Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

ประวัติการพยาบาล, คุณค่าของวิชาชีพพยาบาล, ความหมาย, หน้าที่ของพยาบาล, นศพต…

- - - - 3,000 ปี -อียิปต์ เชื่อว่าเริ่มการแพทย์และอาจมีโรงพยาบาล
        
        มีหลักฐานหารชำแหละร่างกายมนุษย์ เรียนรู้
        -มีการห่อศพด้วยวิธีพิเศษ เพราะรู้กายวิภาค
        -มีการห่อศพด้วยวิธีพิเศษ เพราะเชื่อว่าถ้าร่างกายไม่เน่าเปื่อยวิญญาณจะกลับเข้าร่าง-
      - 2,000 ปีก่อนคริสกาล
        -อินเดีย เป็นแหล่งความเจริญของศาสนาพราหมณ์
        ฮินดู
        -มีโรงพยาบาล มีการผ่าตัดเอาเด็กออกทางหน้าท้อง ผู้ทำการพยาบาลจะถูกคักเลือกจากผู้ที่มีคุณสมบัติ ฉลาด เอาใจใส่ จิตใจดี
        -มีการปลูกฝีป้องกันฝีดาษ มีการใช้ยาชา ฝิ่น กัญชา
        -จีน มีหลักฐานการผ่าศพเพื่อดูระบบไหลเวียนเลือด
        -วินิจฉัยโรคจากการดู ฟังถาม และการสัมผัสชีพจร จำแนกชีพจร ได้ 200ชนิด
      - 200 ปีก่อนคริสกาล
        • โรม อิตาลี การสุขาภิบาลก้าวหน้า มีระบบถ่ายเทส่ิงสกปรก มีสถานท่ี อาบน้ำ สาธารณะ แต่การรักษาโรค ยังใช้พิธีทางไสยศาสตร์ โรงพยาบาลมีไว้สาหรับทาสและ ทหาร หลักฐานทางการพยาบาล ในโรงพยาบาลมีผู้หญิงและผู้ชาย สูงอายุที่จิต ใจดีใจบุญเป็นผู้ให้ การดูแล
      - 400 ปี ก่อนคริสตกาล
        -กริซ Hippocrates แพทย์คนแรกของโลกที่นำ ของโลกที่นำแนวทางวิทยาศาสตร์มาใช้ให้เหตุผลว่าเจ็บป่วยไม่ ไม่ใช่การกระทำของ ภูติ ผี ปีศาจ
        มีมีการหาสาเหตุการเจ็บป่วย ซักประวัติ สังเกตอาการ บันทึก เริ่มมีแนวคิดว่า”ให้รักษาผู้ป่วยทั้งคน”
        -เริ่มบัญญัติคำปฏิญาณแพทย์
    - - เป็นยุคที่ศาสนามีความสำคัญ พระและแม่ชีมีบทบาทเกี่ยวกับโรงพยาบาลผู้ป่วยอยู่กันอย่างแออัดทำให้มีการด้วยดูแลไม่ทั่วถึง ไม่สะอาด เกิดแผลกดทับ
        -ผู้สั ศรัทธาในศาสนาจะอุทิศตนให้เป็นผู้ดูแลผู้ป่วยร่วมกับแม่ชีและพระรวมถึงสตรีที่อยู่ในราชสกุล
        -
    - - ค.ศ. 1600 -1820 ไม่มีประวัติของการพยาบาล ไม่มีกิจกรรมอะไรที่เรียกได้ว่าเป็นการพยาบาล สตรีที่อยู่ในราชกลุลไม่ได้เข้ามามีส่วนร่วมงานพยาบาลกลายเป็นงานของสตรีที่มีการศึกษา ไม่มีใจอยากช่วยเหลือ ทำงานเพื่อเงิน ละทิ้งผู้ป่วย ทะเลาะวิวาท
- - - - เผายาที่มีกลิ่นหอมหวานในห้องผ่าตัด เพื่อไล่ปีศาจไม่ให้เข้าใกล้แผล
      - อินเดียมีคัมภีร์พระเวทที่กล่าวถึงการรักษาทางอายุรศาสตร์ ศัลยศาสตร์ การพันผ้า การใช้ยาพิษและการแก้ยาพิษ โรคทางประสาท โรคจิต โรคเด็ก โรคเกี่ยวกับทางเดินปัสสาวะและอวัยวะสืบพันธุ์ การอนามัยตลอดจนการป้องกัน
      - ผู้เป็นแพทย์จะต้องตัดเล็บและตัดผมให้สั้น สวมเสื้อขาว และต้องอาบน้ำทุกวัน และต้องไม่นำเรื่องของผู้ป่วยไปเปิดเผย
    - - เชื่อว่าเทพเจ้าเป็นผู้บันดาลให้เกิดโรคและเป็นผู้รักษาโรค การรักษาทำโดยพระสวดมนต์ภาวนา
      - Hippocratesเป็นผู้ริเริ่มการแพทย์แผนใหม่
        
