ความสัมพันธ์กับต่างประเทศในสมัยอยุธยา
ความสัมพันธ์กับรัฐต่างชาติ
รัฐต่างชาติในเอเชีย
จีน
ญี่ปุ่น
ลักษณะความสัมพันธ์แบบรัฐบรรณาการ
เริ่มความสัมพันธ์ในสมัยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่1-ก่อนชาติตะวันตกจะเข้ามา
จุดประสงฆ์ในการเข้ามา
แสดงถึงความเชื่อที่ว่าจีนเป็นศูนย์กลางอำนาจและอารยธรรมโลก ดินแดนอื่นๆที่มีวัฒนธรรมด้อยกว่าจะต้องเข้ามาสวามิภักดิ์ตามความเชื่อของลัทธิขงจื้อ
ประเทศที่เข้ามาสวามิภักดิ์ต้องยอมรับความเป็นเจ้าประเทศราชของจีนและส่งเครื่องราชบรรณาการให้กับจีน
ผลประโยชน์ที่อยุธยาได้รับ
สิทธิพิเศษทางเศรษฐกิจจากจีน
เพื่อป้องกันไม่ให้จีนเข้าแทรกแซงช่วยเหลือสุโขทัยระหว่างที่อยุทธยาขัดแย้งกับสุโขทัย
กำไรที่ได้จากการค้ากับจีน
ของตอบแทน2เท่าที่ได้จากการถวายเครื่องราชบรรณาการ
ความสัมพันธ์ระหว่าอยุทธยาตอนปลายกับจีน
ผลประโยชน์ที่อยุธยาได้รับ
อยุทธยาติดต่อกับจีนเพื่อผลประโยชน์ทางการค้าเป็นส่วนใหญ่
ชาวจีนได้เข้ามารับราชการในอยุทธยา
ข้อดี
อยุทธยาได้เรียนรู้การค้าทางทะเลหรือการค้าสำเภา
ข้อเสีย
กองอาสาขุนนางจีนได้เข้าช่วยอยุทธยารบกับพม่า
ความสัมพันธ์กับรัฐเพื่อนบ้าน
click to edit
ความสัมพันธ์กับอาณาจักรคนไทย
ความสัมพันธ์กับรัฐที่อยู่ใกล้เคียง(รัฐเพื่อนบ้าน)
เป็นมิตร
ล้านนา
.
ไม่เป็นมิตร
พม่า
เขมร
หัวเมืองมอญ
ลักษณะความสัมพันธ์แบบฉันมิตร
.
สุโขทัย
เริ่มในสมัยสมเด็จพระไชยราชาธิราช
มีความสัมพันธ์ในด้านของการทหารและการค้า
ขุนนางจีนได้แทรกแซงข้อบังคับทางการค้าของอยุทธยา
ผลประโยชน์ที่ได้รับ
เป็นเมืองท่าสำหรับการทางทะเลด้านทะเลอันดามันสำหรับพ่อค้าจากอาหรับ อินเดีย และลังกา
เป็นด่านกั้นพม่าทางตะวันตก
รัฐต่างชาติในยุโรป
เริ่มเข้ามาในสมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ-พ.ศ.๒๑๗๒
จุดประสงฆ์ในการเข้ามา
เพื่อผลประโยชน์ทางด้านการค้า
การลี้ภัยของซามูไรที่อยู่ตรงข้ามกับรัฐบาลญี่ปุ่น
อังกฤษ
ฮอลันดา
ผลประโยชน์ที่อยุทธยาได้รับ
จุดประสงค์ของการเข้ามา
ซามูไรที่อาศัยอยู่ในอยุทธยาได้ก่อตั้งกองทหารอาสาญี่ปุ่นเพื่อช่วยรบโดยมีผู้นำคือออกญาเสนาพิมุขหรือ ยามาดา นางามาซะ
