Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
โรคไตวายเรื้อรังและภาวะน้ำเกิน ESRD with volume overload - Coggle Diagram
โรคไตวายเรื้อรังและภาวะน้ำเกิน ESRD with volume overload
ทฤษฎี
พยาธิสรีรวิทยาของไต
เกิดจากการเสื่อมของไต และการถูกทำลายของหน่วยไต มีผลทำให้ การกรองทั้งหมดลดลงและการขับถ่ายของเสียลดลง ปริมาณCreatinine และ BUN ในเลือดสูงขึ้น หน่วยไตที่เหลืออยู่จะเจริญมาก ผิดปกติเพื่อกรองของเสียที่มีมากขึ้น ผลที่เกิดขึ้นคือทำให้ไตเสียความสามารถในการปรับความเข้มข้นของปัสสาวะ ปัสสาวะถูกขับ ออกไปต่อเนื่อง หน่วยไตไม่สามารถดูดกลับเกลือแร่ต่างๆ ทำให้สูญเสียเกลือแร่ออกจากร่างกาย เมื่ออัตราการกรองของไตน้อยกว่า 10-20 มล./นาที ส่งผลให้เกิดการคั่งของยูเรียในร่างกายเป็นสาเหตุให้ผู้ ป่วยเสียชีวิตในที่สุด ดังนั้นเมื่อเข้าสู่ระยะดังกล่าวผู้ป่วยจึงควรได้รับการรักษาด้วยการบำบัดทดแทนไต
โรคไตวายเรื้อรังที่พบบ่อยที่สุดคือ โรคเบาหวาน และความดัน โลหิตสูง โรคอื่น ๆ ที่อาจพบได้คือ โรคและการอุดตนัของทางเดินปัสสาวะ(obstructive uropathy) โรคตจากเก๊าท์โรคภูมิต้านทางต่อเนื้อเยื่อตนเอง (Systemic lupus erythematasus) โรคไต IgA โรคถุงน้ำในไตซึ่งเป็นโรคทาง กรรมพันธุ์(Autosomal dominant polycystic kidney disease) โรคไตเรื้อรังที่เกิดจากการใช้ยาแก้ปวด(Analgesic andNSAIDS induced nephropathy
อาการแสดงของผู้ป่วย
มีปัสสาวะออกน้อย แทบไม่ปัสสาวะเลย
อ่อนเพลีย ไม่มีแรง
คลื่นไส้อาเจียน
รับประอาหารได้น้อยลง
ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ
Bun 22.0 mg/dL สูงกว่าค่าปกติ (8.9-20.6)
eGFR 13.86 mL/min/1.73m2
Creatinine 3.72 mg/dl สูงกว่าค่าปกติ (0.73-1.18)
ซีด
คันตามตัวและที่แผล
อาการที่พบ
เบื่ออาหาร
อึกอัดหอบเหนื่อย
เกิดการเสียสมดุลของน้ำ เกลือแร่ กรดด่าง และฮอร์โมน
นอนราบไม่ได้
ซีด คัด บวมตามร่างกาย
คลื่นไส้อาเจียน
หน้าที่สำคัญของไต
รักษาระดับความปกติของน้ำและเกลือแร่
ความคุมความดันโลหิต
การสร้างเม็ดเลือดแดง
ภาวะน้ำเกิน (Volume Overload)
เป็นภาวะที่ร่างกายมีน้ำปริมาณน้ำนอกเซลล์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจึงทำให้เกิดน้ำคั่งในส่วนต่างๆ ของร่างกาย มีลักษณะเฉพาะ คือ น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มีอาการบวมเฉพาะที่หรือบวมทั่วตัว บวมกดบุ๋ม ภาวะน้ำเกินในผู้ป่วยไตเป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบได้บ่อยซึ่งผู้ป่วยกลุ่มนี้พบอุบัติเหตุของการมีภาวะน้ำเกินมากกว่าร้อยละ 53.33 และเป็น สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้ป่วยต้องเพิ่มความถี่ในการรับบริการฟอกเลือดที่มากกว่า 2-3 ครั้ง/สัปดาห์เกิดเนื่องมาจากผู้ป่วยได้รับน้ำมากเกินไป
อาการแสดงของผู้ป่วย
ผู้ป่วยเป็นโรคไตระยะสุดท้ายทำให้ร่างกายไม่สามารถขับของเสียออกได้ จึงเกิดการคั่งและมีภาวะน้ำเกินตามมาและส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อน
