Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ, น.ส.กรพินธุ์ วงค์อาหมัด สาขาวิชาภาษาไทย 654101001 …
พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ
หมวด ๑ บททั่วไป ความมุ่งหมายและหลักการ
มาตรา ๖ การจัดการศึกษา
เพื่อพัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์
มาตรา ๗ กระบวนการเรียนรู้
การเมืองการปกครอง
รักษาและส่งเสริมสิทธิหน้าที่ เสรีภาพ
เคารพกฎหมาย ความเสมอภาค
ภาคภูมิใจในความเป็นไทย
มาตรา ๘ การจัดการศึกษาให้ยึดหลัก
1)เป็นการศึกษาตลอดชีวิตสำหรับประชาชน
2)ให้สังคมมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา
3)การพัฒนาสาระและกระบวนการเรียนรู้ให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง
มาตรา ๙ การจัดระบบ โครงสร้าง และกระบวนการจัดการศึกษา
1)มีเอกภาพด้านนโยบายและมีความหลากหลายในการปฏิบัติงาน
2)มีการกระจายอำนาจไปสู่เขตพื้นที่การศึกษา สถานศึกษา และองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น
3)กำหนดมาตรฐานการศึกษา และจัดระบบประกันคุณภาพการศึกษา
4)มีหลักการส่งเสริมมาตรฐานวิชาชีพครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษาและการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
5)ระดมทรัพยากรจากแหล่งต่างๆมาใช้ในการจัดการศึกษา
6)การมีส่วนร่วมของบุคคล ครอบครัว ชุมชน และองค์กรอื่นๆ
หมวด ๒ สิทธิและหน้าที่ทางการศึกษา
มาตรา ๑๐
บุคคลมีสิทธิและโอกาสเสมอกันในการรับการศึกษาขั้นพื้นฐานไม่น้อยกว่า 12 ปีโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย
บุคคลที่มีความบกพร่องด้านร่างกาย จัดตั้งเเต่เเรกเกิดหรือพบความพิการ โดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย
บุคคลที่มีความสามารถพิเศษ ต้องจัดในรูปแบบที่เหมาะสม
มาตรา ๑๑ ให้บุตรหรือบุคคลที่อยู่ในความดูแลได้รับการศึกษาภาคบังคับ(9 ปี)
มาตรา ๑๓ บิดา มารดา หรือผู้ปกครอง มีสิทธิได้รับสิทธิประโยชน์ ดังนี้
การสนับสนุนจากรัฐ ให้มีความสามารถในการอบรมเลี้ยงดู
เงินอุดหนุนจากรัฐสำหรับการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานของบุตร
การลดหย่อนหรือยกเว้นภาษีค่าใช้จ่ายการศึกษา
มาตรา ๑๔ บุคคลหรือองค์กรซึ่งสนับสนุนการจัดการศึกษา มีสิทธิได้รับสิทธิประโยชน์ ดังนี้
การสนับสนุนจากรัฐ ให้มีความรู้ความสามารถในการอบมเลี้ยงดู
เงินอุดหนุนจากรัฐสำหรับการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน
การลดหย่อนหรือยกเว้นภาษาสำหรับค่าใช้จ่ายการศึกษา
หมวด ๓ ระบบการศึกษา
มาตรา ๑๕ การจัดการศึกษามี 3 รูปแบบ
การจัดการศึกษาในระบบ
เป็นการศึกษาที่กำหนดจุดมุ่งหมาย วิธีการศึกษา หลักสูตร ระยะเวลาของการศึกษา การวัดและประเมินผล ซึ่งเป็นเงื่อนไขของการสำเร็จทางการศึกษาที่แน่นอน
การจัดการศึกษานอกระบบ
เป็นการศึกษาที่มีความยืดหยุ่นในการกำหนดจุดมุ่งหมาย รูปแบบ วิธีการจัดการศึกษา ระยะเวลาของการศึกษา การวัดและประเมินผล ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญของการสำเร็จการศึกษา
เนื้อหาในหลักสูตรต้องมีความเหมาะสมสอดคล้องกับสภาพปัญหาและความต้องการของบุคคลแต่ละกลุ่ม
การศึกษาตามอัธยาศรัย
การศึกษาด้วยตนเอง
มาตรา ๑๖ การศึกษาในระบบมี 2 ระดับ
การศึกษาขั้นพื้นฐาน
การศึกษาจัดไม่น้อยกว่า 12 ปีก่อนระดับอุดมศึกษา
การศึกษาระดับอุดมศึกษา
ระดับต่ำกว่าปริญญา
ระดับปริญญา
มาตรา ๑๗ ให้มีการศึกษาภาคบังคับจำนวน 9 ปี
