Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ทฤษฎีในการสร้างเสริมสุขภาพ - Coggle Diagram
ทฤษฎีในการสร้างเสริมสุขภาพ
แบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพ
(Health Belief Model : HBM)
องค์ประกอบของแบบจำลองความเชื่อด้านสุขภาพ
การรับรู้ประโยชน์ที่จะได้รับและค่าใช้จ่าย
การปฏิบัตินั้นต้องมีความเชื่อว่าเป็นการกระทำที่ดีมีประโยชน์และเหมาะสมที่จะทำให้หาย
มีความเชื่อว่าค่าใช้จ่ายเป็นข้อเสีย หรืออุปสรรคของการปฏิบัติในการป้องกันและรักษาโรคจะต้องมีน้อยกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับประเโยชน์ที่จะได้รับ
แรงจูงใจด้านสุขภาพ
ความห่วงเกี่ยวกับสุขภาพ
ความสนใจสุขภาพโดยทั่วไปของบุคคล หรือ การกระตุ้นความเชื่อต่อโอกาสเสี่ยงของการเป็นโรค ความเชื่อต่อความรุนแรง ความเชื่อต่อผลดีจากการปฏิบัติ
การรับความรุนแรงของโรค
ความเชื่อที่บุคคลในด้านความรุนแรงของโรคที่มีต่อร่างกาย ก่อให้เกิด ความพิการ เสียชีวิตการเกิดโรคแทรกซ้อน มีผลกระทบต่อบทบาททางสังคม
ปัจจัยร่วม
ส่งเสริมหรือเป็นอุปสรรคต่อการที่บุคคลจะปฏิบัติเพื่อป้องกันโรค
การรับรู้ต่อโอกาสเสี่ยงของการเป็นโรค
ความเชื่อหรือการคาดคะเนว่าตนมีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคหรือปัญหาสุขภาพนั้นมากน้อย
การรับรู้ของผู้ป่วย คาดคะเนถึงโอกาสเกิดโรคซ้ำและความรู้สึกว่าตนเองง่ายต่อการป่วยเป็นโรค
ปัจจัยร่วม (Modifying Factors)
ปัจจัยด้านสังคมจิตวิทยา
บุคลิกภาพ กลุ่มเพื่อน ค่านิยม วัฒนธรรม
ปัจจัยโครงสร้างพื้นฐาน
ระบบบริการสุขภาพ
ปัจจัยด้านประชากร
เพศ อายุ เชื้อชาติ ศาสนา
PRECEDE-PROCEED Model
PRECEDE
C: Causes (ทำให้เกิด)
E: Educational (การศึกษา)
E: Enabling (ทำให้เป็นไปได้)
D: Diagnosis (การหาสาเหตุ)
R: Reinforcing (ทำให้แข็งแกร่งขึ้น)
P: Predisposing (แรงจูงใจ)
E: Evaluation (การประเมินผล)
ขั้นตอนที่ 1 การวิเคราะห์ทางสังคม
(Phase1 : Social Assessment)
เป็นการพิจารณา และวิเคราะห์ คุณภาพชีวิต
เพื่อค้นหาข้อมูล และประเมินปัญหาด้านสังคมที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิต (Quality of Life: QOL)
หมายถึง นโยบายกฏระเบียบ และโครงสร้างของการพัฒนาการศึกษา
ขั้นตอนที่ 4 การวิเคราะห์ทางการศึกษา
(Phase 4 : Educational Assessment)
ปัจจัยนำ (Predisposing Factors) : ความรู้ ความเชื่อ ค่านิยม ทัศนคติ
ปัจจัยเอื้อ (Enabling Factors) : สิ่งแวดล้อมทั้งด้านกายภาพสังคมวัฒนธรรม
ปัจจัยเสริม (Reinforcing Factors) : แรงเสริมจากครอบครัว เพื่อน ครู บุคลากร ทางการแพทย์หรือสาธารณสุข
ขั้นตอนที่ 5 การวิเคราะห์ทางการบริหาร
(Phase 5 : Administrative and Policy Assessment)
การสร้างแผนงานและดำเนินงานตามแผนงาน ทำให้โครงการส่งเสริมสุขภาพประสบความสำความสำเร็จ
ขั้นตอนที่ 3 การวิเคราะห์ด้านพฤติกรรม
Phase 3 : Behavioral Assessment
วิเคราะห์ต่อเพื่อหาสาเหตุที่เกี่ยวข้องโดยแบ่งเป็นสาเหตุอันเนื่องมาจากพฤติกรรมของบุคคล
ขั้นตอนที่ 2การวิเคราะห์ทางระบาดวิทยา
(Phase 2 : Epidemiological Assessment
ช่วยให้สามารถจัดเรียงลำดับความสำคัญของปัญหา เพื่อประโยชน์ในการการวางแผน การดำเนินงานสุขศึกษาได้อย่างเหมาะสม
ขั้นตอนที่ 6 การปฏิบัติการ (Phase 6 : Implementation)
ดำเนินงานตามกลวิธี วิธีการและกิจกรรม ที่กำหนดไว้ตามตารางการปฏิบัติกิจกรรม
