ข้อมูลทั่วไป

นางพจนา แย้มพลาย อายุ 76 ปี

การตรวจร่างกายที่ผิดปกติ

ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล

โรคประจำตัว

เบาหวาน 10 ปี รับยาต่อเนื่องที่รพสต.พระพุทธบาท

ความดันโลหิตสูง10 ปี รับยาต่อเนื่องที่รพสต.พระพุทธบาท

ไขมันในเลือดสูง 10 ปี รับยาต่อเนื่องที่รพสต.พระพุทธบาท

ยาที่ได้รับ

Simvastatin 20 mg วันละครึ่งเม็ด ก่อนนอน

Enalapril 20 mg 1 เม็ด วันละ 1 ครั้ง หลังอาหารเช้า

Amlodipine 10 mg 1 เม็ด วันละ 1 ครั้ง หลังอาหารเช้า

Aspirin 81 mg 1 เม็ด 1 ครั้ง หลังอาหารเช้า

Metformin 500 mg 1 เม็ด วันละ 1 ครั้ง พร้อมอาหารเช้า

กลุ่มยา Antidiabetic Agents

ออกฤทธิ์ ลดการสร้างกลูโคสจากตับ ยับยั้งกระบวนการสร้างกลูโคสใหม่ และกระบวนการสลายกลูโคส ชะลอการดูดซึมของกลูโคสบริเวณลำไส้ และเพิ่มการตอบสนองต่ออินซูลิน (insulin) โดยเพิ่มการดูดกลูโคส และการใช้กลูโคสของร่างกาย

ผลข้างเคียง ไม่อยากอาหาร คลื่นไส้ อาเจียน
ท้องเสีย ปวดท้อง การรับรู้รสเปลี่ยน

กลุ่มยา Calcium channel blocker

ออกฤทธิ์ยับยั้งการไหลเข้าของแคลเซียมไอออนสู่กล้ามเนื้อหัวใจและกล้ามเนื้อเรียบของหลอดเลือดหัวใจ ทำให้หลอดเลือดเกิดการขยายตัว ยาแอมโลดิพีนยังสามารถลดแรงต้านของหลอดเลือดและลดความดันโลหิตโดยทำให้เกิดการขยายตัวของหลอดเลือดแดง

ผลขข้างเคียง เหนื่อยล้า ง่วงซึม วิงเวียนศีรษะคลื่นไส้ ปวดท้อง

กลุ่มยา HMG-CoA reductase inhibitor

ออกฤทธิ์ ยับยั้งเอนไซม์ตัวหนึ่งในร่างกาย ทำให้เอนไซม์ไม่ทำงาน ซึ่งเอนไซม์ดังกล่าวเกี่ยวกับการสร้างคอเลสเตอรอล ทำให้ปริมาณคอเลสเตอรอลลดลง ทั้งยังช่วยขับไขมันชนิดไม่ดี (LDL) ออกจากร่างกาย

ผลข้างเคียง อาจทำให้เกิดอาการวิงเวียน คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ มวนท้อง แต่จะไม่รุนแรงและอาการจะดีขึ้นหลังใช้ไปประมาณ 1-2 เดือน

กลุ่มยา ACE inhibitor

ออกฤทธิ์ยับยั้งปฏิกิริยาการเปลี่ยน Angiotensin I เป็น Angiotensin II เป็นการกดการทำงานของ Renin-angiotensin aldosterone system มีผลให้ความดันโลหิตต่ำ

ผลข้างเคียง ความดันโลหิตต่ำ มีผื่นขึ้นตามตัว ไอแห้งๆ การสร้างเม็ดเลือดผิดปกติ สูญเสียการได้ยิน

กลุ่มยา NSAIDs

ออกฤทธิ์ยับยั้งสารที่ทำให้เกิดการอักเสบ ชื่อว่า Cyclooxygenase (COX) ทำให้อาการอักเสบ และไข้ลดลง

ผลข้างเคียง คลื่นไส้ อาเจียน ปวดมวนท้อง ระคายเคืองกระเพาะอาหาร แผลในทางเดินอาหาร หลอดลมตีบ โรคหืดกำเริบ