เด็กมีอายุย่างเข้าปีที่ 7 - ย่างเข้าปีที่ 16 เข้าเรียนในสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน
เว้นแต่สอบได้ชั้นปีที่ 9 ของการศึกษาภาคบังคับ
มาตรา ๑๘ การจัดการศึกษาปฐมวัยและการศึกษาขั้นพื้นฐาน ให้จัดในสถานศึกษา ดังนี้
สถานพัฒนาเด็กปฐมวัย
โรงเรียน
ศูนย์การเรียนรู้
มาตรา ๒๐ การจัดการศึกษาอาชีวศึกษา ให้จัดในสถานศึกษา ดังนี้
สถานศึกษาของรัฐ เอกชน
สถานประกอบการ
หรือโดยความร่วมมือระหว่างสถานศึกษาหรือสถานประกอบการ
หมวด ๔ แนวการจัดการศึกษา
มาตรา ๒๒ การจัดการศึกษาต้องยึดหลัก
ผู้เรียนมีความสามารถในการเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ และถือว่าผู้เรียนสำคัญที่สุด
มาตรา ๒๓ การจัดการศึกษา เน้นความสำคัญ
ความรู้
คุณธรรม
กระบวนการเรียนรู้
บูรณาการตามความเหมาะสม
1)ตนเองและความสัมพันธ์ของตนเองกับสังคม
2)ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
3)ศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม การกีฬา ภูมิปัญญาไทย
4)ด้านคณิตศาสตร์และด้านภาษา
5)การประกอบอาชีพและการดำรงชีวิตอย่างมีความสุข
มาตรา ๒๔ การจัดกระบวนการเรียนรู้
1)สอดคล้องกับความสนใจและความถนัดของผู้เรียน
2)ฝึกทักษะ กระบวนการคิด เพื่อแก้ไขปัญหา
3)ผู้เรียนได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง
4)ผสมผสานสาระความรู้ต่างๆให้สมดุลกัน
5)ผู้สอนสามารถจัดบรรยากาศ เพื่อให้เกิดการเรียนรู้
6)จัดการเรียนรู้ให้เกิดขึ้นได้ทุกเวลาทุกสถานที่
มาตรา ๒๕ รัฐต้องส่งเสริมการดำเนินงานจัดตั้งแหล่งการเรียนรู้ตลอดชีวิตทุกรูปแบบ
ห้องสมุดประชาชน
พิพิธภัณฑ์
หอศิลป์
สวนสัตว์
สวนสาธารณะ
สวนพฤกษาศาสตร์
อุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
แหล่งข้อมูล แหล่งเรียนรู้
มาตรา ๒๗ คณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐานกำหนดหลักสูตรแกนกลาง
เพื่อความเป็นไทย
ความเป็นพลเมือง
การดำรงชีวิต
การประกอบอาชีพ
การศึกษาต่อ
หมวด ๕ การบริหารและการจัดการศึกษา
มาตรา ๓๒ การจัดระเบียบบริหารราชการในกระทรวง
ให้มีองค์กรหลักที่เป็นคณะบุคคลในรูปสภาหรือในรูปคณะกรรมการ 3 องค์กร
สภาการศึกษา
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
มาตรา ๓๓
สภาการศึกษามีหน้าที่
3)เสนอนโยบายเเละแผนการสนับสนุนทรัพยากรเพื่อการศึกษา
4)ประเมินผลการจัดการศึกษา
5)ให้ความเห็นหรือคำแนะนำเกี่ยวกับกฎหมายและกฎกระทรวง
1)เสนอแผนการศึกษาแห่งชาติ
เสนอต่อรัฐมนตรี
2)เสนอนโยบาย แผน และมาตรฐานการศึกษา
เสนอต่อรัฐมนตรี
คณะกรรมการสภาการศึกษาประกอบด้วย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ประธาน
กรรมการโดยตำแหน่งจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ผู้แทนองค์กรเอกชน
ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ผู้แทนองค์กรวิชาชีพ
พระภิกษุ
ผู้แทนกรรมการกลางอิสลาม
ผู้แทนองค์กรศาสนาอื่น
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
จำนวนไม่น้อยกว่าจำนวนกรรมการอื่นรวมกัน
เลขาธิการสภาการศึกษา
กรรมการและเลขานุการ
มาตรา ๓๔
คณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐานมีหน้าที่
เสนอนโยบาย แผนพัฒนา มาตรฐานและหลักสูตรแกนกลาง
คณะกรรมการอาชีวศึกษามีหน้าที่
เสนอนโยบาย แผนพัฒนา มาตรฐาน และหลักสูตรการอาชีวศึกษา
มาตรา ๓๕ คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ประกอบด้วย
กรรมการโดยตำแหน่งจากหน่วยงานที่เกี่ยวของ
ผู้แทนองค์กรเอกชน
ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ผู้แทนองค์กรวิชาชีพ
