Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Hypotrophic pyloric stenosis - Coggle Diagram
Hypotrophic pyloric stenosis
ความหมาย
กระเพาะอาหารส่วนปลายตีบเเต่กำเนิดเป็นความผิดปกติของกระเพาะอาหารส่วนปลายตีบเเต่กำเนิด ทำให้อาหารไม่สามารถผ่านจากกระเพาะอาหารสู่ลำไส้เล็กได้ โรคนี้พบ ร้อยละ 80 ของผู้ป่วยที่เป็นเพศชาย( Kyle&Carma,2017)
สาเหตุ
ความผิดปกติที่เกิดจากการหนาตัวของกล้ามเนื้อชั้น Circular muscle ของ pylorus มีการเจริญมากผิดปกติ
จนโตเป็นก้อนกดชั้นเยื่อบุให้เเฟบลงไป
ทำให้เกิดการอุดตันของ pyloric canal ซึ่งเจริญระหว่างกระเพาะอาหารกับลำไส้เล็กส่วน duodenum
ช่วงอายุ2-8สัปดาห์ พบในเด็กชายมากกว่าเด็กหญิง เเละพบในเด็กท้องเเรกมากกว่าท้องหลัง
การมีปริมาณกรดในกระเพาะอาหารสูงกว่าปกติ
อาจเกี่ยวข้องกับพันธุกรรม
อาการ
อาการจะปรากฏเมื่อเด็กอายุ 2-3 สัปดาห์
สำรอกหลังดูดนม เเละเพิ่มความรุนแรงเป็นอาเจียนพุ่ง ขณะกำลังดูดนมหรือหลังดูดนมเสร็จทันทีทันใด เเทบทุกมื้อ อาเจียนไม่มีน้ำดีปน
มีอาการหิวกระหายตลอดเวลา ให้ดูดน้ำหรือนมจะดูดทันที เเต่มีอาเจียนออกมา
อ่อนเพลีย น้ำหนักไม่ขึ้น มีภาวะขาดน้ำเเละสารอาหาร
ระยะหลังจากการมีอาเจียนบ่อยหรือมากจะเกิดภาวะเลือดเป็นด่าง เเละมีอาการหายใจตื้นช้า
มีลักษณะขาดน้ำ
อาเจียน
มีคลื่นวิ่งในท้องระหว่างให้นม
จะพบการบีบตัวของกระเพาะอาหารเป็นคลื่น wave like จากซ้ายไปขวา
มีภาวะเป็นด่าง
มักมีภาวะตัวเหลืองร่วมด้วย
บางครั้งระดับบิลิรูบินสูงถึง15 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ โดยไม่ทราบสาเหตุ เชื่อว่าอาจจะสัมพันธ์กับการขาดเอ็นไซม์ glucoronyltransferase ร่วมกับเซลล์ตับที่ยังเจริญไม่เต็มที่ เเละจากภาวะขาดสารอาหาร
การวินิจฉัยโรค
ประวัติการเจ็บป่วยของเด็ก
การตรวจร่างกาย พบว่ามีผิวหนังย่นเเห้ง ไม่ค่อยมีไขมันใต้ผิวหนัง ตาลึก เเละมีภาวะขาดน้ำการตรวจหน้าท้องจะคลำพบก้อนได้ชัดเจนบริเวณใต้ชายโครงขวาโดยเฉพาะระหว่างที่ให้เด็กดูดนมหรือน้ำนม หรือจะพบได้เมื่อหลังจากเด็กอาเจียนใหม่ๆ
X-ray พบมีลมมากในกระเพาะอาหาร หรือ
อาจทำ Upper GI seriesจะพบการอุดตัน
ตรวจเลือดจะพบมี metabolic alkalosis โดยมีระดับ K+ CI-เเละ Na+ลดลง ส่วนระดับHCO เเละ pH เพิ่มขึ้น
การรักษา
เเก้ไขภาวะไม่สมดุลของน้ำ กรด-ด่าง เเละอิเล็กโตรลัยท์ ก่อนทำการผ่าตัดทำ pyloryotomy
ใช้วิธีเเยกกล้ามเนื้อวงรอบตามยาว โดยไม่ทะลุเข้าในเยื่อบุผนังด้านใน pylorus canal จะขายกว้างออกไป
โดยมากต้องทำการผ่าตัดเพื่อเเก้ไขความผิดปกติ
การดูเเลก่อนผ่าตัด
การดูแลก่อนผ่าตัด pyloric stenosis เป็นภาวะฉุกเฉินทางอายุรกรรมไม่ใช่ภาวะฉุกเฉิน ทางศัลยกรรม ไม่จำเป็นต้องรีบผ่าตัดรักษา แต่ต้องแก้ไขภาวะขาดน้ำ ความเป็นกรดด่าง ความ สมดุลของอิเล็กโทรไลต์ก่อนผ่าตัด ถ้าช่วงแรกรับประทานได้บ้างสามารถให้รับประทานได้จนกว่าจะงดน้ำงดอาหาร
สภาพของทารกที่พร้อมจะผ่าตัดและดมยาสลบได้อย่างปลอดภัย ควรมีค่าพีเอชของเลือด อยู่ระหว่าง 7.5-7.5 ระดับอิเล็กโทรไลต์ควรมีค่าคลอไรด์มากกว่า 88 mEq/L ไบคาร์บอเนตน้อยกว่า