หญิงไทยวัยสูงอายุ รูปร่างสมส่วน รู้สึกตัวดี ถามตอบรู้เรื่อง เดินได้เองไม่ใช้ไม้เท้า สวมเสื้อผ้าสะอาดเรียบร้อย ส่วนสูง 160 น้ำหนัก 54 BMI 21.09 kg/m2 ฟันบน 2 ซี่ตรงกลาง ฟันล่าง 4 ซี่ตรงกลาง ใส่ฟันปลอม ปัสสาวะตอนกลางคืน 1-2 ครั้งทุกวัน มีภาวะท้องผูก ฟัง Bowel sound 3/min สัญญาณชีพ วันที่ 6 ธันวาคม 2565 อุณหภูมิ 36.6 องศาเซลเซียส อัตราการเต้นของหัวใจ 80 ครั้ง/นาที อัตราการหายใจ 18 ครั้ง/นาที ความดันโลหิต 120/60 มิลลิเมตรปรอท

ระบบการกลืนและการย่อยอาหาร

การขับถ่ายอุจจาระ

มีฟันบน 2 ซี่ตรงกลาง ฟันล่าง 4 ซี่ตรงกลาง ใส่ฟันปลอม ฟัง Bowel sound 3/min

ทฤษฎีความเสื่อมโทรม
( Wear and Tear Theory)
สารเคลือบฟันซึ่งมีส่วนประกอบของ Calcium phosphate และ calcium carbonate ลดลงจึงถูกกัดกร่อนเข้ามาถึงเนื้อฟัน ประกอบกับเซลล์ที่สร้างเนื้อฟันมีจำนวนลดลงทั้งปริมาณและ คุณภาพ ทำให้ฟันถูกทำลายและผุกร่อน ประกอบกับการยึดเกาะ ของรากฟันลดลง

ขับถ่าย 2-3 วัน/ครั้ง ท้องผูก ต้องเบ่งถ่าย

ทฤษฎีความเสื่อมโทรม ( Wear and Tear Theory)การเคลื่อนไหวของลำไส้ลดลง รวมทั้งกำลังการหดรัดตัวของกล้ามเนื้อหน้าท้องลดลง ปฏิกิริยาตอบสนองของลำไส้ต่อการขับถ่ายอุจจาระลดลง โดยเกี่ยวข้องกับหูรูด External anal spincter ซึ่งจะตอบสนองต่อการขับถ่ายลดลง

  1. ผู้สูงอายุมีภาวะท้องผูกจากการเปลี่ยนแปลงตามวัย

ข้อมูลสนับสนุน

S: ผู้สูงอายุบอกว่า “ขับถ่ายอุจจาระ 2-3 วัน/ครั้ง ออกแรงเบ่งถ่าย”
S: “มีลักษณะแข็ง บางทีแข็งมาก”
S: “ดื่มยาคูลท์วันละขวด”
S: “ฟันมีน้อย เคี้ยวข้าวไม่ค่อยละเอียด”
O: ฟัง Bowel sound 3/min.

วัตถุประสงค์

เพื่อบรรเทาอาการท้องผูก

เกณฑ์การประเมิน

  1. ผู้สูงอายุขับถ่ายอุจจาระ
    1-2 วัน/ครั้ง หรือขับถ่ายทุกวัน
  1. การเคลื่อนไหวของลำไส้อยู่ในช่วง 6-12 ครั้ง/นาที