ผลประโยชน์ทางด้านการค้า
การสิ้นสุดความสัมพันธ์
ชาวญี่ปุ่นบางคนได้เข้ามามีอำนาจในราชสำนักอยุทธยา ทำให้พระเจ้าปราสาททองทรงปราบปรามอย่างหนักในปีพ.ศ.๒๑๗๒
ญี่ปุ่นปิดประเทศในปีพ.ศ.๒๑๗๙
เปอร์เซีย
เริ่มเข้ามาในช่วยปลายรัชสมัยของสมเด็จพระเนรศวรมหาราช
ความสัมพันธ์เริ่มต้น
พ.ศ.1893
อาณาจักรสุโขทัยอ่อนเเอลง อยุธยาขยายอำนาจถึงพิษณุโลก
พระมหาธรรมราชาที่1(K ของสุโขทัย) ส่งเครื่องราชบรรณาการมาขอเมืองพิษณุโลกคืน เเละอยุธยายอมรับไมตรีเเละคืนให้
กลายเป็นความสัมพันธ์การยอมรับฐานะของกันเเละกัน
ความสัมพันธ์สิ้นสุด
พ.ศ.2006
หลักจากที่สุโขทัยเป็นเมืองประเทศราชของอยุธยาสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ(K ของอยุธยา) ได้ผนวกสุโขทัยเข้ากับอยุธยา
จากเมืองประเทศราชมาเป็นส่วนหนึ่งของอยุธยา
เชื่อมความสัมพันธ์กันยังไง
ในตอนเเรก พระมหาธรรมราชาที่1(K ของสุโขทัย) ส่งเครื่องราชบรรณาการมาขอเมืองพิษณุโลกคืน เเละอยุธยายอมรับไมตรีเเละคืนให้
กลายเป็นความสัมพันธ์การยอมรับฐานะของกันเเละกัน
ต่อจากนั้น สุโขทัยก็ยอมอ่อนน้อมเป็น เมืองประเทศราชของอยุธยา
เกิดการเเย่งชิงสมบัติกันเองในสุโขทัย
พระอินทราชา(K ของอยุธยา)เเต่งตั้งพระยาบรมปาลขึ้นเป็นพระมหาธรรมราชาที่4
ให้เจ้าพระยาสามพระยา พระโอรสของพระอินทราชาอภิเษกสมรสกับพระราชธิดาของพระมหาธรรมราชาที่2ของสุโขทัย
จึงเป็นการกระชับความสัมพันธ์ในลักษณะเครือญาติ
สิ่งที่ได้รับ
เมืองประเทศราช
ดินเเดนเพิ่ม
ความสัมพันธ์เเบบเครือญาติ
.
หัวเมืองมลายู
ความสัมพันธ์เริ่มต้น
พ.ศ.2018
ในสมัยของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ(K ของ อยุธยา) อยุธยาได้ทำสงครามกับล้านนาอยู่หลายครั้งจึงตกลงทำสัยญาเป็นไมตรีกัน
ความสัมพันธ์สิ้นสุด
ไม่ทราบปี พ.ศ. อย่างเเน่ชัด
หลังจากเป็นเมืองขึ้นของอยุธยาอีกครั้งในสมัยสมเด็จพระนารายณ์อาณาจักรล้านนาเเยกตัวเป็นอิสระบ้าง หรือตกเป็นของพม่าบ้าง
เชื่อมความสัมพันธ์กันยังไง
เมื่อพ.ศ.2018 ล้านนาเเละอยุธยาได้ทำสัญญาเป็นไมตรีต่อกัน
สิ่งที่ได้รับ
ได้รับเมืองขึ้น
ความสัมพันธ์เเบบผูกสัญญาไมตรีต่อรัฐเพื่อนบ้าน
สิ่งที่เสียไป