ความดันโลหิตสูง ชีพจรเบาเร็ว
ตัวบวม กดบุ๋ม +2
หายใจลำบาก
คลื่นไส้ อาเจียน
การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม
ภาวะแทรกซ้อนขณะฟอกเลือด
ความดันโลหิตต่ำขณะฟอกเลือด
ความดันโลหิตสูงขณะฟอกเลือด
ภาวะ dialyzer reaction
ภาวะตะคริว
ภาวะ dialysis disequilibrium syndrome
อาการปวดศรีษะ คลื่นไส้ อาเจียน
ภาวะ air embolism
ภาวะขาดออกซิเจน
ภาวะเม็ดเลือดแดงแตก
อาการไข้ หนาวสั่น
ภาวะซีด
ปัญหาโรคหัวใจและหลอดเลือด
ภาวะทุพโภชนาการ
ภาวะ hyperparathyroidism
อาการคัน
ข้อดีของการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม
ข้อดีของการฟอกเลือดวิธีนี้ คือสามารถขจัดของเสียโมเลกุลขนาดกลางและขนาดใหญ่ได้มากกว่าวิธีฟอกเลือดมาตรฐาน เช่น Beta 2 microglobulin, indoxy sulfate เป็นต้น มีความเสถียรของความดันโลหิตและหัวใจ ผู้ป่วยจะมีความต้องการยากระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดงน้อยลง ลดภาวะทุพโภชนาการจากภาวะของเสียคั่งได้ จึงเป็นการเพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับผู้ป่วยได้เป็นอย่างดี
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
ผู้ป่วยไม่สุขสบายเนื่องจากผิวหนังแห้งและคันจากภาวะของเสียคั่งในร่างกาย
กิจกรรมการพยาบาล
ประเมินสภาพผิวของผู้ป่วย
ดูแลทำความสะอาดผิวหนัง โดยการอาบน้ำหรือเช็คตัว โดยใช้สบู่เหลว
ที่ใช้สำหรับเด็ก เพื่อป้องกัน การระคายเคืองผิวหนังของผู้ป่วย
เช็คทำความสะอาดผิวหนังของผู้ป่วยให้แห้ง ไม่อับชื้น
ดูแลความสะอาดเสื้อผ้า ผ้าปูเตียง ผ้าขวาง ผ้าห่ม ของผู้ป่วยไม่ให้
เปียกหรืออับขึ้นเพื่อป้องการอาการคันตามผิวหนังผู้ป่วย
หมั่นตัดเล็บผู้ป่วยให้สั้นอยู่เสมอเพื่อป้องกันไม่ให้ ผู้ป่วยเกาจนเกิดรอย
แดงหรือแผลตามผิวหนัง
ถ้าผู้ป่วยมีอาการคันมากให้ทาโลชั่นบริเวณที่คันเพื่อบรรเทาอาการคัน
จัดสิ่งแวดล้อมภายในห้องเพื่อให้ผู้ป่วยได้นอน หลับพักผ่อนได้อย่างเพียงพอ
ข้อมูลสนับสนุน
OD
มีจุดจ้ำเลือดบริเวณแขนซ้าย
ลักษณะผิวหนังเเห้งเหี่ยว มีรอยย่น
SD
ผู้ป่วยบอกว่าคันบริเวณตำแหน่งที่ล้างไต
วัตถุประสงค์
ส่งเสริมให้ผู้ป่วยมีความสุขสบาย บรรเทาอาการผิวแห้งและคัน
เกณฑ์การประเมินผล
มีรอยเกาหรือแผลตาม ผิวหนังน้อยลง
รอยแตกเเห้งของผิวหนัง ลดน้อยลง
ผู้ป่วยกระสับกระส่าย
ผิวหนังนีความชุ่มชื่นเพิ่ม มากขึ้น
ประเมินผล
ผู้ป่วยไม่มาอาการ กระสับกระส่าย
ผู้ป่วยมีอากาเกาตามอขน ลดน้อยลง
ผู้ป่วยเสี่ยงต่อภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำจากการล้างไต
ข้อมูลสนับสนุน
ผู้ป่วยเป็นโรคไตวายเรื้อรังมานาน 3 ปี
ต้องล้างไต 3 ครั้งต่อสัปดาห์
อ่อนเพลีย
คลื่นไส้ อาเจียน
Ca 8.06 (8.4-10.2)
วัตถุประสงค์
ผู้ป่วยไม่มีภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำ
3.ให้คำแนะนำในการดูแล Perm cath
ระมัดระวังความสะอาดบริเวณผิวหนังรอบสาย และแผลทางออกของสาย (Exit site)
ระวังไม่ให้แผลเปียกน้ำ ถ้าเปียกต้องรีบมาโรงพยาบาลหรือคลินิกใกล้บ้านเพื่อเปลี่ยนผ้าที่ปิดแผลทันที
