Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ผู้ป่วยชายไทยวัยผู้ใหญ่ อายุ 53 ปี Dx. CHF with Sepsis Acute Respiratory…
ผู้ป่วยชายไทยวัยผู้ใหญ่ อายุ 53 ปี
Dx. CHF with Sepsis Acute Respiratory failure with Acute Kidney Injury with Cirrhosis
Cirrhosis
ความหมาย
Cirrhosis คือโรคตับแข็ง ภาวะที่ตับมีโครงสร้างเปลี่ยนแปลงไป กล่าวคือ ผิวตับมีลักษณะขรุขระและเมื่อดูด้วยกล้องจุลทรรศน์จะเห็นเซลล์ตับที่เกิดขึ้นใหม่รวมกันอยู่เป็นกลุ่มล้อมรอบด้วยพังผืด
พยาธิสภาพ
อาการที่เซลล์ตับถูกทำลายจนเกิดแผลเป็น ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางพยาธิสภาพหลายๆอย่างก่อให้เกิดความผิดปกติของการเผาผลาญ ระบบเลือด ภาวะไม่สมดุลของสารน้ำและเกลือแร่ ความด้านทานต่ำมีการสะสมของยาและสารพิษต่างๆ เส้นเลือดอุดตันเกี่ยวกับการสร้างน้ำดีในตับ
สาเหตุ
ทฤษฎี
สาเหตุที่พบบ่อยในประเทศไทยได้แก่ การดื่มแอลกอฮอล์ การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีและตับอักเสบซีเรื้อรัง สาเหตุอื่น ๆ ที่พบรองลงไปได้แก่ การอักเสบของตับจากภาวะไขมันแทรกในตับที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์ ยา สารพิษ โรคภูมิต้านตัวเองต่อตับ โรควิลสัน ภาวะดีซ่านเรื้อรัง ภาวะหัวใจวายเรื้อรัง พยาธิบางชนิด
กรณีศึกษา
ผู้ป่วยดื่มสุราวันละ 1 ขวด (350 ml) มา 30 ปี
ผู้ป่วยมีประวัติใช้สารเสพติดมานานกว่า 30 ปี
อาการ
ทฤษฎี
ตับแข็งระยะแรกผู้ป่วยมักมีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร เหนื่อยง่าย คลื่นไส้ น้ำหนักลด
ตับแข็งระยะรุนแรงผู้ป่วยจะมีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง คันตามตัว ท้องโต ขาบวม เลือดออกง่าย
กรณีศึกษา
ผู้ป่วยแขนสองข้างบวมกดบุ๋ม 1+
ผู้ป่วยคันตามร่างกาย มักจะเกาที่ผิวหนังอยู่เป็นประจำ
ผิวหนังของผู้ป่วยเหลือง ดวงตาเหลืองทั้งสองข้าง
ปัสสาวะผู้ป่วยสีเหลืองเข้ม
ค่า Alkaline Phosphatase (19/01/2566) 159 U/L
ค่า SGOT (AST) (19/01/2566) 1564 U/L
ค่า SGPT (ALT) (19/01/2566) 630 U/L
การรักษา
ทฤษฎี
ตับแข็งจะไม่สามารถกลับคืนเป็นตับปกติแต่ก็ยังมีวิธีการรักษาเพื่อไม่ให้โรคเป็นรุนแรงขึ้น การรักษาเหล่านี้ได้แก่ การหยุดดื่มแอลกอฮอล์และการให้ยา รักษาไวรัสตับอักเสบเรื้อรัง กรณีที่ตับแข็งไม่รุนแรง (ระดับ A) มักรักษาตามอาการ ได้แก่ การให้ยาขับปัสสาวะ วิตามิน ยาป้องกันเลือดออกจากทางเดินอาหาร ยาระบายและยารักษาอาการคัน กรณีที่ตับแข็งรุนแรงนอกจากการรักษาตามอาการแล้วยังมีการรักษาด้วยวิธีการผ่าตัดเปลี่ยนตับแต่สามารถทำได้ในโรงพยาบาลที่เป็นโรงเรียนแพทย์เท่านั้น
กรณีศึกษา