เสียกองกำลังหรือไพร่พลจากการทำสงครามหลายครั้งกับล้านนา เเละ ในการทำสงครามกับพม่าเพื่อเเย่งชิงล้านนา
ความสัมพันธ์เริ่มต้น
ไม่กำหนดปี พ.ศ.อย่างเเน่ชัดใน
ในสมัยสมเด็กพระบรมไตรโลกนาถ ได้ส่งกองทัพไปโจมตีเมืองมะละกาเเละได้มาเป็นเมืองขึ้น หัวเมืองมลายุเมืองอื่นจึงยอมอ่อนน้อมต่ออยุธยา
หัวเมืองมลายูอ่อนน้อมด้วย
อยุธยามอบหมายให้เมืองนครศรีธรรมราชที่อยู่ทางใต้กำกับดูเเลหัวเมืองมลายูเพราะอยุธยาอยู่ไกลจากหัวเมืองมลายู
กลายเป็นความสัมพันธ์ทางการค้า
เป็นความสัมพันธ์เเบบผู้สัญญาไมตรีต่อกัน
ความสัมพันธ์สิ้นสุด
ไม่กำหนดปี พ.ศ.อย่างเเน่ชัด
เมื่ออยุธยาเริ่มอ่อนเเอลงหัวเมืองมลายูก็ตั้งตนเป็นอิสระ
เชื่อมความสัมพันธ์กันยังไง
ในช่วงเเรกที่อยุธยายึดหัวเมืองมลายู มีความสัมพันธ์ทางการค้าขาย
สิ่งที่ได้รับ
ได้เมืองขึ้น
ได้ประโยชน์เครื่องบรรณาการต่างๆ
ประโยชน์ทางการค้าขายทางทะเลกับต่างชาติ
โปรตุเกส
สเปน
เดนมาร์ก
ฝรั่งเศส
อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของอยุธยา
ความสัมพันธ์อยู่ในลักษณะแข่งอำนาจกันเพื่อปกครองดินแดนสุโขทัย
พม่าเข้มแข็งจะมารุกรานเสมอ
ความขัดแย้งเกิดเมื่อปี2081เมืองเชียงกรานของมอญที่อยู่ใต้ปกครองอยุธยาถูกพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้รุกราน
2091 พม่าโจมตีอยุธยาในสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ พระสุริโยทัยปลอมเป็นชายออกร่วมรบ
2106-2112ความสัมพันธ์อยู่แบบพม่าพยายามจะรุกราน 2112 พม่ายึดอยุธยาได้ อยุธยาตกเป็นเมืองขึ้น 15 ปี
2127 พระนเรศวรประกาศอิสรภาพที่เมืองแครง
2310 พม่าตีอยุธยาได้สำเร็จ ศูนย์กลางอณาจักรย้ายมาธนบุรี
ความสัมพันธ์อยุธยากับเขมรมี2ลักษณะ
1.ด้านวัฒธรรมที่ไทยได้รับจากเขมร
2.ด้านการเมือง
รับศาสนาพรามหมณ์-ฮินดู
รับแนวคิดกษัตริย์เป็นสมมติเทพ
การปกครองแบบจตุสดมภ์
ภาษา
ศิลปกรรม
ประเพณี
อยุธยาอยากได้เขมรเป็นเมืองขึ้น
เมื่อใดที่อุธยาเข้มแข็งกว่า เขมรจะยอมนอบน้อมอยู่ในอำนาจอยุธยา
แต่เมื่อใดที่อยุธยาอ่อนแอหรือติดสู้รบกับพม่าจะแยกตัวเป็นอิสระแล้วซุ่มโจมตีอยุธยา
เริ่มทำสงครามกันเมื่อสมัยสนเด็จพระรามาธิบดีที่1-2
ยึดเมืองนครธม
2136
พระนเรศวรตีเขมรแล้วไดรับชัยชนะ