กิจกรรมการพยาบาล

  1. ประเมินอาการท้องผูก เช่น ปวดท้อง อึดอัดแน่นท้อง เพื่อติดตามอาการเปลี่ยนแปลงและประเมินผล
  1. แนะนำผู้สูงอายุเรื่องการรับประทานอาหารรับประทานอาหารในปริมาณเพียงพอกับความต้องการของร่างกายให้ครบ 3 มื้อ/วัน และควรรับประทานอาหารที่มีเส้นใย (dietary fiber) ในปริมาณอย่างน้อย 10 กรัมต่อวัน ในรายที่มีภาวะท้องผูกเรื้อรังต้องรับประทานอาหารที่มีเส้นใยในปริมาณ 20-30 กรัมต่อวัน หรือกินผักต้มให้ได้ 3-5 ทัพพีต่อวัน จึงสามารถกระตุ้นการขับถ่ายอุจจาระได้ ลักษณะอาหารที่มีเส้นใยสูงเช่น อาหารประเภทธัญพืช (bran cereal) ข้าวซ้อมมือ ผักสด ผลไม้สด เป็นต้น เพื่อกระตุ้นระบบขับถ่าย
  1. แนะนำให้ผู้สูงอายุดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 2,500-3,000 ซีซี หรือขวดน้ำขนาดกลาง 3-4 ขวด ควรแบ่งการดื่มน้ำในช่วงเช้าประมาณ 1,500 2,000 ซีซี โดยเฉพาะหลังตื่นนอนตอนเช้าควรดื่มน้ำ 1 แก้ว (250 ซีซี) เพื่อช่วยระบบขับถ่ายและป้องกันการขาดน้ำ ช่วงเย็น-ก่อนนอน ดื่มน้ำประมาณ 500-1,000 ซีซี หรืออาจเสริมด้วยรูปแบบน้ำผลไม้เช่น น้ำส้ม น้ำมะขาม น้ำสับปะรด น้ำลูกพรุนหรือนมเปรี้ยว หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่สารประเภทแทนนินและคาเฟอีน ซึ่งมีมากในชา กาแฟ เพราะสารประเภทนี้ทำให้ขับน้ำในระบบ อาหารปัสสาวะออกมากร่วมกับทำให้การเคลื่อนไหวของลำไส้ลดลง
  1. แนะนำให้ผู้สูงอายุควรบดเคี้ยวอาหารให้ละเอียดหรือทานอาหารอ่อนย่อยง่าย ผู้สูงอายุที่ใช้ฟันปลอมควรใส่ให้กระชับขณะรับประทาน
  1. แนะนำให้ผู้สูงอายุออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้งครั้งละประมาณ 30 นาที เช่น การเต้นแอโรบิค ไลน์แดนซ์ที่ผู้ป่วยชอบ
  1. แนะนำให้ผู้สูงอายุฝึกการออกกำลังอวัยวะที่ช่วยในการขับถ่ายให้แข็งแรงอวัยวะที่เกี่ยวข้องคือกล้ามเนื้อหน้าท้องและกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานสิ่งที่ควรปฏิบัติเป็นประจำคือการสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และเกร็งกล้ามเนื้อหน้าท้อง ทั้งนี้เพื่อให้กล้ามเนื้อมีการความตึงตัวและหดรัดตัวได้ดีร่วมกับเกร็งกล้ามเนื้อสะโพก และขมิบบริเวณฝีเย็บ เพื่อสร้างความตึงตัวของกล้ามเนื้อ ทำให้มีกำลังในการขับถ่ายร่วมกับเอามือกดนวดคลึงหน้าท้องบริเวณลำไส้ใหญ่ ไล่ตั้งแต่ส่วนต้นไปยังส่วนปลายก็จะช่วยให้ถ่ายสะดวกและรวดเร็วขึ้น
  1. แนะนำให้ผู้สูงอายุฝึกการขับถ่ายอุจจาระให้เป็นเวลาเดียวกันทุกวัน โดยให้คำนึงถึงเดิมเคยถ่ายอุจจาระเป็นเวลาตอนไหน ถ้าผู้สูงอายุจำเป็นต้องให้ผู้อื่นช่วยควรคำนึงด้วยว่าเวลาไหนจะสะดวกสำหรับผู้ช่วยเหลือ
  1. แนะนำให้ผู้สูงอายุไม่ควรกลั้นอุจจาระเมื่อปวดถ่ายอุจจาระควรรีบเข้าห้องน้ำทันที
  1. แนะนำให้ผู้สูงอายุจัดสภาพห้องน้ำให้เหมาะสมลักษณะส้วมควรเป็นลักษณะโถส้วม ซึ่งจะช่วยให้ผู้สูงอายุนั่งถ่ายได้สะดวกเนื่องจากผู้สูงอายุมักจะพบปัญหาข้อเข่าการนั่งยอง ๆ จะเกิดความลำบากในการขับถ่ายและในห้องน้ำควรมีราวสำหรับยึดเกาะ

2.อาจเกิดภาวะซึมเศร้าในผู้สูงอายุจากการถูกทอดทิ้ง

ข้อมูลสนับสนุน

S : ผู้ป่วยบอกว่า “ลูกหลานไม่ได้กลับมาเยี่ยมเลย ตอนนี้มีหลานชายคือลูกของลูกชายมานอนด้วยอาทิตย์ละครั้ง S: “ช่วงนี้นอนตื่นสายกว่าปกติ ตื่นประมาณ 7 โมงเช้า ไม่อยากลุกจากเตียง อยากนอนต่อ” O: เมื่อพูดถึงเรื่องลูก ผู้ป่วยมีสีหน้าเศร้า น้ำเสียงสั่นเครือ และน้ำตาคลอ O: มีอาการของภาวะซึมเศร้าคือ เบื่ออาหาร ท้องผูก O: 2Q คำตอบ “มี” ข้อ 9Q ได้ 4 คะแนน TGDS 5 คะแนน

