Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
โรคระบบต่อมไร้ท่อ - Coggle Diagram
โรคระบบต่อมไร้ท่อ
Diabetes mellitus(DM)
สาเหตุ
-น้ำหนักเกิน ความอ้วน ขาดการเคลื่อนไหว ขาดการออกกำลังกาย
-กรรมพันธุ์
-อายุที่มากขึ้น มีโอกาสเป็นเบาหวานได้มากขึ้น
-โรคของตับอ่อน เช่น ตับอ่อนอักเสบ ได้รับการผ่าตัดตับอ่อน
-การติดเชื้อไวรัสบางชนิด เช่น หัด หัดเยอรมัน คางทูม ซึ่งมีผลต่อตับอ่อน
-ความเครียดเรื้อรัง
-การได้รับยาบางชนิด ทำให้มีการสร้างน้ำตาลมากขึ้นหรือการตอบสนองของอินซูลินได้ไม่ดี
-การตั้งครรภ์ เนื่องจากมีการสร้างฮอร์โมนจากรกหลายชนิด ซึ่งมีผลยับยั้งการทำงานของอินซูลิน
การวินิจฉัย
-
มีอาการของโรคเบาหวาน ร่วมกับระดับน้ำตาลในเลือดเวลาใดก็ตาม มีค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 200 มิลลิกรัม/เดซิลิตร
Aมีระดับน้ำตาลในเลือดมากกว่าหรือเท่ากับ 200 มิลลิกรัม/เดซิลิตร ณ 2 ชั่วโมงภายหลังทดสอบความทนต่อน้ำตาลกลูโคส 75 กรัมที่รับประทานเข้าไป
-
การรักษา
การรักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 1 เนื่องจากตับอ่อนไม่สามารถผลิตอินซูลินได้จึงอาจทำให้โรคเบาหวานชนิดที่ 1 นี้ยากต่อการควบคุม การรักษาจึงต้องมีหลักเกณฑ์ต่างๆ ได้แก่ การควบคุมอาหารอย่างระมัดระวัง วางแผนเรื่องการออกกำลังกาย การตรวจระดับน้ำตาลในเลือดด้วยตนเอง และการฉีดอินซูลินแบบหลายครั้งในหนึ่งวัน (MDI)
การรักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 2 วิธีการรักษาได้แก่การควบคุมอาหาร การออกกำลังกาย การตรวจระดับน้ำตาลด้วยตนเอง และในบางกรณีอาจต้องมีการการรักษาด้วยยารับประทานและ/หรือฉีดอินซูลินร่วมด้วย ซึ่งมีผู้ป่วยด้วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ประมาณ 40% ที่ต้องฉีดอินซูลินร่วมด้วย
การรักษาอันดับแรกสำหรับเบาหวานชนิดที่ 2 ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องการวางแผนการรับประทานอาหารเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด การลดน้ำหนักตัวลง และการออกกำลังกาย แต่วิธีเหล่านี้อาจไม่เพียงพอที่จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงใกล้ระดับปกติได้ จึงต้องเข้าสู่การรักษาขึ้นต่อไปคือการใช้ยาเพื่อลดระดับน้ำตาล ยาสองชนิดที่ใช้คือ ยารับประทานและการฉีดอินซูลิน ยาเม็ดรักษาโรคเบาหวานไม่ใช่อินซูลิน
การพยาบาล
-
-
การบันทึกทางการพยาบาล เช่น vital signs,neuro signs,intake/output
-
ดูแลให้ potassium,NaHCO3 ตามแผนการรักษา
อาการและอาการแสดง
-ปัสสาวะบ่อยทั้งกลางวันและกลางคืน
-กระหายน้ำ
-อ่อนเพลีย และน้ำหนักลด
-หิวบ่อย รับประทานเก่งขึ้น
-คันตามตัว ติดเชื้อได้ง่าย เป็นเชื้อรา ตกขาวบ่อย
