Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ทฤษฎีในการ สร้างเสริมสุขภาพ - Coggle Diagram
ทฤษฎีในการ
สร้างเสริมสุขภาพ
ทฤษฎีแรงสนับสนุนทางสังคม
(Social Support Theory)
แหล่งท่ีมาของการสนับสนุนทางสังคม
ระบบสนับสนุนจากกลุ่มเพื่อน
ได้รับจากบุคคลซึ่งมีประสบการณ์ มีความ ชํานาญในการที่จะค้นคว้าหาความต้องการ
ระบบการสนับสนุนตามธรรมชาติ
จากครอบครัว ญาติพี่น้อง ซึ่งถือว่ามี ความสําคัญมากที่สุดต่อผู้ป่วย
ครอบครัวมีบทบาทสาคัญต่อผู้ป่วยตั้งแต่วัย เด็ก เพราะเป็นแหล่งที่ถ่ายทอด
3.ระบบสนับสนนุด้านศาสนาหรอืแหล่ง อุปถัมภ์ต่างๆ
เป็นแหล่งที่จะช่วยให้ผู้ป่วยได้มีการ แลกเปลี่ยนความเชื่อ ค่านิยม คําสอน
ระบบการสนับสนุนจากกลุ่มวิชาชีพด้าน สุขภาพ
แหล่งการสนับสนุนเป็นแห่งแรกที่ให้การ ช่วยเหลือผู้ป่วย
ระบบการสนับสนุนจากกลุ่มวิชาชีพอื่นๆ
เป็นการสนับสนุนจํากกลุ่มบริการอาสาสมัคร
ประเภทของการสนับสนุนทางสังคม
การสนับสนุนด้านการประเมิน (Appraisal support)
การสนับสนุนด้านข้อมูลข่าวสาร (Information support)
การสนับสนุนด้านอารมณ์ (Emotional support)
การสนับสนุนด้านการเงิน แรงงานและส่ิงของ (Instrumental support)
ทฤษฎีแรงสนับสนุนทางสังคม
กลุ่มผู้สูงอายุ
แนวคิดนี้มีประโยชน์มากในการสร้างเครือข่ายเพื่อการส่งเสริมสุขภาพ
กลุ่มผู้ป่วยเบาหวาน
กลุ่มแอร์โรบิค กลุ่มวิ่ง กลุ่มปั่นจักรยาน กลุ่มปฏิบัติธรรม
กลุ่มผู้ติดเชื้อเอดส์
แบบจำลองการส่งเสริมสุขภาพ
(Health Promotion Model : HPM)
ข้อตกลงเบื้องต้นของแบบจาลอง
บุคคลให้คุณค่าแก่การเจริญเติบโตในทิศทางบวก
บุคคลแสวงหาการควบคุมพฤติกรรมของตนเอง
บุคคลมีความสามารถในการสะท้อนการตระหนักรู้ในตนเองรวม
บุคคลซึ่งประกอบด้วยกาย จิต สังคม
บุคคลแสวงหาภาวการณ์ของชีวิตที่สร้างสรรค์
บุคลากรด้านสุขภาพเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งแวดล้อมระหว่างบุคคล
การริเริ่มด้วยตนเองในการสร้างแบบแผนความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล
มโนทัศน์หลักของแบบจำลอง
ความคิดและอารมณ์ต่อพฤติกรรม
(Behavior-Specific Cognition and Affect)
การรับรู้ความสามารถของตนเอง (PerceivedSelf-Ef ficacy)
ความรู้สึกที่มีต่อพฤติกรรม (Activity-Related Affect)
การรับรู้อุปสรรคในการปฏิบัติพฤติกรรม (Perceived Barriers to Action)
อิทธิพลระหว่างบุคคล (Interpersonal Influences)
การรับรู้ประโยชน์ของการปฏิบัติพฤติกรรม (Perceived Benefits of Action)
อิทธิพลจากสถานการณ์ (Situational Influences)
พฤติกรรมผลลัพธ์
(Behavioral Outcome) ประกอบด้วย 3 อย่าง
ความจาเป็นอื่นและทางเลือกอื่นที่เกิดขึ้น (Immediate Competing Demands and Preferences)
ความมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติพฤติกรรม
(Commitment to a Plan of Actions)
พฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพ (Health-Promoting Behavior)
1.ลักษณะเฉพาะและประสบการณ์ของบคุคล
(IndividualCharacteristicsandExperiences)
ปัจจัยด้านจิตวิทยา
ความมีคุณค่าในตนเอง แรงจูงใจในตนเอง
ปัจจัยด้านสังคมวัฒนธรรม
สัญชาติ วัฒนธรรม การศึกษา
ปัจจัยด้านชีววิทยา
อายุ ดัชนีมวลกาย สภาวะวัยรุ่น
PRECEDE-PROCEED Model
PRECEDE
P: Predisposing (แรงจูงใจ)
R: Reinforcing (ทาให้แข็งแกร่งขึ้น)
E: Enabling (ทำให้เป็นไปได้)
C: Causes (ทำให้เกิด)
E: Educational (การศึกษา)
D: Diagnosis (การหาสาเหตุ)
E: Evaluation (การประเมินผล)
PROCEED
เป็นคําย่อมาจาก Policy, Regulatory, and Organizational, Constructs, in Educational and Environmental, Development
นโยบาย กฎระเบียบ และโครงสร้างของในการพัฒนาการศึกษาและสิ่งแวดล้อม
ขั้นตอนที่ 5 การวิเคราะห์ทางการบริหาร
(Phase 5 : Administrative and Policy Assessment)
เป็นการประเมินความสามารถของการบริหาร
นโยบายของการจัดการโครงการส่งเสริม สุขภาพ
ขั้นตอนที่ 3 การวิเคราะห์ด้านพฤติกรรม
(Phase 3 : Behavioral Assessment)
ได้ในขั้นตอนที่ 1-2 จะนํามาวิเคราะห์ต่อเพื่อหาสาเหตุที่ เกี่ยวข้อง สาเหตุจากพันธุกรรม หรือสภาวะเศรษฐกิจ
ขั้นตอนที่ 4 การวิเคราะห์ทางการศึกษา
(Phase 4 : Educational Assessment)
การประเมินสาเหตุของพฤติกรรมสุขภาพที่ระบุไว้ในระยะท่ี 2 สาเหตุของ พฤติกรรมสุขภาพ ประกอบด้วย 3 กลุ่มปัจจัย
ปัจจัยนำ (Predisposing Factors)
ปัจจัยเอื้อ (Enabling Factors)
ปัจจัยเสริม (Reinforcing Factors)
ขั้นตอนที่ 2 การวิเคราะห์ทางระบาดวิทยา
(Phase 2 : Epidemiological Assessment)
เป็นการวิเคราะห์ว่ามีปัญหาสุขภาพที่สําคัญอะไรบ้าง ข้อมูลทางระบาดวิทยาจะชี้ให้เห็นถึงการ เจ็บป่วยการเกิดโรค
ขั้นตอนท่ี 7 การประเมินกระบวนการ
(Phase 7 : Process Evaluation)
เพื่อประเมินถึงปัจจัยด้านการบริหารจัดการ ที่จะมีผลต่อการดำเนินโครงการท่ีได้วางแผนไว้
ขั้นตอนที่ 1 การวิเคราะห์ทางสังคม
(Phase1 : Social Assessment)
เป็นการพิจารณา และวิเคราะห์ “คุณภาพชีวิต”
ขั้นตอนที่ 9 การประเมินผลลัพธ์
(Phase 9 : Outcome Evaluation)
เป็นการประเมินผลรวบยอดของวัตถุประสงค์ท่ีมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น
ขั้นตอนที่ 8 การประเมินผลกระทบ
(Phase 8 : Impact Evaluation)
การประเมินผลลัพธ์ที่เกิดจากการดําเนินโครงการในระยะสั้น
ขั้นตอนที่ 6 การปฏิบัติการ
(Phase 6 : Implementation)
ดําเนินงานตามกลวิธี วิธีการและกิจกรรม
