Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ระบบบริการสุขภาพจิตและจิตเวช และการนำแนวคิด ทฤษฎีต่างๆมาใช้ในการดูแลผู้ป่ว…
ระบบบริการสุขภาพจิตและจิตเวช และการนำแนวคิด ทฤษฎีต่างๆมาใช้ในการดูแลผู้ป่วยจิตเวช
4.ระบบการดูแลอย่างต่อเนื่อง
ขอบเขตของงานสุขภาพจิตและจิตเวชในระบบสาธารณสุขของประเทศไทย
กรมสุขภาพจิต
เป็นหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบนโยบายและยุทธศาสตร์ สุขภาพจิตระดับประเทศ โดยให้การสนับสนุนทางวิชาการและเทคโนโลยีแก่หน่วยบริการสุขภาพใน ระบบสาธารณสุข
ปัจจุบันกรมสุขภาพจิตมีโรงพยาบาลจิตเวชและสถาบันจิตเวชศาสตร์ทั้งสิ้น 17 แห่ง
กระจายอยู่ทุกภาคทั่วประเทศให้บริการทั้งผู้ป่วยใน ผู้ป่วยนอก ผู้ป่วยจิตเวชยุ่งยากซับซ้อน ตลอดจน ฟื้นฟูผู้ป่วยจิตเวชเรื้อรัง
ตลอดจนให้บริการจิตเวชเฉพาะทางในโรงพยาบาลหรือสถาบันจิตเวชศาสตร์งาน บริการสุขภาพจิตไม่เพียงครอบคลุมบริการบ าบัดรักษาฟื้นฟูเท่านั้น ยังรวมถึงการส่งเสริมป้องกัน ปัญหาสุขภาพจิต
มีโรงพยาบาลและสถาบันจิตเวชที่ให้บริการเฉพาะเด็กและวัยรุ่น 4 แห่ง
สถาบันที่มีความเชี่ยวชาญด้านนิติจิตเวช 1 แห่ง
สถาบันที่มีความเชี่ยวชาญด้านนิติจิตเวช 1 แห่ง
การบูรณาการงานสุขภาพจิตเข้าสู่ระบบบริการสาธารณสุขแต่ละระดับ (กรม สุขภาพจิต, 2552)
สามารถปฏิบัติได้ดังนี้
2) บริการสาธารณสุขมูลฐาน (Primary Health Care Service Level: PHC)
ด ำเนินการโดยประชาชนเอง หรืออาสาสมัครสาธารณสุขประจ าหมู่บ้าน (อสม.) ที่ได้รับการคัดเลือก จากชุมชน
ให้บริการสาธารณสุขมูลฐาน
ให้สุขภาพจิตศึกษา
คัดกรองปัญหา สุขภาพจิต
โรคจิต ออทิสติก โรคซึมเศร้า และความเสี่ยงฆ่าตัวตาย
ให้การช่วยเหลือ ประคับประคองด้านจิตใจสนับสนุนให้มีการดูแลผู้ป่วยจิตเวชต่อเนื่องและส่งเสริมให้ชุมชนมีส่วนร่วม ในกิจกรรมสุขภาพจิต
3) บริการสุขภาพระดับปฐมภูมิ(Primary Medical Care Level: PMC)
เป็นบริการรักษาพยาบาลระดับแรกที่ให้บริการโดยบุคลากรสาธารณสุข (ระดับตำบล)
พนักงาน อนามัย
พยาบาล
นักวิชาการสาธารณสุข หรือมีแพทย์เวชปฏิบัติออกตรวจรักษาเป็นระยะ
บริการ สุขภาพจิตในระดับปฐมภูมิ ได้แก่
การคัดกรองปัญหาสุขภาพจิต
ารผสมผสาน การดูแลสุขภาพจิตในงานอื่น
การฝากครรภ์และคลินิกเด็กดี/พัฒนาการเด็ก
เด็ก การติดตามดูแล ผู้ป่วยอย่างต่อเนื่องหรือการเยี่ยมบ้านการฟื้นฟูสมรรถภาพในชุมชน
ส่งเสริมการมีส่วนร่วม ของชุมชนในการดูแลสุขภาพจิต
การให้การปรึกษา
1) การดูแลสุขภาพด้วยตนเองในระดับครอบครัว
เพื่อให้ประชาชนมีสุขภาพจิตที่ ดีโดยให้การดูแลรักษาผู้ป่วยจิตเวชอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถด ารงชีวิต ได้อย่างปกติสุขในชุมชนที่อาศัยอย