ขั้นตอนท่ี 7 การประเมินกระบวนการ
(Phase 7 : Process Evaluation)
เพื่อประเมินถึงปัจจัยด้านการบริหารจัดการ
ขั้นตอนที่ 8 การประเมินผลกระทบ
(Phase 8 : Impact Evaluation)
การประเมินผลลัพธ์ที่เกิดจากการดำเนินโครงการในระยะสั้น เป็นการวัดประสิทธิผลของแผนงาน
ขั้นตอนที่ 9 การประเมินผลลัพธ์
(Phase 9 : Outcome Evaluation)
การประเมินผลรวบยอดของวัตถุประสงค์ที่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นและประโยชน์ที่ได้รับ
ทฤษฎีขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม
Trans theoretical Model Stage of Change : TTM
ขั้นชั่งใจ (Contemplation stage) : ตระหนักรู้ว่ามีปัญหาแต่ยังไม่คิดที่จะทำการเปลี่ยนพฤติกรรม
ขั้นเตรียมพร้อมที่จะปฏิบัติ (Preparation stage / Determination) : เตรียมตัวเริ่มมีความพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
ขั้นก่อนชั่งใจ (Pre-contemplation stage) : ยังไม่มีความสนใจที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
ขั้นปฏิบัติ (Action stage) : เชื่อมั่นในศักยภาพของตนเองว่าสามารถทำการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้และกำลังกระทำการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
ขั้นคงไว้ซึ่งพฤติกรรมที่ต้องการ (Maintenance) : สามารถคงไว้พฤติกรรมใหม่อย่างสม่ำเสมอนานมากกว่า 6 เดือน
ขั้นยุติพฤติกรรมเดิมอย่างถาวร (Termination) : ไม่มีอะไรมาเย้ายวนให้กลับไปทำพฤติกรรมเดิมได้อีก สามารถมั่นใจได้ 100%
หลักกระบวนการช่วยเปลี่ยนแปลง Process of Change
5 .การปลดปล่อยตนเอง (self liberation) : คือการพยายามให้มีทางเลือกในการเปลี่ยนแปลง
เทคนิคนี้เหมาะสำหรับผู้ที่อยู่ในขั้นเตรียมพร้อมที่จะปฏิบัติ (Preparation stage / Determination) เพื่อเลื่อนขึ้นไปสู่ขั้นปฏิบัติ (Action)
การปลดปล่อยสังคม (social liberation) : คืออาศัยความรู้สึกว่าเป็นการปลดปล่อยจากการถูกกดขี่เอาเปรียบทางสังคม
เทคนิคนี้เหมาะสำหรับผู้ที่อยู่ในขั้นปฏิบัติ (Action) เพื่อเลื่อนขึ้นไปสู่ขั้น คงไว้ซึ่งพฤติกรรมที่ต้องการ (Maintenance)
การใคร่ครวญผลต่อตนเอง (self reevaluation) : เช่นจินตนาการว่าถ้าเอาแต่นอนโซฟา ดูทีวี ภาพของตนเองต่อไปจะเป็นอย่างไร
เทคนิคนี้เหมาะสำหรับผู้ที่อยู่ในขั้นชั่งใจ (Contemplation stage) เพื่อ เลื่อนขึ้นไปสู่ขั้นเตรียมพรอ้มที่จะปฏิบัติ(Preparationstage /Determination)
ให้เรียนรู้สิ่งตรงกันข้าม (counterconditioning) : ให้เรียนรู้การตอบสนองแบบผ่อนคลายเพื่อแก้ปัญหาเครียด ให้เรียนรู้การเป็นคนกล้าพูดกล้าแสดงออก
เทคนิคนี้เหมาะสำหรับผู้ที่อยู่ในขั้นปฏิบัติ (Action) เพื่อเลื่อนขึ้นไปสู่
ขั้นคงไว้ซึ่งพฤติกรรมที่ต้องการ (Maintenance)
บังคับให้ทาสิ่งที่ดีกว่าทางอ้อม (stimulus control) : เช่นสร้างที่จอดให้ห่างที่ทำงาน เพื่อบังคับให้ต้องเดิน
เทคนิคนี้เหมาะสำหรับผู้ที่อยู่ในขั้นปฏิบัติ (Action) เพื่อเลื่อนขึ้นไปสู่ขั้น คงไว้ซึ่งพฤติกรรมที่ต้องการ (Maintenance)
2 การระบายความรู้สึก (Dramatic relief) : เพื่อกระตุ้นหรือผลักดันจิตใจอารมณ์ให้เกิดความอยากเปลี่ยนแปลง
เทคนิคนี้เหมาะสำหรับผู้ที่อยู่ในขั้นก่อนชั่งใจ (Pre-contemplation stage) เพื่อเลื่อนขึ้นไปสู่ขั้นชั่งใจ (Contemplation stage)
จงใจใช้แผนกระตุ้น (contingency management) : เช่นการตกางวัลถ้าทำสิ่งที่ดีกว่าการชื่นชมผลงาน
