Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 11 การพยาบาลผู้ป่วยที่มีพยาธิสภาพระบบกระดูกและกล้ามเนื้อในระยะเฉียบพ…
บทที่ 11 การพยาบาลผู้ป่วยที่มีพยาธิสภาพระบบกระดูกและกล้ามเนื้อในระยะเฉียบพลันและเรื้อรัง
วัตถุประสงค์การเรียนรู้
อธิบายการทำงานทางสรีระวิทยาที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของระบบ
กล้ามเนื้อและกระดูกได้
จำแนกอาการสำคัญของโรคระบบกล้ามเนื้อจากการติดเชื้อและไร้เชื้อได้
สามารถนำกระบวนการพยาบาลมาประยุกต์ใช้ในการพยาบาลผู้ป่วยโรค
อธิบายถึงการประเมินภาวะสุขภาพเกี่ยวกับระบบกล้ามเนื้อและกระดูกได้
อธิบายถึงการพยาบาลและการพยาบาลที่แตกต่างกันในโรคระบบกล้ามเนื้อ
และกระดูกได้
Anatomy of bone
กระดูกยาว (Long bones) เป็นกระดูกจ าพวกรยางค์มีลักษณะรูปยาว ส่วนกลาง
เรียว คอดเป็นท่อกลวงเรียกว่า shaft ตอนปลายทั้งสองข้างจะโตออกเล็กน้อยเพื่อ
กระดูกสั้น (Short bones) เป็นกระดูกท่อนสั้นๆ ประกอบด้วยกระดูกพรุน
(Spongy bones) และหุ้มบางๆด้วยกระดูกแข็ง (Compact bones)
กระดูกแบน (flat bones) กระดูกชนิดนี้มีลักษณะแบนและบางประกอบด้วยกระดูก 3 ชั้น ชั้นนอกและชั้นในเป็นกระดูกแข็ง ส่วนชั้นกลางเป็นกระดูกพรุน เช่นกระดูกเชิงกราน กระดูกสะบัก กระดูกกะโหลกศีรษะ กระดูกซี่โครง ฯลฯ
ANATOMY OF BONE
โครงสร้างของระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ
กระดูก (Skeleton)-ข้อ(Joint)
กล้ามเนื้อ(Muscle)
เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน(Connective tissue)เช่น กระดูกอ่อน(cartilage),เอ็น(Tendons) และเอ็นยึด(Ligaments)
กล้ามเนื้อ
แบ่งเป็น 2 ชนิด
กล้ามเนื้อเรียบ
กล้ามเนื้อลาย
การหดตัวของกล้ามเนื้อ
เมื่อถูกกระตุ้นจาก NERVE IMPULSE มีการหดตัว 2 แบบดังนี้
1 การหดตัวสั้นเข้า เรียกว่า Isotonic contraction เช่น การเคลื่อนไหวของข้อ
2 การหดตัวแน่นเข้า เรียกว่า Isometric contraction เช่น การต้านน้ าหนัก
หน้าที่ของกระดูก
ช่วยรองรับอวัยวะต่างๆให้ทรงและตั้งอยู่ในต าแหน่งที่ควรอยู่
เป็นส่วนที่ใช้ในการเคลื่อนไหว
เป็นโครงร่างส่วนแข็ง
เป็นที่ยึดเกาะของกล้ามเนื้อต่างๆและเอ็น
ช่วยป้องกันอวัยวะที่ส าคัญภายในร่างกายไม่ให้เป็นอันตราย
ผลิตเม็ดเลือดแดง
เป็นที่เก็บธาตุแคลเซียมและฟอสฟอรัสในร่างกาย
การประเมินสภาพของระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ
การซักประวัติและการตรวจร่างกาย
อาการปวด
ปวดบริเวณใด
ลักษณะการปวด
ระยะเวลาที่มีอาการปวด
สิ่งที่กระตุ้น หรือ บรรเทา อาการปวด
การซักประวัติและการตรวจร่างกาย
การดู