        วิธีการรักษา จะใช้ยาไม่รุนแรง เน้นดูแล เช่น ต้องอยู่ในที่อากาศบริสุทธิ์ รับประทานอาหารอ่อน รักษาความสะอาด เป็นต้น
        
        เปิดสถานพยาบาลและโรงเรียนแพทย์ที่เกาะคอส
      - อริสโตเติลและนักปราชญ์ร่วมสมัย ได้สร้างระบบที่ศึกษาจากการปฏิบัติมากขึ้น โดยใช้พื้นฐานจากการชำแหละสัตว์
    - - พระมีบทบาทในการรักษา
      - มีศัลยแพทย์ ชื่อ Imhotep เป็นผู้เรียนรู้กายวิภาคโดยการชำแหละร่างกาย เรียนรู้ว่าสมองเป็นอวัยวะที่มีหน้าที่บังคับร่างกาย และ Imhotep ยังรู้จักวิธีเย็บแผล ประดิษฐ์เฝือก ผ้าพัน
      - มีความเชื่อว่าวิญญาณจะกลับเข้าร่างเดิมได้ ถ้าร่างกายคนตายไม่เน่าเปื่อย จึงทำให้ชาวอียิปต์ใช้วิธีการ อาบน้ำศพ พันผ้า ห่อศพไว้ในปีระมิด
    - - ชำนาญการจับชีพจรเพื่อใช้ในการวินิจฉัย
      - ค้นคว้าพืชพันธุ์ไม้สำหรับทำยา
      - วินิจฉัยโรค 4 ขั้นตอน
        
        การดู
        
        การฟัง
        
        การถาม
        
        การสัมผัส
    - - ชาวโรมันนำวิทยาการต่างๆจากกรีกมาใช้ในการรักษาผู้ป่วย ใช้หมอ พระ และรักษาตามแนวทาง Hippocretes บิดาแห่งการแพทย์
    - - จากการอพยพประชาชนจากยุโรปทำให้คนหลากหลาย จึงส่งผลให้การพัฒนาพยาบาลเกิดความก้าวหน้า เช่น การศึกษา
  - - - ยุคแรก นักเรียนพยาบาลศิริราชจะนุ่งโจงกระเบน เเละเสื้อแขนยาวประมาณศอก สีขาว รองเท้าแตะ นักเรียนปีที่2จะมีเอี๊ยมสี
      - ต่อมาได้มีเครื่องแบบพยาบาลชุดแรก เป็นชุดกระโปรงยาวคลุมเข่า สีขาวทั้งตัว มีหมวก เริ่มใช้ปี2460
      - จากนั้นมีการพัฒนารูปแบบเครื่องแบบเรื่อยมา แต่ยังคงชุดและหมวกสีขาวไว้จนถึงปัจจุบัน
- - - - การพยาบาลในสมัยสงครามโลกครั้งที่2 การพัฒนาก้าวหน้าของพยาบาลหยุดชะงัก เพราะพยาบาล ไม่มีเวลาในการพัฒนาวิชาชีพ มีการช่วยเหลือจากต่างประเทศในรูปแบบ ของ ผู้เชี่ยวชาญ ทุนการศึกษา และ อุปกรณ์
    - - ถือเป็นต้นกำเนิดของกระทรวงสาธารณสุขในปัจจุบัน ได้แก่ กรมพยาบาล การจัดตั้งโรงเรียนผดุงครรภ์ขึ้นเมื่อ พ.ศ.2439 จัดตั้งหน่วยหนองฝีใช้เองในปี พ.ศ. 2448
    - - พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว จารึกตำราไว้ในแผ่นศิลา ตามเสาระเบียง
        พระวิหาร นำสมุนไพรที่ใช้การปรุงยา ที่หาได้ยากมาปลูกไว้
      - พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีสถานที่ตรวจรักษาหลายแหล่งโดยคณะมิชชันนารี
    - - พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รวบรวมคัมภีร์แพทย์และกรมหมอหลวงคัดเลือกจดเป็นตำราหลวง สำหรับโรงพระโอสถ เพื่อเป๋นประโยชน์ของประชาชน
      - พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก คล้ายกับการรักษาในยุคสมัยอยุธยาตอนต้น
    - - การรักษาพยาบาลแทบไม่แตกต่างไปจากรูปแบบเดิมในสมัยอยุธยาตอนต้น
    - - ผสมผสานการรักษาแบบอินเดีย+จีน+ตามความเชื่อดั้งเดิม
      - ใช้ยาสมุนไพรร่วมกับพิธีกรรมทางไสยศาสตร์
    - - การรักษาพยาบาลใช้วิธีแผนโบราณร่วมกับไสยศาสตร์
- - - - เป็นผู้นำในการพัฒนาสุขภาพของประชาชน มีส่วนร่มในการกำหนดแผนและนโยบายการพัฒนาด้านสุขภาพ และปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีของผู้มีสุขภาพดี
    - - สามารถค้นหาความรู้อย่างเป็นระบบ มีการรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล เพื่อนำมาแก้ไขปัญหาสาธารณสุข จำเป็นต้องทำงานวิจัยเพื่อให้ได้คำตอบในการพัฒนา
    - - พยาบาลที่ปฏิบัติการในชุมชนต้องให้ความรู้ประชาชน เจ้าหน้าที่และบุคลากรด้านสุขภาพ เพื่อส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคเป็นหลัก และสอนให้ผู้ป่วยสามารถดูแลตนเองได้
    - - จัดระบบบริการพยาบาลทำหน้าที่ประเมินปัญหาและความต้องการของผู้ใช้บริการ วางแผนดำเนินการแก้ไข ไม่ว่าจะเป็นวิธีดูแลโดยตรง หรือทำโครงการร่วมกับประชาชน รวมทั้งควบคุม นิเทศงาน ให้ปฏิบัติตามแผน และประเมินผลการปฏิบัติด้วย
    - - ให้การดูแล บุคคล ครอบครัว ชุมชน ในภาวะสุขภาพดี และเสี่ยงต่อการเจ็บป่วย ปฏิบัติการพยาบาลด้วยทักษะขั้นพื้นฐานและขั้นสูงในวิชาชีพ ใช้กระบวนการพยาบาลเป็นแนวทางปฏิบัติ รวมทั้งคาดการปัญหาที่อาจเกิดขึ้นและวางแผนแก้ปัญหาล่วงหน้า โดยจะต้องมีความรู้ ความชำนาญทางคลินิกเป็นพื้นฐาน เพื่อสามารถตัดสินใจให้การพยาบาล หรือนำการรักษาของแพทย์ไปช่วยเหลือผู้ป่วย