ผู้ป่วยได้รับการรักษาแบบประคับประคองตามอาการโดยการดูแลให้ได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ แนะนำญาติผู้ป่วยให้บอกผู้ป่วยเลิกสูบบุหรี่ ดื่มสุรา และหยุดใช้สารเสพติด
ภาวะแทรกซ้อน
ทฤษฎี
ท้องโตเนื่องจากมีน้ำในท้อง
อาการทางสมองเช่น ซึม สับสนหรือหลงลืมเนื่องจากมีของเสียคั่งในร่างกายหรือเกลือ
แร่ในเลือดผิดปกติ
เหนื่อยง่ายเนื่องจากภาวะความดันของเส้นเลือดในปอดสูงหรือโลหิตจาง
ติดเชื้อได้ง่ายเนื่องจากการสร้างภูมิต้านทานจากตับลดลง
มีโอกาสเกิดโรคมะเร็งตับ
มีภาวะไตวาย
เลือดออกง่ายเนื่องจากการการสร้างสารที่ช่วยเลือดแข็งตัวลดลง เกล็ดเลือดต่ำ
เลือดออกในทางเดินอาหารจากเส้นเลือดขอดในหลอดอาหารหรือแผลในกระเพาะ
มีภาวะดีซ่านเนื่องจากตับไม่สามารถขับน้ำดี
คันตามร่างกายเนื่องจากมีน้ำดีสะสมที่ผิวหนัง
กรณีศึกษา
ดวงตาสองข้างของผู้ป่วยเหลืองและผิวหนังเหลือง
ผู้ป่วยคันตามร่างกายเนื่องจากมีน้ำดีสะสมที่ตามผิวหนัง
ค่า Direct Bilirubin (19/01/2566) 2.96 mg/dl
ค่า Direct Bilirubin (19/01/2566) 2.96 mg/dl
มีภาวะไตวายเฉียบพลัน (Acute Kidney Injury)
ความหมาย
Acute Kidney Injury หรือ ภาวะไตบาดเจ็บเฉียบพลัน คือ ภาวะที่มีการสูญเสียการทำงานของไตในช่วงเวลาเป็นชั่วโมงหรือเป็นวัน เป็นผลให้เกิดการคั่งของของเสียและการควบคุมสมดุลกรดด่าง รวมทั้งปริมาณน้ำและเกลือแร่ในร่างกายผิดปกติ ซึ่งถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที่อาจมีอันตรายถึงชีวิตได้ การใช้คำว่า "เฉียบพลัน" นอกจากบ่งถึงช่วงเวลาระยะสั้นที่เกิดขึ้นแล้ว ยังบ่งบอกถึงความเป็นไปได้ที่ไตจะกลับสู่ภาวะปกติได้
พยาธิสภาพ
เกิดจากการที่ท่อไตไม่สามารถเก็บกัก Sodium ได้อย่างปกติ เนื่องจาก Sodium เป็นตัวกระตุ้นการเกิด renin-angiotensin system; RAS มีผลทำให้มีการลดการ ไหลเวียนกลับของเลือดบริเวณ ไต ร่างกายจึงเพิ่มการหลั่ง vasopressin ทำให้
เซลล์บวม ยับยั้งการสังเคราะห์ Prostaglandin และกระตุ้น renin-angiotensin system; RAS ให้หลั่งมากขึ้น ทำให้การไหลเวียนของเลือดบริเวณไตลดลงอัตราการกรองที่ท่อไตจึงลดลง และทำให้มีปัสสาวะน้อยกว่าปกติ การลด อัตราการไหลเวียนเลือดที่ไต นำไปสู่การลดการส่งออกซิเจนไปยังท่อไตส่วนต้น เกิดการตายของเนื้อเยื่อและกลุ่มเชลล์ เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ membrane ของหลอดเลือดที่ท่อไต การหด เกร็งของหลอดเลือดบริเวณไต ทำให้ลดอัตราการกรองของไตหรืออาจเกิดการอุดตันในท่อไตจากเซลล์และเศษเซลล์ ทำให้ความดันในท่อไตเพิ่มขึ้น เป็นผลให้ไตถูกทำลาย
สาเหตุ
ทฤษฎี
ความผิดปกติของการไหลเวียนโลหิตในร่างกาย เช่น ผู้ป่วยที่มีความดันโลหิตต่ำจนเกิดภาวะ