เทคนิคนี้เหมาะสำหรับผู้ที่อยู่ในขั้นปฏิบัติ (Action) เพื่อเลื่อนขึ้นไปสู่ ขั้นคงไว้ซึ่งพฤติกรรมที่ต้องการ (Maintenance)
1 การปลุกจิตสำนึก (consciousness raising) : เป็นการใช้วิธีการต่างๆบอกให้รู้ผลเสียของการไม่เปลี่ยน และผลที่ของการเปลี่ยนพฤติกรรม
เทคนิคนี้เหมาะสำหรับผู้ที่อยู่ในขั้นก่อนชั่งใจ (Pre-contemplation stage) เพื่อเลื่อนขึ้นไปสู่ขั้นชั่งใจ (Contemplation stage)
กัลยาณมิตร (helping relationship) : เช่นการเป็นที่ปรึกษาทางโทรศัพท์ให้การมีบัดดี้คอยสนับสนุน
เทคนิคนี้เหมาะสาหรับผู้ที่อยู่ในขั้นปฏิบัติ (Action) เพื่อเลื่อนข้ึนไปสู่ ขั้นคงไว้ซึ่งพฤติกรรมที่ต้องการ (Maintenance)
การใคร่ครวญผลต่อสังคมรอบข้าง (social reevaluation) : นึกต่อไปว่าถ้าตนเองดื่มแอลกอฮอล์จัดอยู่ ต่อไปลูกๆเป็นอย่างไร
เทคนิคนี้เหมาะสำหรับผู้ที่อยู่ในขั้นก่อนชั่งใจ (Pre-contemplation stage) เพื่อเลื่อนขึ้นไปสู่ขั้นชั่งใจ (Contemplation stage)
แบบจำลองการส่งเสริมสุขภาพ
(Health Promotion Model : HPM)
ข้อตกลงเบื้องต้นของแบบจำลอง
บุคคลแสวงหาการควบคุมพฤติกรรมของตนเอง
บุคคลซึ่งประกอบด้วยกาย จิต สังคม มีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม รวมทั้งมีการเปลี่ยนแปลง สิ่งแวดล้อมและความเป็นอยู่อย่างต่อเนื่อง
บุคคลให้คุณค่าแก่การเจริญเติบโตในทิศทางบวกและพยายามที่จะบรรลุความสําเร็จในการยอมรับ ความสมดุลระหว่างการเปลี่ยนแปลงกับการมั่นคง
บุคลํากรด้านสุขภาพเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งแวดล้อมระหว่างบุคคลที่มีอิทธิพลต่อบุคคลตลอดช่วงชีวิต
บุคคลมีความสามารถในการสะท้อนการตระหนักรู้ในตนเองรวมทั้งความสามารถในการประเมิน สมรรถนะตนเอง
การริเริ่มด้วยตนเองในการสร้างแบบแผนความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลกับสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งจําเป็นในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม
บุคคลแสวงหาภาวการณ์ของชีวิตที่สร้างสรรค์โดยการแสดงความสามารถด้านสุขภาพที่มี เอกลักษณเ์ฉพาะตน
มโนทัศน์หลักของแบบจำลอง
ความคิดและอารมณ์ต่อพฤติกรรม
(Behavior-Specific Cognition and Affect)
การรับรู้ประโยชน์ของการปฏิบัติพฤติกรรม (Perceived Benefits of Action)
การรับรู้อุปสรรคในการปฏิบัติพฤติกรรม (Perceived Barriers to Action)
การรับรู้ความสามารถของตนเอง (PerceivedSelf-Ef ficacy)
ความรู้สึกที่มีต่อพฤติกรรม (Activity-Related Affect)
อิทธิพลระหว่างบุคคล (Interpersonal Influences)
อิทธิพลจากสถานการณ์ (Situational Influences) อ
พฤติกรรมผลลัพธ์ (Behavioral Outcome)
ความมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติพฤติกรรม (Commitment to a Plan of Actions)
ความจำเป็นอื่นและทางเลือกอื่นที่เกิดขึ้น (Immediate Competing Demands and Preferences)
พฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพ (Health-Promoting Behavior)
ลักษณะเฉพาะและประสบการณ์ของบุคคล(IndividualCharacteristicsandExperiences)
พฤติกรรมที่เกี่ยวข้อง (Prior related behavior)
พฤติกรรมที่เคยปฏิบัติในอดีตมีอิทธิพลโดยตรงต่อการปฏิบัติพฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพ
ปัจจัยส่วนบุคคล (Personal Factors)
ปัจจัยด้านชีววิทยา
ปัจจัยด้านจิตวิทยา
ปัจจัยด้านสังคมวัฒนธรรม