การคลำ
การเคาะ
การฟัง
การวัด
การขยับ
การตรวจพิเศษอื่นๆ
Arthrography
Arthroscopy
Arthrocentesis
Serum calcium
Serum phosphorus
Uric acid เพิ่มขึ้น Gout
Serum Protein electrophoresis
Alkaline phosphatase
Serum Lactic dehydrogenase (LDH)
SGOT เพิ่มขึ้น มีการท าลายของ Skeleton muscle
CPK
ESR (Erythrocyte sedimentation rate) เพิ่มในภาวะอักเสบติดเชื้อ
Serum K เพิ่มขึ้น มีการท าลายของ Skeleton muscle
Urinary Calcium
Bone scan
X-RAY
Myelography
MRI
Electromyography : EMG
การรักษา
การรักษาด้วยยา
การรักษาด้วยการผ่าตัด
การฟื้นฟูสภาพ
โรคกระดูกที่ไม่เกิดจากการติดเชื้อ
noninfectious orthopedics diseases
การดึงถ่วงน้ำหนัก Traction
Unstable Fracture
Dislocation
ผู้ป่วยมีข้อบ่งชี้ทางร่างกายที่ทำให้ไม่
หลักการดึงถ่วงน้ำหนัก Traction
Correct body alignment: รักษาแนวของลำตัวให้ถูกต้อง
Counter traction: เป็นการใช้แรงต้านในทิศทางตรงข้ามกับแนวดึงที่เข้า traction
Prevent friction: โดยลดแรงเสียดทาน โดยดูแลไม่ให้ตุ้มน้ำหนักแตะขอบเตียง พิงเพื่อให้การถ่วงน้าหนักได้ผลดี
Continuous traction: ควรดึงถ่วงน้ำหนักตลอดเวลา ไม่ควรปลดตุ้มน้าหนักออก
Line of pull: แนวการดึงต้องผ่านตำแหน่งที่กระดูกหัก เชือกที่ใช้ดึงต้องตึง
Position ของผู้ป่วย ผู้ป่วยเคลื่อนไหวได้เท่าที่จำเป็น
ประเภทของอุปกรณ์ดึงถ่วงน้ำหนัก Traction
Skin traction
Skeletal traction
ข้อบ่งชี้ในการ On Skin traction
กระดูกที่หักเป็นกระดูกระยางค์ขนาดเล็กไม่ต้องใช้แรงดึงมาก
Immobilize ให้อวัยวะส่วนที่บาดเจ็บได้พักอยู่นิ่ง ๆ เพื่อลดอาการปวด
ข้อควรระวังในการ On Skin traction
ไม่ควรพันทับส่วนต้นของกระดูก fibula ให้พันต่ ากว่า head of fibula
ส่วนบนสุดของแถบพลาสเตอร์
ไม่ควรพัน Elastic bandage รัดแน่น ควรพันตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นมาถึง
ไม่ติดแถบพลาสเตอร์รอบแขน ขา
ไม่ติดแถบพลาสเตอร์ผ่านปุ่มกระดูกนูน
การพยาบาลก่อน On Skin traction
ด้านจิตใจ
ด้านร่างกาย
• การตรวจร่างกายตามระบบ• การประเมินบาดแผล• การ irrigate แผลด้วย NSS อย่างน้อย 2000 cc• การ splint• ประเมินการไหลเวียนโลหิตที่ไปเลี้ยงส่วนปลาย• การประเมินการท างานของเส้นประสาทส่วนปลาย
เตรียมอุปกรณ์
เตรียมผิวหนัง
ภาวะแทรกซ้อนการใส่ traction
Pressure sore
Compartment Syndromeกดประสาท Peroneal เนื่องจากการพันเทปกาวแน่นและรัดบริเวณ neck of fibula
มากเกินไป ผู้ป่วยจะมีอาการปลายเท้าตก (foot drop)
Delay union or Non union
เกิดแผลบริเวณผิวหนังจากแพ้เทปเหนียว