ช็อก ซึ่งสาเหตุอาจเกิดจากการติดเชื้อเสียเลือดจำนวนมาก
การได้ยาหรือสารพิษต่อไต ยาที่พบบ่อย ได้แก่ ยาปฏิชีวนะ ยาแก้ปวดชนิด (NSAIDS) ยาชุด
ยาสมุนไพรที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือการได้รับสารทึบแสง ซึ่งยาเหล่านี้มีผลต่อการทำงานของไต
ภาวะไตอักเสบ ซึ่งอาจเกิดจากโรคของโกลเมอรูลัส (glomerular disease) หรือจากการติดเชื้อซึ่งอาจเกิดที่ไตเองหรือบริเวณอื่นของร่างกายก็ได้
การอุดตันของทางเดินปัสสาวะ เช่น นิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะ ต่อมลูกหมากโต เป็นต้น
กรณีศึกษา
ผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยว่ามีภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดร่วมกับภาวะหายใจล้มเหลว
ผู้ป่วยมีภาวะหัวใจล้มเหลว
ผู้ป่วยใช้ยาเสพติดมานานกว่า 30 ปี
อาการ
ทฤษฎี
ระยะเริ่มแรก (initial phase) เป็นระยะที่ร่างกายมีการปรับตัวโดยระบบประสาทซิมพาเธติก
(sympathetic) และมีการหลั่งสารที่จะทำให้เลือดไปเลี้ยงไตลดลง
ระยะที่มีปัสสาวะออกน้อย (oliguric phase) ระยะนี้พบว่าเนื้อไตมีการอุดตันที่หลอดไตฝอยและมีเนื้อตายเกิดขึ้น ทำให้ไตเสียหน้าที่ในการขับของเสียและรักษาความสมดุลของน้ำ เกลือแร่ และความเป็นกรดด่าง ตรวจพบค่ายูเรียในโตรเจน (BUN) และครีเอตินิน (Cr) ในเลือดสูงกว่าปกติ
ระยะที่มีปัสสาวะออกมาก (diuretic phase) เป็นระยะที่ไตเริ่มฟื้นตัว จะมีปัสสาวะออกมากกว่า 400 มิลลิลิตร จนถึง 4-5 ลิตรต่อวัน
ระยะฟื้นตัว (recovery phase) เป็นระยะที่ไตเริ่มฟื้นตัว กลับมาทำหน้าที่ได้ตามปกติ
กรณีศึกษา
ค่า BUN
19/01/2566 37 mg/dl
20/01/2566 65 mg/dl
21/01/2566 80 mg/dl
22/01/2566 74 mg/dl
ค่า creatinine
19/01/2566 1.99 mg/dl
20/01/2566 4.38 mg/dl
21/01/2566 4.92 mg/dl
22/01/2566 4.34 mg/dl
ค่า Intake/Output
23/01/2566 700/1500
24/01/2566 800/1700
การรักษา
ทฤษฎี
แพทย์จะทำการรักษาโดยการหาสาเหตุและรีบทำการรักษาที่ต้นเหตุ เพื่อให้ไตสามารถกลับมาทำงานได้เป็นปกติโดยเร็ว และป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ
แพทย์จะทำการรักษาแบบประคับประคองและรักษาโรคแทรกซ้อน ได้แก่ การควบคุมปริมาณน้ำเข้าออกร่างกายให้สมดุล หลีกเลี่ยงยาที่มีพิษต่อไต รวมทั้งปรับขนาดยาให้เหมาะสมกับการทำงานของไตที่ลดลง
การให้สารอาหาร พลังงานและปริมาณโปรตีนให้เหมาะสม
การบำบัดทดแทนไต (dialysis) ตามข้อบ่งซี้ เช่น ภาวะที่มีโปแตสเซียมในเลือดสูง ซึ่งหากหาสาเหตุและแก้ปัญหได้ส่วนใหญ่จะกลับคืนสู่ภาวะปกติได้ หากรับการรักษาล่าช้าก็จะทำให้กลายเป็นภาวะไตวายเรื้อรังได้
กรณีศึกษา
19/01/2566 ผู้ป่วยได้รับ 7.5% Na HCO3 100 ml IV drip then 7.5% Na HCO3 150 ml+ NSS 850 ml IV drip 80 ml/hr ตามแผนการรักษาของแพทย์
