Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ - Coggle Diagram
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ
หมวด ๑ ความมุ่งหมายและหลักการ
มาตรา ๖ จัดการศึกษาเพื่อพัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์
มาตรา ๘ ยึดหลัก ดังนี้
การศึกษาตลอดชีวิตเป็นของประชาชน
ให้สังคมมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา
พัฒนาสาระและกระบวนการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง
มาตรา ๗ กระบวนการเรียนรู้
มาตรา ๙ การจัดระบบ โครงสร้าง และกระบวนการจัดการศึกษา
มีเอกภาพด้านนโยบายและมีความหลากหลายในการปฏิบัติงาน
มีการกระจายอำนาจไปสู่เขตพื้นที่การศึกษา สถานศึกษา และองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น
กำหนดมาตรฐานการศึกษา และจัดระบบประกันคุณภาพการศึกษา
มีหลักการส่งเสริมมาตรฐานวิชาชีพครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษาและการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
ระดมทรัพยากรจากแหล่งต่างๆมาใช้ในการจัดการศึกษา
การมีส่วนร่วมของบุคคล ครอบครัว ชุมชน และองค์กรอื่นๆ
หมวด ๒ สิทธิและหน้าที่ทางการศึกษา
มาตรา ๑๑ ให้บุตรหรือบุคคลที่อยู่ในความดูแลได้รับการศึกษาภาคบังคับ(9 ปี)
มาตรา ๑๓ บิดา มารดา หรือผู้ปกครอง มีสิทธิได้รับสิทธิประโยชน์ ดังนี้
เงินอุดหนุนจากรัฐสำหรับการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานของบุตร
การลดหย่อนหรือยกเว้นภาษีค่าใช้จ่ายการศึกษา
การสนับสนุนจากรัฐ ให้มีความสามารถในการอบรมเลี้ยงดู
มาตรา ๑๐
บุคคลมีสิทธิและโอกาสเสมอกันในการรับการศึกษาขั้นพื้นฐานไม่น้อยกว่า 12 ปีโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย
บุคคลที่มีความบกพร่องด้านร่างกาย จัดตั้งเเต่เเรกเกิดหรือพบความพิการ โดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย
บุคคลที่มีความสามารถพิเศษ ต้องจัดในรูปแบบที่เหมาะสม
มาตรา ๑๔ บุคคลหรือองค์กรซึ่งสนับสนุนการจัดการศึกษา มีสิทธิได้รับสิทธิประโยชน์ ดังนี้
การสนับสนุนจากรัฐ ให้มีความรู้ความสามารถในการอบมเลี้ยงดู
การลดหย่อนหรือยกเว้นภาษาสำหรับค่าใช้จ่ายการศึกษา
เงินอุดหนุนจากรัฐสำหรับการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน
หมวด ๔ แนวการจัดการศึกษา
มาตรา ๒๓ การจัดการศึกษาเน้นความสำคัญ
คุณธรรม
ความรู้
กระบวนการเรียนรู้
บูรณาการตามความเหมาะสม
ศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม การกีฬา ภูมิปัญญาไทย
ด้านคณิตศาตร์และภาษา
ด้านวิทยาศาตร์และเทคโนโลยี
การประกอบอาชีพและการดำรงชีวิตอย่างมีความสุข
ตนเอง
มาตรา ๒๒ การจัดการศึกษาต้องยึดหลัก
ผู้เรียนมีความสามารถในการเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ และถือว่าผู้เรียนสำคัญที่สุด
มาตรา ๒๔ การจัดกระบวนการเรียนรู้
ผู้สอนสามารถจัดบรรยากาศเพื่อให้เกิดการเรียนรู้
จัดการเรียนรู้ให้เกิดขึ้นได้ทุกเวลาทุกสถานที่
ผสมผสานสาระความรู้ต่าง ๆ ให้สมดุลกัน
ผู้เรียนได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง
ฝึกทักษะ กระบวนการคิด เพื่อแก้ไขปัญหา
สอดคล้องกับความสนใจและความถนัดของผู้เรียน
มาตรา ๒๕ รัฐต้องสะสมการดำเนินงานจัดตั้ง แหล่งการเรียนรู้ตลอดชีวิตทุกรูปแบบ