-ตาพร่า เห็นภาพไม่ชัด เห็นภาพซ้อน
-ปลายมือ ปลายเท้าชาอันเนื่องมาจากปลายประสาทเสื่อม
Cushing’s syndrome
-
การพยาบาล
-
-
-
-
-
-
-
-
-
เตรียมผ่าตัดสำหรับผู้ป่วยการผ่าตัดต่อมใต้สมอง หรือการฉายรังสี ถ้าสาเหตุเกิดจากเนื้องอกของต่อมใต้สมอง
-
การวินิจฉัย
-
-
-
ตรวจน้ำลาย เพื่อดูระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลในน้ำลาย ซึ่งจะทำการตรวจในเวลากลางคืน เพราะโดยปกติระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลจะลดลงในช่วงเย็นเป็นต้นไป
ตรวจภาพถ่าย ด้วยการทำซีที สแกน หรือเอ็มอาร์ไอ สแกน (Magnetic Resonance Imaging: MRI Scan) เพื่อตรวจหาความผิดปกติของต่อมใต้สมองและต่อมหมวกไต เช่น ตรวจหาเนื้องอก
สาเหตุ
-
การฉีดยาสเตียรอยด์เพื่อรักษาอาการปวดหลัง การใช้ยาลูกกลอน ยาสมุนไพรพื้นบ้าน หรือยาอื่น ๆ ที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ก็ทำให้เป็น Cushing Syndrome ได้เช่นกัน
มีความเครียดสูง เช่น ความเครียดจากการเจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อรัง การบาดเจ็บ การผ่าตัด การตั้งครรภ์ หรือนักกีฬาที่เครียดจากการฝึกฝนอย่างหนัก
-
-
ดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป อาจทำให้ร่างกายผลิตฮอรโมนคอร์ติซอลออกมามาก โดยระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลจะลดลงเป็นปกติเมื่อหยุดดื่ม
-
เนื้องอกที่ต่อมใต้สมอง ทำให้ต่อมใต้สมองผลิตฮอร์โมนอะดรีโนคอร์ติโคทรอพิก (Adrenocorticotropic hormone) ออกมามากเกินไป จนทำให้เกิด Cushing Syndrome
กรรมพันธุ์ เป็นสาเหตุที่พบได้น้อยมาก โดยผู้ป่วยอาจสืบทอดการเกิดเนื้องอกในต่อมไร้ท่อ ซี่งส่งผลต่อระดับฮอร์โมนคอร์ติซอล และทำให้เกิด Cushing Syndromeได้
การรักษา
-
การผ่าตัดเนื้องอกออก ในกรณีที่มีเนื้องอกเป็นสาเหตุ เช่น เนื้องอกต่อมใต้สมอง เนื้องอกต่อมหมวกไต เนื้องอกตับอ่อนหรือปอด แพทย์จะทดสอบหาตำแหน่งของเนื้องอกก่อนพิจารณาผ่าตัด แต่หากไม่สามารถรักษาด้วยการผ่าตัดได้ แพทย์อาจฉายรังสี หรือใช้ยารักษาเพื่อให้เนื้องอกหดเล็กลง
-
การใช้ยารักษา ใช้เพื่อควบคุมการผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอลในร่างกาย ในกรณีที่ไม่สามารถรักษาด้วยการผ่าตัดและฉายรังสีได้ หรืออาจใช้ก่อนการผ่าตัดในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง เพื่อช่วยลดอาการต่าง ๆ และลดความเสี่ยงจากการผ่าตัด
-
-
-
การรักษาประคับประคองตามอาการ รักษาอาการต่าง ๆ ที่เป็นผลจากฮอร์โมนคอร์ติซอลสูง เช่น ให้ยารักษาโรคเบาหวานเมื่อมีระดับน้ำตาลในเลือดสูง หรือให้ยาลดความดันโลหิตเมื่อมีความดันโลหิตสูง
Thyroid
อาการและอาการแสดง
-อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ใจสั่น
-ผมร่วง
-นอนไม่หลับ
-รู้สึกง่วงตลอดเวลา
-อ้วนขึ้นหรือผอมลงอย่างผิดปกติ
-หิวบ่อยหรือไม่หิวกินไม่ค่อยลง
-ขับถ่ายไม่เป็นปกติ
-รู้สึกหนาวตลอดเวลาหรือขี้ร้อนมากขึ้น
-ผิวแห้ง
-ใจสั่น
การพยาบาล
-
จัดสิ่งแวดล้อมให้สงบ เพื่อให้ผู้ป่วยได้พักผ่อนและอธิบายให้ผู้ป่วยทราบกาอนให้การรักษาพยาบาลทุกครั้งเพื่อลดความตกใจกลัว
-
ให้คำแนะนำวิธีการปฏิบัติตัวสำหรับผู้ป่วย เช่น อธิบายหน้าที่ของฮอร์โมนไทรอยด์เน้นการควบคุมโรคให้สงบโดยการรับประทานยาสม่ำเสมอห้ามหยุดยาเอง แนะนำอาการเริ่มแรกของการขาดฮอร์โมนไทรอยด์ แนะนำการรับประทานอาหารการพักผ่อนและการมาตรวจตามนัดสังเกตอาการที่เกิดจากภาวะไทรอยด์
สาเหตุ
โรคไทรอยด์มากกว่าครึ่งมีสาเหตุมาจากความผิดปกติของภูมิคุ้มกัน (หรือเม็ดเลือดขาวในกระแสเลือดหรือ อิมมูนซิสเต็ม) ซึ่งโรคนี้ผู้ป่วยมีความเจ็บป่วยรุนแรงไม่เท่ากันการรักษาจึงทำได้ในระดับที่ควบคุมให้ภาวะของโรคนั้นเบาลงหรือทำให้โรคสงบ และทำให้คนไข้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างเป็นปกติมากที่สุด
-
ความเครียดและภูมิคุ้มกัน ความเครียดมีส่วนไปกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันตนเองที่อาจจะไม่ค่อยดีอยู่แล้ว ทำให้เกิดเป็น
ข้อวิจฉัย
-
-
-
-
ตรวจทางเวชศาสตร์นิวเคลียร์ (โดยการกินน้ำแร่รังสีไอโอดีน หรือฉีดยาแร่รังสีบางชนิดเข้าหลอดเลือดดำ หลังจากนั้นจึงใช้ เครื่องสแกนตรวจจับรังสีที่เซลล์ต่อมไทรอยด์จับกิน แล้วจึง แปลงเป็นภาพต่อมไทรอยด์)
การรักษา
1.ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน (Hyperthyroidism) คือ ภาวะที่ฮอร์โมนหลั่งออกมามากเกินความจำเป็นอาการจากภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน
รับประทานยาเพื่อลดการสร้างฮอร์โมน เช่น Methimazole , PTU
การรับประทานน้ำแร่ Radioactive Iodine เพื่อให้รังสีนี้จะทำลายเนื้อไทรอยด์ โดยต้องมีการคำนวณขนาดยาที่เหมาะสมไม่ให้มากเกินไป หรือน้อยเกินไป
การผ่าตัด โดยแพทย์จะเลือกใช้กับผู้ป่วยบางราย เช่น เด็ก วัยรุ่น หรือหญิงตั้งครรภ์ที่มีปัญหากับยาที่รักษา หรือผู้ที่มีต่อมโตมาก มีอาการทางตารุนแรง หรือมีก้อนในต่อม
รับประทานยาอื่นๆ เพื่อลดอาการของโรค เช่น อาการ ใจสั่น มือสั่น เช่น Propanolol, Atenolol, Metoprolol
- ภาวะขาดไทรอยด์ฮอร์โมน หรือโรคต่อมไทรอยด์ ทำงานต่ำ (Hypothyroidism) คือ ภาวะที่ต่อมไทรอยด์ทำงานต่ำกว่าปกติ
โดยการให้ Thyroid Hormone ไปตลอดชีวิตโดย จะต้องเริ่มให้ในขนาดน้อยแล้วค่อยปรับยาจนกระทั่งระดับ T4 และ TSH อยู่ในเกณฑ์ปกติ และไม่ควรเปลี่ยนยาเอง
-
- ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานปกติ คือ ภาวะที่ฮอร์โมนหลั่งออกมาตามปกติ แต่เกิดความผิด ปกติที่ต่อมไทรอยด์ และอาจส่งผลกระทบต่อการหลั่ง ปริมาณฮอร์โมน ได้เช่นกัน
parathyroid CA
สาเหตุ
-
การถ่ายทอดภาวะไทรอยด์ทำงานเกินในครอบครัว (Familial Isolated Hyperparathyroidism) ซึ่งเป็นภาวะที่ทำให้เกิดนิ่วในไต คลื่นไส้ อาเจียน ความดันโลหิตสูง ร่างกายอ่อนแรง และอ่อนเพลีย
กลุ่มอาการ MEN1 (multiple endocrine neoplasia type 1) ซึ่งเป็นภาวะที่สัมพันธ์กับเนื้องอกของต่อมสร้างฮอร์โมน
-
-
-
การวินิจฉัย
การตรวจและประวัติสุขภาพ จะสังเกตร่างกายและตรวจหาก้อนนูนหรือสิ่งอื่น ๆ ที่ดูไม่ปกติ นอกจากนี้จะถามคำถามเกี่ยวกับสุขภาพในปัจจุบัน และประวัติสุขภาพของครอบครัวของคุณ
-
การสแกนต่อมพาราไทรอยด์ วิธีนี้จะแสดงให้เห็นว่าต่อมพาราไทรอยด์สร้างพาราไทรอยด์ฮอร์โมนมากเกินไปหรือไม่ วิธีนี้ดำเนินการกับผู้ป่วยนอกที่โรงพยาบาล จะได้รับการฉีดยาที่มีวัตถุกัมมันตรังสี แล้วต้องนอนนิ่ง ๆ เป็นเวลาประมาณ 30 นาทีในขณะที่ถูกถ่ายภาพศีรษะและคอ ต่อมาจะถ่ายภาพอีก และเปรียบเทียบกับภาพถ่ายชุดแรก
-
MRI (magnetic resonance imaging) ใช้คอมพิวเตอร์ เอกซเรย์ และแม่เหล็กเพื่อถ่ายภาพอย่างละเอียดภายในร่างกาย
ฉีดน้ำสีชนิดพิเศษเข้าสู่หลอดเลือด ในขณะที่น้ำสีเคลื่อนผ่านร่างกาย จะทำการเอกซเรย์เพื่อตรวจหาการอุดกั้น
ตัวอย่างเลือดจากหลอดเลือด จะเป็นการนำตัวอย่างเลือดมาจากหลอดเลือดที่แตกต่างกัน และตรวจเพื่อดูว่าต่อมพาราไทรอยด์ต่อมใด ที่สร้างพาราไทรอยด์ฮอร์โมนมากกว่าที่ควรจะเป็น
การรักษา
การผ่าตัดเป็นการรักษาที่พบได้มากที่สุดสำหรับมะเร็งต่อมพาราไทรอยด์ แพทย์จะผ่าตัดนำเพียงก้อนมะเร็งออกมาหรือนำเนื้อเยื่ออื่นๆ ออกมาด้วย หากมะเร็งลุกลามไปยังบริเวณอื่น
การฉายรังสีโดยใช้เอกซเรย์และพลังงานสูงอื่นๆ เพื่อกำจัดเซลล์มะเร็ง การฉายรังสีอาจใช้ก่อนหรือหลังจากผ่าตัด
-
-
-
การพยาบาล
-
-
-
-
ในวัผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาลยังคงมีรังสีตกค้างในร่างกายแต่ปริมาณไม่มาก ผู้ป่วยจะได้รับคำแนะนำในการปฏิบัติตนหลังออกจากโรงพยาบาล
การใช้ยาRDU
-
องค์กรอนามัยโลกให้ “การใช้ยาอย่างสมเหตุสมผล (rational drug use)หมายถึงการที่ผ้ปู่วยได้รับยาที่เหมาะสมกับปัญหาสุขภาพโดยใช้ยาในส่วนที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละรายด้วยระยะเวลาการทานยาที่เหมาะสม
มีค่าต่อผู้ป่วย ชุมชนน้องที่สุด(WHO,1985) โดยการใช้ยาในกรอบบัญชีมี ข้อบ่งชี้ที่สำคัญคือเป็นยาที่มีคุณภาพมีประสิทธิผลจริง สนับสนุนด้วย หลถกฐานที่เชื่อถือได้ให้ประโยชน์ทางคลินิกเหนือกว่าความเสี่ยงจากการใช้ยาอย่างชัดเจนมีราคาเหมาะสมคุ้มค่าไม่ซ้ำซ้อนคพรึงถึงปัญหาเชื้อดื้อยา