Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ทฤษฎีการพยาบาลของโอเร็ม Oren’s Theory of Nursing, 118E1E3F-0CC0-43E8-84C7…
ทฤษฎีการพยาบาลของโอเร็ม
Oren’s Theory of Nursing
ประวัติของโอเร็ม
เกิดที่เมืองมัลติเบอรรัฐแมรี่แลนด์ จบการศึกษาระดับปริญญาโทสาขาพยาบาล ที่Catholic University
เช่นเดียวกันในปี ค.ศ. 1945 ได้รับปริญญาเอก ในปี ค.ศ.1976
ปี 1917 ทำงานเป็นพยาบาลและอาจารย์พยาบาล ที่Detroit’s ProvidenceHospital จนถึงปี ค.ศ.1949
ได้ทำการสอน การให้คำปรึกษา และพัฒนาทฤษฎีทางการพยาบาล
ปี ค.ศ.1971 ได้พิมพ์เผยแพร่หนังสือเล่มแรกชื่อ Nursing:Cncepts of Practice
เกี่ยวกับแนวคิดของการดูแลผู้รับบริการโดยการช่วยเหลือให้บุคคลดูแลตนเอง และช่วยให้สมาชิกในครอบครัวดูแลผู้เจ็บป่วย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาหลักสูตร การพยาบาลให้มีขอบเขตและเนื้อหาทางการพยาบาลเด่นชัดขึ้น และได้เสียชีวิตในปี ค.ศ.2007
กระบวนทัศน์หลัก
(Mataparadigm)
กระบวนทัศน์หลัก 4ประการ
บุคคล (Person)
โอเร็มเชื่อว่าบุคคลเป็นผู้ที่มีความรับผิดชอบของ ตนเองอย่างจงใจ(Deliberateaction) มี ความสามารถในการเรียนรู้และวางแผนในการดูแลตนเอง และบุคคลมีลักษณะเป็นองค์รวม ทำหน้าที่ท้ังด้านชีวภาพ สังคม ด้านการแปลและให้ความหมายต่อสัญลักษณ์ต่างๆและ เป็นระบบเปิด ทำให้บุคคลมีความเป็นพลวัตร คือ เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
สุขภาพ (Health)
คนที่มีสุขภาพดีทำหน้าท่ีท้ังด้านสรีระ จิตสังคม และมีความสัมพันธ์ที่ดีกับบุคคลอื่นและต้องดูแลตนในระดับ ที่เพียงพอและต่อเนื่อง
สิ่งแวดล้อม (Environment
โอเร็มเชื่อว่าบุคคลกับสิ่งแวดล้อมไม่สามารถแยกออกจากกันได้
มีอิทธิพลซึ่งกันและกัน ซึ่งมีท้ังสิ่งแวดล้อมด้านกายภาพ ทางสังคม วัฒนธรรมและชุมชน โดยสิ่งแวดล้อมที่ดีจะช่วยจูงใจให้บุคคลต้ังเป้าหมายที่เหมาะสม และ ปรับพฤติกรรมเพื่อให้ได้ผลตามท่ีต้ังเป้าหมายไว้ การจัดสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมจะมีส่วนในการค้นหา ความสามารถในการดูแลตนเอง สิ่งแวดล้อมท่ีกพหนดความสามารถในการดูแลตนเอง และความต้องการ การดูแลตนเองของบุคคล คือ ปัจจัยพื้นฐาน
การพยาบาล (Nursing)
เป็นการบริการสุขภาพ ที่เน้นความสามารถและความ ต้องการ การดูแลของบุคคลและ
เป็นการช่วยปฏิบัติกิจกรรมการดูแล แทนบุคคล เมื่อบุคคลน้ันไม่สามารถกระทำได้และช่วยให้บุคคล สามารถดูแลตนเองได้อย่างเพียงพอและต่อเนื่อง
ทฤษฎีการพยาบาลของโอเร็ม
ประกอบด้วย ทฤษฎีย่อย 3 ทฤษฎี
1.ทฤษฎีการดูแลตนเอง
(The Theory of Self-Care
ทฤษฎีความบกพร่องในการดูแลตนเอง
(The Theory of Self-Care Deficit)
3.ทฤษฎีระบบการพยาบาล
(The Theory of Nursing System)
1.ทฤษฎีการดูแลตนเอง
(The Theory of Self-Care)
1.การดูแลตนเอง(Self-Care:SC)
การปฏิบัติกิจกรรมที่บุคคลริเริ่มและกระทำด้วยตนเองเพื่อดำรงไว้ซึ่งชีวิต สุขภาพและความผาสุก เพื่อตอบสนองความจำเป็นในการดูแลตนเอง ซึ่งมีอยู่ 3 รูปแบบ
1.ความต้องการการดูแลตนเองที่จำเป็นโดยทั่วไป
(Universal Self-Care Requisites: USCR)
2.การดูแลตนเองที่จาเป็นตามระยะพัฒนาการ
(Developmental self-care requisites)
3.การดูแลตนเองที่จาเป็นในภาวะเบี่ยงเบนทางด้านสุขภาพ (Health deviation self-care requisites)
2.ความสามารถในการดูแลตนเอง (Self-Care Agency :SCA)
เป็นความสามารถของบุคคลเพื่อการกระทพอย่างจงใจ ความสามารถในการดูแล