ผิวหนังตาย (necrosis) จากแรงที่ดึงกระท าต่อผิวหนังโดยตรง
อาการบวมปลายเท้า (foot swelling) การพันรัดเทปแน่นเกินไป
การพยาบาลหลัง On traction
Patient position
Back care
Exercise
Prevent pressure sore
Nutrition : high protein, vitamin C, high calcium, fiber
Hydration
Complications
Alignment of traction
operational methods
Internal Fixation เป็นการยึดกระดูกโดย
การผ่าตัดใส่เครื่องยึดที่เป็นโลหะภายหลังการจัดกระดูกเข้าที่ หรือที่เรียกว่า open reduction
internal fixation (ORIF)
External Fixation เป็นการผ่าตัดแบบ
เปิดเพื่อยึดตรึงกระดูกที่หักจากภายนอกให้อยู่กับที่ หรือที่เรียกว่า open reduction
external fixation (OREF)
การพยาบาลผู้ป่วย
on external and internal fixation
ประกอบด้วย
แท่งโลหะปลายแหลมที่มีเกลียว
(schanz screw)
แท่งโลหะปลายแหลมที่ไม่มีเกลียว (pin)
โครงยึดภายนอก (rod)
ข้อต่อ (clamp)
กรอบ (frame)
ลวด (wire)
ข้อบ่งชี้ของการใส่ External fixation
กระดูกหักแบบมีแผลเปิด และแผลมีขนาดใหญ่รุนแรง
กระดูกหักที่มีการอักเสบ และติดเชื้อร่วมด้วย
กระดูกหักหลายๆแห่งในชิ้นเดียวกัน4. กระดูกหักที่มีภยันตรายต่อหลอดเลือด และเส้นประสาทร่วมด้วย5. กระดูกหักภายในข้อ6. ต้องการเพิ่มความยาวของรยางค์ (limb lengthening)
ข้อดีของการใส่ External fixation
ท าให้มี rigid fixation ในผู้ป่วยกระดูกหักที่ไม่สามารถ
รักษาได้โดยการใส่เฝือก หรือผ่าตัดใส่โลหะยึดตรึง
Compression and distraction
สามารถดูสภาวะของเนื้อเยื่ออ่อน แผล ได้สะดวก4. สามารถขยับข้อ บริหารข้อได้ดี
สามารถใส่ External fixation โดยใช้ยาชาเฉพาะที่
ได้ ในกรณีที่ผู้ป่วยอาการหนักมากจนไม่สามารถดม6. ให้ผู้ป่วยลุกเดินได้เร็วขึ้น
ข้อเสียของการใส่ External fixation
เกิดการติดเชื้อ (pin tract infection)
ทำให้เกิดข้อติดแข็ง
มีโอกาสเกิด neurovascular impairment
Compartment syndrome
Pin loosening การเลื่อนหลุดของ pin
Delayed union or nonunion
มีโอกาสเกิดกระดูกหักหลังจาก off External fixation
เกะกะ รุ่มร่าม ใส่เสื้อผ้าล าบาก
โลหะยึดตรึงภายนอกเป็นครุภัณฑ์ที่สูญหายไม่ได้ราคาแพง ทางโรงพยาบาลจึง
จำเป็นต้องให้ผู้ป่วยมัดจำค่าโลหะยึดตรึงภายนอก
การพยาบาลหลังผ่าตัด
1.ตรวจสอบระดับความรู้สึกตัว และบันทึกสัญญาณชีพ
2.การจัดท่า แขน ขา ที่ได้รับการโลหะยึดตรึงกระดูกรยางค์ภายนอก
3.ประเมินการไหลเวียนโลหิตที่ไปเลี้ยงส่วนปลาย
4.การประเมินการท างานของเส้นประสาทส่วนปลาย
5.ตรวจดูภาวะเลือดออกจากแผล
6.ประเมินระดับความเจ็บปวด
