ่งตนเองในสภาพแวดล้อมต่าง ๆ เช่น บ้าน โรงเรียน และชุมชน ซึ่งตรวจพบได้ด้วยการประเมินทางคลีนิกและการทำหน้าที่ในการปรับตัว
สาเหตุของเด็กที่มีภาวะบกพร่องทางสติปัญญา
ปัจจัยทางพันธุกรรม
ความผิดพลาดของการรวมตัวของยีน (genes combine) หรือความผิดปกติเกิดขึ้นที่โครโมโชม
ดาวน์ซินโดรม (down syndrome)
มีความผิดปกติของโครโมโชมคู่ที่ 21 เกินมา 1 แท่ง
เด็กจะมีศีรษะเล็กกลม ตั้งจมูกแบน ตาห่าง หางตาชี้ขึ้น ใบหูต่ำกว่าปกติ ริมฝีปากโค้งขึ้น มีลิ้นใหญ่จุกปาก ซึ่งเด็กกลุ่มนี้จะมีหน้าตาคล้าย ๆ กัน
กลุ่มอาการฟลาจิลเอกซ์ (flaggy X syndrome)
มีความผิดปกติของโครโมโชม X ขาดหายไป
เฟนิลคีโตนยูเรีย (phenylketonuria)
โรคที่ร่างกายไม่สามารถเปลี่ยนสารอาหาร
เฟนิลอลานีน (phenylalanine) ให้เป็นไทโรซีน (tyrosine) ทำให้มีการสะสมเฟนิลอลานินมากกว่าปกติส่งผลต่อพัฒนาการของสมอง
ปัจจัยในระยะตั้งครรภ์ ระยะคลอด และหลังคลอด
ระยะตั้งครรภ์
การขาดอาหาร สภาพแวดล้อมที่มีสารพิษ และการเจ็บป่วยของมารดาระหว่างตั้งครรภ์ที่เป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดภาวะบกพร่องทางสติปัญญาเพิ่มขึ้น เช่น การติดเชื้อหัดเยอรมัน ซิฟิลิส และเอดส์ มารดามีการใช้แอลกอฮอล์ยาหรือสารเคมีอื่น ๆ
ระยะคลอด
การคลอดก่อนกำหนด เด็กทารกจะมีน้ำหนักตัวแรกคลอดต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน กระบวนการคลอดนานผิดปกติ สมองได้รับบาดเจ็บจากการคลอด ทารกมีการขาดออกซิเจนชั่วคราว
ระยะหลังคลอด
โรคที่เกิดในวัยเด็ก เช่น โรคไอกรน โรคอีสุกอีใส โรคหัด อาจนำไปสภาวะเยื่อทหุ้มสมองอักเสบ (meningitis) และสมองอักเสบ (encephalitis)
ปัจจัยทางจิตสังคม
เด็กที่เติบโตมาท่ามกลางความยากจน
ครอบครัวแตกแยกและผู้เลี้ยงดูมีความผิดปกติทางจิต ซึมเศร้า หรือติดสารเสพติด
การบำบัดรักษาเด็กที่มีภาวะบกพร่องทางสติปัญญา
อรรถบำบัด
ส่งเสริมพัฒนาการด้านการสื่อสาร
การฝึกพูดต้องกระทำในเด็กอายุน้อยกว่า 4 ปี
การบริหารลิ้น การบริหารริมฝีปาก
การรักษาโรคทางกาย
อาการชัก หัวใจพิการแต่กำเนิด หรือภาวะพร่องไทรอยด์ฮอร์โมนที่พบในกลุ่มอาการดาวน์
กายภาพบำบัด
ส่งเสริมพัฒนาการของกล้ามเนื้อมัดใหญ่
การใช้เครื่องช่วยและอุปกรณ์พิเศษทางกายภาพบำบัด
ปรับและควบคุมความตึงตัวกล้ามเนื้อให้ใกล้เคียงภาวะปกติ
กระตุ้นให้เกิดการเรียนรูปแบบการเคลื่อนไหวที่ปกติและสามารถรักษาสมดุลเพื่อทรงตัวอยู่ได้
การฟื้นฟูสมรรถภาพทางการศึกษา
การจัดการศึกษาพิเศษ
การพื้นฟูสมรรถภาพทางอาชีพ
การรับส่งเอกสาร การถ่ายเอกสาร การทำงานบ้าน
การให้คำแนะนำครอบครัว
ให้ข้อมูลในเรื่อง สาเหตุ แนวทางการรักษา และการพยากรณ์โรค
กิจกรรมบำบัด
การส่งเสริมพัฒนาการของกล้ามเนื้อมัดเล็กเพื่อใช้ในการหยิบจับสิ่งของ
ฝึกการทำงานของกล้ามเนื้อให้สามารถทำงานสัมพันธ์กันระหว่างตาและมือ
ส่งเสริมความสามารถในการทำกิจวัตรประจำวัน
การจัดโปรแกรมการฝึกทักษะที่จำเป็นในการเรียนรู้
เน้นการจัดสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการเรียนรู้ของเด็กและฝึกทักษะที่จำเป็นต่าง ๆ
การพยาบาลเด็กที่มีภาวะบกพร่องทางสติปัญญา
การประเมินสภาพ (assessment)
การประเมินให้ครอบคลุมทั้งกาย จิตสังคม และจิตวิญญาณ
การซักประวัติ
รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับอาการสำคัญ
การประเมินพัฒนาการ (developmental assessment)
การใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่ การใช้กล้ามเนื้อมัดเล็ก และสติปัญญาการใช้ภาษา การเข้าใจภาษา และการช่วยเหลือตนเองและสังคม
การซักถามพ่อ แม่ หรือผู้ใกล้ชิด
สังเกตจากพฤติกรรมการเล่นของเด็ก เช่น การเล่นคนเดียว การเล่นกับคนอื่น ลักษณะการเล่น การใช้กล้ามเนื้อมัดเล็ก มัดใหญ่ การใช้ภาษา และการเข้าใจภาษา
ใช้แบบคัดกรองพัฒนาการ
แบบคัดกรองพัฒนาการอนามัย 55 (พัฒนาการเด็กปฐมวัย)
คู่มือคัดกรองและส่งเสริมพัฒนาการเด็กแรกเกิดถึง 5 ขวบ (Thai Deployment Skills Inventory: TDSI)
การประเมินด้านร่างกาย (physical assessment)
การตรวจร่างกาย และผลตรวจต่างๆ
การตรวจสภาพจิต
การตรวจลักษณะทั่วไป สีหน้าท่าทาง การแสดงออก การรับรู้สภาพแวดล้อม กรพูดและการใช้ภาษา อารมณ์ ความคิด และการรับรู้ต่อตนเอง ความสัมพันธ์กับบุคคลอื่น การเคลื่อนไหว สติปัญญา ความจำ สมาธิ ภาพลักษณ์ การตัดสินใจและกาปัญหา ความสนใจ
การประเมินด้านจิตสังคมและจิตวิญญาณ
สัมพันธภาพในครอบครัว
ลักษณะนิสัยและบทบาทหน้าที่ของสมาชิกในครอบครัวแต่ละคน
รูปแบบการติดต่อสื่อสารของบุคคลในครอบครัว รูปแบบการเลี้ยงดู
การวินิจฉัยทางการพยาบาล (nursing diagnosis)
ไม่สามารถสื่อสารบอกความต้องการของตนเองได้เนื่องจากพัฒนาการด้านการใช้ภาษาล่าช้า
มีความบกพร่องในการช่วยเหลือตนเองที่เหมาะสมตามวัยเนื่องจากพัฒนาการกล้ามเนื้อมัดใหญ่และกล้ามเนื้อมัดเล็กล่าช้า
การประเมินผล (evaluation)
การวางแผนและการปฏิบัติการพยาบาล (planning and implementation)
กิจกรรมการพยาบาลต่อตัวเด็กที่มีภาวะบกพร่องทางสติปัญญา
การส่งเสริมพัฒนาการตามความสามารถของเด็กที่มีภาวะบกพร่องทางสติปัญญา
การจัดโปรแกรมการสอนที่มีความเฉพาะเจาะจงสำหรับเด็กที่มีภาวะบกพร่องทางสติปัญญาในแต่ละราย
ประเมินพัฒนาการเด็กที่มีภาวะบกพร่องทางสติปัญญา
วิธีการสอน
การช่วยเหลือครอบครัว
ช่วยให้สมาชิกของครอบครัวสามารถปรับตัวในการอยู่ร่วมกัน
ให้คำปรึกษาพ่อแม่ การให้ข้อมูลเกี่ยวกับความสามารถของเด็ก ให้แนวทางใการดูแลเด็กการกระตุ้นพัฒนาการ การปรับพฤติกรรม
การป้องกันภาวะบกพร่องทางสติปัญญา
ระยะก่อนตั้งครรภ์
การฉีดวัคซีน ป้องกันหัดเยอรมัน การรับประทานอาหารท่ีมีธาตุไอโอดีนอายมุารดาที่เหมาะสมกับการต้ังครรภ์การรับคําปรึกษาก่อนสมรสและ การวางแผนครอบครัว
ระยะตั้งครรภ์
ฝากครรภ์ตั้งแต่แรกและได้รับการตรวจครรภ์สม่ําเสมอ ได้รับความรู้ในการปฏิบัติตัวในระหว่างตั้งครรภ์
ระยะคลอด
ทำคลอดในสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน
ระหลังคลอด
เด็กจำป็นต้องได้รับความรักความอบอุ่นจากครอบครัว พ่อ แม่ ต้องมีความพร้อมในการเลี้ยงดูได้รับการเลี้ยงดูด้วยนมแม่
การช่วยเหลือเด็กที่มีภาวะบกพร่องทางสติปัญญาที่มีปัญหาทางจิตเวช
นิเวศบำบัด โดยการปรับปรุงสภาพแวดล้อมของเด็กที่มีภาวะบกพร่องทางสติปัญญาเพื่อเพิ่มความสามารถในการปรับตัว
การปรับพฤติกรรม
•อายุ0-6ปีส่งเสริมพัฒนาการ
• อายุ 7-14 ปี ให้การศึกษาภาคพิเศษ
•อายุ 15-19 ปี ฝึกอาชีพ
การทำจิตบำบัด
การเพิ่มพฤติกรรมที่เหมาะสม ด้วยการให้แรงเสริมทางบวก
การให้แรงเสริมทางลบ
นางสาวรัตนา โจมคำ นักศึกษาพยาบาลชั้นปีที่ 3
รหัสนักศึกษา 180101129