4) บริการสุขภาพระดับทุติยภูมิ(Secondary Medical Care Level: SMC)
ดำเนินการโดยโรงพยาบาลชุมชน เป็นหน่วยบริการที่ให้บริการรักษาผู้ป่วยนอก วินิจฉัยและรักษาโรค จิตเวชที่พบบ่อย ติดตามดูแลรักษาผู้ป่วยจิตเวชเรื้อรังอย่างต่อเนื่อง
ช่วยเหลือฟื้นฟูจิตใจในภาวะ วิกฤต ให้การปรึกษาแนะนำและช่วยเหลือหน่วยบริการสาธารณสุขมูลฐานและหน่วยบริการปฐมภูมิ ตลอดจนผสมผสานงานสุขภาพจิตกับงานเวชปฏิบัติทั่วไป
5) บริการสุขภาพระดับตติยภูมิ (Tertiary Medical Care Level: TMC)
ให้บริการเฉพาะทางโดยผู้เชี่ยวชาญในโรงพยาบาลทั่วไปหรือโรงพยาบาลศูนย์คณะแพทย์ศาสตร์ของ มหาวิทยาลัย และโรงพยาบาล/สถาบันจิตเวช
โดยมีจิตแพทย์ร่วมกับทีมสหวิชาชีพให้บริการจิตเวช ครบจงจร ตั้งแต่การตรวจประเมิน วินิจฉัย
บำบัดรักษาฟื้นฟูตลอดจนการส่งเสริมสนับสนุน เครือข่ายสาธารณสุขให้สามารถจัดบริการสุขภาพจิตชุมชนและพัฒนาศักยภาพบุคลากร
เครือข่ายและบริการสุขภาพจิตชุมชน
การส่งเสริมสุขภาพจิต และการป้องกันปัญหา
หลัการดำเนินงาน
นั้นดำเนินการผ่านทางโรงเรียน วัด และองค์กรท้องถิ่นต่างๆ เป้าหมายของ บริการสุขภาพจิตชุมชน นอกจากการดูแลรักษาผู้ป่วยจิตเวชอย่างต่อเนื่องแล้วยังสนับสนุนให้ผู้ป่วย สามารถด าเนินชีวิตอยู่ในชุมชนได้
มีการจัดตั้งชมรมญาติและผู้ป่วยจิตเวชเพื่อให้การช่วยเหลือซึ่งกัน และกันและเป็นตัวแทนในการเรียกร้องสิทธิให้ผู้ป่วย ให้ชุมชนตระหนักถึงปัญหาและจัดหาแหล่ง สนับสนุนที่เหมาะสมด้วยตัวเอง
ความร่วมมือของชุมชนเป็นปัจจัยสำคัญแห่งความสำเร็จของการ ดำเนินกิจกรรมสุขภาพจิตชุมชน (กรมสุขภาพจิต, 2552)
ลักษณะการจัดบริการสุขภาพจิตและจิตเวช
1.การบริการผู้ป่วยใน (In-patient services)
เป็นการให้บริการแก่ผู้ที่มีปัญหาทางจิตที่เกิดขึ้นรุนแรงและจำเป็นต้องรับไว้รักษาในโรงพยาบาล เพื่อให้การบำบัดด้วยการให้ยา การทำจิตบำบัดรายบุคคลหรือรายกลุ่ม และจัดกิจกรรมกลุ่มบำบัด จนกว่าจะมีอาการดีีขึ้น โดยใช้เวลาสั้นที่สุดแต่มีประสิทธิภาพมากที่สุด
2.บริการผู้ป่วนนอก (Out-patient services)
เป็นการให้บริการแก่ผู้ป่วยจิตเวชที่ไม่จำเป็นต้องรับไว้รักษาในโรงพยาบาล ให้การรักษาในระยะสั้น อาจเป็นผู้ป่วยเก่าที่นัดมารับยาหรือมีปัญหาต้องการคำแนะนำ หรือผู้ป่วยใหม่ที่มาขอรับการบำบัดรักษา นอกจากนี้ยังมีการจัดบริการรูปแบบหน่วยบริการเคลื่อนที่ หรือจัดเป็นศูนย์ย่อยระดับชุมชน
3.บริการจิตเวชฉุกเฉิน (Emergency services)
เป็นบริการตรวจรักษา 24 ชม.แก่ผู้ที่มีปัญหาทางจิตที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหัน ผู้ป่วยในภาวะฉุกเฉิน หรือตกอยู่ในภาวะวิกฤต และต้องการความช่วยเหลือโดยด่วน เช่น ผู้ป่วยอาระวาด พยายามฆ่าตัวตาย ผู้ติดสารเสพติด ผู้มีปัญหาทางจิตเรื้อรัง หรือมีอาการกำเริบ
