Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Congenital Heart Disease โรคหัวใจพิการตั้งแต่กำเนิด, นศพต.สุชาดา…
Congenital Heart Disease
โรคหัวใจพิการตั้งแต่กำเนิด
โรคหัวใจพิการแต่กำเนิดชนิดเขียว
(cyanotic heart disease หมายถึง ภาวะที่มีความผิดปกติของหัวใจหรือหลอดเลือดที่เกิดขึ้น ทำให้มีเลือดดำปนอยู่ในเลือดแดงที่ไปเลี้ยงร่างกาย ปกติเลือดดำจะไม่ไหลไปปนกับเลือดแดง ทำให้เด็กอยู่ในภาวะขาดออกซิเจน
กลุ่มเลือดไปปอดน้อย
: เป็นความผิดปกติที่มีลิ้นหัวใจหรือเส้นเลือดที่นำเลือดดำไปฟอกที่ปอดตีบ หรือตันร่วมด้วย ทำให้มีเลือดดำไปฟอกที่ปอดได้น้อย จึงมีเลือดดำไปปนกับเส้นเลือดแดงที่ไปเลี้ยงร่างกาย
Tetralogy of fallot : TOF
เป็น right to left Shuntมีทางติดต่อที่ผิดปกติ ทำให้เลือดดำจากซีกขวาของหัวใจ เข้าสู่หัวใจซีกซ้ายโดยไม่ต้องมาฟอก ประมาณ 75%อวัยวะส่วนปลายมีความอิ่มตัวของออกซิเจนน้อย ทำให้เห็นผู้ป่วยเขียว
กลุ่มเลือดไปปอดมาก
กลุ่มที่มีการสลับกันของเส้นเลือดดำ และเส้นเลือดแดงใหญ่
(Transposition of the great artery)
เขียวตั้งแต่กำเนิดเพราะเลือดดำจะออกจากหัวใจซีกขวาและไปเลี้ยงร่างกาย แล้วกลับมาเข้าหัวใจซีกขวาใหม่ เลือดแดงจะออกจากหัวใจซีกซ้ายไปฟอกที่ปอดแล้วกลับมาสู่หัวใจซีกซ้ายใหม่ วนเวียนกันอยู่แบบนี้ ผู้ป่วยจะเขียวมากจนไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ ถ้าไม่มีช่องทางปนกันของเลือดดำกับเลือดแดง
โรคหัวใจพิการแต่กำเนิดชนิดไม่เขียว
(acyanotic heart disease) หมายถึง
ความผิดปกติในโครงสร้างของระบบหลอดเลือดหรือหัวใจที่เป็นมาแต่กำเนิด โดยไม่มีการผสมกันของเลือดดำและเลือดแดงจึงไม่มีอาการเขียว ความผิดปกติที่พบอาจเกิดที่ผนังกั้นหัวใจมีรูลิ้นหัวใจปีดไม่สนิทรั่ว) หรือเปิดไม่กว้างเท่าปกติ (ตีบ) หรือหลอดเลือดตีบหรือเกินปกติ
ชนิดที่มีการตีบแคบ ( Stenosis lesions)
Aortic stenosis (AS)
: เป็นการตีบของ Aortic valve เลือดดีจาก Ventricle ซ้าย เข้าสู่ Aorta ไม่สะดวก —> ความดันในหัวใจห้องล่างซ้ายสูงขึ้น —> Ventricle ซ้ายจะโตขึ้น —> ได้ยินเสียง Systolic murmur และมีอาการ Chest pain
Pulmonic stenosis (PS)
: เกิดจากการตีบของลิ้น Pulmonic valve —> อาการเจ็บหน้าอก หายใจไม่สะดวก เลือดออกจาก Rt.ventricle เป็นไปด้วยความลำบาก —> Ventricle ขวาจึงมีขนาดใหญ่ขึ้น —> ลิ้นยิ่งตีบเท่าใด จะเกิดภาวะ Dyspnea ตรวจร่างกายพบ systolic murmur Grade IV
Coarctation of Aorta (COA)
Aorta ส่วนที่เป็น Coarcttion แคบลง —> ห้อง ventricle ซ้ายทำงานหนักและ aortic blood flow ลดลง เลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจลดลง —> การทำงานของ ventricle ซ้ายเสียไป —> ความดันเลือดใน Atrium ซ้ายสูงขึ้น — > ทำให้เกิดอาการหัวใจวาย
ชนิดที่มีเลือดลัดวงจรจากซ้ายไปขวา
(left to right shunt)
Atrial septal defect (ASD)
: เลือดแดงในหัวใจห้องบนซ้ายมีความดันสูงกว่าด้านขวา —> จะไหลผ่านตรงทางรูรั่วที่ผิดปกติเข้าไปห้องบนขวาลงสู่ห้องล่างขวา Ieft to right shunt —> หัวใจห้องบนขวาและห้องล่างขวาโตและขยายตัวขึ้น เมื่อเลือดที่จำนวนมากกว่าปกติไหลทำให้หลอดเลือดในปอดชั้น media หนาตัวขึ้นเป็นการเพิ่มแรงต้านที่ปอดเพื่อให้เลือดไหลผ่านปอดน้อยลงแต่ขณะเดียวกันหัวใจห้องล่างขวาต้องออกแรงบีบตัวมากขึ้น เพื่อดันเลือดจำนวนมากออกไปให้หมด —> เกิดภาวะ tricuspid vaive รั่วตามมา
Ventricular septal defect (VSD)
: เกิดจากมีรูรั่วผนังกั้นห้องหัวใจห้องล่าง —> เลือดแดงจากหัวใจห้องล่างช้ายผ่านรูรั่วไปยังห้องล่างขวา และออกสู่หลอดเลือดแดงของปอด —> ปริมาณเลือดที่ไปปอดมากขึ้น ปริมาณเลือดที่กลับเข้าสู่หัวใจห้องบนซ้าย (ภายหลังการฟอกแล้ว)และล่างซ้ายจะเพิ่มมากขึ้นด้วย —> หัวใจห้องซ้ายรับภาระมากขึ้น (ปริมาณเลือดเพิ่ม) เกิดภาวะหัวใจวายได้
Patent ductus arteriosus (PDA)
: เกิดจากการที่ ductus ไม่ปิดทำให้มีทางติดต่อระหว่าง pulmonary artery กับ descending aorta (ซึ่งจะปิดเมื่อเด็กหายใจครั้งแรก) เลือดแดงจาก Aorta ไหลกลับเข้าปอดใหม่ หัวใจห้องล่างซ้ายทำงานหนักขึ้น ซึ่งมักจะไม่มีอาการ —> ภายหลัง 1 เดือนไปแล้วจะพบว่ามีภาวะ Pulmonary (HT)
นศพต.สุชาดา สุระสังข์ เลขที่ 66