ผู้ป่วยได้รับอาหารเหลวข้นทางสายยางเป็นอาหารควบคุมเกี่ยวกับโรคไต
19/01/2566 ผู้ป่วยได้รับสารน้ำ 0.9 % NSS 1000 ml rate 80 cc/hr
ภาวะแทรกซ้อน
ทฤษฎี
ภาวะแทรกซ้อนจากไตวายเฉียบพลันจะมีผลต่อร่างกายหลายระบบ ได้แก่ ระบบหัวใจและหลอดเลือด ผู้ป่วยจะมีอาการบวม หัวใจล้มเหลว ความดันโลหิตสูง ระบบทางเดินหายใจ อาจพบภาวะน้ำท่วม ปอด กลุ่มอาการหายใจลำบาก (acute respiratory distress syndrome) ระบบทางเดินอาหาร จะพบบ่อยมากโดยมีอาการเบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องเสีย มีเลือดออกในทางเดินอาหาร ระบบ เลือดจะพบว่ามีภาวะซีดจากการสร้างเม็ดเลือดได้น้อยและถูกทำลายเร็ว ภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อ ได้แก่ การติดเชื้อในกระแสเลือด ระบบทางเดินปัสสาวะและปอด ภาวะแทรกซ้อนของสมดุลเกลือแร่
กรณีศึกษา
ใบหน้าผู้ป่วยบวม แขนสองข้างบวมกดบุ๋ม 1+
ความดันโลหิตของผู้ป่วย
23/01/2566 (14:00) 168/85 mmHg
24/01/2566 (14:00) 178/94 mmHg
25/01/2566 (14:00) 156/89 mmHg
26/01/2566 (14:00) 165/78 mmHg
27/01/2566 (14:00) 189/88 mmHg
ผู้ป่วยมีภาวะหัวใจล้มเหลว
ผู้ป่วยมีภาวการณ์หายใจล้มเหลวเฉียบพลัน
ค่า Sodium
19/01/2566 136 mmol/L
20/01/2566 139 mmol/L
21/01/2566 147 mmol/L
22/01/2566 147 mmol/L
Sepsis
ความหมาย
Sepsis หรือภาวะพิษติดเชื้อในกระแสเลือด คือการติดเชื้อแบคทีเรียในกระแสโลหิตและกระต่ายไปทั่วร่างกาย โดยผู้ป่วยมักเกิดการติดเชื้อแบคทีเรียที่ส่วนใดส่วนหนึ่งก่อน จากนั้นแบคทีเรียจึงแทรกซึมเข้าสู่กระแสเลือด และก่อให้เกิดความผิดปกติแก่ร่างกาย
พยาธิสภาพ
การติดเชื้อที่เกิดจากกระบวนการอักเสบที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรงและต่อเนื่องในระยะแรกร่างกายจะอยู่ในภาวะHypodynamic state โดยจะมีการขยายตัวของหลอดเลือดส่วนปลายส่งผลให้ร่างกายขาดสารน้ำที่จะให้ระบบไหลเวียนโลหิตนำไปสูบฉีด(hypovolemia) ประกอบกับการทำงานของหัวใจที่แย่ลงเป็นผลจาก cytokines ต่างๆที่ถูกหลั่งออกมาจากเซลล์เม็ดเลือดขาวและกระบวนการอักเสบที่มีอยู่ทำให้ปริมาณของออกซิเจนที่ถูกขนส่งไปยังเนื้อเยื่อต่างๆ ลดลง
สาเหตุ
ทฤษฎี
สาเหตุของการติดเชื้อในกระแสเลือดการติดเชื้อในกระแสเลือด