4.บริการผู้ป่วยเฉพาะบางเวลา (Patial hospitalization services)
1) บริการโรงพยาบาลกลางวัน ( Day hospital)
ผู้ป่วยจะมารับบริการในเวลากลางวัน และกลับไปอยู่บ้านในช่วงเวลากลางคืน
โรงพยาบาลกลางวันจะจัดให้ผู้ป่วยเข้ากลุ่มบำบัด ซึ่งจะพิจารณาถึงความเหมาะสม เป็นการกระตุ้นให้ผู้ป่วยมีการปรับตัวได้ดี และเร็วขึ้น
เช่น การบำบัดรายบุคคลหรือรายกลุ่ม ครอบครัวบำบัด ฝึกงานอาชีพ จัดกลุ่มกิจกรรมบำบัด และกลุ่มช่วยเหลือตนเอง เป็นต้น
2) บริการโรงพยาบาลกลางคืน (Night hospital)
เป็นการจัดบริการให้ผู้ป่วยอยู่โรงพยาบาลเฉพาะเวลากลางคืน ส่วนกลางวัดสามารถไปทำงาน หรือทำกิจกรรมได้ตามปกติ จะช่วยลดความรู้สึกสูญเสีย ส่งเสสริมการใช้ชีวิตแบบไม่พึงพาผู้อื่นมากเกิน ช่วยให้เห็นคุณค่าในตนเอง
เป็นการให้บริการแก่ผู้ป่วยที่อาการดีขึ้นแล้ว แต่ยังไม่สามารถกลับคืนสู่ครอบครัวหรือสังคมได้ ยังมีความจำเป็นและความต้องการที่รับการรักษาในโรงพยาบาลเฉพาะบางเวลา
5.การบริการให้คำปรึกษาและการศึกษา (Consultation and education services)
บริการให้คำปรึกษา แนะแนว จัดฝึกอบรม เผยแพร่ความรู้แก่บุคลากรในหน่วยงานต่างๆ ในชุมชนให้มีความรู้ทางสุขภาพจิตอและจิตเวช และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการดูแลสุขภาพจิตส่วนบุคคล ครอบครัว และชุมชน
บริการแบบอื่นๆ
บริการสุขภาพจิตเด็ก (Services of children)
ตรวจวินิจฉัย บำบัดรักษา และการฟื้นฟูสภาพเด็กที่มีปัญหาาทางด้านจิตใจ อารมณ์ พฤติกรรม ความคิด และสติปัญญาบกพร่อง
2.บริการสุขภาพจิตผู้สูงอายุ (Services of elderly)
ตรวจวินิจฉัย บำบัดรักษาและฟื้นฟูสภาพผู้สูงอายุปกติ ผู้สูงอายุที่มีปัญหาสุขภาพจิต และพยาธิสภาพของสมอง
3.การตรวจคัดกรอง (Screening)
ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพจิตและจิตเวช ให้การรักษาโดยเร็วเพื่อป้องกันการป่วยเรื้อรัง และส่งต่อไปรับการรักษาอย่างเหมาะสม
4.บริการติดตามผู้ป่วยที่เพิ่งได้รับการจำหน่าย (Follow up care discharge client)
มีการส่งต่อเครื่อข่ายในชุมชน เช่น สถานีอนามัย ศูนย์บรการสาธารณะสุข โรงพยาบาลใกล้บ้านเพื่อดูแลอย่างต่อเนื่อง
5.บริการบำบัดรักษาโรคพิษสุราเรื้อรัง ผู้ป่วบยที่ได้รับยาและสารเสพติด (Alcohol ang drug abuse and dependence services)
6.บริการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ (training program for health profession)
เพื่อถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจ และวิธีปฏิบัติงานในด้านสุขภาพจิต แก่บุคลากรสาขาวิชาชีพอื่นๆ
7.บริการศึกษาค้นคว้าวิจัย และการประเมินผล (Research and evaluation)