หากมีอาการเจ็บ ปวด บวม บริเวณผิวหนังรอบสายหรือ ตัวร้อน มีไข้ หรือพบว่าสายเลื่อนหลุดออกมา ควรรีบปรึกษาแพทย์
เกณฑ์การประเมินผล
1.สัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ปกติ ไม่มีอาการผิดปกติ เช่น ความดันโลหิตสูงหรือต่ำเกินกว่าที่แพทย์ยอมรับได้
2.ไม่คลื่นไส้ อาเจียน
3.ไม่ปวดกระดูกและข้อต่อ
3.ค่าแลป โดยเฉพาะ Ca อยู่ในเกณฑ์ปกติ(8.4-10.2) หรือที่แพทย์รับได้
6.ให้คำแนะนำหลังล้างไต
หากมีอาการอ่อนเพลีย หน้ามืด ความดันโลหิตต่ำ ควรรีบแจ้งให้แพทย์ทราบ
หากผู้ป่วยกลับบ้าน มีเลือดซึมบริเวณแผลหลังกลับจากห้องล้างไต ให้ใช้ผ้าก็อตหรือผ้าสะอาดกดต่อ ประมาณ 30 นาที ปกติเลือดจะหยุดได้เองหรือมีเลือดออกมากควรรีบมา โรงพยาบาลทันที
ควรชั่งน้ำหนักตัวทุกวัน
กิจกรรมการพยาบาล
1.วัดสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมง สังเกตอาการผิดปกติ เช่น สับสน ซึม อ่อนเพลีย ความดันโลหิตสูง
2.ให้ยาตามแผนการรักษาของแพทย์ ได้แก่
CALCITRIOL 0.25 MCG.CAP (วิตามินดี) รับประทานครั้งละ 1 เม็ด วันละ 1 ครั้ง หลังอาหารเช้า
CALCIFEROL CAP (วิตามินดี2) รับประทาน 2 เม็ดทุกวันจันทร์
7.ติดตามผลแลปเพื่อประเมินผล
4.ให้คำแนะนำก่อนล้างไต
1.ควรรับประทานอาหารให้เรียบร้อยก่อนฟอกเลือด ควรงดการรับประทานอาหารจนอิ่มเกินไปเพื่อป้องกันความดันโลหิตต่ำขณะฟอกเลือด
2.ควรดยาความดันโลหิตก่อนฟอกเลือดทุกครั้ง เพราะอาจทำให้เกิดภาวะความดันโลหิตต่ำได้
3.ชั่งน้ำหนักก่อนฟอกเลือด เพื่อใช้ประเมินการดึงน้ำในการฟอกเลือดแต่ละครั้ง
4.แจ้งอาการผิดปกติต่างๆให้พยาบาลทราบ
5.ถ้าจำเป็นต้องใช้ยาชาชนิดทา ควราก่อนลงเข็ม30นาที ตามคำแนะนำของแพทย์ หากมีผื่นคัน ควรงดให้ยาทันทีและแจ้งให้พยาบาลทราบ
5.ให้คำแนะนำระหว่างล้างไต
1.ระมัดระวังเวลาขยับตัวเพราะอาจทำให้เข็มเลื่อนหลุดทำให้ผู้ป่วยเสียเลือดได้
2.ขณะฟอกเลือดหากเกิดภาวะแทรกซ้อนแม้เพียงเล็กน้อย็กน้อย เช่น ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ควรรีบแจ้งพยาบาล
มีภาวะของเสียคั่งในร่างกายเนื่องจากการทำงานของไตทำงานผิดปกติ
ข้อมูลสนับสนุน
ผู้ป่วยเป็นโรคไตวายเรื้อรังมา3ปี
BUN = 22 mg/dl (ค่าปกติ 8.9-20.6)
Creatinine = 3.72 (ค่าปกติ 0.73-1.18)
GFR วันแรกรับ = 13.86 (ค่าGFRปกติของผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายอยู่ที่ <15 )
ขาบวม (pitting edema 2+)
วัตถุประสงค์
ไม่เกิดอันตรายจากของเสียคั่งในร่างกาย
เกณฑ์การประเมินผล
ไม่มีอาการของเสียคั่งในร่างกาย เช่น บวม คันตามตัว หอบเหนื่อย สับสน ซึม
ค่า BUN(8.0-20.6),Creatinine(0.73-1.18),GFR(>60) หรืออยู่ในระดับที่แพทย์ยอมรับได้
คนไข้จำกัดน้ำไม่เกิน 800 ml ต่อวัน
กิจกรรมการพยาบาล
1.ประเมินสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมง โดยเฉพาะ
2.สังเกตอาการของเสียคั่งในร่างกาย ได้แก่ อ่อนเพลีย มึนงง นอนไม่หลับ
3.จำกัดน้ำผู้ป่วยไม่เกิน 800 มล.ต่อวัน เพื่อป้องกันภาวะบวมน้ำจากการที่ไตกรองได้ลดลง