เกิดจากเชื้อแบคที่เรียเป็นต้นเหตุ ซึ่งปัจจัยที่ทำให้แบคที่เรียก่อโรค เข้าสู่ร่างกายและแทรกซึมเข้าสู่กระแสเลือด ได้แก่ มีการติดเชื้อที่ส่วนอื่น ๆ ของร่างกายอยู่แล้ว ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษา แบคทีเรีย อาจเพิ่มจำนวนและลุกลามไปทั่วร่างกายผ่านทางกระแสเลือดได้ตัวอย่างโรคติดเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดการติดเชื้อในกระแสเลือด ได้บ่อย ได้แก่ การติดเชื้อในทางเดินหายใจ เช่น โรคปอคบวม การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ เช่น กรวยไตอักเสบ กระเพาะปัสสาวะ อักเสบ การติดเชื้อในช่องท้อง เช่น ไส้ติ่งอักเสบ มีภูมิต้านทานร่างกายอ่อนแอ เช่น เป็นผู้ติดเชื้อเอชไอวี ผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาว ผู้ป่วยที่ได้รับยาเคมีบำบัดซึ่งทำลายเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกัน ติดเชื้อจากการรักษาในโรงพยาบาล
กรณีศึกษา
ผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยว่ามีภาวะการหายใจล้มเหลวเฉียบพลัน
ผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นภาวะไตอักเสบเฉียบพลัน
อาการ
ทฤษฎี
อาการเริ่มแรกที่จะปรากฎอย่างรวดเร็วหลังการติดเชื้อในกระแสเลือด ได้แก่ มีไข้สูง รู้สึกหนาวสั่น มือและเท้าเย็น หายใจถี่ ชีพจรเต้นเร็ว คลื่นไส้ อาเจียน หากไม่รีบไป อาการจะรุนแรงขึ้น โดยจะเริ่มมีจุดเลือดออกแดง ๆ หรือรอยฟกช้ำขึ้นที่ผิวหนัง ผู้ป่วยจะรู้สึกมึนงง สับสน และค่อยๆ รู้สึกตัวน้อยลงจนถึงขั้นการทำงานของอวัยวะต่างๆ ล้มเหลวช็อกและเสียชีวิตได้
กรณีศึกษา
ผู้ป่วยมาด้วยอาการซึมลง 2 ชั่วโมงก่อนนำส่งโรงพยาบาล
ผู้ป่วยแรกรับอุณหภูมิร่างกาย 36.9 องศาเซลเซียส
ผู้ป่วยแรกรับอัตราการหายใจ 28 ครั้ง/นาที
ผู้ป่วยแรกรับอัตราการเต้นของหัวใจ 110 ครั้ง/นาที
การรักษา
ทฤษฎี
อาการเริ่มแรกที่จะปรากฎอย่างรวดเร็วหลังการติดเชื้อในกระแสเลือด ได้แก่ มีไข้สูง รู้สึกหนาวสั่น มือและเท้าเย็น หายใจถี่ ชีพจรเต้นเร็ว คลื่นไส้ อาเจียนหากไม่รีบไปพบแพทย์ อาการจะรุนแรงขึ้น โคยจะเริ่มมีจุดเลือดออกแดง ๆ หรือรอยฟกช้ำขึ้นที่ผิวหนัง ผู้ป่วยจะรู้สึกมึนงงสับสน และค่อยๆ รู้สึกตัวน้อยลงจนถึงขั้นการทำงานของอวัยวะต่างๆ ล้มเหลว ช็อกและเสียชีวิตได้
กรณีศึกษา
19/01/2566 แรกรับผู้ป่วยได้รับสารละลายทางหลอดเลือดดำ 0.9 % NSS 1000 ml rate 80 cc/hr
19/01/2566 ผู้ป่วยได้รับการใส่ ET tube No. 8 mark 20 on ventilation PCV mode FT 2 FiO2 0.4%, PI 20, Ti 0.85 s, PEEP 5 cmH2O, RR 20 bpm, Rise time 15, keep RR <= 30 /min, SpO2 > 94%
ผู้ป่วยได้รับยาปฏิชีวนะ Tazocin 4.5 g IV drip ทุก 6 ชั่วโมง
ภาวะแทรกซ้อน
ทฤษฎี
1.มีภาวะเลือดออกทางเดินอาหาร UGIB
2.ภาวะการหายใจล้มเหลวเฉียบพลัน Acute Respiratory Failure ภาวะนี้อาจได้รับอันตรายถึงชีวิตเนื่องจากออกซิเจนไปเลี้ยงปอดไม่เพียงพอ
อวัยวะทำงานผิดปกติ การติดเชื้อในกระแสเลือด ส่งผลต่อการทำงานของอวัยวะอื่นๆภายในร่างกายได้แก่หัวใจ ปอด และไต
ต่อมหมวกไตทำงานล้มเหลว