เพื่อหาแนวทางการป้องกัน และส่งเสริมสุขภาพจิตและจัดบริการสุขภาพที่เหมาะสมยิ่งขึ้น
8.การดูแลผู้ป่วยจิตเวชที่บ้าน (Psychiatric home care)
เป็นการช่วยเหลือผู้ป่วยอย่างต่อเนื่องจากโรงพยาบาลสู้บ้านและสังคม โดยผสมผสานการดูแลบุคคล ครอบครัว และชุมชน ในการพึ่งตนเอง ดูแลตนเอง ให้สามารถเผชิญกับปัญหา สามารถปรับตัวได้ โดยมุ่งเน้นการดูแลต่อเนื่องตลอดชีวิต
2.ลักษณะและขอบเขตงาน
มี 4 มิติ ได้แก่
การป้องกันปัญหาสุขภาพจิตหรือรักษาภาวะทางสุขภาพจิตให้ดี (Prevention or Maintenance of Mental Health)
ปัญหาสุขภาพจิตเกิดขึ้นได้กับบุคคลทุกเพศทุกวัย
เพราะมนุษย์มีการเจริญเติบโตการพัฒนาการตามวัย (Growth and Development)
การเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและความรับผิดชอบตามหน้าที่
อาจทำให้บุคคลเกิดความขัดแย้ง ความเครียด ความวิตกกังวลได้
การพยาบาล
ต้องกระทำอย่างจ่อเนื่องเพื่อให้บุคคลรักษาระดับสุขภาพจิต
พยาบาลจะให้ความรู้ การช่วยเหลือคำแนะนำ
เรื่องการปรับตัว
การเผชิญปัญหา
การลดความวิตกกังวล
การลดความเครียด
การบำบัดรักษา (Therapeutic or Restoration of Mental Health)
บุคคลที่มีปัญหาสุขภาพจิต หากไม่รักษาอาจทำให้เป็นโรคประสาทได้
การพยาบาล
ให้คำแนะนำช่วยเหลือผู้ที่มีปัญหาสุขภาพจิตให้ได้รับการรักษาทันที
เพื่อไม่ให้สุขภาพจิตเสื่อมหรือลุกลาม
กิจกรรมการพยาบาล
การสร้างสัมพันธภาพเพื่อการบำบัด
การให้ยา
การดูแลด้านร่างกายและจิตใจ
การส่งเสริมสุขภาพจิต (Promotion of Mental Health)
เป็นการป้องกันปัญหาสุขภาพจิตขั้นต้น (Primary prevention)
มีหลักการว่า
สุขภาพจิตดีมีพื้นฐานจากการกำเนิดที่ดี
สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง ได้รับความรักความอบอุ่นจากครอบครัว
มีความไว้วางคนอื่น มีการแสดงออกที่เหมาะสม
เชื่อมั่นในตนเอง มีความมั่นคงทางจิตใจ
การพยาบาล
การให้ความรู้ประชาชนในเรื่องสุขภาพจิต
เริ่มตั้งแต่ให้ความรู้ คำแนะนำก่อนสมรส
การมีคู่ครองที่เหมาะสม โรคทางพันธุกรรม
การให้กำเนิดทารกที่มีความพร้อมทั้งบิดาและมารดา
การเลี้ยงดูทารก เด็ก วัยรุ่นให้เจริญเติบโตด้านร่างกายและจิตใจ
การฟื้นฟูสมรรถภาพ (Rehabilitation of Mental Health)
ผู้ที่เจ็บป่วยทางด้านจิตใจ
จะขาดความสนใจตนเองและสิ่งแวดล้อม
ขาดความความคิดสร้างสรรค์
การตัดสินใจไม่ดี
ขาดความสามารถในการเข้าสังคม
ขาดการดูแลช่วยเหลือตนเอง
การพยาบาล
ฟื้นฟูสมรรถภาพของตัวเองงทางด้านร่างกาย และจิตใจ
เป็นการป้องกันขั้นที่ 3 (Tertiary prevention)
การจัดสิ่งแวดล้อมเพื่อการรักษา
การบำบัดทางความคิด
การจัดกลุ่มกิจกรรมบำบัด
3.บทบาทพยาบาล
ระดับพื้นฐาน
เป็นตัวแทนสังคม