4.ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับ B CO-ED TAB (vitamin B complex) และ Folic acid ตามแผนการรักษาเพื่อป้องกันโลหิตจาง
5.บันทึกน้ำเข้าออกร่างกายทุก 8 ชั่วโมง เพื่อประเมินความสมดุลน้ำเข้าและน้ำออก
6.ดูแลให้ได้รับอาหาร Low salt diet
7.ล้างไต 3 ครั้งต่อสัปดาห์
8.ติดตามผลทางห้องปฏิบัติการ ได้แก่ ค่า BUN,Creatinine,GFR เพื่อหาแนวทางการพยาบาลที่เหมาะสมต่อไป
ผู้ป่วยเสี่ยงต่อภาวะไม่สมดุลของน้ำและอิเล็กโทรไลต์เนื่องจากไตเสียหน้าที่
ข้อมูลสนับสนุน
Sodium 133 (ค่าปกติ 135-145)
Chloride 96 (ค่าปกติ 101-109)
เท้าบวมกดบุ๋ม 2+
หนังตาซ้ายบวม
เป็นไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย
วัตถุประสงค์
ผู้ป่วยมีภาวะสมดุลของน้ำและอิเล็กโทรไลต์
เกณฑ์การประเมินผล
• สัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ปกติหรือที่แพทย์ยอมรับได้
• ค่าโซเดียม(135-145)และค่าคลอไรด์(101-109)
อยู่ในเกณฑ์ปกติหรือในระดับที่แพทย์ยอมรับได้
• ไม่มี pitting edema
กิจกรรมการพยาบาล
1.วัดสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมง
2.ตรวจร่างกายผู้ป่วย สังเกตอาการบวมของเท้าและหนังตา
3.ดูแลควบคุมปริมาณน้ำ ให้ผู้ป่วยดื่มน้ำไม่เกิน 800 มล.ต่อวัน
4.ดูแลให้ได้รับยาขับปัสสาวะตามแผนการรักษา
เพื่อขับน้ำออกรักษาระดับโซเดียมในเลือด และให้ sodium chloride 300 mg. ครั้งละ 2 เม็ด วันละ 3 ครั้ง หลังอาหาร
5.ล้างไตสัปดาห์ละ 3 วัน เพื่อเอาน้ำส่วนเกินออก
6.ติดตามประเมินผลทางห้องปฏิบัติการเพื่อวางแผนการพยาบาลให้เหมาะสมต่อไป
ระยะของโรค
ผู้ป่วยอยู่ในระยะที่ 5 ไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย
ระยะที่ 1 มี การทำลายไตเกิดขึ้นแต่ละอัตราการกรองยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ EGFR >90
ระยะที่ 2 มีการทำลายไตร่วมกับอัตราการกรองลดลงเล็กน้อย EGFR 60-89
ระยะที่ 3 มีการลดลงของอัตราการกรองของไตปานกลาง EGFR 30-59
ระยะที่ 4 มีการลดลงของอัตราการกรองของไตรุนแรง EGFR 15-29
ระยะที่ 5 มีภาวะไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย (End Stage Renal Disease : ESRD) EGFR <15
ยาที่ใช้
CALCIFEROL CAP. VITAMIN D2 20,000 IU CAP.
รับประทานครั้งละ 2 เม็ด ทุกวันจันทร์
รักษาภาวะต่อมพาราไทรอยด์ทำงานได้ไม่ดี หรือรักษาและป้องกันภาวะฟอสเฟสในเลือดต่ำ
กลุ่มยา vitamin
ช่วยบำรุงกระดูก รกษาและป้องกันโรคกระดูกพรุน
ผลข้างเคียงจากการใช้ยา กระหายน้ำมาก ปัสสาวะมาก อารมณ์เปลี่ยนแปลงไป รู้สึกเหนื่อยล้าผิดปกติ เวียนหัว อาเจียน ไม่อยากอาหาร ท้องผูก เป็นต้น
FERMASIAN 200 MG.TEB.
รับประทานครั้งละ 1 เม็ด วันละ 3 ครั้ง หลังอาหาร เช้า กลางวัน เย็น
*ข้อแนะนำ ทานยาห่างจากแคลเซียม นม ยาลดกรด อย่างน้อยย 2 ชม.
เป็นยาเสริมธาตุเหล็ก ใช้รักษาหรือป้องกันภาวะโลหิตจาง จากการขาดธาตุเหล็ก
กลุ่มยา Ferrous Fumarate
ผลข้างเคียงจากการใช้ยา มีอาการปวดท้องหรือคลื่นไส้รุนแรง
FOLIC ACID 5 MG. TAB.