ภาวะเลือดแข็งตัวแบบแพร่กระจาย
กรณีศึกษา
ภาวะการหายใจล้มเหลวเฉียบพลัน (Acute Respiratory Failure)
ความหมาย
Acute Respiratory Failure ภาวการณ์หายใจล้มเหลวเฉียบพลัน คือภาวะที่ระบบหายใจเสื่อมสมรรถภาพไม่สามารถทำหน้าที่ในการแลกเปลี่ยนก๊าซหรือระบายอากาศให้อยู่ในระดับปกติได้ ทำให้ออกซิเจนในเลือดลดลง
พยาธิสภาพ
เกิดจากเนื้อปอดถูกทำลายทั้งโดยทางตรงเช่น pneumonia การจมน้ำ หรือโดยทางอ้อม เช่น การติดเชื้อ severe trauma ทำให้เกิดการอักเสบอย่างรุนแรงมีการหลั่งสาร inflammatory cytokines ซึ่งมีฤทธิ์ทำลายผนังหลอดเลือดฝอยปอด (pulmonary capillary endothelium) และถุงลม (alveoli) ทำให้สารน้ำรั่วซึมจากหลอดเลือดฝอยเข้าสู่ซ่องว่างใน เนื้อเยื่อชั้น interstitial และถุงลม เกิดภาวะปอดบวมน้ำ ส่งผลให้ surfactant ถูกเจือจางและเสื่อมสมรรถภาพ เกิดถุงลมแฟบ ความยืดหยุ่นของปอด (compliance) ลดลง ความจุอากาศคงค้าง
(functional residual capacity; FRC) ลดลง เกิดภาวะหายใจล้มเหลวเฉียบพลันตามมา
สาเหตุ
ทฤษฎี
เกิดจากหลอดลมตีบตัน โรคหอบหืดหรือหลอดลมอักเสบรุนแรง
เนื้อปอดถูกทำลายจากภาวะปอดอักเสบรุนแรง
กล้ามเนื้อการหายใจเสียหน้าที่ เช่น โรคไขสันหลังอักเสบ Myasthenia Gravis
ศูนย์การหายใจสูญเสียหน้าที่
มีภาวะพร่องออกซิเจน
กรณีศึกษา
ผู้ป่วยมีประวัติสูบบุหรี่วันละ 1 ซอง มานานกว่า 30 ปี
อาการ
ทฤษฎี
หัวใจเต้นเร็ว หรือหัวใจเต้นผิดจังหวะ
หายใจเร็ว
ร่างกายเขียวคล้ำ
ความดันโลหิตสูง
มีอาการปวดศีรษะ
กระสับกระส่าย สับสน
มีการใช้กล้ามเนื้อที่คอช่วยในการหายใจ
กรณีศึกษา
ผู้ป่วยมาด้วยอาการซึมลง หายใจเหนื่อยมากขึ้น
อัตราการหายใจผู้ป่วย 30 ครั้ง/นาที อัตราการเต้นของหัวใจ 110 ครั้ง/นาที
3.ความดันโลหิตแรกรับ 125/85 มิลลิเมตรปรอท
การรักษา
ทฤษฎี
การแก้ไขโรคหรือภาวะที่เป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดภาวะ
หายใจล้มเหลวเป็นสิ่งจำเป็นการรักษาสาเหตุของภาวะหายใจล้มเหลวเฉียบพลันที่ไม่เหมาะสม
การดูแลทางเดินอากาศต้องทำให้ทางเดินหายใจของ ผู้ป่วยเปิดโล่งไม่มีการอุดกั้นเพื่อให้มีออกซิเจนผ่านเข้าออกทางเดินหายใจของผู้ป่วยได้ตลอดเวลา
การแก้ไขภาวะ hypoxemia และ hypercapnia จุดมุ่งหมายของการรักษา คือ การทำให้มีออกซิเจนไปยังเนื้อเยื่อต่างๆของร่างกายอย่างเพียงพอ
การใช้เครื่องช่วยหายใจ
กรณีศึกษา
ผู้ป่วยได้รับการใส่ท่อช่วยหายใจเบอร์ 8 mark 20 เซนติเมตร P-cmv mode RR 20/min PC 16 cmH2O, PEEP 5 cmH2O FiO2 0.4 %
จัดท่านอนศีรษะสูง 15 - 30 องศาให้ผู้ป่วย
ภาวะแทรกซ้อน
ทฤษฎี
ระบบประสาท ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการกระสับกระส่าย สับสน ไม่มีสมาธิ รูม่านตาขยายไม่ตอบสนองต่อแสงไฟ กล้ามเนื้อกระตุก จากการขาดออกซิเจน