มีหน้าที่ช่วยให้ผู้รับบริการอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ จัดกิจกรรม ต่าง ๆ ที่กระตุ้นให้ผู้รับบริการได้แสดงออกซึ่งความสามารถกล้าแสดงตัวอย่างเหมาะสมในสังคม
ได้เคลื่อนไหวออกกำลังกายและเกิดความสนุกสนานเพลิดเพลิน
เป็นผู้ให้คำปรึกษาแนะนำ
มีหน้าที่รับฟังผู้รับบริการ ให้คำแนะนำช่วยเหลือตามความเหมาะสม
การรับฟังอาจไม่ต้องให้คำแนะนำก็ได้
เป็นเสมือนตัวแทนของแม่
คอยดูแลช่วยเหลือผู้รับบริการช่วยตัวเองจนสามารถเป็นตัวของตัวเองได้
คอยดูแลห้ามปรามไม่ให้ผู้รับบริการทะเลาะวิวาทกัน จำกัด พฤติกรรมผู้รับบริการที่อาจเป็นอันตรายต่อตนเองและผู้อื่น
เช่นหน้าที่ในการเลี้ยงดูหรือบำรุงเลี้ยงให้ผู้บริการมีความสุขสบาย
เป็นเสมือนครูมีหน้าที่สอนกิจกรรมต่างๆ
พยาบาลบอกกล่าวกิจกรรมที่ผู้รับบริการกระทำขณะที่อยู่โรงพยาบาล
แนะนำการอยู่ร่วมกันในหอผู้รับบริการ สอนการเล่นเกมส์ต่าง ๆ ตลอดจนกิจกรรมต่าง ๆ
เป็นผู้จัดสรรสิ่งแวดล้อมเพื่อการรักษา
คือสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวกับบุคคล เช่นบุคลากรในทีมพยาบาลทุกคน ต้องมีเจคติที่ดีต่อผู้รับบริการ ยอมรับพฤติกรรมผู้รับบริการ
พยาบาลมีหน้าที่จัดสภาพหอ ผู้รับบริการให้คล้ายกับบ้าน โดยคำนึงถึงความสะดวก สบาย ความเป็นสัดส่วน ความสวยงาม สุขอนามัย
ทางการรักษาพยาบาล ที่ใช้เทคนิคเฉพาะทางการพยาบาล
มีหน้าที่ในการพยาบาลพื้นฐานทุกประเภท ช่วยแพทย์ทำการรักษาทางร่างกาย
รวมทั้งการสังเกตพฤติกรรมและบันทึกเพื่อให้ข้อมูลข่าวสารแก่ทีมการรักษาพยาบาล เพื่อให้ผู้รับบริการได้รับการรักษาพยาบาลถูกต้อง
บทบาทหน้าที่ระดับสูง หรือระดับผู้เชี่ยวชาญ
เป็นผู้ติดต่อให้ความร่วมมือ
การให้การพยาบาลทั่วไป การให้การช่วยเหลือผู้ที่มีปัญหาสุขภาพจิตในแผนกต่างๆของโรบพยาบาล โดยประเมินพฤติกรรมให้การวินิจฉัยและวางแผนการพยาบาลแก่ผู้รับบริการ
เป็นผู้บำบัดรักษาเบื้องต้น
พยาบาลจิตเวชเป็นผู้ชำนาญการเฉพาะทาง มีหน้าที่คัดกรองผู้รับบริการและให้การบำบัดรักษาเบื้องต้นในชุมชนโรงพยาบาลทั่วไป โรงพยาบาลจิตเวช
ขั้นตอน
ให้จิตบำบัดประคับประคองให้ยาตามแผนการรักษาของแพทย์
เช่น ยาลดความวิตกกังวล
ในขั้นต้นอาจให้คำปรึกษา
เป็นที่ปรึกษา
มีความรู้ความสามารถเฉพาะทาง มีหน้าที่ให้คำปรึกษาเพื่อลดความเครียด
เป็นผู้นำการบำบัด
เป็นผู้ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้รับบริการ
เป็นผู้ให้ความรู้
การทำจิตบำบัดประคับประคอง
เป็นผู้นิเทศงานหรือประสานงาน
สร้างสัมพันธภาพกับผู้รับบริการเชิงการรักษา
พยาบาลจิตเวช ต้องดำรงไว้ซึ่งสิทธิของผู้ป่วยและคุณภาพของงานบริการ จำเป็นต้องสวมหน้าที่หลายบทบาทในเวลาเดียวกัน
ได้แก่
บทบาทของผู้ร่วมทีมสุขภาพจิต
บทบาทของพลเมืองในสังคม
บทบาทของพยาบาล
บทบาทอิสระ กึ่งอิสระ และไม่อิสระ