รับประทานครั้งละ 1 เม็ด วันละ 1 ครั้ง หลังอาหารเช้า
ยาช่วยให้เลือดแข็งตัว)
รักษาการตกเลือดและภาวะเลือดออกมาก
ผลข้างเคียงจากการใช้ยา หายใจไม่อิ่มเป็นช่วงสั้นๆ ไอเป็นเลือด ปวดศรีษะรุนแรง
แขนขาซีกใดซีกหนึ่งอ่อนแรง มีปัญหาในการพูดหรือการคิด ทรงตัวไม่ได้ ตาพร่ามัว หน้าเบี้ยวครึ่งซีก
CESOLINE W 25 MG.TAB.
รับประทานครั้งละ 2 เม็ด วันละ 4 ครั้ง หลังอาหาร เช้า กลางวัน เย็น และก่อนนอน hold เช้าวัน HD
ยารักษาโรคความดันโลหิตสูงและภาวะหัวใจวาย
อยู่ในกลุ่มยา Hydralazine
ควรแจ้งแพทย์หรือแจ้งให้แพทย์ทราบทันที หากพบว่ามีผลข้างเคียงที่รุนแรง ดังต่อไปนี้
หัวใจเต้นเร็วหรือใจสั่น ,มีอาการบวมที่ใบหน้า ท้อง มือหรือเท้า,มีอาการชา ปวดแสบปวดร้อน เจ็บหรือรู้สึกคล้ายเข็มทิ่ม,รู้สึกจะเป็นลม,สับสน,ตัวซีด เกิดรอยฟกซ้ำได้ง่าย
LOSARTAN 50 MG..TAB..
รับประทานครั้งละ 1 เม็ด วันละ 2 ครั้ง หลังอาหาร เช้า-เย็น
*ข้อแนะนำ หลีกเลี่ยงการทานอาหารที่มีโพแทสเซียมสูง
รักษาความดันโลหิตสูง ช่วยให้เลือดหมุนเวียนได้ดีขึ้น
เป็นยาในกลุ่ม Angiotensin ll Receptor AntagonistsI
ผลข้างเคียงจากการใช้ยา เช่น คัดจมูก,น้ำมูกไหล มีไข้จาม เจ็บคอ ,ไอแห้งๆ,เป็นตะคริว,ปวดขา ปวดหลัง,ปวดท้องหรือท้องร่วง,ปวดศรีษะ
GABAPENTIN 300 MG. CAP. (GPO)
รับประทานครั้งละ 1 เม็ด วันละ 1 ครั้ง ก่อนนอน
กลุ่มยา ยากันชัก(Anticonvulsant)
รักษาอาการชัก ปลายประสาทอักเสบจากงูสวัด และกลุ่มอาการขาอยู่ไม่สุข
ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยมักเป็นอาการที่เกิดขึ้นกับพฤติกรรมและสุขภาพจิต เช่น มึนงง กรอกตาผิดปกติ ตาพร่ามัว มีพฤติกรรมก้าวร้าว วิตกกังวล ซึมเศร้า มีปัญหาเรื่องการควบคุมสมาธิ อารมณ์แปรปรวน ขาดความเชื่อมั่น ร้องไห้โดยไม่มีสาเหตุ หรือไม่อยากมีชีวิตอยู่
MONOSORB 20 MG. TAB.
รับประทานครั้งละ ครึ่งเม็ด วันละ 2 ครั้ง ก่อนอาหาร เช้า เย็น
ยาขยายหลอดเลือด
กลุ่มยา Nitrates, calcium-channel blockers และ vasodilators
ผลข้างเคียงจากการใช้ยา เช่น ปวดหัว เวียนหัว หากเกิดอาการผิดปกติ เช่น เวียนหัวที่รุนแรงมากขึ้นหรือเป็นตลอดเวลา เป็นลม ปวดหัวอย่างรุนแรง หัวใจเต้นช้ากว่าปกติ ควรหยุดยาและพบแพทย์ทันที
ELIQUIS 5 MG. TAB.
รับประทานครั้งละ ครึ่งเม็ด วันละ 2 ครั้ง หลังอาหาร เช้า เย็น
กลุ่มยา Apixaban
ยาต้านการแข็งตัวของเลือด (Anticoagulants)
ป้องกันภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำ โรคหลอดเลือดสมอง และลิ่มเลือดอุดตันจากภาวะหัวใจห้องบนสั่นพริ้ว และรักษาภาวะลิ่มเลือดอุดหลอดเลือดดำส่วนลึกและโรคลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด
CHLOVAS-40 TAB.