จุดประสงห์ในการเข้ามา
การค้าขาย
เข้ามาตั้งถิ่นฐานเป็นชุมชน
สิ่งที่อยุทธยาได้รับ
อิทธิพลของวัฒนธรรมเปอร์เซีย
วัฒนธรรมการแต่งกาย อาทิ เสื้อครุยของกษัตริย์และขุนนาง ฉลองพระบาทเชิงงอน
ผลประโยชน์ทางการค้า
ชาวเปอร์ได้เข้ามารับราชการในราชสำนัก หลายคนได้รับตำแหน่งที่สูง
การเผยแพร่ศาสนาอิสลามนิกายชีอะฮ์หรือนิกายเจ้าเซ็น
เข้ามาค้าขายกับจีนแต่ไม่สำเร็จจึงค้าขายกับญี่ปุ่น
เริ่มเข้ามาเมื่อ2147 สมัยพระนเรศวร
สินค้าที่ฮอลันดาสนใจ
สินค้าป่า เช่น หนังกวาง ไม้ฝาง ไม้กฤษณา ดินประสิว หมาก ตะกั่ว กระวาน ขี้ผึ้ง
สินค้าประเภท ทองแดง เงิน เหล็ก กระสุน อาวุธ ผ้าชนิดต่างๆ เครื่องแก้ว มาแลกเปลี่นกับไทย
สมัยพระเอกาทศรถ
2150 ส่งทูตไปเจริญสัมพันธไมตรี
พระเจ้ามอรีสมอบปืนใหญ่และอาวุธให้ไปถวายพระเอกาทศรถ
ผลประโยชน์ที่อยุธยาให้ฮอลันดา
ให้สิทธิผูกขาดหนังสัตว์
สมัยพระเจ้าปราสาททอง
ไทยเริ่มบาดหมางกับฮอลันดา
ขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์ทางการค้า โดยเฉพาะเรื่องการผูกขาดการค้าหนังกวาง
ฮอลันดาบีบบังคับไทยโดยการปิดอ่าวเมืองตะนาวศรี
สมัยพระนารายณ์มหาราช
ไทยกับฮอลันดาเกิดข้อพิพาทกันอย่างรุนแรง
ฮอลลันดาส่งเรือรบมาปิดอ่าวไทยไม้ให้ไทยค้าขายกับต่างประเทศ
พระนารายณ์เห็นว่าไม่สามารถได้จึงยอมยกผลประโยชน์ตามที่ฮอลลันดาเรียกร้อง
อยุธยาตอนปลาย
ไทยกับฮอลลันดาเกิดข้อพิพาทกันอีกการค้าระหว่างไทยกับฮอลันดาค่อยๆลดน้อยลง จนสิ้นสมัยอยุธยา
เข้ามาในปี2155
อังกฤษส่งคณะทูตมาเจริญสัมพันธไมตรีกับอยุธยา
ตั้งสถานีการค้าในไทยครั้งแรกที่ปัตตานี
สมัยพระเจ้าทรงธรรม
พระเจ้าทรงธรรมพระราชทานบ้านหลังหนึ่งให้เป็นสถานีการค้า
อณุญาติให้พ่อค้าชาวอังกฤษอยู่ใกล้หมู่บ้านชาวฮอลลันดา
จุดประสงค์การเข้ามา
เผยแพร่ศาสนา
ค้าขาย
พ่อค้าอังกฤษไม่ประสบความสำเร็จทางการค้ากับไทยเพราะถูกกีดกันจากพวกฮอลันดา
ปิดสถานีการค้า จ.ปัตตานี
สมัยพระนารายณ์
ดำเนินนโยบายผูกมิตรกับอังกฤษถ่วงดุลอำนาจฮอลันดา
โดยการพระราชทานสิทธิพิเศษทางการค้าดีบุกและพริกไทย
เสนอยกเมืองปัตตานีให้อังกฤษปกครองเพื่อสร้าป้อมปราการไว้ป้องกันการรุกรานจากฮอลันดา
อังกฤษจึงกลับมาเปิดสนานีการค้าอีกครั้ง