แนวคิดเกี่ยวกับแบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพ (Health Belief Model : HBM)
แนวคิด
คิดว่าสิ่งนั้นจะก่อให้เกิดผลดีแก่ตนและจะหนีห่างจากสิ่งที่ตนไม่ปรารถนา
การที่บุคคลใดจะมีพฤติกรรมหลีกเลี่ยง จากการเป็นโรค บุคคลนั้นจะต้องมีความเชื่อว่า เขามี โอกาสเสี่ยงต่อกํารเป็นโรค
กํารรับรู้ของบุคคลเป็นตัวบ่งชี้พฤติกรรมโดยบุคคลจะกระทําหรือเข้าใกล้กับสิ่งที่ตนพอใจ
ปัจจัยร่วม (Modifying Factors)
ปัจจัยด้านสังคมจิตวิทยา : เช่น บุคลิกภาพ กลุ่มเพื่อน มีความเกี่ยวข้องกับบรรทัดฐานทางสังคม
ค่านิยมวัฒนธรรม
ปัจจัยโครงสร้างพื้นฐาน : ระบบบริการสุขภาพ
ปัจจัยด้านประชากร : เพศ อายุ เชื้อชาติ ศาสนา
องค์ประกอบของแบบจาลองความเชื่อด้านสุขภาพ
การรับรู้ประโยชน์ที่จะได้รับและค่าใช้จ่าย
การกระทําที่ดีมีประโยชน์และเหมาะสมที่จะทําให้หายหรือไม่
บุคคลจะต้องมีความเชื่อว่าค่าใช้จ่ายซึ่งเป็นข้อเสีย
แรงจูงใจด้านสุขภาพ
ระดับความสนใจและความห่วงใยเกี่ยวกับสุขภาพ
เกิดจํากควํามสนใจสุขภําพโดยทั่วไปของบุคคล
การรับรู้ความรุนแรงของโรค
ความเชื่อที่บุคคลเป็นผู้ประเมินเองในด้านความรุนแรงของโรคที่มีต่อร่างกาย การก่อให้เกิดพิการ เสียชีวิต
ปัจจัยร่วม
ปัจจัยที่มีส่วนช่วยส่งเสริมหรือเป็นอุปสรรคต่อการที่บุคคลจะปฏิบัติเพื่อการป้องกันโรค
การรับรู้ต่อโอกาสเสี่ยงของการเป็นโรค
ความเชื่อหรือการคาดคะเนว่า ตนมีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรค
การรับรู้ของผู้ป่วย หมายถึงความเชื่อต่อความถูกต้องของการวินิจฉัยโรคของแพทย์
การประยุกต์ใช้แบบจาลองความเชื่อด้านสุขภาพ
มโนทัศน์แบบจำลอง
การรับรู้ต่อโอกาสเสี่ยงของการเป็นโรค
ค้นหาบุคคลที่มีความเสี่ยง ประเมินความเสี่ยง
ให้ข้อมที่แสดงให้เห็ยอย่างชัดเจน
การรับรู้ความรุนแรงของโรค
วิเคราะห์ผลเสียที่จะเกิดตามมา
ให้ข้อมูลที่เป็นจริงเกี่ยวกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้น
การรัประโยชน์ที่จะได้รับและค่าใช้จ่าย
ร่วมกันกำพฤติกรรมที่ควรปฏิบัติ
อธิบายถึงประโยชน์ที่คาดว่าจะเกิดจากการปฏิบัติพฤติกรรม
การับรู้อุปสรรค
จัดสิ่งแวดล้อม
ลดการรับรู้อุปสรรคต่างๆ
ค่าใช้จ่ายความไม่สะดวกของบริการ
ปัจจัยกรัตุ้นการปฏิบัติ
กระตุ้นการตระหนัก
ติดตามให้ความช่วยเหลือ
ให้ข้อมการปฏิบัติ
แบบจำลองการส่งเสริมสุขภาพ
(Health Promotion Model : HPM)
กระบวนการเสริมสร้างพลังอำนาจ ทำให้บุคคลเปลี่ยนแปลง
มีความคิดทางบวกและความสามารถที่จะเปลี่ยนแปลง
มีความสามารถในทักษะกํารเรียนรู้ที่จะพัฒนําพลังอำนาจแห่งตนและของกลุ่ม
มีความสามารถในการคิดเชิงรุกเพื่อประกอบในการตัดสินใจ
มีความสามารถที่จะปรับเปลี่ยนการรับรู้ของผู้อื่นโดยวิธีประชาธิปไตย
มีทางเลือกอย่างกว้างขวาง