รับประทานครั้งละ ครึ่งเม็ด วันละ 1 ครั้ง ก่อนนอน
*ข้อแนะนำ หลีกเลี่ยงการทาน Grapefruit Juice
กลุ่มยา Atorvastatin
ยาลดไขมันในเลือด
ข้อควรระวัง 1.ห้ามใช้ยานี้ในผู้ที่มีประวัติเคยแพ้ยาหรือส่วนประกอบของยานี้
2.ห้ามใช้ยานี้ในผู้ป่วยที่กำลังมีการทำงานของตับผิดปกติ หรือมีระดับเอนไซม์ตับสูงกว่าค่าปกติ
3.ห้ามใช้ยานี้เมื่อตั้งครรภ์หรือวางแผนจะตั้งครรภ์ หญิงให้นมบุตรเพราะอาจทำให้เกิดอันตรายร้ายแรงต่อทารก
CARVEDILOL 6.25 MG. TAB. (GPO)
รับประทานครั้งละ 1 เม็ด วันละ 1 ครั้ง หลังอาหาร เช้า :
ยากลุ่มปิดกั้นเบต้า (Beta-Blockers)
รักษาภาวะหัวใจล้มเหลวและลดความดันโลหิต
ผลข้างเคียงจาการใช้ยาที่ผู้ป่วยควรพบแพทย์ ได้แก่ 1.ไอแห้งเจ็บหน้าอก
2.ปัสสาวะบ่อย 3.มองเห็นไม่ชัดเจน 4.หน้ามืดคล้ายจะเป็นลม 5.หัวใจเต้นช้าลงหรือไม่สม่ำเสมอ 6.น้ำหนักตัวลดหรือเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว 7.หายใจติดขัดหรือลำบาก แม้ออกกำลังกายเพียงเล็กน้อย
B CO-ED TAB.
รับประทานครั้งละ 1 เม็ด วันละ 2 ครั้ง หลังอาหาร เช้า เย็น
กลุ่มยา Vitamin B
ช่วยบำรุงประสาท กล้ามเนื้อ ทำให้หัวใจทำงานเป็นปกติ ช่วยบรรเทาอาการเหน็บชาช่วยเพิ่มสมาธิ ความจำ ช่วยบำรุงสมองช่วยป้องกันการอ่อนเพลีย
CALCIT SG 0.25 MCG. CAP.
รับประทานครั้งละ 1 เม็ด วันละ 1 ครั้ง หลังอาหาร เช้า
ยานี้ใช้รักษาโรคและป้องกันภาวะกระดูกพรุน
ยาในกลุ่ม Vitamin D
ยานี้ใช้เพื่อรักษาภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำ
อาการที่ต้องหยุดยาแล้วรีบไปพบแพทย์ทันที
1.บวมที่ใบหน้า เปลือกตา ริมฝีปาก ลมพิษ
2.หน้ามืด เป็นลม แน่นหน้าอก หายใจลำบาก
3.หัวใจเต้นผิดจังหวะ ชัก
4.ปวดกระดูกและปวดกล้ามเนื้ออย่างรุนแรง
MADIPLOT 20 MG. TAB.
รับประทานครั้งละ ครึ่งเม็ด วันละ 2 ครั้ง หลังอาหาร เช้า เย็น hold เช้าวัน HD
รักษาความดันโลหิตสูง
กลุ่มยา Calcium channel blocker (CCB)
อาการไม่พึงประสงค์ ยานี้อาจทำให้เกดิอาการข้างเคียงที่สำคัญ เช่น ความดันเลือดต่ำ ใจสั่น บวมบริเวณมือ ข้อเท้า ขาหน้าแดง ร้อนวูบวาบ ปวดหัว ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร โดยไม่จำเป็นต้องหยุดยาทันที
SODIUM BICARBONATE 300 MG :. TAB.(DPF)
รับประทานครั้งละ 2 เม็ด วันละ 3 ครั้ง หลังอาหาร เช้า กลางวัน เย็น
กลุ่มยา Alkalinzing agent
ข้อควรระวัง ผู้ที่มีประวัติแพ้ยาโซเดียมไบคาร์บอเนต ผู้ที่เป็นโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง โรคไต หญิงตั้งครรภ์หรือว่างแผนมีบุตร
ปรับ pH ในเลือดและปัสสาวะ
DE GAS TAB.
รับประทานครั้งละ 1 เม็ด วันละ 3 ครั้ง หลังอาหาร เช้ากลางวัน เย็น
ยาแก้ท้องอืด
กลุ่มยา Simethicone
บรรเทาอาการจุกเสียด ท้องอืด แน่นท้อง ปวดท้อง
ผลข้างเคียงจากการใช้ยา ทำให้เกิดผื่น อาการบวมตามใบหน้า ลิ้น หรือคอ เวียนศรีษะอย่างรุนแรง มีปัญหาในการหายใจ หรือความผิดปกติอื่นๆ ซึ่งผู้ป่วยควรรีบไปพบแพทย์
SENOLAX TAB.