พ.ศ.2226
ไทยส่งทูตไปเจริญสัมพันธไมตรีกับฝรั่งเศษแต่ทูตไทยได้แวะไปเจริญสัมพันธไมตรีกับอังกฤษ
การค้าระหว่างอยุธยากับอังกฤษไม่ประสบความสำเร็จ
เนื่องจากปัญหาเกี่ยวกับลักลอบค้าและระบบการค้าของอยุธยา
อังกฤษจึงปิดสถานีการค้าอีกครั้งนึงแต่ยังทำการค้าที่เมื่องมะริดซึ่งเป็นเมืองขึ้นของไทย
เกิดข้อพิพาทอย่งรุนแรงกันที่เมื่องมะริดถึงขั้นสู้รบ
พระนารายณ์ประกาศสงครามกับบริษัทอินเดียตะวันออกของอังกฤษ
สิ้นสุดสมัยพระนารายณ์
ทำให้การค้าไทยกับอังกฤษชะงักลงชั่วคราว
พ่อค้าอังกฤษได้เข้ามาค้าขายกับไทยจนสิ้นสุดสมัยอยุธยา
เข้ามาเพื่อการค้าขายเพียงอย่างเดียว
เข้ามา พ.ศ. 2141
จุดประสงค์ของการเข้ามา
เพื่อขอเป็นไมตรี
เผยแพร่ศาสนาศริสต์นิกายโรมันคาทอลิค
ค้าขาย
click to edit
ไม่ค่อยรุาง เพราะมุ่งแต่เผยแพร่ศาสนา
ขัดแย้งกับไทยบ่อยครั้งในเรื่องผลประโยชน์
สินค้าที่ต้องการ
ดินประสิว งาช้าง หนังสัตว์ ดีบุก
เริ่มสมัยพระเจ้าสรรเพชรที่ 9 พ.ศ.2260
พ.ศ.2041
เป็นชาติตะวันตกชาติแรกที่เข้ามาอินเดีย
click to edit
จุดประสงค์ของการเข้ามา
สนใจและต้องการเครื่องเทศ
ส่งเสริมมิชชันนารีมาเผยแพร่ศาสนาคริสต์ในเอเชีย
ผลประโยชน์ที่ไทยได้รับ
ด้านความมั่นคง
ด้านวัฒนธรรม
ชาวโปรตุเกสช่วยส่งเสริมกำลังทหาร สอนวิชาการทหารและอาวุธปืน ช่วนไทยรบกับพม่า
ไทยได้รับความรู้การทำขนมต่างๆ ที่มีไข่เป็นส่วนผสม
พ.ศ. 2054
พ.ศ.2059
สนธิสัญญาฉบับแรกระหว่าไทยกับโปรตุเกส
สมัยพระเจ้าทรงธรรม
โดยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2
โปรตุเกสยึดมะละกา
มะละกาเคยเป็นเมืองขึ้นของไทย
โปรตุเกสจึงส่งคณะฑูตมาไทย
เกิดข้อพิพาทเรื่องผลประโยชน์ทางการค้า
สาระสำคัญ
ด้านการค้า
อนุญาตให้พ่อค้าชาวโปรตุเกสตั้งสถานีการค้าที่อยุธยาและเมืองท่าอื่นๆได้
ด้านศาสนา
อนุญาตให้มิชชันนารีสร้างโบสถ์ เผยแพร่ศาสนาคริสต์นิการโรมันคาทอลิกในอยุธยาได้
สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
มีการส่งคณะธูตเจริญสัมพันธไมตรี ทำให้ความสัมพันธ์ระห่างไมยกับโปรตุเกสดีขึ้น
จุดประสงค์ของการเข้ามา
เผยแพร่ศาสนาคริสต์
การค้า
สมัยสมเด็จพระนารายณ์
พ.ศ.2226
พ.ศ.2229