มีส่วนร่วมในกระบวนการการพัฒนาและการเปลี่ยนแปลงที่ไม่เคยสิ้นสุด
เข้าถึงข้อมูลและแหล่งข้อมูลที่เอื้อในการตัดสินใจได้อย่างเหมาะสม
เพิ่มอัตมโนทัศน์ทางบวกและสามารถเอาชนะจุดด้อยของตนได้
สามารถตัดสินใจได้ด้วยตนเอง
10.เพิ่มความสามารถแห่งตนในการคิดอย่างมเหตุผลเพื่อแยกแยะความถูกผิดได้
ประเภทของการสร้างเสริมพลังอำนาจ
การสร้างเสริมพลังอานาจเชิงจิตใจ (Psychological Empowerment)
การสร้างเสริมพลังอำนาจเชิงโครงสร้าง (Structural Empowerment)
แหล่งที่มาของอำนาจ
อํานาจที่เกิดจากความเชี่ยวชาญ
อํานาจที่เกิดจากการมีข้อมูล
อํานาจที่เกิดจากคุณสมบัติ หรือบุคลิกลักษณะส่วนตัว
อํานาจที่เกิดจากความสัมพันธ์ทางสังคม
อํานาจที่เกิดจากการควบคุมทรัพยากรต่างๆ
อํานาจที่เกิดจากตําแหน่งหรือหน้าที่
ขั้นตอนของการสร้างเสริมพลังอำนาจ
critical reflection
พิจารณาไตร่ตรอง สะท้อนคิดอย่างมีวิจารณญาณ
Taking charge
ดําเนินการตัดสินใจเลือกวิธีการปฏิบัติที่เหมาะสม
discovering reality
การค้นพบความจริง
holding
มั่นใจที่จะควบคุมสถานการณ์ได้
ทฤษฎีขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม
Trans theoretical Model Stage of Change : TTM
พัฒนําขึ้นโดย James Prochaska and Carlo DiClemente
ของกลุ่มผู้ป่วยซึ่งอยู่ในระหว่างการเลิกบุหรี่
มีทั้งหมด 6 ขั้นตอน
ขั้นเตรียมพร้อมที่จะปฏิบัติ
( Preparation stage / Determination )
เตรียมตัวเริ่มมี ความพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
ขั้นปฏิบัติ (Action stage)
เชื่อมั่นในศักยภาพของตนเองว่าสามารถทำการปรับเปลี่ยน พฤติกรรมได้และกําลังกระทําการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
ขั้นชั่งใจ (Contemplation stage)
ตระหนักรู้ว่ามีปัญหา แต่ยังไม่คิดที่จะทําการ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ไม่แน่ใจ
ขั้นคงไว้ซึ่งพฤติกรรมที่ต้องการ (Maintenance)
สามารถคงไว้ซึ่งพฤติกรรมใหม่อย่างสม่ำ เสมอได้นานมากกว่า 6 เดือน
ขั้นก่อนชั่งใจ (Pre-contemplation stage)
ยังไม่มีความสนใจที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ในอีก 6 เดือนข้างหน้า
ไม่ตระหนักรู้ไม่คิดว่าสิ่งที่ทําอยู่ ณ ปัจจุบัน เป็นปัญหา หรือมีความ จําเป็นที่จะต้องทําการปรับเปลี่ยน
ขั้นยุติพฤติกรรมเดิมอย่างถาวร (Termination)
ไม่มีอะไรมาเย้ายวนให้กลับไปทํา พฤติกรรมเดิมได้อีก สามารถมั่นใจได้ 100%
หลักกระบวนการช่วยเปลี่ยนแปลง
Process of Change
การปลดปล่อยตนเอง (self liberation)
การพยายามให้มีทางเลือกในการ เปลี่ยนแปลง งานวิจัยบ่งชี้ว่าถ้าคนเรามีทางเลือกสองทาง