รับประทานครั้งละ 2 เม็ด วันละ 1 ครั้ง ก่อนนอน
ยาระบายระยะสั้นเพื่อบรรเทาอาการท้องผูก
ยานี้ช่วยให้ถ่ายอุจจาระโดยการกระตุ้นหรือเพิ่มการบีบตัวของลำไส้ใหญ่
อาการไม่พึงประสงค์ เช่น ถ่ายเหลว ท้องอืด ท้องผูก คลื่นไส้ อาเจียน ปวดเกร็งท้อง
ALPRAZOLAM 0.5 MG./TAB.
รับประทานครั้งละ 1 เม็ด วันละ 1 ครั้ง ก่อนนอน
เป็นยากลุ่ม benzodiazepine
รักษาอาการวิตกกังวล และช่วยให้นอนหลับ
ข้อควรระวัง : 1.ห้ามดื่มสุรา หรือสิ่งที่มีแอลกอฮอล์ผสมอยู่
2.ไม่ควรใช้ยานี้ติดต่อกันเป็นเวลานาน นอกจากแพทย์สั่ง
3.หากใช้ร่วมกับยาอื่น เช่นยากดหรือกระตุ้นประสาท ยาคุมกำเนิด ยาต้านฮิสตามีน รวมทั้ง cimetidine ควรปรึกษาแพทย์
4.หากมีอาการนอนไม่หลับ ประสาทหลอน พฤติกรรมผิดปกติ หรือมีไข้ ควรหยุดใช้ยาทันทีและรีบปรึกษาแพทย์
ข้อมูลทั่วไป
ผู้ป่วยเพศ ชาย อายุ 86ปี เตียง23
สัญญาณชีพ อุณหภูมิ 36.7องศาเซลเซียลชีพจร
80ครั้ง/นาที หายไจ 18 ครั้ง/นาทิ BP 155/89 O2 sat 100%
การวินิจฉัยแรกรับ
โรคไตวายเรื้อรังและภาวะน้ำเกิน esrd with volume overload
Hypoglycemia
dyspnea
การวินิจฉัยโรคครั้งสุดท้าย
โรคไตวายเรื้อรังและภาวะน้ำเกิน esrd with volume overload
ประวัติการผ่าตัด
การผ่าตัดเปลี่ยนเส้นเลือดหัวใจปี 2548
ข้อมูลภาวะการเจ็บป่วย
อาการสำคัญที่นำมาโรงพยาบาล
เหนื่อย หายใจลำบาก คลื่นไส้ อาเจียน 1 วัน ก่อนมาโรงพยาบาล
ประวัติการเจ็บป่วยปัจจุบัน
1วันก่อนมา โรงพยาบาลผู้ป่วยได้ไปฟอกไตที่โรงพยาบาลนวมินทร์ ฟอกไต ได้ชั่วโมงครึ่ง ขณะฟอกไต ผู้ป่วยมีอาการเหนื่อยหอบ คลื่นไส้อาเจียนพยาบาล จึงแจ้งแพทย์แพทย์จึงหยุดทำการฟอก และได้ทำการตรวจวัด V/S + ตรวจ DTXผลที่ได้คือ ความดันสูง ค่าDTX ได้ 226 เลยทำการส่งตัวมาที่โรงพยาบาลตำรวจที่ห้อง ER จึงให้Admit ที่หอผู้ป่วย มภร.10/1 เพื่อทำการรักษาอาการ
ประวัติการเจ็บป่วยในอดีต
เป็นโรคหัวใจ เมื่อปี 2548 เข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนเส้นเลือดหัวใจที่ Tricuspid valve โดยใช้เส้นเลือดที่ แขน-ขาซ้ายและเป็นโรคเบาหวาน ความดันร่วมด้วย
เป็นต่อมลูกหมากกลังจากผ่าตัดเปลี่ยนเส้นเลือดหัวใจ 1ปี
ปลายเดือนธันวาคม ปี63 ลื่นล้มในห้องน้ำ ได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลภูมิพล แล้วตรวจเอ็กซ์เรย์ทั่วร่างกาย พบว่ากระดูกซี่โครงหัก บริเวณซี่โครงด้านขวา และตรวจเจอโรคไตระยะที่ 3-4 เลยส่งตัวมารักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ และแพทย์นัดฟอดไตอาทิตย์ละ 2 ครั้ง ผู้ป่วยทำเรื่องฟอตไตที่โรงพยาบาลตำรวจ หลังจากฟอตไตไม่มีอาการผิดปกตืไดๆ สามารถดำรงชีวิตประจำวันได้ปกติ
ประวัติการเจ็บป่วยในอดีต
ผู้ป่วยมีโรคประจำตัว คือ โรคหัวใจ ความดัน เบาหวานโรคไต ต่อมลูกหมากโต