O: 2Q คำตอบ “มี” ข้อ

9Q ได้ 4 คะแนน

TGDS 5 คะแนน

วัตถุประสงค์

เพื่อไม่ให้เกิดภาวะซึมเศร้าในผู้สูงอายุ

เกณฑ์การประเมิน

1.ผู้สูงอายุไม่มีอาการและอาการแสดงที่บ่งบอกถึงภาวะซึมเศร้า

  1. ประเมิน 2Q “ไม่มี” 2 ข้อ

กิจกรรมการพยาบาล

  1. สร้างสัมพันธภาพกับผู้ป่วย เพื่อสร้างความไว้วางใจ
  1. ประเมินอาการและอาการแสดงที่แสดงถึงภาวะซึมเศร้า โดยใช้แบบประเมินการประเมินเพื่อคัดกรองภาวะซึมเศร้าใช้แบบคัดกรองซึมเศร้า 2 คำถาม (2Q) ถ้าตอบ “มี” ข้อใดข้อหนึ่งหรือทั้งสองข้อแสดงว่า มีความเสื่อมหรือมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคซึมเศร้าให้ทำการประเมินโรคซึมเศร้า 9 คำถาม (9Q)
  1. ใช้เทคนิคที่ช่วยกระตุ้นให้ผู้ป่วยระบายความคิดและความรู้สึก เช่น sharing ovservation บอกสิ่งที่เห็น เช่น “วันนี้คุณยายดูหน้าตาไม่ค่อยสดชื่นนะคะ” และ using silence การใช้ความเงียบ ที่มีความหมายและถูกจังหวะจะช่วยกระตุ้นผู้ป่วยให้พูดระบายความคิดและความรู้สึกของผู้สูงอายุต่อไป ความเงียบที่ถูกจังหวะจะช่วยให้ผู้ป่วยคิดไตร่ตรอง และรวบรวมความคิดใหม่ความเงียบที่ใช้อย่างถูกต้องจะมีประโยชน์กว่าการใช้คำพูดปลอบใจที่ไร้ความหมาย
  1. ส่งเสริมด้านจิตสังคม มีอิสระ เชื่อมั่นในความสามารถของตนเอง เน้นการส่งเสริมผู้สูงอายุให้ผู้สูงอายุได้เข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มต่าง ๆ ที่ผู้สูงอายุสนใจ และได้แสดงออกอย่างสร้างสรรค์ จะช่วยส่งเสริมความรู้สึกมีคุณค่าในตนเอง เช่น การปลูกต้นไม้ที่ผู้สูงอายุชอบ

5.ดูแลภาวะโภชนาการ ดูแลให้ผู้สูงอายุมีภาวะโภชนาการที่ดีจะช่วยส่งเสริมสุขภาพจิตและช่วยให้มีการรับรู้ (cognitive function) ดีขึ้น

3.เสี่ยงต่อการเกิดภาวะทุพโภชนาการจากการรับประทานอาหารได้น้อยและเบื่ออาหาร

ข้อมูลสนับสนุน

วัตถุประสงค์

เกณฑ์การประเมินผล

กิจกรรมการพยาบาล

S: ผู้ป่วยบอกว่า “รู้สึกเบื่ออาหาร กินบ้างไม่กินบ้าง”

S: “มีฟันบน 2 ซี่เป็นซี่ตรงกลาง มีฟันล่าง 4 ซี่ อยู่ตรงกลางเช่นกัน”

S: “ใส่ฟันปลอม ทำมาจากหนองโดน”

S: “เคี้ยวแล้วไม่ละเอียด”