7.กระตุ้นให้ผู้ป่วยออกก าลังส่วน แขน ขา
คำแนะนำ
สำหรับผู้ป่วยเมื่อกลับไปอยู่บ้าน
1.แนะน าการดูแลแผล ให้ไปท าแผล ห้ามแผลเปียกนำ
2.เสื้อผ้า สวมใส่เสื้อผ้านุ่มที่ไม่ระคายเคืองผิวหนัง แขน ขา กว้าง3.ระมัดระวังอุบัติเหตุ การหกล้ม
4.แนะน าการปฏิบัติกิจวัตรประจ าวัน อาชีพ 5.รับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่
6.ควรออกก าลังกายอย่างสม่ าเสมอ7.การพักผ่อนนอนหลับ นอนให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 6-8 ชั่วโมง8.เมื่อมีอาการปวด บวม แดง ร้อน และมีเลือดซึม หรือหนองไหลจากแผล ให้มาพบแพทย9.การรับประทานยา ควรรับประทานยาตามแผนการรักษาของแพทย์
10.ควรมาตรวจตามแพทย์นัดทุกครั้ง ถ้ามีสิ่งผิดปกติใดๆ แนะน าให้มาพบแพทย์ก่อนนัดได้
infection
blood circulation
ข้อบ่งชี้ของการใส่ INTERNAL FIXATION
1.กระดูกหักเข้าข้อ และมีการเคลื่อนของกระดูกในข้อร่วมด้วย
2.กรณีไม่สามารถรักษาด้วยวิธี closed reduction
3.กระดูกในสูงอายุ ที่ต้องการให้ท ากิจกรรมต่างๆ ด้วยตนเองเร็วที่สุด
4.กระดูกหักผ่าน epiphyseal ที่มีผลต่อการเจริญเติบโตในผู้ป่วยเด็ก
5.กระดูกหักเข้าข้อที่อาจมีผลท าให้ข้อยึดติดหากไม่ได้รับการรักษา
6.กระดูกหักที่มีแรงดึงกล้ามเนื้อดึงให้กระดูกที่หักแยกจากกันตลอดเวลา7.กระดูกหักบริเวณที่มีพยาธิสภาพอยู่ก่อน (Pathologic fracture)
8.กระดูกหักที่มีการบาดเจ็บของหลอดเลือดและเส้นประสาท9.มีภาวะกระดูกต่อไม่ติดหลังได้รับการรักษา (Nonunion)
ข้อดีของการใส่ INTERNAL FIXATION
1.เป็นวิธีการที่สามารถจัดเรียงกระดูกที่หักได้โดยตรง
2.แก้ไขสิ่งที่ขัดขวางการจัดเรียงกระดูกได้3.สามารถยึดตรึงกระดูกที่หักได้อย่างมั่นคง4.ช่วยให้อวัยวะที่ได้รับการผ่าตัดยึดตรึงกระดูก และ
ข้อต่อใกล้เคียงการเคลื่อนไหว5.ป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น กล้ามเนื้อ
ลีบ ข้อยึดติด แผลกดทับ เป็นต้น
ข้อเสียของการใส่ INTERNAL FIXATION
1.มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการได้รับยาระงับ
ความรู้สึกขณะผ่าตัด
2.มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัด 3.มีโอกาสเกิดการติดเชื้อ
4.เสียค่าใช้จ่ายสูง
5.ผู้ป่วยต้องมารับการผ่าตัดซ้ าเมื่อกระดูกติด เพื่อเอาวัสดุที่ดามกระดูกออก
INTERNAL FIXATION
-Screw fixation
-Kirchner wire
-Interlocking nail
-Plate and screw
หลักการพยาบาลผู้ป่วยหลังผ่าตัดดามกระดูก
bleeding
pain
infection
blood circulation
Complication
Exercise and Rehabilitation
self care deficit
การรักษากระดูกหักด้วยวิธีใส่เฝือก