ปัญหา (Problem list)
นอนไม่ค่อยหลับ ต้องใช้ยานอนหลับ
เท้าบวม Pitting Edema 2+
เสี่ยงพลัดตกหกล้ม สังเกตจากการทรงตัวเวลายืน,เดิน ต้องพยุง
Fall risk = 5
ฟังปอดได้ยินเสียง crepitation ที่ปอดข้างขวา
เยื่อบุตาซีด
ผิวหนังแห้ง แขนข้างซ้ายมีจ้ำเลือด
แพ้ยา Penicillin
(ยาฆ่าเชื้อ antibacterial )
แพ้ยา Pnenytoin (ยากันชัก)
Troponin-T ได้ 0.128
สูงกว่าค่าปกติ
(ค่าปกติอยู่ที่ 0.0-0.014 ng/mL)
ค่า DTX ต่ำ
อยู่ในช่วง 54 mg/dL (ค่าปกติอยู่ในช่วง 70-100 mg/dL)
ค่าBP
ต่ำสุดอยู่ที่ 140/78
สูงสุดอยู่ที่ 164/87
กล้ามเนื้ออ่อนแรง
ผู้ป่วยเหนื่อยง่าย เวลาออกแรง
หนังตาซ้ายบวม
BUN ได้ 22.0 mg/dL (ค่าปกติอยู่ที่ 8.9-20.6 mg/dL)
และค่า Creatinine ได้ 3.72 mg/dL (ค่าปกติอยู่ที่ 0.73-1.18 mg/dL)
ปลายมือ ปลายเท้าเขียวคล้ำ คลำ Pluse แทบไม่ได้เลย
Ca 8.06
คลื่นไส้อาเจียน
ผลตรวจทางห้องปฏิบัติ
วันที่ 12/01/2566 ค่าที่ผิดปกติ
Albumin 3.41 mg/dL ต่ำกว่าค่าปกติ (3.5-5.2)
Bun 22.0 mg/dL สูงกว่าค่าปกติ (8.9-20.6)
Creatinine 3.72 mg/dl สูงกว่าค่าปกติ (0.73-1.18)
Calcium 8.06 mg/dL ต่ำกว่าค่าปกติ (8.4 - 10.2)
Hemoglobin (Hb) 11.1 g/dl ต่ำกว่าค่าปกติ (12.8-16.1)
Hematocrit (Hct) 33.5 % ต่ำกว่าค่าปกติ (12.8 -16.1)
RBC 3.22 10^6/ul ต่ำกว่าค่าปกติ (4.03-5.55)
Neutrophil 89.3 % สูงกว่าค่าปกติ (48.2-71.2)
Lymphocyte 4.4 % ต่ำกว่าค่าปกติ (21.1-42.7)
Troponin-T 0.128 ng/ml สูงกว่าค่าปกติ (0.0-0.014)
eGFR 13.86 mL/min/1.73m2 >60
วันที่ 13/01/66 ค่าที่ผิดปกติ
Hemoglobin Hb 11.1 g/dL (12.8-16.1)
Hematocrit (Hct) 33.0 10^6/ul ต่ำกว่าค่าปกติ 4.03-10.77
RBC 3.34 10^6/ul ต่ำกว่าค่าปกติ (4.03-5.55)
Lymphocyte 17.4 % สูงกว่าค่าปกติ (21.1-42.7)
Monocyte 11.2 % สูงกว่าค่าปกติ (3.3-10.2)
วันที่ 16/01/66
Hemoglobin Hb 12.3 g/dLต่ำกว่าค่าปกติ (12.8-16.1)
Hematocrit (Hct) 37.1 % ต่ำกว่าค่าปกติ 38.2-48.3
RBC 3.74 10^6/ul ต่ำกว่าค่าปกติ (4.03-5.55)
MCV 99.3 fL สูงกว่าค่าปกติ (78.9-98.6)
Bun 60.7 mg/dL สูงกว่าค่าปกติ ค่าปกติ (8.9-20.6)
Creatinine 6.00 mg/dl สูงกว่าค่าปกติ (0.73-1.18)
Sodium Na 133 mmol/L ต่ำกว่าค่าปกติ (136-145)
Chloride 98 mmol/ ต่ำกว่าค่าปกติ (98-107)
วันที่ 14/01/66 ค่าผิดปกติ
Hemoglobin Hb 11.1 g/dL (12.8-16.1)
Hematocrit (Hct) 33.5 10^6/ul ต่ำกว่าค่าปกติ 4.03-10.77
RBC 3.34 10^6/ul ต่ำกว่าค่าปกติ (4.03-5.55)
MCV 100.5 fL สูงกว่าค่าปกติ (78.9-98.6)
Lymphocyte 17.1 % สูงกว่าค่าปกติ (21.1-42.7)
Monocyte 13.0 % สูงกว่าค่าปกติ (3.3-10.2)