ผู้ทรงคุณวุฒิ
มีจำนวนไม่น้อยกรรมการอื่นรวมกัน
เลขาธิการสำนักงาน
กรรมการและเลขานุการ
มาตรา ๓๙ กระทรวงกระจายอำนาจการบริหารและการจัดการศึกษาด้านเหล่านี้ไปยังคณะกรรมการและสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และสถานศึกษาในเขตพื้นที่การศึกษา
ด้านวิชาการ
งบประมาณ
การบริหารงานบุคคล
การบริหารทั่วไป
มาตรา ๔๐ คณะกรรมการสถานศึกษา ทำหน้าที่กำกับและส่งเสริม สนับสนุนกิจการของสถานศึกษา ประกอบด้วย
ผู้แทนปกครอง
ผู้แทนครู
ผู้แทนองค์กรชุมชน
ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ผู้แทนศิษย์เก่า
ผู้แทนพระภิกษุหรือผู้แทนองค์กรศาสนาอื่น
ผู้ทรงคุณวุฒิ
ผู้บริหารสถานศึกษา
เป็นกรรมการและเลขานุการ
หมวด ๖ มาตรฐานและการประกันคุณภาพการศึกษา
มาตรา ๔๗ ระบบประกันคุณภาพการศึกษา ประกอบด้วย
ระบบประกันคุณภาพภายใน
ระบบประกันคุณภาพภายนอก
มาตรา ๔๘ ระบบประกันคุณภาพภายใน
ให้ประเมินทุกปี โดยมีการจัดทำรายงานประจำปีเสนอต่อหน่วยงานต้นสังกัด
มาตรา ๔๙
สำนักงานรับรองมาตรฐานเเละประกันคุณภาพการศึกษา (สมศ.) เป็นองค์กรมหาชน มีหน้าที่
ประเมินผลการจัดการศึกษา
พัฒนาเกณฑ์วิธีการประเมินคุณภาพภายนอก
แบบประกันคุณภาพภายนอก
ให้ประเมินอย่างน้อย 1 ครั้งในทุก 5 ปี นับแต่การประเมินครั้งสุดท้ายและเสนอผลการประเมินต่อสาธารณชน
มาตรา ๕๑ แบบประกันคุณภาพภายนอก
ในกรณีผลการประเมินภายนอกไม่ได้มาตรฐานตามที่กำหนด ให้ สมศ. จัดทำข้อเสนอแนะและข้อปรับปรุงแก้ไขต่อหน่วยงานต้นสังกัด เพื่อให้สถานศึกษาปรับปรุงเเก้ไขภายในระยะเวลาที่กำหนด
หมวด ๗ ครู คณาจารย์ และบุคลาการทางการศึกษา
มาตรา ๕๓
องค์กรวิชาชีพ(คุรุสภา) เป็นองค์กรอิสระภายใต้การบริหารของสภาวิชาชีพในการกำกับของกระทรวง ศธ.
มีหน้าที่ กำหนดมาตรฐานวิชาชีพ ออกและเพิกถอนใบประกอบวิชาชีพ กำกับดูแลการปฏิบัติงาน พัฒนาวิชาชีพ
วิชาชีพครู
วิชาชีพผู้บริหารสถานศึกษา
วิชาชีพผู้บริหารการศึกษา
ครู ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา บุคลากรทางการศึกษาอื่นทั้งรัฐและเอกชนมีใบประกอบวิชาชีพ
ยกเว้น
บุคลากรทางการศึกษา กศน.
ผู้บริหารการศึกษาระดับเหนือเขตพื้นที่การศึกษา
วิทยากรพิเศษ
คณาจารย์สถานศึกษาอุดมศึกษา
หมวด ๘ ทรัพยากรและการลงทุนเพื่อการศึกษา
มาตรา ๕๘ ให้มีการระดมและการลงทุน ด้านงบประมาณ การเงิน และทรัพย์สินจากรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และองค์กรอื่นมาใช้ในการจัดการศึกษา
มาตรา ๖๐ ให้รัฐจัดสรรงบประมาณแผ่นดิน ดังนี้
งบประมาณทั่วไป
ทุนการศึกษาในรูปแบบกองทุนกู้ยืม
งบประมาณและทรัพยากรทางการศึกษาอื่น
ค่าใช้จ่ายดำเนินการ
เงินอุดหนุน
กองทุนดอกเบี้ยต่ำให้สถานศึกษาเอกชน
กองทุนเพื่อพัฒนาการศึกษา
หมวด ๙ เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา
มาตรา ๖๓ จัดสรรคลื่นความถี่ สื่อตัวนำ และโครงสร้างพื้นฐาน
มาตรา ๖๔ ส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการผลิตและพัฒนาแบบเรียน
มาตรา ๖๕ พัฒนาบุคลากรทั้งด้านผู้ผลิตและผู้ใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา
มาตรา ๖๖ ผู้เรียนมีสิทธิได้รับกาพัฒนาขีดความสามารถในการใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา
มาตรา ๖๗ ส่งเสริมให้มีการวิจัยและพัฒนาการผลิตและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา
มาตรา ๖๘ ระดมทุนเพื่อจัดต้องกองทุนพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา
น.ส.กรพินธุ์ วงค์อาหมัด สาขาวิชาภาษาไทย 654101001