บทบาทกึ่งอิสระ
คือ งานที่พยาบาลตัดสินใจภายใต้กรอบของสหวิชาชีพ เช่น การตัดสินใจให้ยาเมื่อจำเป็น
บทบาทไม่อิสระ
คือ งานที่พยาบาลทำโดยรับคำสั่งจากวิชาชีพอื่น เช่น ให้ยาตามแผนการรักษา
บทบาทอิสระ
คือ งานที่พยาบาลทำได้โดยตัดสินใจเอง
1.หลักการพื้นฐานของพยาบาลจิตเวช
คุณลักษณะของพยาบาลจิตเวช
มีความสม่ำเสมอในการกระทำและคำพูด เป็นที่ไว้วางใจสำหรับผู้รับบริการ
ยอมรับในพฤติกรรมของผู้รับบริการ
.มีความเป็นอิสระเเละเชื่อถือในตนเอง
มีควมรู็ ความเข้าใจเกี่ยวกับทฤษฎีทางจิตเวช การพยาบาลจิตวิทยา สังคมวิทยา ปัญหาสังคม เพื่อใช้เป็นแนวทางในการช่วยเหลือผู้รับบริการ
5.มีความอดทน เห็นใจผู้อื่น
เจตคติต่อการเจ็บป่วย
1.ความสัมพันธ์ระหว่างร่างกายเเละจิตใจ ไม่สามารถแยกออกจากกันได้ต้องมีความสมดุลต่อกัน
มนุษย์ทุกคนมีคุณค่าและศักดิ์ศรีของตนเอง
3.มนุษย์ทุกคนต้องการความช่วยเหลือประคับประคองทางด้านจิตใจพยาบาลควรมีเจตคติที่ยอมรับเข้าใจประคับประคองมีท่าทีนุ่มนวลรับฟังความคิดเห็นจะทำให้ผู้ป่วยมีกำลังใจและร่วมมือในการรักษา
การสื่อสารเป็นการแลกเปลี่ยนในสังคม ทั้งการพูด การเขียน การแสดงสีหน้า ท่าทาง และน้ำเสียง พยาบาลควรระมัดระวังในคำพูดและท่าทีที่มีต่อผู้ป่วย:
6.การรับรู้เกี่ยวกับความเป็นจริงเป็นลักษณะเฉพาะตัว เหตุการณ์ต่างๆ ไม่ว่า จะเป็นการพูด การเห็น ล้วนเป็นประสบการณ์
7.การสำนึกระมัดระวังตนเอง (Self-awareness) ถ้าเรารู้ว่าเราทำอะไรเพื่อ อะไร ก็ทำให้เราเข้าใจพฤติกรรมของบุคคล
8.อัตมโนทัศน์เกิดจากอิทธิพลของการเปลี่ยนแปลงในสังคม บุคคลจะรู้ว่า ตนเองมีฐานะอะไรในสังคม พยาบาลต้องทราบว่าบุคคลมีความรู้สึกอย่างไรต่อตนเอง
มนุษย์ทุกคนมีความต้องการในทุกๆด้าน
9.ความคิด ความรู้ พฤติกรรม ความเข้าใจ สิ่งเหล่านี้ขึ้นอยู่กับความไวต่อการรับรู้
10 .พฤติกรรมทุกอย่างมีความหมาย สิง่นี้ทำให้พยาบาลสามารถให้บริการคนไข้ได้
11.พฤติกรรมของของผู้ป่วยอาจเปลี่ยนแปลงในระหว่างที่เจ็บป่วย พยาบาลต้องคาดการณ์ให้ได้ว่าเกิดจากสาเหตุอะไร
12.ความเครียดอาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทั้งภายในเเละภายนอก
13.บุคคลมีความสามารถในการเผชิญกับความเครียดที่แตกต่างกัน
หลักการพยาบาลจิตเวช
1) Patient need to be accepted exactly as they are ผู้ป่วยต้องการการวยอมรับในสภาพที่เขาเป็นอยู่ คือ การรับรู้และยอมรับในพฤติกรรมที่ผู้ป่วยแสดงออก โดยกระตุ้นให้ผู้ป่วยได้พูด ระบายความรู้สึกไม่สบาย ความคับข้องใจต่างๆ
2) Self-understanding is uses as a therapeutic tools: ความเข้าใจตนเอง เป็นเครื่องมือในการรักษา หมายถึง การเข้าใจ และรับรู้ใน
การกระทำความคิด และอารมณ์ของ ตนเอง พยาบาลต้องใช้ความเข้าใจตนเองเป็นเครื่องมือในการรักษาผู้ป่วย