เทคนิคนี้เหมาะสำหรับผู้ที่อยู่ในขั้นเตรียมพร้อมที่จะปฏิบัติ (Preparation stage / Determination) เพื่อเลื่อนขึ้นไปสู่ขั้นปฏิบัติ (Action)
การปลดปล่อยสังคม (social liberation)
อาศัยความรู้สึกว่าเป็นการ ปลดปล่อยจากการ
ถูกกดขี่เอาเปรียบทางสังคมมา เป็นตัวสร้างความมุ่งมั่นในการ เปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ
เทคนิคนี้เหมาะสาหรับผู้ที่อยู่ในขั้นปฏิบัติ (Action) เพื่อเลื่อนขึ้นไปสู่ขั้น คงไว้ซึ่งพฤติกรรมที่ต้องการ (Maintenance)
การใคร่ครวญผลต่อตนเอง (self reevaluation)
จินตนาการว่าถ้าเอาแต่ นอนโซฟาดูทีวี ภาพของตนเองต่อไปจะเป็นอย่างไร
เทคนิคนี้เหมาะสาหรับผู้ทอี่ ยู่ในขั้นชั่งใจ (Contemplation stage) เพื่อ เลื่อนขึ้นไปสู่ขั้นเตรียมพร้อมที่จะปฏิบัติ(Preparationstage /Determination)
ให้เรียนรู้สิ่งตรงกันข้าม (counterconditioning)
ให้เรียนรู้การ สนองตอบแบบผ่อนคลายเพื่อแก้ปัญหาเครียด
เทคนิคนี้เหมาะสาหรับผู้ที่อยู่ในขั้นปฏิบัติ (Action) เพื่อเลื่อนขึ้นไปสู่ ขั้นคงไว้ซึ่งพฤติกรรมที่ต้องการ (Maintenance)
การใคร่ครวญผลต่อสังคมรอบข้าง
(social reevaluation)
นึกต่อไปว่า ถ้าตนเองดื่มแอลกอฮอล์จัดอยู่ ต่อไปลูกๆจะเป็นอย่างไร
เทคนิคนี้เหมาะสำหรับผู้ที่อยู่ในขั้นก่อนชั่งใจ (Pre-contemplation stage) เพื่อเลื่อนขึ้นไปสู่ขั้นชั่งใจ (Contemplation stage)
บังคับให้ทาสิ่งที่ดีกว่าทางอ้อม (stimulus control)
เทคนิคนี้เหมาะสาหรับผู้ที่อยู่ในขั้นปฏิบัติ (Action) เพื่อเลื่อนขึ้นไปสู่ขั้น คงไว้ซึ่งพฤติกรรมที่ต้องการ (Maintenance)
สร้างที่จอดรถให้ห่าง ที่ทํางานเพื่อบังคับให้ต้องเดิน ติดตั้งงานศิลปกรรมไว้ข้างบันได
การระบายความรู้สึก (Dramatic relief)
เพื่อกระตุ้นหรือผลักดันจิตใจ อารมณ์ให้เกิดความอยากเปลี่ยนแปลง
เทคนิคนี้เหมาะสำหรับผู้ที่อยู่ในขั้นก่อนชั่งใจ (Pre-contemplation stage) เพื่อเลื่อนขึ้นไปสู่ขั้นชั่งใจ (Contemplation stage)
จงใจใช้แผนกระตุ้น (contingency management)
การตกรางวัลถ้า ทําสิ่งที่ดีกว่าการชื่นชมผลงานหรือแม้กระทั่งการลงโทษถ้าไม่เลิกสิ่งที่ไม่ดี
เทคนิคนี้เหมาะสาหรับผู้ที่อยู่ในขั้นปฏิบัติ (Action) เพื่อเลื่อนขึ้นไปสู่ ขั้นคงไว้ซึ่งพฤติกรรมที่ต้องการ (Maintenance)
1.การปลุกจิตสานึก(consciousness raising)
เป็นการใช้วิธีต่างๆบอกให้รู้ ผลเสียของการไม่เปลี่ยน
เทคนิคนี้เหมาะสำหรับผู้ที่อยู่ในขั้นก่อนชั่งใจ (Pre-contemplation stage) เพื่อเลื่อนขึ้นไปสู่ขั้นชั่งใจ (Contemplation stage)
กัลยาณมิตร (helping relationship)
กรรเป็นที่ปรึกษาทางโทรศัพท์ให้ การมีบัดดี้คอยสนับสนุน
เทคนิคนี้เหมาะสาหรับผู้ที่อยู่ในขั้นปฏิบัติ (Action) เพื่อเลื่อนข้ึนไปสู่ ขั้นคงไว้ซึ่งพฤติกรรมที่ต้องการ (Maintenance)