ตนเองจะมีการพัฒนาตามระยะพัฒนาการประกอบด้วย 3 ระยะ
1 ความสามารถในการปฏิบัติเพื่อดูแลตนเอง
(Capabilities for Self-Care Operations)
2 พลังความสามารถ 10 ประการ
(Ten Power Components)
3 ความสามารถและคุณสมบัติพื้นฐาน
(Foundation Capabilities and Dispositions)
3.ความต้องการการดูแลตนเองท้ังหมด
(Therapeutic Self-Care Demand : TSCD )
เป็นกิจกรรมการดูแลตนเองที่ต้องกระทำเพื่อสนองตอบความต้องการ
การดูแลตนเองที่จำเป็น(SCR)ต้องกระทำในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง
ที่จะทำให้บรรลุหรือตอบสนองต่อ SCRs
4.ปัจจัยพื้นฐาน (Basic Conditioning Factors : BCFs)
เป็นปัจจัยเฉพาะท่ีมีอิทธิพลต่อ ความสามารถในการดูแลตนเอง และความต้องการการดูแลตนเองทั้งหมดของบุคคล เป็นตัวกำหนดความต้องการการดูแลตนเองที่จำเป็นแต่ละชนิดประกอบด้วย10 ปัจจัย ดังน้ี
1.อายุ
2.เพศ
3.ระยะพัฒนาการ
4.ภาวะสุขภาพ
5.สังคมวัฒนธรรม
6.ปัจจัยทางระบบบริการสุขภาพ
10.แหล่งประโยชน์
9.สิ่งแวดล้อม
7.ระบบครอบครัว
8.แบบแผนการดำเนินชีวิต
2.ทฤษฎีความพร่องในการดูแลตนเอง
(Self-Care Deficit : SCDf)
ความพร่องในการดูแลตนเอง หมายถึง ความสัมพันธ์ระหว่างความสามารถในการดูแลตนเองและความต้องการดูแลตนเองทั้งหมดของบุคคล โดยที่ความสามารถเพื่อดูแลตนเอง(เพราะข้อจำกัดที่มีอยู่) ไม่เพียงพอเพื่อสนองตอบส่วนประกอบบางอย่างหรือทั้งหมดของความต้องการการดูแลตนเองทั้งหมด สามารถระบุได้เป็นความบกพร่องอย่างสิ้นเชิงหรือบางส่วน
2.1ความต้องการที่สมดุล (TSCD=SCA)
2.2 ความต้องการน้อยกว่าความความสามารถ
( TSCD < SCA )
2.3ความต้องการมากกว่าความสามารถ
( TSCD > SCA )ทำให้เกิดความพร่อง
3.ทฤษฎีระบบการพยาบาล
(The Theory of Nursing System)
กรอบแนวคิดเกี่ยวกับการกระทำของพยาบาลเพื่อช่วยเหลือบุคคลที่มี ความพร่องในการดูแลตนเองให้ได้รับการตอบสนองความต้องการ การดูแลตนเองทั้งหมดและเพื่อให้บุคคลมีความสามารถในการดูแลตนเองโดยใช้ความสามารถทางการพยาบาล
3.1 ระบบการพยาบาลทดแทนทั้งหมด
( Wholly compensatory nursing system )
3.2 ระบบการพยาบาลทดแทนบางส่วน
( Partly compensatory nursing system )
3.3.ระบบการพยาบาลแบบสนับสนุนและให้ความรู้ (Educative supportive nursing system )
มโนมติที่สำคัญของโอเร็ม
1.การดูแลตนเองหรือการดูแลบุคคลที่ต้องพึ่งพา
(Self-Care: SC or Dependent-Care: DC)
2.ความต้องการการดูแลตนเองที่จภเป็น (Self-Care Requisites: SCR)
3.ความต้องการดูแลตนเองท้ังหมด
(Therapeutic Self-CareDemand: TSCD)
4.ความสามารถในการดูแลตนเอง (Self-Care Agency: SCA)
5.ความพร่องในการดูแลตนเอง (Self-Care Deficit: SCDF)
6.ระบบการพยาบาล (Nursing System: NS)
7.ความสามารถทางการพยาบาล (Nursing Agency: NA)
8.ปัจจัยพื้นฐาน (Basic Conditioning Factors: BCFS)
การประยุกต์ใช้ทฤษฎีการพยาบาลของโอเร็ม
ทฤษฎีการพยาบาลของโอเร็มสามารถนำมาประยุกต์ใช้
ในการดูแลผู้ป่วยได้โดยการประยุกต์ใช้ตามแนวคิดกระบวนการพยาบาลที่สามารถใช้ได้ตั้งแต่ขั้นประเมินสภาพเป็นต้นไป ตามแนวคิดของโอเร็ม ประกอบด้วย 3 ขั้นตอน
ขั้นตอนที่1ขั้นวินิจฉัยและพรรณนา
( Diagnosis and Prescription )
ขั้นตอนที่ 2 ขั้นวางแผน ( Design and Plan )
ขั้นตอนที่ 3 ขั้นปฏิบัติการพยาบาลและควบคุม
( Regulate and Control )
อธิบายมโนทัศน์หลัก 4 มโนทัศน์
แบ่งออกเป็น 3 ระบบ
ประกอบด้วย 8 มโนมติ
นางสาววรัญญา ปราบวิชิต รหัสนักศึกษา 65040200119