3) Consistency can be used to contribute to the patient security: ความสม่ำเสมอจะช่วยให้เกิดความมั่นคงทางจิตใจ การปฏิบัติตนอย่างเสมอต้นเสมอปลายใน สถานการณ์ต่างๆ เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะช่วยให้ผู้ป่วยเกิดความรู้สึกอบอุ่น มั่นคง เกิดความรู้สึกไว้วางใจ และความเชื่อถือในตัวพยาบาล
4) Reassurance must be given in a suitable and in an acceptable manner: การให้กำลังใจควรทำอย่างเหมาะสมในท่าทีที่ยอมรับผู้ป่วย การให้กำลังใจผู้ป่วยเป็นสิ่งสำคัญ
5) Change in patient behavior through emotional experience not by rational interpretation: พฤติกรรมของผู้ป่วยจะเปลี่ยนได้เมื่อผู้ป่วยมีประสบการณ์ทางอารมณ์แต่ จะไม่เปลี่ยนด้วยการให้เหตุผล
6) Avoiding increase in patient anxiety: หลีกเลี่ยงการเพิ่มความวิตกกังวลให้กับผู้ป่วย ต้องมีความระมัดระวังในการกระทำที่จะไม่ไปสร้างความกระทบกระเทือนใจผู้ป่วย
7) Observation of mentally ill patient directed toward “Why” of behavior: การสังเกตผู้ป่วยด้วยการใช้คำถามกับตนเองว่า “ทำไม” ผู้ป่วยจึงมีพฤติกรรมเช่นนั้น ซึ่งจะส่งผลให้สามารถปฏิบัติการพยาบาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ พยาบาลควรมีลักษณะ 3 ประการ คือ
มีการตระหนักรู้ในตนเอง (Awareness)
มีการตื่นตัวและไว (Alertness)
สังเกตอย่างตรงไปตรงมา (Objectivity)
8) Realistic nurse-patient-relationship: สัมพันธภาพระหว่างพยาบาลและ ผู้ป่วยต้องเป็นไปด้วยความจริงใจและถูกต้อง ตามแบบของวิชาชีพ
9) Nursing care centered on patient as a person not on control of symptoms: การพยาบาลต้องค านึงถึงความเป็นบุคคลและปัญหาของผู้ป่วย ไม่ใช่เพื่อการควบคุม อาการของผู้ป่วย
10) Routines and procedures explained at patients level of understanding: กิจวัตรประจ าวันหรือกิจกรรมต่างๆ ควรอธิบายตามระดับความเข้าใจของผู้ป่วย โดยค านึงถึงสภาพความพร้อมของผู้ป่วย ใช้ภาษาที่ง่ายๆ ได้ใจความ ต้องอธิบายบ่อยๆ หรือทบทวน เป็นระยะๆ
•11) Verbal and physical force avoided if possible: หลีกเลี่ยงการใช้ คำพูดหรือกำลังบังคับผู้ป่วยโดยไม่จำเป็น
12) Many procedures modified but basic principle unaltered: วิธีการต่างๆ ในการให้การพยาบาลเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสมแต่หลักการต้องคงเดิม
รายชื่อ
น.ส.จุฑารัตน์ เอกเกษตรสิน เลขที่ 14 62111301015
น.ส.ชลดา บัวบาน เลขที่ 15 62111301016
นาย ธีภพ จ่ารุ่ง เลขที่ 33 62111301034
น.ส.มินตรา เครือเหลา เลขที่ 70 62111301073
น.ส.อัญฌิตา ประการ เลขที่ 105 62111301108