Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ความคิดเชิงระบบ - Coggle Diagram
ความคิดเชิงระบบ
ประโยชน์ของการนำความคิดเชิงระบบมาใช้ในชีวิตประจำวัน/ชีวิตการทำงาน
ช่วยให้เกิดความคิดเพื่อพัฒนาองค์กรในภาพรวมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ประสานงานร่วมกับบุคคลอื่นให้เป็นไปตามกระบวนการ และระบบการบริหารงานภายใน
สามารถแก้ปัญหา ตัดสินใจ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แก้ไขปัญหาข้อขัดแย้งที่จะเกิดขึ้นในองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เพื่อให้มองเห็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นกับระบบภายในองค์กร ซึ่งเกิดขึ้นอย่างเป็นระบบโดยการ เชื่อมโยงติดต่อกัน และสามารถแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ความสำคัญของการคิดเชิงระบบ
ช่วยให้เกิดความคิดเพื่อพัฒนาองค์กรในภาพรวมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ประสานงานร่วมกับบุคคลอื่นให้เป็นไปตามกระบวนการ และระบบการบริหารงานภายใน
สามารถแก้ปัญหา ตัดสินใจ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แก้ไขปัญหาข้อขัดแย้งที่จะเกิดขึ้นในองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ความหมายของการคิดเชิงระบบ
Systems Thinking
(ความคิดเชิงระบบ) คือ ที่มุ่งเน้นในการมองภาพรวม มองให้เห็นความสัมพันธ์ของสิ่งต่าง ๆ แทนที่จะมองแต่สิ่งใดสิ่งหนึ่ง มองให้เห็นรูปแบบการเปลี่ยนแปลงแทนที่จะมองเฉพาะจุด
ในการคิดเชิงระบบแต่ละคนอาจให้ความหมายคำว่า “การคิดเชิงระบบ” ได้แตกต่างกัน บางคนคิดว่าเป็นปรัชญา (Philosophy) บางคนคิดว่าเป็นมุมมอง (Perspective) ในขณะที่บางคนมองเป็นชุดเครื่องมือ (A Set of Tools)
ทำไมถึงต้องการเข้าใจและประยุกต์ใช้การคิดเชิงระบบ? / Why is it important to understand and use Systems Thinking?
การคิดเชิงระบบเป็นความสามารถที่สำคัญในด้านการจัดการอย่างหนึ่งสำหรับมนุษย์ในยุคศตวรรษที่ 21 นี้
ช่วยเพิ่มทางเลือกในการแก้ปัญหาโดยการขยายกรอบความคิด, มุมมองต่อปัญหานั้น และทำให้สามารถมองปัญหาในมุมที่แตกต่างไปจากเดิม
นอกจากนี้ยังช่วยทำให้เราตระหนักว่า ไม่มีตัวเลือกในการแก้ปัญหาใด ๆที่สมบูรณ์แบบ โดยวิธีการแก้ปัญหาที่เราเลือกใช้จะมีผลกระทบต่อส่วนอื่น ๆในระบบ
การคิดเชิงระบบยังช่วยอธิบายเรื่องราวว่าระบบทำงานอย่างไร การเขียน Casual Loop Diagram จะเหมือนเป็นการบังคับให้สมาชิกในทีมเข้าใจเรื่องราวและภาพขอสถานการณ์ได้ตรงกัน
ถ้ามองเป็นมุมมอง (Perspectives)
การคิดเชิงระบบ คือ วิธีการมองหรือคิดเกี่ยวกับความเป็นจริง เพื่อทำให้เราเข้าใจและทำงานกับระบบได้ดียิ่งขึ้น เพื่อเป้าหมายก็คือการเพิ่มคุณภาพชีวิตและทำงานให้ดียิ่งขึ้น
หรือถ้ามองเป็นชุดเครื่องมือ (A Set of Tools)
การคิดเชิงระบบ หมายถึง การใช้ไดอะแกรมต่างๆ เพื่อเป็นเครื่องมือช่วยในการวิเคราะห์ หรือวินิจฉัยปัญหาที่ซับซ้อนในวงการต่างๆ เช่น สำหรับวงการแพทย์ แน่นอนว่าการรักษาที่มีประสิทธิภาพย่อมเป็นผลมาจากการวินิจฉัยสาเหตุที่ถูกต้องแม่นยำ และ ณ จุดนี้ไดอะแกรมจากการคิดเชิงระบบ สามารถช่วยในการตรวจสอบปัญหาเพื่อให้เกิดความแม่นยำและสมบูรณ์มากขึ้นก่อนที่จะเริ่มลงมือรักษาได้
การคิดเชิงระบบจะต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้
การคิดเชิงระบบจะต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้
การคิดแบบมีความเป็นองค์รวม (Holistic) หรือ Wholeness เป็นการประเมินองค์ประกอบของสถานการณ์หรือสภาพปัญหาของหน่วยงาน ในภาพรวมทั้งหมด
การคิดเป็นเครือข่าย (Networks) เป็นการคิดเชื่อมโยงปฏิสัมพันธ์ของระบบต่างๆ ที่ประกอบกันขึ้นมา เป็นเครือข่ายของระบบ
คิดเป็นลำดับชั้น (Hierarchy) ระบบหนึ่งๆ อาจจะมาจากระบบย่อยๆ หลายระบบที่ประกอบกันขึ้นมา และในระบบย่อยเองก็มีความสัมพันธ์ของส่วนต่างๆ ที่เป็นองค์ประกอบของระบบ
คิดแบบมีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน (Interaction) ระหว่างระบบด้วยกัน ทั้งระบบย่อยกับระบบย่อยด้วยกัน ระบบใหญ่กับสภาพแวดล้อม ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของระบบย่อยจะมีผลต่อ ระบบใหญ่ด้วย
คิดอย่างมีขอบเขต (Boundary) ระบบหนึ่งๆ มาจากระบบย่อยหลายระบบ และระหว่างระบบย่อย และระบบใหญ่ต่างมีขอบเขตที่แสดงให้เห็นว่า ระบบนั้นๆ ครอบคลุมอะไรบ้าง และอะไรบ้างที่อยู่นอกเขตแดน ซึ่งในความเป็นจริงระบบก็ไม่ได้แยกเขตแดนกันอย่างเด็ดขาด แต่มีการทับซ้อน (Overlap) กันอยู่
คิดอย่างมีแบบแผน (Pattern) ระบบจะต้องมีความคงที่แน่นอน เพื่อเป็นหลักประกันว่ากระบวนการทำงานทุกอย่างในทุกๆ ขั้นตอน จะไม่เบี่ยงเบนไปจากเป้าหมายโดยรวมของระบบ
คิดอย่างมีโครงสร้าง (System Structure) แต่ละส่วนที่ประกอบเป็นระบบมีความเป็นตัวของตัวเอง มีความเป็นอิสระ แต่ก็มีความเชื่อมโยงกัน อย่างเหมาะสมทำหน้าที่อย่างสัมพันธ์กัน ทำงานเสริมประสานกันกับส่วน อื่นๆ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของระบบโดยรวม
คิดอย่างมีการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลง (Adaptation) ระบบต่างๆ จะมีการปรับตัว และพยายาม สร้างสภาวะสมดุล และคงความสมดุลนั้นไว้ ด้วยการจัดระบบภายในตนเอง (Self Organize)
คิดเป็นวงจรป้อนกลับ (Feedback - Loops) เป็นการคิดในลักษณะเป็นวง (Loops) มากกว่าจะเป็นเส้นตรง ทุกส่วนต่างมีการเชื่อมต่อ ทั้งโดยตรงและโดยอ้อม