2.ระบบหายใจ ส่งผลให้ผู้ป่วยหายใจเร็วขึ้น หายใจหอบเหนื่อย
3.ระบบหัวใจและหลอดเลือด ส่งผลให้หัวใจเต้นเร็วและความดันโลหิตสูง หากเกิดภาวะพร่องออกซิเจนมากขึ้น การบีบตัวของกล้ามเนื้อหัวใจลดลง ความดันโลหิตลดลง อาจมีหัวใจเต้นไม่สม่ำเสมอ ร่างกายสร้างเม็ดเลือดแดงเพิ่มขึ้น เลือดหนืด การต้านทานของหลอดเลือดปอดสูงขึ้นอาจทำให้เกิดภาวะหัวใจซีกขวาล้มเหลวเฉียบพลัน
4.ระบบไต กระตุ้น rennin angiotensin axis ให้มีการสร้าง erythropoietin เพิ่มขึ้น
ระยะแรกของการขาดออกซิเจนมีปัสสาวะออกลดลง < 0.5-1 ml/kg/hr ถ้ามีภาวะพร่องออกซิเจนรุนแรงมาก อาจเกิดภาวะไตวาย
กรณีศึกษา
ผู้ป่วยขณะนอนอยู่บนเตียงมีอาการกระสับกระสาย ไม่อยู่นิ่งตลอดเวลาที่ตื่นนอน
อัตราการเต้นของหัวใจผู้ป่วย
23/01/2566 (14:00) 24 ครั้ง/นาที
24/01/2566 (14:00) 22 ครั้ง/นาที
ความดันโลหิตของผู้ป่วย
23/01/2566 (14:00) 168/85 mmHg
24/01/2566 (14:00) 178/94 mmHg
25/01/2566 (14:00) 156/89 mmHg
26/01/2566 (14:00) 165/78 mmHg
27/01/2566 (14:00) 189/88 mmHg
Congestive Heart Failure
ความหมาย
Congestive heart failure ภาวะหัวใจล้มเหลว คือกลุ่มอาการที่มีความผิดปกติของหัวใจซึ่งอาจผิดปกติที่โครงสร้างหรือการทำหน้าที่ของหัวใจ ส่งผลให้หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกายและรับเลือดกลับเข้าหัวใจได้ตามปกติ
พยาธิสภาพ
หัวใจห้องล่างขวาวาย คือกล้ามเนื้อหัวใจห้องล่างขวาทำหน้าที่ลดลง ไม่สามารถบีบเลือดไปเลี้ยงที่ปอดได้ ทำให้มีเลือดคั่งอยู่ในระบบไหลเวียน ส่งผลให้เลือดดำคั่งในอวัยวะต่าง ๆ ของร่งกายและมีอาการบวมที่แขน ขา และหน้าท้อง ผู้ป่วยที่หัวใจห้องล่างขวาวายมักมีหลอดเลือดที่คอโป่ง จากการที่เลือดไปเลี้ยงสมองและศีรษะไม่สามารถไหลกลับสู่หัวใจห้องบนขวาได้น้ำหนักขึ้นจากการที่มีน้ำคั่งในร่างกาย
หัวใจห้องล่างซ้ายวาย คือภาวะที่หัวใจห้องล่างซ้ายวายมักเกิดจากความผิดปกติของกล้ามเนื้อหัวใจห้องล่างซ้าย ไม่สามารถทำการบีบเลือดที่มีออกซิเจน น้ำตาลและสารอาหารต่าง ๆ ไปเลี้ยงร่างกายได้ ทำให้มีอาการของเซลล์ที่ได้รับเลือดไม่เพียงพอ ได้แก่ อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย อาการเหนื่อยง่ายจากหัวใจห้องล่างซ้ายวายเกิดจากการที่มีแรงต้านทานระหว่างหัวใจห้องบนซ้ายกับปอดและมีเนื้อเยื่อบริเวณโดยรอบในปอดทำให้เกิดภาวะน้ำคั่งในปอด ทำให้หายใจลำบาก
สาเหตุ
ทฤษฎี
หัวใจห้องล่างซ้ายวาย เกิดจาก ภาวะความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โรคลิ้นหัวใจ โดยเฉพาะลิ้นหัวใจ Aortic หรือ Mitral valve