พ.ศ.2231
พ.ศ.2205
คณะบาทหลวงฝรั่งเศสสนใจที่วางรากฐานคริสต์ศาสนา ในไทย
ต่อมาได้มีคณะบาทหลวงชุดใหม่เดินทางมายัง อยุธยาอีกพร้อมทั้งนำพระราชสาส์นของสมเด็จพระเจ้า หลุยส์ที่ 14 เรื่องความสะดวกในการเผยแผ่คริสต์ศาสนาของคณะบาทหลวง และการค้าของพ่อค้าฝรั่งเศสในไทย
พ.ศ.2223
ส่งคณะทูตชุดแรกนำพระราชสาส์นพร้อมทั้งเครื่องราชบรรณาการเดินทางไปเจริญสัมพันธไมตรีกับฝรั่งเศส
คณะฑูตไปไม่ถึงเพราะเรืออัปปาง
อนุญาตให้พ่อค้าฝรั่งเศสตั้งสถานีการค้าในไทย และอนุญาตให้คณะบาทหลวงสอบ คริสต์ศาสนาและสร้างโบสถ์ตามที่ต้องการ
คณะทูตไทย ชุดที่ ๒ เดินทางไปเฝ้ากษัตริย์ฝรั่งเศส
ประสบผลสำเร็จในการเข้าเฝ้า
เดินทางกลับประเทศไทยพร้อมกับคณะทูตฝรั่งเศส ซึ่งมีเชอวาเลีย เดอ โชมองต์ เป็นราชทูต
คณะทูตไทย ได้เข้าเฝ้าพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔
ออกญาวิไชเยนทร์
สร้างสัมพันธไมตรีกับฝรั่งเศษ
ให้สิทธิพิเศษทางการค้ากับฝรั่งเศษ
อนุญาตให้ฝรั่งเศสสร้าง ป้อมปราการที่สงขลา
ได้รับสิทธิสอนศาสนาและค้าขายได้ทั่วราชอาณาจักร โดยไม่ต้องเสียภาษี
ผูกขาดการค้าดีบุกในเกาะถลาง
เมื่อคณะฑูตไทยเดินทางกลับ
ฝรั่งเศสได้ส่งคณะทูตชุดใหม่ซึ่งมี ชิมอง เดอ ลาลูแบร์ เป็นราชทูต
ฝรั่งเศสส่งทหาร ภายใต้การบังคับบัญชาของนายพลเดฟาร์จมาอยุธยาด้วย[
สมเด็จพระนารายณ์จึงให้ไปประจำที่เมืองบางกอกและเมืองมะริด
หลังจากคณะฑูตกลุ่มนี้เดินทางกลับ
ออกพระเพทราชาและขุนนางผู้ใหญ่จำนวนหนึ่งเริ่มไม่ไว้ใจพฤติกรรมของ ชาวฝรั่งเศสและออกญาวิไชเยนทร์ซึ่งคบคิดกันจะยึดอำนาจ
ออกพระเพทราชาจึงกำจัดออกญาวิไชเยนทร์และส่งกองทหาร ขับไล่ทหารฝรั่งเศสที่ป้อมเมืองบางกอก
สมเด็จพระนารายณ์มหาราชสวรรคต
ออกพระเพทราชาขึ้นครองราชย์แทน
[ให้ฝรั่งเศสถอนทหารจากไทยและเดินทางกลับประเทศ
ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับฝรั่งเศสจึงห่างเหินกันไปจนสิ้นสมัยอยุธยา
พ.ศ. 2164
นาย Roland Crappe ได้มุ่งหน้าสู่เมืองตะนาวศรี
ออกญาไชยาธิบดีอนุญาตให้ชาวเดนมาร์กเข้ามาค้าขายกับอยุธยาได้
ตรงกับรัชสมัยของพระเจ้าทรงธรรม
เดนมาร์กได้ขายอาวุธให้แก่อยุธยาและได้นำช้างกลับไป
เข้ามาเพื่อค้าขาย