Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
acute decompensated heart failure, โรคเบาหวาน Diabetes Mellitus - Coggle…
acute decompensated heart failure
สาเหตุ
โรคไขมันในเลือดสูง Dyslipidemia
ทําให้มีการเพิ่มขึ้นของอัตราการเผาผลาญของ
ร่างกาย ทําให้หัวใจต้องทํางานเพิ่มขึ้น
หัวใจสูญเสียการทํางานที่เกี่ยวข้องกับการบีบตัวของหัวใจห้องล่าง (inotropic function)
ทำให้ห้องหัวใจต้องรับภาระจากการมีปริมาตรเลือดที่สูงขึ้นในหัวใจห้องล่างตลอดเวลา
มาจาก 2 ปัจจัย
Preload
หัวใจต้องแบกรับในการนำส่งเลือดออกจากห้องหัวใจ ซึ่งก็คือ แรงดันที่กระทำต่อผนังของห้องหัวใจก่อนที่หัวใจเริ่มบีบตัว ขึ้นกับปริมาตรในห้องหัวใจก่อนการบีบตัว หรือ enddiastolic volume (EDV โดยทั่วไปเมื่อหัวใจมี preload เพิ่มขึ้น กล้ามเนื้อหัวใจจะหดตัวด้วยแรงที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้ปริมาตรของเลือดที่ถูกบีบออกจากหัวใจห้องล่างในการบีบของหัวใจหนึ่งครั้ง (stroke volume, SV) เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
ทําให้มีเลือดไหลย้อนกลับเข้าสู่หัวใจ ห้องล่างในระยะที่หัวใจห้องล่างคลายตัว หัวใจต้องทํางานหนักขึ้นเพื่อสูบฉีดปริมาตรเลือดที่เพิ่มขึ้นในแต่ละครั้ง
ทําให้หัวใจมี
volume load เพิ่มขึ้น
การสูบฉีดปริมาตรเลือดที่เพิ่มขึ้นต้องอาศัยห้องหัวใจที่ใหญ่ขึ้น
เซลล์กล้ามเนื้อหัวใจจึงมีการปรับตัวโดยเกิดการขยายขนาดตามความยาว (longitudinal hypertrophy) ทําให้ขนาดของห้องหัวใจเพิ่มขึ้นโดยความหนาของชั้น กล้ามเนื้อหัวใจเพิ่มขึ้นไม่มากนัก ตามกฏของ Frank- Starling เมื่อกล้ามเนื้อหัวใจถูกยืดให้ยาวขึ้น การหดตัวของกล้ามเนื้อหัวใจจะเพิ่มขึ้นด้วย การปรับตัวแบบนี้ทําให้เซลล์ กล้ามเนื้อหัวใจทํางานที่ความยาวสูงสุด และเกิดการหดตัวสูงสุดตลอดเวลา อย่างไรก็ตามถ้าเซลล์กลา้ มเนื้อหัวใจถูกยืดเกิน ขีดจํากัด การหดตัวของหัวใจจะลดลง การเพิ่มขนาดของห้องหัวใจอย่างเดียวนั้นจะทําให้ wall stress เพิ่มขึ้นได้ ดังนั้นหัวใจจึงเกิด hypertrophy ทําให้ ผนังของห้องหัวใจหนาตัวขึ้นด้วยเพื่อลด wall stress เราเรียกการปรับตัวนี้ว่า eccentric hypertrophy ในระยะสุดท้ายของ การเกิดหัวใจล้มเหลวลักษณะนี้ volume load จะเพิ่มขึ้นและขยายห้องหัวใจมากขึ้น เซลล์กล้ามเนื้อหัวใจจะเกิด hypertrophy ได้ไม่เพียงพอต่อการชดเชย wall stress ที่เพิ่มขึ้น
โรคหัวใจโต (Cardiomegaly)
Afterload
แรงดันที่ต้านการทำงานของหัวใจหรือแรงดันที่ต้านการไหลของเลือดออกจากหัวใจ โดยทั่วไปเมื่อ afterload ของหัวใจเพิ่มขึ้น กล้ามเนื้อหัวใจจะหดตัวด้วยแรงที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้ปริมาตรของเลือดที่ถูกบีบออกจากหัวใจห้องล่างในการบีบของหัวใจหนึ่งครั้ง ( stroke volume, SV) จะลดลง
ความดันโลหิตสูง Hypertension
โรคที่ทําให้หัวใจต้องทํางานมากขึ้น จากการเกิดแรงต้านการบีบตัวของกล้ามเนื้อหัวใจ
การบีบตัวของหลอดเลือดมากขึ้นและขนาดของหลอดเลือดใหญ่ขึ้น หลอดเลือดหนาตัว แข็งตัว ไม่ยืดหยุ่น หลอดเลือด
ทำให้เพิ่ม Stroke volume และ Haert rate
ทำให้ Cadiac output
ปริมาตรเลือดส่งออกจากหัวใจต่อนาทีเพิ่มขึ้น
ทำให้ความต้านทานในหลอดเลือดสูงขึ้น
Left-sided failure
เกิดจากกล้ามเนื้อหัวใจห้องล่างซ้ายบีบตัวลดลงทำให้เนื้อเยื่อของร่างกายได้รับเลือดไปเลี้ยงไม่เพียงพอเมื่อหัวใจห้องล่างซ้ายบีบตัวลดลงจะทำให้ปริมาตรเลือดที่ออกจากหัวใจลดลง
จะส่งผลให้เลือดเหลือค้างในหัวใจห้องล่างซ้ายมากขึ้นความดันเลือดในหัวใจห้องล่างซ้ายจึงสูงขึ้น ดังนั้นหัวใจห้องบนซ้ายจึงบีบเลือดส่งมายังหัวใจห้องล่างซ้าย น้อยลงปริมาตรเลือดและความดันเลือดในหัวใจห้องบนซ้ายจึงสูงขึ้นเรื่อย ๆ เลือดจากปอดที่พอกแล้วก็จะไหลเข้าสู่หัวใจห้องบนซ้ายได้น้อยลงเป็นผลให้ความดันเลือดในหลอดเลือดฝอยที่ปอดสูงขึ้นทำให้ของเหลวออกจากหลอดเลือดฝอยที่ปอดเข้าสู่ถุงลมทำให้ผู้ป่วยมีภาวะน้ำท่วมปอดหอบเหนื่อยไอและเขียว
Right- sided failure
โดยทั่วไปเมื่อเกิด Left-sided failure จะชักนำให้เกิด Right- sided failure ตามมาได้จากการที่ Right Ventricle ไม่สามารถจะบีบเลือดไปเลี้ยงที่ปอดได้เต็มที่ทำให้เลือดย้อนกลับยัง Systemic circulation ทำให้แรงดันเลือดดำทั่วร่างกายสูงขึ้นเกิดการคั่งของเลือดและน้ำในและนอกหลอด เลือดทั่วร่างกายนอกจากนี้ความดันของหลอดเลือดในปอดสูง (Pulmonary Hypertension)
Forward failure
เป็นภาวะที่ Ventricle ไม่สามารถบีบตัวให้มี CO ได้เพียงพอ ทําให้เลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ของร่างกายลดลง เกิดการคั่งของน้ําและโซเดียม
โรคเบาหวาน Diabetes Mellitus