หัวใจห้องล่างขวาวาย เกิดจากกล้ามเนื้อหัวใจห้องล่างขวาขาดหลอดเลือดที่ปอดมีความดันสูงหรือหัวใจล่างซ้ายวายมีผลทำให้หัวใจห้องล่างขวาวายตามมา
กรณีศึกษา
ความดันโลหิตของผู้ป่วย
23/01/2566 (14:00) 168/85 mmHg
24/01/2566 (14:00) 178/94 mmHg
25/01/2566 (14:00) 156/89 mmHg
26/01/2566 (14:00) 165/78 mmHg
27/01/2566 (14:00) 189/88 mmHg
อาการ
ทฤษฎี
1.หัวใจห้องล่างขวาวาย ผู้ป่วยจะมีอาการบวมที่ขาทั้ง 2 ข้าง กดบุ๋ม ร่างกายบวม น้ำหนักตัวเพิ่ม การบวมทั้งตัวอาจมีได้ในระยะสุดท้ายของหัวใจวาย ร่วมกับผู้ป่วยจะมีอาการม้ามโตและปวดแน่นท้อง เจ็บแปลบที่ ท้องด้านขวาส่วนบนจากการที่มีเลือดคั่งที่ตับ นอกจากนี้ผู้ป่วยจะมีความดันโลหิตสูงจากที่น้ำในร่างกายเยอะ ความดันเลือดดำส่วนกลางสูง มีหลอดเลือดดำที่คอโป่งพอง
หัวใจห้องล่างซ้ายวาย ผู้ป่วยจะมีอาการปัสสาวะออกน้อย เนื่องจากร่างกายมีการกักเก็บน้ำไว้ในร่างกาย หัวใจเต้นเร็ว ไม่สม่ำเสมอ ใจสั่น หอบเหนื่อย เจ็บหน้าอก หายใจลำบากเมื่อนอนราบ มักพบหายใจลำบากตอนกลางคืน ปัสสาวะออกน้อย ซีดเขียว ชีพจรเบา นอกจากนี้ยังมักตรวจพบหัวใจ (cardiomegaly) ร่วมด้วย
กรณีศึกษา
ผู้ป่วยมาด้วยอาการหายใจหอบเหนื่อย หายใจ 30 ครั้ง/นาที อัตราการเต้นของหัวใจ 110 ครั้ง/นาที
แขนสองข้างผู้ป่วยบวมกดบุ๋ม 1+
Film chest x-rays พบ cardiomegaly
การรักษา
ทฤษฎี
กำจัดโรคหรือสาเหตุชักนำที่ทำให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลว
แก้ไขความผิดปกติของโรคหัวใจที่มีอยู่เดิม
ควบคุมภาวะหัวใจล้มเหลวโดย ลดการทำงานของหัวใจ จัดกัดกิจกรรมให้พักผ่อนบนเตียง และเพิ่มแรงบีบตัวของหัวใจโดยการให้ยา Digitalis, Dopamine, Dobutamine ลดปริมาณน้ำคั่งในร่างกายโดยการจัดกัดน้ำและเกลือ รวมถึงให้ยาขับปัสสาวะ
ให้ยากลุ่ม ACEI เช่น Enalapril เพื่อให้หลอดเลือดขยายตัวและลดความต้านทานของหลอดเลือด
ให้ออกซิเจน ความเข้มข้นสูงทางจมูก (Cannula) หรือหน้ากาก (Face mask)
ใส่ท่อและเครื่องช่วยหายใจ
การรักษาอื่น ๆ ได้แก่ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ (Lifestyle modification)การควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย ควบคุมอารมณ์ และงดสูบบุหรี่
กรณีศึกษา
ผู้ป่วยได้รับการใส่ท่อช่วยหายใจเบอร์ 8 mark 20 เซนติเมตร P-cmv mode RR 20/min PC 16 cmH2O PEEP 5 cmH2O FiO2 0.4%
2.ผูกยึดแขนและขาผู้ป่วยเพื่อป้องกันผู้ป่วยออกแรงเยอะจนมีอาการเหนื่อยหอบ
ภาวะแทรกซ้อน
กรณีศึกษา
ผล film chest x-rays พบ cardiomegaly
บริเวณแขนสองข้างผู้ป่วยบวมกดบุ๋ม 1+
ทฤษฎี
หัวใจห้องล่างซ้ายวาย มีภาวะหัวใจโต น้ำคั่งในปอด ภาวะปอดบวมน้ำ
หัวใจล่างขวาวาย มีภาวะตับโต และม้ามโต