O: มีฟันบน 2 ซี่ ฟันล่าง 4 ซี่

O: คะแนนภาวะทุพโภชนาการ 11 คะแนน

เพื่อให้ผู้สูงอายุรับประทานได้มากขึ้น ไม่ทุพโภชนาการ

1.ประเมินภาวะทุพโภชนาการ อยู่ในช่วง 12-14 คะแนน

  1. ผู้ป่วยมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการรับประทานอาหาร
  1. อธิบายผู้สูงอายุ ถึงภาวะโภชนาการไม่ดีอาจเกิดจากการได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ หรือไม่ได้รับสัดส่วนที่เหมาะสม ทำให้เกิดความผิดปกติของระบบและอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย ทำให้เกิดโรคต่างๆ ในผู้สูงอายุได้ เช่น มึนศีรษะ ปวดศีรษะ นอนไม่หลับ ท้องอืดท้องเฟ้อ ปวดเมื่อย ปวดข้อ ตะคริว น้ำหนักลด เป็นต้น
  1. แนะนำให้รับประทานอาหารที่มีคุณประโยชน์สูง เช่น ผักหรือผลไม้ ข้าว ขนมปัง เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน เนื้อปลา ไข่ ถั่ว รวมทั้งรับประทานอาหารที่มีไขมัน น้ำตาล และเกลือในปริมาณที่เหมาะสม
  1. แนะนำให้รับประทานรสเปรี้ยวก่อนมื้ออาหารเพื่อกระตุ้นความอยากอาหาร
  1. เมื่อรู้สึกอิ่มเร็วหลังจากรับประทานอาหารเข้าไปได้ไม่นาน อาจเลือกอาหารว่างที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่น ขนมปังอบกรอบ ขนมปัง เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารและพลังงานที่เพียงพอในแต่ละวัน
  1. รับประทานยาให้ตรงตามแพทย์สั่ง โดยผู้สูงอายุรายนี้ได้รับยา Vit B complex 1 เม็ด หลังอาหารเช้า และสังเกตอาการข้างเคียงของการรับประทานยา เช่น ปวดท้อง ท้องเสีย รู้สึกวูบวาบได้เล็กน้อย
  1. เข้าร่วมกิจกรรมทางสังคมในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การออกกำลังกาย และการรับประทานอาหารกับเพื่อนหรือครอบครัว เป็นต้น

4.แบบแผนการนอนหลับเปลี่ยนแปลงจากการปัสสาวะในช่วงกลางคืน

วัตถุประสงค์

เกณฑ์การประเมิน

ข้อมูลสนับสนุน

กิจกรรมการพยาบาล

S: “หลับๆตื่นๆ 2-3 ครั้งต่อคืน”

S: “หลับได้คืนละ 6-7 ชั่วโมง”

S: :มีหลับตอนกลางวัน 1-2 ชั่วโมง เนื่องจากรู้สึกอ่อนเพลีย”

S : ผู้ป่วยบอกว่า “ปัสสาวะในช่วงกลางดึกทุกวัน 1-2 ครั้ง/คืน”

เพื่อให้ผู้สูงอายุนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ

  1. ผู้สูงอายุไม่ตื่นมาปัสสาวะตอนกลางคืน
  1. ผู้สูงอายุสามารถนอนหลับได้ยาวนานขึ้น 8-9 ชั่วโมง
  1. ผู้สูงอายุไม่มีอาการอ่อนเพลียและผู้สูงอายุมีสีหน้าสดชื่น
  1. ประเมินอาการอ่อนเพลีย เช่น อาการง่วง หาวตลอดทั้งวัน เชื่องช้า ไม่กระตือรือร้น
  1. แนะนำให้ผู้สูงอายุมีกิจกรรมในเวลากลางวัน เช่น การสนทนากับเพื่อนบ้าน ปลูกต้นไม้
  1. แนะนำให้ผู้สูงอายุ ให้มีการออกกำลังกาย แต่หลีกเลี่ยงการออกกำลังกาย ก่อนนอน 3 ชั่วโมง เพราะ การออกกำลังกาย จะกระตุ้นระบบประสาทอัตโนมัติอาจมีผลทำให้หลับยาก
  1. แนะนำให้ผู้สูงอายุดื่มเครื่องดื่มอุ่นๆ เช่น นม โอวัลติน เพราะมีสารแอลทริบโตแฟน (L-tryptophan) ที่จะเปลี่ยนไปเป็นสารสื่อประสาท Serotonin ทำให้นอนหลับ แต่ไม่ควรดื่มช่วง 1-2 ชั่วโมง ก่อนนอน
  1. แนะนำให้หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน เช่น กาแฟ รวมถึง แอลกอฮอล์ และบุหรี่
  1. แนะนำให้ผู้สูงอายุไม่ควรนอนหลับช่วงกลางวัน
  1. แนะนำให้ผู้สูงอายุลดความเครียด โดย 1 ชั่วโมงก่อนนอนไม่ดูหนัง ละคร หรืออ่านหนังสือที่ตื่นเต้นน่ากลัว
  1. หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารปริมาณมาก ๆ ไม่ควรรับประทานอาหารย่อยยาก ก่อนนอน
  1. แนะนำให้ผู้สูงอายุเกี่ยวกับการปฏิบัติตัวด้านจิตใจ และอารมณ์ ได้แก่ ทำกิจกรรมผ่อนคลายสวดมนต์ ทำสมาธิ เป็นตน
  1. แนะนำให้ผู้สูงอายุดูแลจัดสิ่งแวดล้อม เครื่องนอนให้สะอาด จำกัดสิ่งรบกวน เช่น แสง เสียง กลิ่น แมลง เป็นต้น
  1. แนะนำให้ปัสสาวะก่อนเข้านอน