30 mEq/L โพแทสเซียมมากกว่า 3 mEq/L ปัสสาวะออก 1-2 ขาดน้ำมากอาจต้องใช้เวลา 2-3 วัน จึงสามารถนำไปผ่าตัดได้ บางครั้งถ้าทารกชุดมากโดยเฉพ ทารกที่อายุต่ำกว่า 3 สัปดาห์ อาจจะต้องให้เลือดก่อน เพื่อป้องกันการขาดออกซิเจน การผ่าตัด การผ่าตัดรักษาที่เป็นมาตรฐาน คือ การทำ pyloromyotomy (Fredest ขณะผ่าตัด
การผ่าตัด
การผ่าตัด การผ่าตัดรักษาที่เป็นมาตรฐาน คือ การทำ pyloromyotomy (Fredet duodenum ลึกจนถึงชั้นกล้ามเนื้อ แล้วแหวกกล้ามเนื้อให้ห่างออกจากกันมากพอจนกระทั่งส่วนของเยื่อเมือ pylorus และต่อกับ (mucosa) โป่งออกมาอยู่ในระดับเดียวกับผิวของ serosa ทั้งด้านที่ต่อกับ กระเพาะอาหาร โดยเมื่อกรีตและแหวกเสร็จแล้วจะต้องคล่าไม่พบก้อนเป็นวงแหวนอยู่ สิ่งสำคัญ การกรีดจะต้องไม่ให้เยื่อเมือกของ pylorus ฉีกขาด เพื่อไม่ให้เกิดการแตกทะลุ ถ้าฉีกขาดต้อง สัปดาห์ และพบว่าอัตราการผ่านกระเพาะอาหารหรือการเปลี่ยนแปลงของกระเพาะอาหารและ pylorus จะไม่ต่างจากคนธรรมดา
การดูเเลหลังผ่าตัด
หลังการผ่าตัดมักจะต้องติดตามค่าฮีมาโตคริต เเละคาสายสวนกระเพาะไว้เพื่อระบายของเหลว เมื่อของเหลวมีน้อยและลำไส้เริ่มทำงานประมาณ 6 ชั่วโมงหลังผ่าตัดก็จะเริ่มให้ระบายทางปาก การผ่าตัดส่วนใหญ่มักจะให้ผลดีทั้งระยะสั้นเเละระยะยาว ทารกส่วนใหญ่สามารถกลับบ้านได้ภายใน 48ชั่วโมงหลังผ่าตัด อาจมีปัญหาอยู่บ้างในกรณีผ่า pylorus ไม่ลึกพอ ก็จะยังทำให้มีการอุดกั้นเหลืออยู่ เเละส่งผลให้ทารกอาเจียนอยู่เรื่อยๆหรือถ้าผ่าตัดลึกเกินไปจนทะลุจะทำให้มีการเเตกทะลุตามมาได้
การพยาบาล
ระยะก่อนผ่าตัด
มีโอกาสเกิดภาวะขาดสารน้ำ สารอาหาร และสูญเสียสมดุลกรด ด่าง จากการอาเจียน เเละการตีบเเคบของpylorus ทำให้อาหารผ่านลงสู่ลำไส้เล็กลดลง
กิจกรรมการพยาบาล
ดูแลให้ทารกได้รับสารน้ำ และอิเล็กโทรไลต์ตามแผนการรักษา ซึ่งส่วนใหญ่จะได้รับ 5%D/N.S.S/2 ผสมโพแทสเซียม 2-4 mEq/kg ด้วยอัตรา 150-175 มิลลิลิตรกิโลกรัม/วัน เป็นเวลา 24 ชั่วโมง
ควรงดน้ำและอาหารทางปากในรายที่อาเจียนมาก ส่วนในรายที่อาเจียนเล็กน้อยและ สามารถให้อาหารทางปากได้ ควรให้ทารกดูดนมช้าๆ ครั้งละน้อยๆ แต่บ่อยครั้ง อุ้มทารกให้เรอ เอาลมออกบ่อยๆ ทั้งระหว่างมื้อนมและหลังให้นม จัดให้นอนตะแคงขวาและยกศีรษะสูง อุ้มและ สัมผัสทารกอย่างนุ่มนวล และทำความสะอาดในช่องปากทุกครั้งหลังอาเจียน
ติดตามผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการรักษา และประเมิน ภาวะขาดนํ้า สมดุลของกรดด่างและอิเล็กโทรไลต์ของร่างกาย โดยความถ่วงจำเพาะของปัสสาวะ ควรน้อยกว่า 1.020 พีเอชของเลือดอยู่ระหว่าง 7.3-7.5 ระดับคลอไรด์ มากกว่า 80 mEq/L ไบคาร์บอเนต น้อยกว่า 30 mEq/L โพแทสเซียม มากกว่า 3 mEq/L
สังเกตและบันทึก ปริมาณน้ำที่ร่างกายได้รับและปริมาณน้ำที่ออกจากร่างกาย รวมทั้ง ลักษณะและจำนวนครั้งของการอาเจียน
สังเกตอาการและอาการแสดงของภาวะขาดน้ำ โดยประเมินสภาพของผิวหนัง น้ำหนักตัว ลักษณะและจำนวนครั้งของการอาเจียน และสัญญาณชีพ สังเกตลักษณะการหายใจของทารก ในทารกที่มีภาวะด่างจากการเผาผลาญ จะหายใจช้าตื้น และไม่สม่ำเสมอ
การประเมิน
อาเจียนลดลงหรือไม่มี ดื่มนมได้มากขึ้น
ไม่มีอาการเเละอาการเเสดงของการขาดน้ำ เช่น น้ำหนักไม่ลดจากเดิม ผิวหนังมีความยืดหยุ่นดี
สัญญาณชีพปกติเหมาะสมกับวัย
อิเล็กโทรไลต์อยู่ระดับปกติ