หอศิลป์
สวนสัตว์
สวนสาธารณะ
สวนพฤกษาศาตร์
พิพิธภัณฑ์
อุทยานวิทยาศาตร์และเทคโนโลยี
ห้องสมุดประชาชน
แหล่งข้อมูล แหล่งเรียนรู้
มาตรา ๒๗ คณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐานกำหนดหลักสูตรแกนกลาง
การดำรงชีวิต
การประกอบอาชีพ
ความเป็นพลเมือง
การศึกษาต่อ
เพื่อความเป็นไทย
หมวด ๓ ระบบการศึกษา
มาตราที่ ๑๖ การศึกษาในระบบ มี 2 ระดับ
การศึกษาขั้นพื้นฐาน
จัดให้ไม่น้อยกว่า 12 ปี ก่อนอุดมศึกษา
การศึกษาระดับอุดมศึกษา
ระดับต่ำกว่าปริญญา และระดับปริญญา
มาตรา ๑๕ การจัดการศึกษามี3รูปแบบ
การศึกษานอกระบบ
เป็นการศึกษาที่มีความยืดหยุ่นในการกำหนดจุดมุ่งหมาย วิธีการ
ศึกษา หลักสูตร ระยะเวลาของการศึกษา การวัดและประเมินผล ซึ่งเป็นเงื่อนไขการสำเร็จการศึกษา
เนื้อหาในหลักสูตรต้องมีความเหมาะสม สอดคล้องกับสภาพปัญหา
การศึกษาตามอัธยาศัย
เป็นการศึกษาที่ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ด้วยตนเอง ตามความสนใจ
การศึกษาในระบบ
เป็นการศึกษาที่กำหนดจุดมุ่งหมาย วิธีการศึกษา หลักสูตร ระยะเวลาของการศึกษา การวัดและประเมินผล ซึ่งเป็นเงื่อนไขของการสำเร็จการศึกษา
มาตรา ๑๗ การศึกษาขั้นบังคับ จำนวน 9 ปี
เด็กอายุย่างเข้าปีที่ 7 เข้าเรียนในสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน
จนอายุย่างเข้าปีที่ 16
เว้นแต่สอบได้ชั้นปีที่ 9 ของการศึกษาภาคบังคับ
มาตรา ๑๘ การจัดการศึกษาปฐมวัย และการศึกษาขั้นพื้นฐาน ให้จัดในสถานศึกษา
สถานพัฒนาเด็กปฐมวัย
ศูนย์การเรียน
โรงเรียน
มาตรา ๒๐ การจัดการศึกษาอาชีวศึกษา ให้จัดในสถานศึกษา ดังนี้
หรือโดยร่วมมือระหว่างสถานศึกษาหรือสถานประกอบการ
สถานประกอบการ
สถานศึกษาของรัฐ เอกชน
หมวด ๘ ทรัพยากรและการลงทุนเพื่อการศึกษา
มาตรา ๕๘ ให้มีการระดมและการลงทุน ด้านงบประมาณ การเงิน และทรัพย์สินจากรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และองค์กรอื่นมาใช้ในการจัดการศึกษา
มาตรา ๖๐ ให้รัฐจัดสรรงบประมาณแผ่นดิน ดังนี้
งบประมาณทั่วไป
ทุนการศึกษาในรูปแบบกองทุนกู้ยืม
งบประมาณและทรัพยากรทางการศึกษาอื่น
ค่าใช้จ่ายดำเนินการ
เงินอุดหนุน
กองทุนดอกเบี้ยต่ำให้สถานศึกษาเอกชน
กองทุนเพื่อพัฒนาการศึกษา
หมวด ๖ มาตรฐานและการประกันคุณภาพการศึกษา
มาตรา ๔๗ ระบบประกันคุณภาพการศึกษา ประกอบด้วย
ระบบประกันคุณภาพภายใน
ระบบประกันคุณภาพภายนอก
มาตรา ๔๙
สำนักงานรับรองมาตรฐานเเละประกันคุณภาพการศึกษา (สมศ.) เป็นองค์กรมหาชน มีหน้าที่
พัฒนาเกณฑ์วิธีการประเมินคุณภาพภายนอก
ประเมินผลการจัดการศึกษา
แบบประกันคุณภาพภายนอก
ให้ประเมินอย่างน้อย 1 ครั้งในทุก 5 ปี นับแต่การประเมินครั้งสุดท้ายและเสนอผลการประเมินต่อสาธารณชน
มาตรา ๔๘ ระบบประกันคุณภาพภายใน
ให้ประเมินทุกปี โดยมีการจัดทำรายงานประจำปีเสนอต่อหน่วยงานต้นสังกัด
มาตรา ๕๑ แบบประกันคุณภาพภายนอก
ในกรณีผลการประเมินภายนอกไม่ได้มาตรฐานตามที่กำหนด ให้ สมศ. จัดทำข้อเสนอแนะและข้อปรับปรุงแก้ไขต่อหน่วยงานต้นสังกัด เพื่อให้สถานศึกษาปรับปรุงเเก้ไขภายในระยะเวลาที่กำหนด
หมวด ๗ ครู คณาจารย์ และบุคลาการทางการศึกษาครู
มาตรา ๕๓
องค์กรวิชาชีพ(คุรุสภา) เป็นองค์กรอิสระภายใต้การบริหารของสภาวิชาชีพในการกำกับของกระทรวง ศธ.
