Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
พล็อตเหมืองที่จะเอา, เจค อดีตหัวขโมยที่พบว่าตัวเองถูกดึงดูดมาที่หมู่บ้านหล…
-
เจค อดีตหัวขโมยที่พบว่าตัวเองถูกดึงดูดมาที่หมู่บ้านหลังจากเกิดเหตุร้ายหลายครั้งทำให้เขาไม่มีที่ไป เขาฉลาดและมีไหวพริบ แต่ยังต่อสู้กับความรู้สึกผิดและความรู้สึกที่ไม่ดี
เขาขโมยพวกคนรวยๆ "นี่คือการเอาคืนของฉัน" เพื่อหาเลี้ยงหญิงม่ายลูกติดและเด็กๆในสลำ ด้วยความสามารถของเขาเขาเป็นมือดีแห่งวงการขโมย จนก่อตั้งกลุ่มโจรที่8ขึ้นโดยมีเจคเป็นหัวหน้า แต่ทว่าสุดท้ายแล้วโชคของเจคก็หมดลง เขามันก็แค่ ไอ้ขี้ขลาดวันนี้แกหมดโชคแล้วละ คนรักและลูกติดของเจคถูกประหารเพื่อล่อตัวเจคให้ออกมา เพื่อนๆที่ร่วมอุดมการของเจคโกรธแค้นแทนเจคและเข้าต่อสู้จนตัวตาย แต่เจคกลับวิ่งหนี เจควิ่งต่อไปเรื่อยๆไม่หยุด 3วัน 3คืน เจคมีความรู้สึกผิดที่ตามหลอกหลอก "ไอ้ขี้ขลาด"
ให้เจคอยู่ในปาร์ตี้จาน่า เขาก็ยังหนีอยู่ตลอดเพราะความกลัว จนคนในหมู่บ้านดูถูกสะกิดปมของเจคว่า ไอ้ขี้ขลาดสุดท้ายแล้วเขาจึงลุกขึ้นสู้ปกป้องคนเพื่อนๆจากมอนเพื่อตายอย่างโง่ๆในความรู้สึกของผู้อื่น
-
-
-
-
-
ดาเนียล ชายหนุ่มที่หนีออกจากเมืองหลังจากถูกกล่าวหาว่าก่ออาชญากรรม เขาใจดีและเห็นอกเห็นใจ แต่ก็ต่อสู้กับความรู้สึกอยุติธรรมและความปรารถนาที่จะแก้แค้น
เขาก่อตั้งสหะกรเล็กๆขึ้นเพื่อที่จะป้องกันการเอาเปรียบจากพวกพ่อค้า เขาจึงโดนเล่นงานใส่ร้ายต่างๆนาๆ เขาต่อสู้และทำให้ลูกเมียตัวเองต้องลำบากเขาไม่ยอมแพ้และให้คนอื่นที่เป็นอีกขั้วอำนาจเป็นหัวหน้าองกรแทนและเขาจึงบอกลาครอบครัวและหนีออกมา
เกล เป็นทหารรับจ้างที่คอยปกป้องสเบียงของพ่อค้า ต้องทนและรับมือต่อการซุ่มโจมตีมาเป็นระยะเวลานานจนเป็นโรคหวาดระแวงเสียงและโพรงหญ้าหรือสิ่งที่สามารถซ่อนตัวอยู่ได้ และเขาก็ต้องดิ้นรนกับ PTSD และความกลัวที่จะสูญเสียการควบคุม
เมื่อเขาใด้ยินเสียงแปลกๆ หรือเสียงฝีเท้า อาการหลอนก็จะเกิด จะทำให้เขานึงถึงตอนที่โดนซุ่มโจมตี เกลหลบอยู่หลังต้นไม้และฟังเสียงฝีเท้าอย่างใจเย็น และเขาก็โผล่ไปเอามีดสปาต้าฟันโจรจนคอขาด เขาเริ่มหลอนเสียงฝีเท้าตอนที่ขุดแร่อยู่ในถ้ำเขาก็เลยแอบและนึกว่าตัวเองอยู่ในสถานการในอดีต เขาโผล่ตัวออกไปและง้างมีดฟันไปที่ต้นต่อของเสียงฝีเท้านั่นทันที โชคดีที่เสียงฝีเท้าเป็นเด็ก มีดที่คมกริบเหวี่ยงผ่านหัวของเด็กคนนั้นไปอย่างเฉียดฉิว ตอนหลังอาจให้เกลทำลายแก้วหูตัวเอง ก่อนหน้านั้นเกลเคยหลอนแบบนี้และแอบหลังต้นไม้ออกมาฟันคอม้าของ....จนคอม้าขาด
มาร์ค ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ครั้งหนึ่ง มาร์คเป็นส่วนหนึ่งของหน่วยที่ถูกส่งไปยังหมู่บ้านเล็กๆซึ่งอยู่ใต้ดิน ซึ่งว่ากันว่าเป็นที่อยู่ของกลุ่มสิ่งมีชีวิตประหลาดที่โดนคำสาปซึ่งถูกเรียกว่าสัตว์ประหลาด หมู่บ้านที่ควรจะเป็นที่หลบภัย แต่ด้วยเส้นทางที่ซับซ้อนใต้ดินกลับกลายเป็นกับดัก มาร์คและหน่วยของเขากำลังซุ่มโจมตี และเปิดฉากโจมตี ห่ากระสุนพุ่งเข้าสู่เป้าหมาย มีเสียงกรีดร้องของมนุษย์ออกมาจากทุกทิศทุกทาง เสียงกรีดร้องไม่อาจหยุดยั้งพวกเขาได้ พวกเขายังตะลุยเข้าไปต่อ และทุกคนก็ต้องตกใจกับศพของสัตว์ประหลาดเป็นอย่างมากที่สัตว์ประหลาดแท้จริงแล้วคือมนุษย์ พวกเขาร่างกายบิดเบี้ยวพิการจากพิษของคำสาป ปากที่แหวกออกมาราวกับแมลง กรามที่ใหญ่ใว้บดเคี้ยวกระดูก และเคลื่อนใหวได้รวดเร็วราวกับสัตว์เลี้ยนคลานที่มนุษย์ไม่อาจเคลื่อนใหวแบบนั้นได้ เมื่อพวกมันตัวนึงตายลง อีกหลายตัวก็มาลุมกัดกินพวกเดียวกันเอง น้ำตาของพวกมันไหลและกรีดร้องออกมาราวกับมนุษย์กำลังร่ำไห้ และหัวใจของมาร์คก็เจ็บปวดเมื่อเห็นน้ำตาและความทุกข์ทรมานของพวกเขา
แม้จะมีความโกลาหลและความหวาดกลัวในการสู้รบ มาร์คและทีมของเขาก็ต่อสู้ต่อไป มุ่งมั่นที่จะเอาชีวิตรอด เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นในวันใหม่ เสียงปืนและเสียงกรีดร้องก็สงบลงในที่สุด และผู้รอดชีวิตออกมาจากอุโมงค์ในสภาพสะบักสะบอมแต่ยังมีชีวิตอยู่ พวกเขารู้ว่าจะไม่มีวันลืมความสยดสยองที่ได้เห็นในหมู่บ้านต้องคำสาปนั้น
ในที่มืดแคบมาร์คเป็นโรคหวาดระแวงและ ptsd และกลัวกการเสียการควบคุม มาร์คคือ 1 คนที่ติดคำสาปของการฆ่าผู้ที่ติดคำสาปไปมากมาย
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
โดนตัวร้ายปั้นหัวว่าให้ตามหาดอกไม้แก้คำสาป เกร็นไม่เห็นด้วย แต่คนอื่นอยากไปหา เกร็นเลยยอมไปหาด้วยแต่วางแผนจับคนร้าย ดอกไม้ไม่ได้มีตั้งแต่แรก
-
-
-
-
-
-
เอมิลี่ หญิงสาวที่หนีออกจากเมืองหลังจากการแตกหักอย่างเลวร้าย เธอนั้นมีหน้ามีตาในสังคม และถูกให้ขึ้นหลังเสือ เดิมทีมันเป็นเพียงแค่ความรักของเธอกับขุนนางคนนึง แต่เธอก็เริ่มมารู้ตอนหลังว่าตนเองนั้นถูกคนรักของเธอบงการราวกับเป็นสิ่งของไม่เคยแยแสความรู้สึกเธอ คนรักของเธอไม่เคยปล่อยให้เธอเป็นอิสระ ทั้งยังมีรสนิยมที่โรคจิตที่ชอบเห็นเอมิลี่ถูกลุมโทรม เธอทนอยู่หลายครั้งจนต้องหนีออกมา
ลิลี่ หญิงสาวผู้ดิ้นรนเพื่อหาที่ยืนในโลกนี้หลังจากที่พ่อแม่ของเธอเสียชีวิตอย่างกระทันหัน เธอเป็นคนทะเยอทะยาน แต่ก็ไม่มั่นคงนักและมักจะสงสัยในตัวเอง
-
-
-
-
ลิฟานั่งคุยมโนกับเกร็นว่าถ้าหากพวกเราออกไปใช้ชีวิตด้วยกันผจญภัยด้วยกัน บลาๆ แล้วเรื่องก็ตัดจบลง ทั้งคู่กับสู่ปัจจุบันที่ลิฟาต้องการเสียสละตัวเอง เกร็นบอกลิฟาว่า ช่วยรอเกร็นทีใด้ใหมเกร็นจะไปทำอะไรบางอย่างแล้วมาช่วยลิฟา ลิฟาบอกว่า แบบนั้นจะเป็นการผูกมัดตัวคุณเองนะค่ะ เก็นเลยเปลี่ยนเป็น งั้นลิฟาฉันจะรอเธอกลับมาเอง ฉันจะทนรอเธอเอง ลิฟาบอก การรอมันเจ็บปวดนะค่ะ ฉันรู้ดีกว่าใครๆ เกร็นบอกว่าฉันไม่อยากเสียเธอไป ลิฟาก็บอกว่า ฉันขอสัญญาค่ะ ในซักวันนึง ฉันจะกลับไปหาคุณให้ใด้ และขอให้เกร็นสัญญาในสิ่งที่ดุเห็นแก่ตัวกับเธอ ลิฟาขอให้เกร็นสัญญาว่า จะไม่ลืมเธอ แต่ก็ไม่ต้องรอเธอ (ไม่ต้องลืมแต่ไม่ต้องรอ/อย่าลืมฉันแต่อย่ารอฉัน) เกร็นบอกว่า แบบนั้นเธอจะมีความสุขที่สุดใช่ใหม ลิฟายืนยันว่าใช่
ฉากลิฟาพยายาจะบอกเกร็นว่า เธอนั้นรักเกร็น แต่ก็เป็นเพียงแค่ความคิดของเธอ ตอนหลังเธอบอกเกร็นว่า คุณไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอกน่ะค่ะ(จริงๆเธอก็ไม่รู้ว่าตัวเธอจะเป็นอย่างไร) รอดไปให้ใด้ และครั้งหน้าที่พวกเราเจอกัน ฉันจะบอกความลับอย่างสุดท้ายของฉันให้คุณฟังค่ะ
เกร็นรู้ว่าลิฟาโกหกเลยวางแผนให้เรื่องมันไปกันใหญ่ ลิฟาเลยถูกแผนเกร็นหลอก แล้วเกร็นก็บอกว่ามันเป็นเพียงแค่ละคร
ฉากลิฟาบีบคอเกร็นในป่าตอนที่เกร็นนอน ลิฟาบอกว่า อยากเห็นสีหน้าที่ไม่รู้สึกทุกร้อนของคุณเจ็บปวดจังเลยค่ะ เกร็นเลยทำสีหน้าให้ดู แล้วทั้งคู่ก็หัวเราะกันคิ๊กคักๆ
-
บาร์มี่ ชายที่มีความลึกลับในอารม จิตใจเขาเปรียบเสมือนกับระเบิดเวลา ดูเป็นคนใจเย็น ไม่มีใครรู้ว่าตอนใหนเขาจะร้ายหรือเขาจะดี ขึ้นอยู่กับอารมที่เคลื่อนใหวไปมาของเขา และเขามักไม่เข้าใจความรู้สึกของจาน่า เขาให้ความสำคัญกับอารมตัวเองอย่างที่สุด เขาจะคิดว่าสิ่งที่เขาทำและยืนอยู่เหนือปัญหามันทำให้เขากลายเป็นคนดี และเขาจะไม่ชอบมากๆเวลาที่มีคนมองเห็นตัวตนที่แท้จริงของเขาและบอกว่าเขาไม่ใช่คนดี การให้ความสำคัญกับอารมของตัวเองที่พริ้วใหวไปมา ทำให้เป็นคนชอบผิดสัญญาและหาข้ออ้างในการผิดสัญญา เขาจะอยู่เฉยๆเวลามีเรื่องเกิดขึ้นและทำให้ตัวเองไม่ถูกมองจากสายตาคนอื่นว่าเป็นคนไม่ดี และเมื่อเรื่องทุกอย่างจบลงเขาจะกระโจนเข้าไปหาทุกๆคนเหมือนว่าเขาเป็นคนคลี่คลายปัญหาทั้งหมด บาร์มี่เป็นคนรักษาภาพพจน์ของตัวเองที่มีต่อคนอื่น เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นกับจาน่าโดยที่จาน่าไม่ใด้เป็นคนผิด และจาน่ามาขอความเชื่อเหลือจากบาร์มี่ บาร์มี่มักจะบอกให้จาน่าต้องทนยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นและทำให้จาน่าถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียวแทนที่จะออกตัวปกป้องจาน่าและต่อว่าฝ่ายที่ผิด เขากลับรักษาภาพพจน์ของตัวเองแทน
วันหนึ่ง จานาเล่าให้บาร์มี่ฟังเรื่องความไม่มั่นใจและความกลัวของเธอ เธอเล่าให้เขาฟังเกี่ยวกับการต่อสู้กับโรคซึมเศร้าและความกังวลตลอดเวลาว่าเธอไม่ดีพอ Barmy ฟังอย่างตั้งใจและสัญญากับ Jana ว่าเขาจะอยู่เคียงข้างเธอเสมอ อย่างไรก็ตาม เมื่อจานาเริ่มเปิดใจเกี่ยวกับอดีตและความบอบช้ำทางจิตใจที่เธอเคยประสบ Barmy ก็เริ่มอึดอัดและไม่สนใจ เขาบอกจานาว่าเธอจมปลักอยู่กับอดีต และเธอจำเป็นต้อง "ก้าวต่อไป" และ "หยุดคิดในแง่ลบ" จานาเจ็บปวดกับคำพูดของบาร์มี่และรู้สึกเหมือนเขาไม่เข้าใจหรือสนใจการต่อสู้ของเธอเลย เธอรู้สึกถูกหักหลังและโดดเดี่ยว และคำพูดของ Barmy นั้นเป็นเพียงการตอกย้ำความรู้สึกของเธอที่ไม่เพียงพอ สำหรับคนอื่น อาจดูเหมือนบาร์มี่แค่พยายามให้ความรักหรือกำลังใจ แต่สำหรับจาน่าเธอเหมือนถูกมีดกรีดซ้ำลงไปที่แผลเก่าของเธอ
-
ตัวของบาร์มี่เองนั้นรักจาน่าและอยากจะครอบครองจาน่าและเต็มไปด้วยความต้องการ เขาจึงพยายามทำอะไรหลายๆอย่างเพื่อจาน่าในแบบของเขา แต่ทว่าสิ่งที่เขากระทำให้กับจาน่านั้นมันยิ่งทำให้จาน่าแย่ลงเรื่อยๆและเจ็บปวดจากคำพูดและการผิดสัญญาของบาร์มี่ ซึ่งจาน่าเป็นคนที่รักษาสัญญามากๆ ทั้งคู่พยายามคุยกันและอธิบายความรู้สึกของกันและกัน มีเพียงแค่จาน่าที่เข้าใจในตัวบาร์มี่ ในความคิดของบาร์มี่เขาทั้งเสียสละและพยายามจะเป็นกำลังให้กับจาน่า แต่ในความรู้สึกของจาน่าบาร์มี่ทำไม่ถูกวิธีเพราะไม่เข้าใจความรู้สึกของจาน่า และไม่มีทีท่าว่าการอธิบายใดของจาน่าจะทำให้บาร์มี่เข้าใจความรู้สึกของจาน่าขึ้นมาบ้างเลย บาร์มี่เป็นคนที่ไม่อาจจะเข้าใจในนามธรรมใด้ เขาจะเข้าใจใด้แต่สิ่งที่ตัวเขาเองต้องประสพพบเจอกับตัวเองเท่านั้น เรียกใด้ว่า บาร์มี่และจาน่าเขาทั้งคู่อย่างต่างกันสุดขั้ว หลังจากการทะเลาะกันมาอย่างยาวนานวันเว้นวัน บาร์มี่เองก็ทนเห็นจาน่าเจ็บปวดไม่ใด้ แต่เขาเองก็ไม่อาจจะปล่อยจาน่าไปจากเขาใด้ จาน่าเองพยายามจะลดสถาณะของบาร์มี่ลงให้เหลือแค่เพื่อน เพราะจาน่าไม่อาจจะเกลียดบาร์มี่ใด้ มันเหมือนกับคำสาปของจาน่า ให้เธอไม่สามารถเกลียดใครใด้แม้เธอจะถูกคนผู้นั้นทำร้ายก็ตามหากเธอเคยนับว่าเป็นเพื่อนไปแล้ว เธอก็ไม่อาจจะสลัดคำว่าเพื่อนทิ้งไปใด้ บาร์มี่ใช้โอกาศนั้นเพื่อเข้าหาจาน่าครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อขอเพิ่มสถานะให้เขากลายเป็นคนรักของจาน่าให้ใด้ แต่สุดท้ายก็มีเรื่องที่ทำให้ทั้งคู่ต้องทะเลาะกันอยู่ดีเพราะทั้งคู่ไม่อาจจะเข้ากันใด้ด้วยมุมมองและวิธีคิด บาร์มี่คิดอะไรง่ายๆและมองแค่ตัวเอง ส่วนจาน่านั้นคิดในสิ่งที่ซับซ้อนเพื่อมองเห็นความรู้สึกของคนอื่น เมื่อมีปัญหาบาร์มี่ก็หายไปแล้วก็โผล่กลับมาใหม่ราวกับเขาไม่เคยทำให้จาน่าเจ็บปวดมาก่อน บาร์มี่นั้นไม่ว่าจะเจอเรื่องเลวร้ายแค่ใหนเขาบอกว่า เมื่อเขานอนและตื่นขึ้นมาเรื่องเลวร้ายเหล่านั้นก็สลายหายไปจากใจเขา จาน่าสวนกลับไปทันทีว่า มันหายไปจากตัวนาย แต่มันยังอยู๋ในตัวฉัน ความสัมพันของทั้งคู่ วนลูปกันอยู่เช่นนี้ จาน่าเองก็เจ็บปวดอยู่เช่นนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า ส่วนบาร์มี่เองก็เจ็บปวดครั้งแล้วครั้งเล่าเพราะเขาคิดว่าตัวเขานั้นพยายามอย่างมากๆแล้วเพื่อจาน่า แต่จาน่าไม่เคยเห็นคุณค่าในความพยายามของเขาเลย ในตอนหลังบาร์มี่เริ่มป่วยเป็นโรคซึมเศร้า เขามักทำลายข้าวของในตอนที่หงุดหงิด และรู้สึกไม่มีความสุขกับชีวิต คุณค่าในตัวเองของบาร์มี่นั้นหายไป เขาพบว่าเขาศูนย์เสียการติดต่อกับสิ่งสำคัญของเขาไปนั่นคือจาน่า จาน่าบอกเลิกกับบาร์มี่และขอให้เขาเป็นแค่เพื่อน บาร์มี่ต้องการพิสูจตัวเองว่าเขาสามารถเข้าใจความรู้สึกของจาน่าใด้ แต่จาน่าก็ไม่เชื่อใจบาร์มี่อีกแล้ว เธอทั้งประชดและดูถูกบาร์มี่ที่ยืนยันว่าตนเองสามารถทำใด้มาเป็นร้อยรอบแต่ก็ทำไม่เคยใด้ตามที่พูด บาร์มี่เริ่มทำอะไรรุนแรงกับจาน่ามากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อที่จะต่อต้าน จาน่า และเพื่อทำลายคุณค่าของจาน่าให้ลดลงมาเท่าเทียมกับตัวเขาเองเพื่อที่จะใด้รู้สึกว่าตนเองมีคูณค่ามากขึ้น บาร์มี่ตวาดเธอ ทำร้ายร่างกายเธอ ทำร้ายจิตใจจาน่า ซึ่งแท้จริงแล้วที่บาร์มี่ต้องการก็คือ ต้องการให้จาน่ามอบคุณค่าให้กับเขาเพราะตอนนี้เขาไม่เหลือคุณค่าใด ในมุมมองจาน่า
-
-
-
"คุณแค่แสดงละคร" คำพูดที่ไม่ใส่ใจนี้ทำให้อารมณ์ของ Jana เป็นโมฆะและไม่สนใจความสำคัญของความรู้สึกของเธอ
“ไม่น่าเชื่อว่านายจะพูดแบบนั้น” ข้อความนี้บอกเป็นนัยว่าคำพูดหรือการกระทำของจานาไม่มีเหตุผลหรือไม่ถูกต้อง ซึ่งอาจสร้างความเจ็บปวดและทำให้เธอรู้สึกว่าถูกเข้าใจผิด
"คุณทำแบบนี้เสมอ" ข้อความนี้ชี้ให้เห็นว่าจานาสร้างปัญหาหรือมีพฤติกรรมบางอย่างอยู่ตลอดเวลา ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อความภาคภูมิใจในตนเองของเธอ
“ไม่น่าเชื่อว่านายไม่เข้าใจ” ข้อความนี้บอกเป็นนัยว่าจานาไม่ฉลาดหรือเฉลียวฉลาด ซึ่งอาจส่งผลร้ายและทำลายความมั่นใจในตนเองของเธอ
"คุณเป็นเหมือน [สมาชิกในครอบครัว] ของคุณ" การเปรียบเทียบจานากับคนอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทางลบ อาจสร้างความเจ็บปวดและเสื่อมเสียได้
"คุณยังดีไม่พอ" คำพูดนี้บั่นทอนความสามารถและคุณค่าในตนเองของจานา ซึ่งอาจสร้างความเจ็บปวดอย่างสุดซึ้งได้
“ฉันทนอยู่ใกล้คุณไม่ได้เมื่อคุณเป็นแบบนี้” ข้อความนี้บอกเป็นนัยว่าจานาเป็นภาระหรือความไม่สะดวกเมื่อเธออารมณ์เสีย ซึ่งอาจสร้างความเจ็บปวดอย่างมากและสร้างความเสียหายต่อความรู้สึกมีคุณค่าในตนเองของเธอ
“ฉันไม่สามารถจัดการกับอารมณ์ของคุณได้” ข้อความนี้ชี้ให้เห็นว่าจานาเป็นคนยากหรือไม่มีเหตุผล ซึ่งอาจสร้างความเจ็บปวดและทำลายความนับถือตนเองของเธอได้
"คุณก็แค่เห็นแก่ตัว" ข้อความนี้บอกเป็นนัยว่าจานาสนใจแต่ความต้องการและความปรารถนาของเธอเอง ซึ่งอาจสร้างความเจ็บปวดและทำลายความรู้สึกมีคุณค่าในตนเองของเธอได้
“คุณแค่พยายามเรียกร้องความสนใจ” ข้อความนี้ชี้ให้เห็นว่าจานากำลังเรียกร้องความสนใจหรือการตรวจสอบผ่านอารมณ์ของเธอ ซึ่งอาจสร้างความเจ็บปวดและไม่สนใจความรู้สึกที่แท้จริงของเธอ
รู้ว่าเกรนเป็นคนที่เข้าใจความรู้สึกของฌาณดีกว่าตน และฌาน่าจะมีความสุขกว่าอยู่กับแบมมี่ บาร์มี่วางแผนทำร้ายเกรน เขาเปลี่ยนยาพิษที่ไม่มีสีไม่มีกลิ่นเป็นยาบางชนิด โดยหวังว่าเกรนจะรับไปโดยไม่รู้ตัว แต่โดยบังเอิญ Jana มอบขวดนี้ให้เพื่อนที่ต้องการ และเมื่อเพื่อนของ Jana ดื่มยาพิษเข้าไป พิษในขวดก็ออกฤทธิ์ เพื่อนของ Jana เสียชีวิตทันที คนในหมู่บ้านสาปแช่งและลงโทษ Jana ที่วางยาเพื่อนของเธอ ส่วนแบมมี่ตกใจจนทำอะไรไม่ถูกแต่ชัวร์ที่สุดว่าจะไม่เปิดเผยความจริงของเรื่องราวทั้งหมดอย่างแน่นอน
-
หากว่าการพยายามช่วยคนอื่นอย่างบริสุทธิใจโดยที่สุดท้ายแล้วผลลัพท์กลับเป็นการช่วงชิงชีวิตของพวกเขาแทน จาน่าผ่านสิ่งเหล่านี้มาถึง 3 ครั้ง ก่อนที่จะช่วยบาร์มี่
1.จาน่านั้นเป็นทาสมาก่อน เธอมี คุณพ่อและคุณแม่ พี่สาว และน้องสาว น้องสาวและจาน่านั้นไม่ค่อยใด้รับความรักจากพ่อแม่นัก มีแต่พี่สาวที่พ่อแม่ทั้งรักและหวง วันนึงพี่สาวของเธอป่วยหนัก จาน่าจึงออกไอเดียให้พ่อแม่ขายเธอเพื่อซื้อยามารักษาพี่สาวของเธอ เธอและน้องสาวถูกขายให้ตระกูลขุนนางตระกูลหนึ่ง พวกเธอเชื่อแบบนั้น แต่แท้จริงแล้วพวกเธอถูกพาไปขายที่ซ่อง ขณะที่จาน่าและน้องสาวยังไม่รู้ถึงชะตากรรมของตนเอง พี่สาวของจาน่าก็เริ่มคลุ้มคลั่งขาดสติและลงมือฆ่าพ่อแม่ของเธอเองเพียงเพราะยารักษาที่ไม่ใด้มาตรฐาน ในตอนหลังด้วยความเศร้าเสียใจของจาน่าที่เสียน้องสาวไป จาน่ากลับมาหาพ่อแม่ที่บ้านเพื่อหวังจะพึ่งพิง แต่แล้วก็พบว่า พี่สาวของเธอฆ่าพ่อและแม่ของเธอไปเสียแล้ว จาน่าโทษว่าเป็นความผิดของเธอเองเพราะเธอเป็นคนออกไอเดีย
2.เมื่อจาน่าและน้องสาวของเธอพบว่าตัวเธอทั้งคู่ถูกขายให้มาอยู่ในซ่อง จาน่าขอต่อรองกับขุนนางที่เป็นเจ้าของและขอร้องว่าอย่าเอาน้องสาวของเธอมาทำงานที่ซ่อง ส่วนจาน่าจะทำงานหนักเป็นสองเท่าแทนส่วนของน้องสาวที่ขาดไป ขุนนางยอมรับและให้น้องสาวของจาน่าไปกวาดลานบ้าน จาน่ายอมทำงานอยู่ที่นั่นอย่างเต็มใจ เธอยอมเสียสละใด้ทุกอย่างเพื่อน้องสาวของเธอ ครั้งนึงเธอเจอคนที่รู้สึกถูกชะตา เขาเป็นขุนนางที่ท่าฉลาดหล่อเหลา จาน่าใด้คุยด้วยและรู้สึกเชื่อใจเขาและใว้ใจใด้ จาน่าจึงเล่าแผนการของตัวเองให้ฟัง จาน่าแอบเก็บเงินใด้จำนวณนึงตลอดเวลาที่ผ่านมา จาน่าขอร้องให้เขาซื้อตัวน้องสาวของตัวเองออกไปจากซ่องนี้ เขายอมรับข้อเสนอของจาน่า และปลดปล่อยน้องสาวของจาน่าออกจากซ่องและนำน้องสาวของจาน่าไปอยู่กับเขาในวัง หลังจากนั้นขุนนางคนนั้นก็หายตัวไป ไม่เคยมาหาจาน่าอีกเลย จาน่าจึงสงสัยและเป็นห่วงน้องสาว เธอจึงหลบหนีออกจากซ่องและมุ่งหน้าไปหาน้องสาวของตัวเอง สุดท้ายแล้วขุนนางที่หล่อเหลาและดูเชื่อใจใด้นั้นคือปีศาจร้ายที่ยิ่งกว่าปีศาจร้าย จาน่าพบว่า เขานั้นจิตใจวิตปริตเขาชอบ ร่วมรักอย่างรุนแรงกับเด็กอายุไม่เกิน 10 ขวบ เขาอยู่ในความเศร้าโศรกที่พบว่าน้องสาวของจาน่าแอบฆ่าตัวตายในตอนที่เขาไม่อยู่บ้าน เมื่อจาน่ารู้ความจริงดังกล่าวจึงบัลดาลโทษะใช้มีดแทงไปที่ขุนนางคนนั้นจนมือของเขาทะลุ และก็วิ่งหนีออกมา จาน่าถูกตามล่าตัวไปทั่ว เธอโทษตัวเองอีกครั้งว่าน้องสาวของเธอนั้นต้องตายเพราะการตัดสินใจของเธอ
3.เธออกตามหาพี่สาวของเธอที่เป็นฆาตกร เธอหาข้อมูลและใด้รับข้อมูลจากคนบางกลุ่มที่กำลังตามหาพี่สาวของจาน่า เมื่อจาน่าพบกับพี่สาวของเธอ เธอก็พบว่า พี่สาวของเธอนั้นเป็นห่วงจาน่ามาก ถึงแม้ว่าจาน่าจะไม่ให้อภัยในสิ่งที่พี่สาวทำลงไป แต่ตอนนี้ พี่สาวของเธอคือครอบครัวเพียงคนเดียวของเธอที่เหลืออยู่ ทั้งคู่ตัดสินใจกันว่าจะหนีตามกันไปให้ใกลแสนใกลและใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังหนี ทั้งคู่ก็ถูกล้อมและถูกจับโดยทหาร พวกทหารนั้นวางแผนเพื่อให้จาน่านำทางพวกเขาไปพบกับพี่สาวของเธอ ก่อนที่จะเข้าล้อมจับพี่สาวของจาน่า พี่สาวของจาน่าโกรธแค้นจาน่ามากและกล่าวหาว่าจาน่าหลอกลวงเธอ เป็นความผิดของจาน่าที่รวมหัวกันหลอกเธอและพาทหารมาจับเธอ เธอขัดขืนและพยายามจะฆ่าจาน่าแต่ก็ถูกทหารฆ่าตายอยู่ตรงนั้น จาน่าถูกจับไป แต่ไม่นานเธอก็ถูกปล่อยตัว เธอไม่มีที่ไปและเร่ร่อนไปมาราวกับซากศพ จนมาอยู่ในหมู่บ้านที่เหมือง
ดูเหมือนว่าจานาจะมีอดีตที่ยากลำบากและประสบกับความสูญเสียและความยากลำบากมากมาย เป็นที่เข้าใจได้ว่าเธออาจต่อสู้กับความรู้สึกผิดและโทษตัวเองต่อสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับเธอและคนรอบข้าง สิ่งนี้อาจทำให้เธอต่อสู้กับภาวะซึมเศร้า นอกจากนี้ยังเป็นไปได้ว่าเธออาจพัฒนาความรับผิดชอบที่แข็งแกร่งและความปรารถนาที่จะช่วยเหลือผู้อื่นเพื่อเป็นหนทางในการพยายามแก้ไขความผิดพลาดที่เธอเชื่อว่าเธอได้ทำไว้ในอดีต อย่างไรก็ตาม มันเป็นสิ่งสำคัญสำหรับจานาที่จะต้องตระหนักว่าเธอไม่ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของผู้อื่น และเธอไม่สามารถควบคุมทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตได้ อาจเป็นประโยชน์สำหรับเธอในการขอความช่วยเหลือและคำแนะนำจากเพื่อนหรือมืออาชีพที่ไว้ใจได้ เพื่อที่จะจัดการกับความรู้สึกของเธอและเรียนรู้วิธีรับมือกับประสบการณ์ในอดีตของเธออย่างมีสุขภาพดี
จุดไคลแมคของเรื่องราวคือ จาน่าเลือกที่จะช่วยบาร์มี่ที่กำลังจะกระโดดหน้าผาตาย เป็นไปได้ที่เกรนจะรู้สึกผิดหวังและเสียใจหากรู้ว่าจาน่าเลือกที่จะช่วยบาร์มี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเขาเข้าใจความรู้สึกของจานาและรู้ว่าที่ผ่านมาบาร์มี่ทำร้ายเธอมากแค่ไหน เกรนอาจรู้สึกว่าจาน่าไม่ดูแลตัวเองและกำลังทำให้ตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์ที่อาจเป็นอันตรายโดยการช่วยเหลือบาร์มี่ นอกจากนี้ เขาอาจรู้สึกว่าจานาไม่ได้รับรู้ถึงอันตรายที่ Barmy ก่อขึ้นอย่างเต็มที่ และไม่ถือว่าเขามีส่วนรับผิดชอบต่อการกระทำของเขา อย่างไรก็ตาม เป็นไปได้เช่นกันที่ Gren จะพยายามเข้าใจมุมมองของ Jana และเคารพการตัดสินใจของเธอที่จะช่วย Barmy แม้ว่าเขาจะไม่เห็นด้วยก็ตาม
หลังจากที่เกร็นอธิบายไปจาน่าก็อธิบายเกร็นกลับมา เกร็นถามซ้ำอีกครั้งว่าเธอแน่ใจแล้วแน่น่ะ สุดท้ายแล้วหมอนี่อาจจะทำให้เธอเสียใจอีกก็ใด้ จาน่าบอก อือ นั่นเป้นครั้งแรกที่ทำให้บาร์มมี่ร้องไห้ออกมา เกร็นบอกว่า แม่นางฟ้าตัวน้อยๆเอ้ย บาร์มี่นายรู้ใหม ตรงหน้าของนาย คนที่นายเคยทำร้าย เธอเป็นผู้หญิงที่งดงามมากที่สุดคนนึงเท่าที่ฉันเคยพบมา
เรื่องราวของจานาจนถึงตอนนี้แสดงให้เห็นว่าเธอประสบกับความเจ็บปวดและความสูญเสียมากมายในชีวิต เธอต้องทำการตัดสินใจที่ยากลำบาก เช่น ขายตัวเองเป็นทาสเพื่อพยายามช่วยน้องสาวของเธอ และต้องรับมือกับผลที่ตามมาของการตัดสินใจเหล่านั้น อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ เธอยังคงมีความเห็นอกเห็นใจและมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะช่วยเหลือผู้อื่น แม้แต่คนที่ทำให้เธอเจ็บปวดเช่น Barmy ดูเหมือนว่าเธอมีนิสัยชอบให้อภัยและเต็มใจให้โอกาสคนอื่นเป็นครั้งที่สอง แม้ว่าพวกเขาจะไม่สมควรได้รับมันก็ตาม นี่เป็นข้อพิสูจน์ถึงความแข็งแกร่งและความยืดหยุ่นของเธอ เนื่องจากเธอสามารถเอาชนะความยากลำบากครั้งใหญ่และพยายามสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อโลกต่อไปแม้ว่าเธอจะเจ็บปวดเพียงใดก็ตามเธอก็ไม่อาจจะเกลียดโลกใบนี้ใด้
ฉากจาน่าฝันว่าอยู่กับแม่และแม่บ่นเรื่องเก็บของไม่เรียบร้อย 2รอบ แม่่บอกว่า ทนไม่ใหวแล้ว แล้วก็เอามีดแทงตัวเองตาย จาน่าตื่นมาเลยเก็บของที่วางเกะกะในห้องเธอ บาร์มี่มาช่วยเธอแล้วก็บอกว่ามันก็เป็นระเบียบอยู่แล้ว จาน่าบอกว่าอย่าน่ะ มันเป็นความผิดของฉัน
-
-
-
-
จาน่าปรึกษาบาร์มี่บอกว่า ทำตรงนี้ไม่ใด้ต้องทำยังไง(ในใจแค่อยากให้บาร์มี่ช่วย) แต่บาร์มี่บอกว่า งั้นก็ไม่ต้องทำไปหาทำอย่างอื่น
บาร์มี่เป็น PTSD อ่อนๆ เมื่ออยู่ในสถานการที่กดดันและเสี่ยงอันตรายต่อการที่จะทำให้เขารู้สึกว่าเขาเป็นคนไม่ดี เขาก็จะระเบิดอารมออกมา มีปัญหาอะไรกับฉันรึเปล่า จาน่าพูดไม่ดีกับฉันก่อน
บาร์มี่ ผู้ที่ใช้ความพยายามใด้อย่างผิดวิธี เขาพยายามเพื่อที่จะใด้เป็นคนที่จาน่ายอมรับ แต่เนื่องจากมุมมองและวิธีคิดของจาน่ากับบาร์มี่แตกต่างกันสุดขั้วจนไม่อาจเข้าใจกันใด้ ความพยายามของบาร์มี่จึงไม่ต่างจากการหลงทางและทำร้ายตัวเองไปเรื่อยๆทั้งยังทำให้จาน่าต้องเจ็บปวด จนราวกับเวลาของบาร์มี่หยุดอยู่ ณ ช่วงเวลานั้น
Kalia - Kalia เป็นผู้หญิงหูหนวกที่สูญเสียการได้ยินจากอุบัติเหตุ แม้ว่าเธอจะพิการ แต่เธอก็เป็นนักสู้ที่มีทักษะและทำหน้าที่เป็นนักสู้หลักของทีม ความสามารถในการอ่านริมฝีปากและใช้ภาษามือของเธอทำให้เธอสามารถสื่อสารกับเพื่อนร่วมทีมได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่การขาดการได้ยินของเธอยังทำให้เธอมีแนวโน้มที่จะแสดงอาการหุนหันพลันแล่นเพราะพลาดข้อมูลที่สำคัญบางอย่างไป
แนช - แนชเป็นชายหนุ่มที่ได้รับความทุกข์ทรมานจาก PTSD อันเป็นผลมาจากการถูกจับเป็นเชลยและทรมานโดยกลุ่มโจร เขามีประสบการณ์อย่างมากในการติดตามและเป็นนักติดตามที่มีทักษะ แม้ว่าเขาจะถูกมองว่าเป็นสมาชิกที่มีค่าของทีม แต่แผลเป็นทางจิตใจของเขาทำให้เขามักจะระเบิดอารมณ์และโจมตีด้วยความตื่นตระหนก ซึ่งมักจะส่งผลต่อการตัดสินใจของเขา
กา - กาเป็นผู้หญิงที่ตาบอด เธอใช้ประสาทสัมผัสในการดมกลิ่นและการได้ยินที่เพิ่มขึ้นเพื่อนำทาง และเป็นผู้เชี่ยวชาญในการปฏิบัติการล่องหน ความพิการของเธอทำให้เธอมีวิจารณญาณมากขึ้น ทำให้เธอสามารถอ่านผู้คนและสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว บางครั้งก็ทำให้เธอตัดสินใจเร็วเกินไป
-
-
-
-
-
-
-
Eileen เป็นผู้หญิงที่ต้องทนทุกข์ทรมานจากสภาพที่หายากซึ่งทำให้เธอมองโลกในวิธีที่แตกต่างจากคนอื่นอย่างสิ้นเชิง เธอรับรู้วัตถุและผู้คนที่เคลื่อนไหวและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
Jasper เป็นผู้ชายที่เชื่อว่าตัวเองเป็นแมวที่ติดอยู่ในร่างมนุษย์และทำอย่างนั้นโดยการร้องเหมียวๆ และกินแต่ปลาดิบ
กา: ตัวละครที่สื่อสารได้โดยใช้ภาษามือเท่านั้น แต่มีพฤติกรรมแปลก ๆ โดยใช้สัญลักษณ์ของตัวเองสื่อสารกับสัตว์ซึ่งมีเพียงพวกมันเท่านั้นที่เข้าใจได้ หลายคนรอบตัวพวกเขาคิดว่าพวกเขาบ้า แต่พวกเขากำลังสื่อสารกับสัตว์ในแบบที่คนอื่นไม่สามารถเข้าใจได้
Sable: บุคคลที่มีอาการซินเนสทีเซียในรูปแบบที่หายากซึ่งพวกเขาสามารถลิ้มรสสีได้ พวกเขามักจะอธิบายสภาพแวดล้อมของพวกเขาในแง่ของรสชาติและเนื้อสัมผัส และอาจล้นหลามในสถานที่ที่มีผู้คนพลุกพล่านหรือมีสีสัน
มาร์คัส - มาร์คัสเป็นคนที่ทนทุกข์ทรมานจากกรณีร้ายแรงของโรคย้ำคิดย้ำทำ เค้าถามเพื่อนว่ากินอะไรหรือยังวันละ 10 รอบ
Randall แรนดัลล์เป็นคนที่หมกมุ่นอยู่กับความสมมาตรและระเบียบ เขาเป็นคนที่มีความละเอียดรอบคอบมาก เขาไม่เข้าใจว่าทำไมคนอื่นไม่เห็นความสำคัญของความสมมาตรเหมือนเขา และมันทำให้เขาโดดเดี่ยวและ
เวลาที่ทะเลาะกัน จาน่าต้องเงียบและยอมรับมันให้ใด้เพราะบาร์มี่จะรักษาหน้าคนอื่นมากกว่าคนรู้จักของตนเอง บาร์มี่บอกว่า จาน่าชอบทำตัวมีปัญหา
บาร์มี่เป็นคนที่ไม่เข้าใจว่าคนอื่นรู้สึกยังไง เรื่องที่เกิดขึ้นกับคนอื่น ต่อให้เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย สำหรับบาร์มี่ก็ "แล้วไงอ่ะ" แต่พอเป็นเรื่องตัวเองกระวนกระวาย
จาน่าจะเอาเรื่องบาร์มี่ไปบอกคนอื่นว่า เขาไม่ใช่คนดี อยากจะให้รู้จริงๆน่านายไม่ใช่คนดี อยากจะเอาไปบอกคนอื่น
-
-
-
เกร็นไปตั้งแค้มในป่ากับลิฟา ลิฟาบีบคอเกร็นแล้วบอกเกร็นว่า อยากเห็นคุณแปดเปือนจังเลยค่ะ อยากเห็นุใบหน้าที่เจ็บปวดของคุณค่ะ เกร็นบอกว่าถ้าใด้เห็นแล้วจะทำอะไรต่อละ ลิฟา ขบคิดแล้วบอกว่า ยังคิดไม่ออกค่ะ เกร็นเลยทำหน้าตาเจ็บปวด อี๋ อ๊าา อ๊าดด บิดเบี้ยวไปมาให้ลิฟาดู ลิฟาเลยหัวเราะ แล้วมอนก็มาบุกเพราะเกร็นส่งเสียงดัง ตอนหลังลิฟาบอกเกร็นว่า หลังจากใด้เห็นสีหน้าของเกร็น "อยากจะกอดคุณเอาใว้แน่นๆค่ะ"
บาร์มี่เคยขอจาน่าคบ ขอดูคุยดูๆไปก่อน จาน่าบอกว่าฉันยังไม่ใด้ชอบนายมากขนาดนั้น ถ้าตกลงว่าจะคุยกันแล้ว สัญญาใด้ใหมว่าจะไม่ปล่อยมือ บาร์มี่รับใด้ใหมว่าฉันเป็นแบบนี้
เทลส์ เธอคือเด็กกำพร้าที่ถูกหมู่บ้านเก็บมาเลี้ยง เธอเป็นผู้ถูกสาปเช่นเดียวกับกันแม่ของเธอ แม่ของเธอถูกฆ่าตายในตอนที่พาเธอหนีออกจากเพรชฆาตที่ตามฆ่าพวกที่ถูกสาป แม่ของเธอบอกกัลเทลว่า พ่อของเธอนั้นเป็นคนเลว คนที่ทรยศใด้แม้แต่ลูกในใส้ของตนเอง หลังจากนั้นเธอถูกช่วยเหลือโดยคนของหมู่บ้านและถูกเลี้ยงดูโดยเรมหญิงแก่ที่มีจิตใจเมตตา เทลลส์ใด้พบเพื่อนๆที่กำพร้าพ่อแม่เหมือนกันหลายคนที่นี่ ทำให้เธอสามารถใช้ชีวิตต่อไปใด้
ฉากที่เทลพยายามจะปีนเขาขึ้นไปเพื่อตามหาแม่ ลิฟาเคยบอกเธอว่า คุณแม่ของเธออยู่บนท้องฟ้า เธอพยายามที่จะขึ้นไปบนเขาให้สูงที่สุดเพื่อที่จะให้แม่ของเธอบนท้องฟ้ามองเห็นเธอ และกลับมาหาเธอ ก่อนที่เธอจะรู้ว่าจริงว่าแม่ของเธอตายแล้ว และจู่ๆตัวของเธอก็กระตุกไม่หยุด ร่างกายเริ่มล้ำกลายเป็นสีดำ มือขวาเริ่มกลายเป็นสัตว์ประหลาด ลิฟาก็ขึ้นมาหาบนภูเขา เธอใช้มีดแทงตัวเองและ แลกเปลี่ยนความเจ็บปวดกับเด็กน้อยคนนั้น ความโหยหาแม่และความเจ็บปวดตกไปอยู่ที่ลิฟา ส่วนความเจ็บปวดที่ถูกมีดแทงที่มี ถูกย้ายไปสู่เด็ก
ฉากของเทลบนภูเขาและรู้ความจริงเรื่องคำสาป ลิฟาถามเกร็นว่าทำไมดึงทำดีกับเทลล่ะค่ะ เกร็นบอกว่าให้ตอบแบบ สว่างๆหรือตอบแบบมืดๆดีละ ลิฟาบอกว่าถ้าตอบแบบสว่างๆฉันตอแทบคุณก้ได้ค่ะ ช่วยตอบฉันแบบมืดๆทีค่ะ เกร็นตอบแบบมืดๆเลยก็คือ เทลเป็นที่มีความฉลาดอยู่ในตัว และเป็นเด็กที่ไม่เคยหลงทาง หากฉันเป็นคนที่มอบคำพูดต่างๆให้กับเธอแล้วละก็ เมื่อเธอโตขึ้น จะมีเพียงฉันแค่คนเดียวที่สามารถทำให้เทลหลงทางได้ จะมีเพียงแค่ฉันคนเดียวที่เป็นเจ้าของเทลได้ หัวใจของเทลจะโหยหาแต่คำพูดของฉัน ลิฟาบอกว่า ดำมืดที่สุดตั้งแต่ฉันเคยฟังมาเลยละค่ะ
-
-
-
ตัวเองคือคนที่คิดเรื่องไม่ดีในหัวมากที่สุด และพยายามไม่เอาตัวเองลงไปเล่น และเขาชอบตีโพยตีพายไปว่าคิดว่าคนอื่นทำไม่ดีกับเขา
ในตอนที่จาน่ารู้สึกแย่ที่สุดและต้องการให้บาร์มี่ช่วยอะไรซักอย่างให้ตัวเองดีขึ้น จู่ๆ บาร์มี่ก็บอกว่าตนเองนั้นต้องเจอแต่เรื่องแย่ๆอะไรมาบ้าง เขาโชคร้ายที่สุด ฯลฯ แล้วจาน่าก็กลืนความเจ็บปวดของตัวเองลงไปและไปปลอบใจบาร์มี่แทน สุดท้ายปลอบใจไม่ใหวเริ่มทะเลาะกัน แล้วจาน่าก็บอกบาร์มี่ว่า หมูของเธอเพิ่งตาย บาร์มี่ก็พูดว่า ก็แค่หมูตัวนึง
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
วิธีแก้ปัญหาของบาร์มี่คือการระเบิดอารมใส่ เพราะตอนเด็กบาร์มีโดนแกล้งอย่างเดียว และเขาเริ่มต่อต้านเลยระเบิดอารมใส่เพื่อนและทำให้เขาเข้าใจว่ามันแก้ปัญหาใด้ด้วยการระเบิด
-
-
-
-
-
-
ลิฟาถามเกร็นว่าทำไมถึงทำตัวติงต๊อง เกร็นบอกว่า รอยยิ้มของเด็กๆมีค่ากี่บาท ลิฟาบอกว่า ประเมิณค่าไม่ใด้ค่ะ เกร็นบอกว่า เช่นนั้นแล้วฉันกำลังทำสิ่งที่ประเมิณคุณค่าไม่ใด้อยู่ยังไงละ
-
-
-
-
-
เธอใช้ภาษามือสื่อสารเธอไม่มีหู สำหรับคนที่เธอใว้ใจ เธอจะเข้าไปกอดเขาตอนที่เค้ารู้สึกแย่ราวกับพระแม่มารี เธอรับรู้ความรู้สึกของคนอื่นใด้ดีมาก พอจารู้สึกสึกไม่ดีซานก็จะเข้ามากอด
ฉากจาน่าฝากซานใว้ในห้องเกร็น เกร็นหลังจากดูแผนทีดวงดาวที่ตนเองทำเสร็จ ก็เลยหาเกมเล่นกับซาน (อาจให้เป็นการเล่นลอจิกเกท หรือบวกเลข หรือเล่นนินจา ดินน้ำลมไฟ)
นยุคกลางหากผู้คนต้องพบเจอกับเรื่องแปลกๆเช่น คุณพอจะมีข้อมูลและความเชื่อของคนยุคกลางเกี่ยวกับผู้พิการหรือผู้ที่ถูกสาปบ้างใหม
-
หลังจากเหตุการนั้น 10ปี ผู้ที่พิการแต่กำเนิดเพิ่มขึ้นด้วยจำนวณที่น่าตกใจ โดยที่พวกเขามีความเชื่อฝังใจและเชื่อมโยงผู้พิการเข้ากับเหตุการล่มสลายเมื่อ10ปีก่อน โดยเชื่อกันว่า คำสาปนั้นถูกส่งต่อกันเป็นทอดๆโดยผู้ที่รอดชีวิตจากเหตุล่มสลายครั้งใหญ่และแสดงออกมาในรูปแบบของคนพิการและคนที่ขาดบางสิ่งบางอย่างไป ทำพวกเขาเป็นต้นเหตุของโรคร้ายและลางร้ายต่างๆนาๆต้องกำจัดทันทีเพราะอาจจะทำให้เกิดการล่มสลายครั้งใหญ่ขึ้นอีกครั้งก็เป็นได้ หากใครก็ตามที่ให้กำเนิดคนพิการจะถูกกำจัดทั้งครอบครัว หรือหากราชวงและขุนนางใดให้กำเนิดคนพิการออกมาก็จะถูกมองว่าเป็นสายเลือดที่ต้องสาปและไม่ใช่บริสุทธิและไม่ใช่มนุษย์และตระกูลขุนนางนั้นทั้งหมดจะถูกกำจัดทิ้งทั้งหมด
หากมีองกรที่คอยช่วยเหลือผู้คนที่ถูกสาปและมอบสถานที่ให้กับพวกเขาโดยที่เบืองหน้านั้นเหมือนเป็นคนดี แต่ทุกอย่างในโลกนี้ไม่ใช่ของฟรีที่ไม่ต้องจ่าย เป็นไปใด้ว่าความมืดภายในองกรเหล่านี้จะมีความเป็นไปใด้กี่ชนิด
-
ถูกให้ทดลองร่างกายของผู้ถูกคำสาปกับปรสิทที่เก็บใด้จากใต้โลก พวกมันเมื่อเข้าไปสู่ร่างกายพวกมันจะเข้าไปยึดกับสมองและปล่อยเส้นใยไปทั่วร่างกาย หากขาเราขาด เราสามารถใช้ขาของผู้อื่นให้ปรสิทปล่อยเส้นไยเข้าไปในขาคู่ใหม่ ปรสิทจะคัดลอกคลื่นสมองของเราและส่งมันผ่านไปทางเส้นใยทำให้ขาคู่ใหม่เริ่มขยับและทำให้เราสามารถเดินใด้อย่างปกติ แต่แท้จริงแล้วปรสิตเหล่านั้นมีชนชั้น และพวกชาวบ้านจะใด้รับปรสิตที่อยู่ชั้นล่างสุด หากปรสิทชั้นที่อยู่สูงกว่าต้องการเรียกชั้นที่อยู่ต่ำกว่า ชาวบ้านทั่วไปก็จะถูกควบคุมให้ทำตามคำสั่งทันที
-
การยื่นมือเข้าไปหาใครซักคนในตอนที่พวกเขาอ่อนแอและไม่เหลือใครนั้นมันมีค่ามากกว่าสิ่งใด มันสามารถเปลี่ยนชีวิตคนใด้เลยนะบาร์มี่ มันอาจจะทำให้เขาก้าวข้ามความเจ็บปวดในอดีตของตนเอง และเป็นการบอกว่า มีคนๆนึงอยู่ตรงนี่ที่ยอมรับว่าเขาเป็นมนุษย์
ทั้งยังเป็นการบอกว่าจาน่ามองเห็นเขาเป็นมนุษย์คนนึง และสิ่งที่เธอทำลงไปมันก็เพื่อเป็นการบอกว่าเขาถูกมองว่า
ความรู้สึกและการกระทำของจานาเกิดจากความรู้สึกผิดอย่างลึกซึ้งและความปรารถนาที่จะชดเชยความผิดพลาดในอดีต การทำร้ายตัวเองอาจทำให้เธอรู้สึกว่าเธอกำลังชดใช้ความผิดในอดีตและปกป้องตัวเองจากประสบการณ์ที่เลวร้ายทางจิตใจ
-
เป้าหมายภายในจิตใจลึกๆของจาน่าที่ทำให้เธอผ่านช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตมาได้ เสียงในใจของเธอคือความต้องการที่จะ "ตายด้วยการช่วยเหลือผู้อื่น" และชดใช้ความผิดของเธอในอดีต ช่วยผู้อื่นจนตัวเองได้พบกับความตาย คือความปราถนาสูงสุดของจาน่า เธอเหมือนกับทหารแก่ที่โหยหาอยากจะตายในสนามรบเฉกเช่นพวกพ้องและคนสำคัญของเขาที่ตายในสนามรบ
ฉากลิฟาดูดความเจ็บปวดของคนๆนึงมาใว้ที่ตัว อาจให้เป็นเด็ก เด็กเคียดแค้นคนงานคนนึงมากๆจนอยากจะฆ่าให้ตาย โดยเรื่องชงว่าคนงานคนนั้นเป็นคนดี คนงานคนนั้นอาจจะพาพี่สาวของเด็กคนนั้นไปข่มขืน แล้วปล่อยให้สัตว์ป่าฆ่าตาย ลิฟาพอโอนความเจ็บปวดเด็กมาแล้ว ก็จัดระเบียบหรือยั้บยั้งมันไม่ได้ เลยน๊อตหลดแล้วไปฆ่าคนงานคนนั้นตายในฉากที่แบบ ส่งมาให้คนงานนี้เป็นตัวสำคัญแล้วไปหักมุม
ฉากลิฟาโอนความเจ็บปวดทางร่างกายของคนที่ขาขาดเข้ามาที่ตัวเองแล้วเธอก็อวดเป็นเลือด คนขาขาดความเจ็บปวดที่ขาหายไปและรอดตายแต่ขาไม่กลับคืนมา เกร็น อยากแชร์ความเจ็บปวดจากลิฟา เลยเอามือลิฟามาแตะที่ตัวเองแล้วกรีดแขนตัวเอง ความเจ็บปวดลิฟาสลับกับเกร็น เกร็นนอนทุรนทุราย ทั้งเจ็บปวดทั้งสะอิดสะเอียนจนอวกออกมา ลิฟาเข้ากอดเกร็นและอยากจะมอบความอบอุ่นที่เกร็นกอดเธอตอนที่เธอเจ็บปวดคืนให้ ลิฟามองไปที่หน้าเกร็นที่กำลังเจ็บปวดแล้วก็หน้าแดง(เพราะเธอบอกตั้งแต่แรกว่าอยากเห็นใบหน้าที่เจ็บปวดของเกร็น เพราะลิฟาลึกๆแล้วต้องการคนที่แปดเปือนและเจ็บปวดเหมือนตัวเองมาเป็นคนคอยเข้าใจ ลึกๆแล้วเธอกลับดีใจ แต่ก็เสียใจ)
เกิดเรื่องฆ่ากรรมขึ้นหาคนร้ายไม่ได้ พระเอกเลยหาหลักฐานมาหาคนร้ายได้ แต่จริงๆแล้ว พระเอกแค่ต้องการกับจัดคนที่ควรกำจัดเลยโบ้ยความผิดไปให้อีกคน และเข้าช่วยฆาตรกรตัวจริง แต่หลอกใช้
ฉากเกร็นรู้เบื้องหลังของอะไรบางอย่างจากคนๆนึง แบบเรื่อง nightmare alley เลยพูดออกไป คนๆนั้นไม่เชื่อ เลยโบ้ยความผิดว่า มีคนบอกฉันมา ฉันถึงรู้ ฝ่ายที่ฟังอยู่ก็เลยแปลกใจและคิดว่าพวกของตัวเองหักหลัง
เธอพยายามทำร้ายตัวเองเพื่อช่วยเหลือคนอื่น เธออยากเป็นคนที่โชคร้าย เพื่อบรรเทาความรู้สึกผิดในอดีต (ปกติคนที่รู้สึกผิดจะทำร้ายตัวเอง แต่จิตวิญญาในการเสียสละของจาน่า มันทำให้จาน่านั้น ทำร้ายตัวเองไปด้วย และช่วยคนอื่นไปด้วย และทำให้เธอมีชีวิตอยู่ต่อไปด้วยโดยหวังว่าความรู้สึกผิดมันจะเบาบางลงบ้าง ด้วยการทำร้ายตัวเอง และช่วยผู้อื่นในเวลาเดียวกัน)
ฉากลิฟแอบรู้ว่าเกร็นชอบท้ายทอยผู้หญิง เธอบอกเกร็นตอนที่เธอกำลังเจ็บปวดเพราะผลข้างเคียงของการใช้ความเจ็บปวด เธอให้เกร็นกัดลงไปที่ท้ายทอยเธอแบบเสือกัดคอกวาง
-
ฉากที่ลิฟาบอกว่า ฉันอยากหักหลังคุณจังเลยค่ะ สมมุติว่าคุณนั้นมองฉันด้วยความเป็นเจ้าของคุณคิดว่าฉันเป็นของคุณแค่คนเดียว แต่แล้วคุณก็ต้องรู้สึกว่าถูกหักหลังเพียงเพราะฉันเป็นของผู้ชายคนอื่นอีกหลายคน เป็นยังไงบ้างค่ะถ้าเกิดอะไรขึ้นแบบนั้นกับคุณ คุณจะรู้สึกยังไงหรือทำหน้ายังไงกันค่ะ เกร็นบอกถ้าหากฉัน มองเธอด้วยความเป็นเจ้าของแบบนั้นจริงๆก็คงรู้สึกว่าถูกหักหลัง ทังโกรธทั้งเกลียดเธอละมั้ง แล้วเธอล่ะถ้าถูกฉันหักหลังโดยที่มองฉันด้วยความเป็นเจ้าของ เธอจะรู้สึกยังไง ลิฟาตอบ.... หลังจากนั้นลิฟาก็พูดต่อ ฉันเองก็ยังไม่รู้เหมือนกันค่ะ ว่าในส่วนลึกในจิตใจของฉันทำไมถึงอยากเห็นคุณเจ็บปวดนัก ยัยบ๊อง ไม่มีใครที่หลงทางได้ทั้งชีวิตหรอก สุดท้ายแล้วทุกคนก็มีความต้องการจริงๆของตัวเองกันหมด อาจจะแค่ยังมองไม่เห็นมัน
ลิฟาถามว่าจริงๆแล้วคุณมองฉันเป็นสิ่งใดกันค่ะ เกร็นบอกว่า ให้เปรียบเทียบก็ เธอคือ "สิ่งที่ไม่สามารถกลายเป็นมนุษยื" ที่มันอยู่ในหมู่บ้านฉัน เราเรียกมันว่า ไอ ไอที่แปลว่าความรัก มันไม่มีตัวตน จับต้องไม่ได้ แต่เราสามารถพูดคุยกับมันได้
ฉากเทลโดนพวกโจร แฟร์เทรดเล่นงาน เธอบอกเทลว่า พวกเราไม่ใช่โจร คนอื่นเจอพวกเราก็ฆ่าพวกเรา แล้วทำไมพวกเราจะฆ่าพวกมันหรือทำดั่งใจไม่ใด้ อ่อนแอกว่าก็ต้องถูกกลื่น แข็งแกร่งกว่าก็กลายเป็นกฏ
เขายื่นมีดให้เทลและบอกเทลว่า อ่ะ เพื่อเป็นการไม่เอาเปรียบจนเกินไป เราจะทำให้เจ้าแข็งแกร่งขึ้นมาอีกซักนิด โจรมอบมีดให้เทล เทลหยิบมันแล้วทำท่าจะแทง โจรยิ้มแล้วนึกถึงอดีต ที่เคยทำแบบนี้กับพวกผู้หญิงคนอื่นที่เอาแต่ใด้ เอาแต่ว่าคนอื่นว่าไม่แฟร์เอาเปรียบ) แต่เทลกลับไม่แทง แต่ขอเจรจา
เห็นใหมละ ไร้พลังก็ำทอะไรไม่ใด้ โจรอีกคนบอกว่า สงสาร อยากให้โอกาศอีกรอบ หัวหน้าโจรเลยบอกว่า อ่ะงั้นเอาลูกเต๋าไป หากทอยใด้ 6 ข้าจะปล่อยเจ้าไป หากทอยใด้ 5 พวกขาคงต้องขอทำตามความปราถนาของพวกข้า
-
-
ก่อนหน้านี้โจรก็ทำแบบนี้กับผู้หญิงคนอื่นแล้วพบว่า พวกที่เอาเปรียบคนอื่นน่ะ มันคือพวกแกต่างหาก ใด้คืบเอาศอก ขายเพื่อนขายคนอื่น เพื่อให้ตัวเองรอด (โดนโจรหลอกถาม ให้ไปเอาคนอื่นมาแทน มันก็พูดใหญ่)
-
เธอเจรจาแล้วบอกว่า เนื้อที่ยอมถูกกินน่ะ มันนุ่มฟูกว่านะค่ะ โจรคนนึงพูดขึ้น ฉันชอบเนื้อที่มันไม่ยอมให้กินเฟ้ย เสียงร้องครางครวญของมันของชอบเลยละ หัวหน้าโจร ผลักเขาออกไปละบอกว่า เห้ย ฉันชอบแบบนุ่มฟูวะ แกไม่อยากลองแบบนุ่มฟูดูบ้างหรอฟะ
-