ชนิดของการเข้าเฝือก
เฝือกแขน ( Short arm cast ) ตำแหน่งใส่ตั้งแต่ฝ่ามือถึงใต้ข้อศอก หรือข้อมือหัก
เฝือกแขน ( Long arm cast ) ตำแหน่งใส่ตั้งแต่ฝ่ามือถึงต้นแขน
เฝือกแขน ( Arm cylinder cast ) ตำแหน่งใส่ตั้งแต่ข้อมือถึงต้นแขน
เฝือกขา ( Short leg cast) ตำแหน่งใส่ตั้งแต่ปลายนิ้วเท้าถึงใต้เข่า
เฝือกขา ( Leg cylinder cast ) ตำแหน่ง ใส่ตั้งแต่ข้อเท้าถึงต้นขา
เฝือกขา ( long leg cast )ตำแหน่ง ใส่ตั้งแต่ปลายเท้าถึงต้นขา
เฝือกลำตัวและขา ( Unilateral hip spica cast )
เฝือกลำตัวและขา ( One and one half hip spica cast )
9.เฝือกลำตัวและขา ( Bilateral hip spica cast)
10.เฝือกลพตัว ( Body cast )
11.เฝือกลำตัวและขา : ( Short leg hip spica cast)
ดามกระดูกและข้อให้อยู่กับที่
ลดความเจ็บปวด
ลด muscular spasm
ดามกระดูกที่จัดเข้าที่แล้วไม่ให้กระดูกเคลื่อนออกจาก
แก้รูปพิการหรือการหดค้างของข้อต่างๆเช่น flexioncontracture,
equines etc
ชนิดของเฝือก
เฝือกปูน ซึ่งเป็นการนำปูนพลาสเตอร์มาเคลือบบนผ้าฝ้าย
ข้อดี ราคาถูก การใส่เฝือกและการตัดเฝือก ดัดเฝือกทำได้ง่ายข้อเสีย มีน้ำหนักค่อนข้างมาก แตกร้าวง่าย ระบายอากาศไม่ค่อยดี อาจทำให้
คันเพราะความอับชื้น ถ้าถูกน้ำเฝือกก็จะเละ เสียความแข็งแรง
เฝือกพลาสติก เป็นพลาสติกสังเคราะห์
ข้อดี น้ำหนักเบา ระบายอากาศได้ดี มีความแข็งแรงสูง และเวลาถ่ายภาพรังสี
อุปกรณ์ของการใส่เฝือก
เฝือกปูนพลาสเตอร์
ส าลีรองเฝือก (Webril)
ปลอกผ้ายืด (Stokinett)
กรรไกรสำหรับตัดผ้าจำนวน 1 อัน
กะละมังใส่น้า
ผ้ายาง 1 ผืน
การดูแลเฝือก
ให้วางเฝือกบนวัสดุนิ่ม เช่น หมอน หลีกเลี่ยงการวางเฝือกบนวัสดุแข็ง เช่น พื้นปูน
ประคองเฝือกในระหว่างที่เคลื่อนย้าย หรือ ลุกจากเตียงอย่างระมัดระวัง
หลีกเลี่ยงการกดหรือบีบเฝือกเล่น
วางเฝือกในที่โล่ง อากาศถ่ายเทได้สะดวก ไม่ใช้ผ้าห่มคลุมบนเฝือก การใช้พัดลมเป่า
ห้ามนำเฝือกไปผิงไฟหรือ เปียกน้ำ
มาพบแพทย์ตามนัด
ถ้ามีอาการผิดปกติดังนี้ ให้มาก่อนนัด
ปวดบริเวณที่ใส่เฝือกมากขึ้น
นิ้วมือหรือเท้าข้างที่เข้าเฝือกมีสีเขียวคล้ำหรือ ซีด บวมมากขึ้น หรือ ชา
ไม่สามารถขยับนิ้วมือหรือนิ้วเท้าข้างที่ใส่เฝือก
มีเลือด น้ำเหลือง หรือ หนอง ไหลออกมาจากเฝือก หรือ
มีกลิ่นเหม็น เฝือกหลวม แตกร้าว หรือ หลุด
ภาวะแทรกซ้อนของการใส่เฝือก
แผลกดทับ
ปัญหากระดกข้อเท้า หรือ เหยียดข้อเท้าไม่ได้ หรือ เท้าตก (Foot drop)
อาการบวม
4.คลื่นไส้ อาเจียน ท้องอืดและบางครั้งมีอาการปวดท้อง
5.ปอดบวม (Pneumonia)
6.การติดเชื้อ (Infection)7.กล้ามเนื้อลีบและข้อติด
8.Compartment Syndrome