วิชาชีพครู
วิชาชีพผู้บริหารสถานศึกษา
วิชาชีพผู้บริหารการศึกษา
มีหน้าที่ กำหนดมาตรฐานวิชาชีพ ออกและเพิกถอนใบประกอบวิชาชีพ กำกับดูแลการปฏิบัติงาน พัฒนาวิชาชีพ
ครู ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา บุคลากรทางการศึกษาอื่นทั้งรัฐและเอกชนมีใบประกอบวิชาชีพ
(ยกเว้น)
บุคลากรทางการศึกษา กศน.
ผู้บริหารการศึกษาระดับเหนือเขตพื้นที่การศึกษา
วิทยากรพิเศษ
คณาจารย์สถานศึกษาอุดมศึกษา
หมวด ๕ การบริหารการจัดการศึกษา
มาตรา32 การจัดระเบียบบริหารราขการในกระทรวง
มีองค์กรหลักที่เป็นคณะบุคคลในรูปสภา
จำนวน 3 องค์กร
สภาการศึกษา
สำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
มาตรา 33
สถานศึกษามีหน้าที่
เสนอนโยบายและแผนการสนับสนุนทรัพยากรเพื่อการศึกษา
ประเมินผลการจัดการศึกษา
เสนอนโยบาย แผน และมาตรฐานการศึกษา
ให้ความเห็นหรือคำแนะนำเกี่ยวกับกฎหมายและกฎกระทรวง
เสนอแผนการศึกษาแห่งชาติ
คณะกรรมการสถานศึกษาประกอบด้วย
ผู้แทนองค์กรเอกชน
ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
กรรมการโดยตำแหน่งจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ผู้แทนองค์กรวิชาชีพ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
พระภิกษุ
ผู้แทนกรรมการกลางอิสลาม
ผู้แทนองค์กรศาสนาอื่น
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
เลขาธิการสภาการศึกษา
มาตรา 34 สภาการศึกษามีหน้าที่
คณะกรรมการขั้นพื้นฐานมีหน้าที่
เสนอนโยบาย แผนพัฒนา มาตรฐานและหลักสูตรแกนกลาง
คณะกรรมการอาชีวศึกษามีหน้าที่
เสนอนโยบายแผนพัฒนา มาตรฐานและหลักสูตรการอาชีวศึกษา
มาตรา ๓๕ คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ประกอบด้วย
ผู้แทนองค์กรเอกชน
ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
กรรมการโดยตำแหน่งจากหน่วยงานที่เกี่ยวของ
ผู้แทนองค์กรวิชาชีพ
ผู้ทรงคุณวุฒิ
มีจำนวนไม่น้อยกรรมการอื่นรวมกัน
เลขาธิการสำนักงาน
กรรมการและเลขานุการ
มาตรา ๓๙ กระทรวงกระจายอำนาจการบริหารและการจัดการศึกษาด้านเหล่านี้ไปยังคณะกรรมการและสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และสถานศึกษาในเขตพื้นที่การศึกษา
ด้านวิชาการ
งบประมาณ
การบริหารงานบุคคล
การบริหารทั่วไป
มาตรา ๔๐ คณะกรรมการสถานศึกษา ทำหน้าที่กำกับและส่งเสริม สนับสนุนกิจการของสถานศึกษา ประกอบด้วย
ผู้แทนปกครอง
ผู้แทนครู
ผู้แทนองค์กรชุมชน
ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ผู้แทนศิษย์เก่า
ผู้แทนพระภิกษุหรือผู้แทนองค์กรศาสนาอื่น
ผู้ทรงคุณวุฒิ
ผู้บริหารสถานศึกษา
หมวด ๙ เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา
มาตรา ๖๓ จัดสรรคลื่นความถี่ สื่อตัวนำ และโครงสร้างพื้นฐาน
มาตรา ๖๔ ส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการผลิตและพัฒนาแบบเรียน
มาตรา ๖๕ พัฒนาบุคลากรทั้งด้านผู้ผลิตและผู้ใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา
มาตรา ๖๖ ผู้เรียนมีสิทธิได้รับกาพัฒนาขีดความสามารถในการใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา
มาตรา ๖๗ ส่งเสริมให้มีการวิจัยและพัฒนาการผลิตและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา
มาตรา ๖๘ ระดมทุนเพื่อจัดต้องกองทุนพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา