หน่วย 8
การบัญญัติกฎหมาย

การบัญญัติกฎหมายมีขั้นตอน
1 จัดทำร่าง
2 เสนอร่าง ต่อผู้มีอำนาจ
3 พิจารณาร่างเพื่อรับหลักการและแก้ไข
4 นำกม ที่ผ่านเห็นชอบขึ้นทูลเกล้า
5 ใช้บังคับ

วิธีบัญญัติกฎหมาย

การเสนอให้บัญญัติ
ผู้มีสิทธิเสนอร่าง พรบ ให้รัฐสภาพิจารณา คือ
1 คณะรัฐมนตรี
2 สมาชิกสภาผู้แทน
3 ผู้มีสิทธิเลื่อกตั้ง 50000 คน
ร้องต่อประธานสภา มี เรื่อง กม สิทธิและเสรีภาพ กับ นโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ

พระราชบัญญัติ
เป็นกฎหมายที่กษัตริย์บัญญัติโดยคำแนะนำของรัฐสภา
พรบ ต้องมีหลักการและเหตุผล

พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ
ศักดิ์รองจากรัฐธรรมนูญ
จะออกเฉพาะเรื่องที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ เช่น เลือกตั้ง

พระราชกำหนด
เป็นกฎหมายที่กษัตริย์บัญญัติโดยคำแนะนำของคณะรัฐมนตรี(ฝ่ายบริหาร) ใน**กรณีเร่งด่วนที่สำคัญ เช่นความปลอดภัยประเทศ ภาษีอากร สาธารณะ

พระราชกฤษฎีกา
เป็นกฎหมายที่กษัตริย์ตราขึ้นโดยคำแนะนำของคณะรัฐมนตรี(ฝ่ายบริหาร)**

กฎกระทรวง
เป้นกฎหมายที่รัฐมนตรีเป็นผู้ออก

การพิจารณาร่างกฎหมายพระราชบัญญัติ
โดย สส ต้องทำ 3 วาระ
1 ลงมติว่ารับหลักการหรือไม่
2 คณะกรรมการที่สภาตั้งขึ้นพิจารณาเสนอต่อสภาให้ลงมติแก้ไขหรือไม่
3 ลงมติว่าเห็นชอบหรือไม่ ถ้าเห็นชอบให้ประธานสภาเสนอต่อวุฒิสภา

วุฒิสภา มี กำหนดเวลาดังนี้
ร่างกฎหมายที่ไม่เกี่ยวกับการเงิน ต้องพิจารณาเสร็จภายใน 60 วัน
ร่างกฎหมายที่เกี่ยวกับการเงิน ต้องพิจารณาเสร็จภายใน 30 วัน
และขยายเวลาได้อีก 30 วัน หลังจากนั้นถือว่าเห็นชอบร่าง กม

การพิจารณาร่าง พรบ ที่ต้องยับยั้ง
ร่าง พรบ เกี่ยวกับการเงิน ยกร่างขึ้นได้ทันทีด้วยคะแแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของสภา
ร่าง พรบ ไม่เกี่ยวกับการเงิน ยกขึ้นใหมาเมื่อพ้น 180 วัน

การตราพระราชกำหนด
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบคือ
1 เกี่ยวกับความมั่นคงกรณีฉุกเฉิน เช่น ความปลอดภัยสาธารณะ,ภัยพิบัติ
2 เกี่ยวกับการเงิน เช่น ภาษีอากร เงินตรา

การเสนอร่าง พรบ ต้องเสนอต่อสภาก่อ

การบัญญัติเป็นกฎหมายใช้บังคับ

กษัตริย์ทรงตราพระราชกำหนด
เมื่อคณะรัฐมนตรีเห็นเป็นกรณีฉุกเฉินเช่นเรื่องความปลอดภัยประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงทางเศรฐกิจ ภาษีอากร เงินตรา

ร่าง พรบ ที่กษัตริย์ไม่เห็นด้วย รัฐสภามีมติยืนยันได้ด้วยเสียง 2 ใน 3ของทั้ง 2 สภา

พระราชกำหนดที่วุฒิสภาไม่อนุมัติ
เมื่อสภาผู้แทนยืนยันได้ด้วยเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของสภาผู้แทน(กึ่ง คือ ครึ่ง)

หลักการบัญญัติกฎหมาย
1 ให้ถูกวิธีการ
2 ให้ถูกแบบ ได้แก่ ตามศักดิ์ ตามลำดับ ตามโครงสร้าง
3 ให้ถูกเนื้อหาได้แก่ ตรงตามกำหนด ตรงตามสภาพหลักวิชา
4 ให้ถูกหลักภาษา คือรูปประโยค ข้อความ

การบัญญัติกฎหมายให้แน่นอน
-การบัญญัติให้ชัดเจน ในถ้อยคำ เนื้อความ
-การบัญญัติให้รัดกุม

การบัญญัติกฎหมายให้สมบูรณ์

  • ได้สาระครบถ้วน
  • ครอบคลุมไม่ขาดตก
  • สอดคล้องไม่ขัดกัน
  • เชื่อมโยงไม่ขาดตอน

การบัญญัติกฎหมายให้ศักดิ์สิทธิและสัมฤทธิผล

  • การบัญญัติให้ศักดิ์สิทธิ ต้องมีมาตรการที่มีการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม กม ไว้ด้วย
  • การบัญญัติให้สัมฤทธิผล ต้องให้บรรลุผลตามจุดประสงค์ของ กม

ตัวอย่างมาตรการบังคับ
- มาตรการทางแพ่ง เช่น การกระทำนั้นเป็นโมฆะ
- มาตรการทางกฎหมายปกครอง เช่น พักใบอนุญาตหรือเพิกถอน
- มาตรการทางอาญา เช่น ประหารชีวิต จำคุก ปรับ

**นิรุท ฉิมพิภพ
วิชาความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกฎหมายทั่วไป
40101
หน่วย 8


**