Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
เงินสำรองต่างไป เป็นรายจ่ายต้องห้ามนอกจากเงินสำรองดังต่อไปนี้…
เงินสำรองต่างไป เป็นรายจ่ายต้องห้ามนอกจากเงินสำรองดังต่อไปนี้ สามารถนำมาเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิได้คือ
1)เงินสำรองต่างไป นากจาก
1.1 เงินสำรองจากเบี้ยประกันภัยเพื่อสมทบทุนประกันชีวิตที่กันไว้ก่อนคำนวณกำไรเฉพาะส่วนที่ไม่เกินร้อยละ65
1.2 เงินสำรองจากเบี้ยประกันภัยเพื่อสมทบทุนประกันภัยอื่นที่กันไว้ก่อน
1.3 เงินสำรองที่กันไว้ก่อนเป็นค่าเผื่อหนี้สูญหรืหนี้สงสัยจะสูญ
2)เงินที่จ่ายเข้ากองทุนใดๆ เป็นรายจ่ายต้องห้าม เว้นแต่เงินที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
3)รายจ่ายอันมีลักษณะเป็นการส่วนตัว การให้โดยเสน่หา หรือการกุศล เป็นรายจ่ายต้องห้าม เว้นแต่รายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะประโยชน์ ตามที่อธิบดีกำหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรีในส่วนที่ไม่เกินร้อยละ 2 ของกำไรสุทธิ และรายจ่ายเพื่อการศึกษาหรือเพื่อการกีฬา ตามที่อธิบดีกำหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรี ในส่วนที่ไม่เกินร้อยละ2ของกำไรสุทธิ
4)ค่ารับรองหรือค่าบริการ
ก.ค่ารับรองหรือค่าบริการนั้นต้องเป็นค่ารับรองหรือค่าบริการอันจำเป็นตามธรรมเนียม
ข.ค่ารับรองหรือค่าบริการ
1.เป็นค่าใช้จ่ายอันเกี่ยวเนื่องโดยตรงกับการรับรอง
2.เป็นค่าสิ่งของที่ให้แก่บุคคล
5)รายจ่ายอันมีลักษณะเป็นการลงทุน หรือรายจ่ายในการต่อเติม เปลี่ยนแปลง ขยายออก หรือทำให้ดีขึ้นซึ่งทรัพย์สินเป็นรายจ่ายต้องห้าม แต่หากเป็นการซ่อมแซมให้คงสภาพเดิมถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ
6)เบี้ยปรับและหรือเงินเพิ่มภาษีอากร ค่าปรับทางอาญา ภาษีเงินได้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วยนิติบุคคลเป็นรายจ่ายต้องห้าม
9)รายจ่ายซึ่งกำหนดขึ้นเองโดยไม่มีการจ่ายจริง หรือรายจ่ายซึ่งควรจะได้จ่ายในรอบระยะเวลาบัญชีอื่นเป็นรายจ่ายต้องห้าม เว้นแต่ในกรณีที่ไม่สามรถจะลงจ่ายในรอบระยะเวลาบัญชีใดก็อาจลงจ่ายในรอบระยะเวลาบัญชีที่ถัดไปได้
10)ค่าตอบแทนแก่ทรัพย์สินซึ่งบริษัทหรือห้างห้ถนส่วนนิติบุคคลเป็นเจ้าของเองและใช้เองเป็นรายจ่ายต้องห้าม
เช่น บริษัทตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศได้มาเปิดสำนักงานสาขาในประเทศไทยโดยปลูกอาคารสำนักงานสาขาในประเทศไทย และคิดค่าเช่าปีละ 600,000บาท
8)เงินเดือนของผู้ถือหุ้นหรือผู้เป็นหุ้นส่วนเฉพาะส่วนที่จ่ายเกินสควรเป็นรายจ่ายต้อมห้าม เจ้าพนักงานมีอำนาจพิจารณารายจ่ายประเภทเงินเดือนของผู้ถือหุ้นหรือผู้เป็นหุ้นส่วนเปรียบเทียบกับรายอื่นซึ่งอยู่ในฐานะหรือลักษณะเดียวกัน
7)การถอนเงินโดยปราศจากค่าตอบแทนของผูเป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเป็นรายจ่ายต้องห้าม หากมองตามหลักบัญชีแล้ว การถอนเงินของผู้เป็นหุ้นส่วนไม่ถืเป็นรายจ่ายอยู่แล้ว เป็นการถอนเงินทุนหรือเป็นการแบ่งกำไรกัน ไม่เกี่ยวข้องกับการบันทึกรายจ่ายของกิจการแต่อย่างใด
14)รายจ่ายซึ่งมิใช่รายจ่ายเพื่อกิจการในประเทศไทยโดยเฉพาะถือเป็นรายจ่ายต้องห้าม รายจ่ายที่สาขาในประเทศของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วยนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของประเทศ
12)ผลเสียหายอันอาจได้กลับคืน เนื่องจากการประกันหรือสัญญาคุ้มกันใดๆ หรือผลขาดทุนสุทธิในรอบระยะเวลาบัญชีก่อนๆถือเป็นรายจ่ายต้องห้าม เว้นแต่ผลขาดทุนสุทธิยกมาไม่เกิน 5 ปีก่อนรอบระยะเวลาบัญชีปีปัจจุบัน
-
13)รายจ่ายซึ่งมิใช่รายจ่ายเพื่อหากำไรหรือเพื่อกิจการโดยเฉพาะภือเป็นรายจ่ายต้องห้าม เพราะบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนตั้งขึ้นเพื่อมุ่งค้าหากำไร
15)ค่าซื้อทรัพย์สินและรายจ่ายเกี่ยวกับการซื้อหรือขายทรัพย์สินในส่วนที่เกินปกติ โดยไม่มีเหตุผลอันสมควรถือเป็นรายจ่ายต้องห้าม ซึ่งอาจกระทำกันภายในประเทศหรือระหว่างประเทศ
17)ค่าของทรัพย์สินนอกจากสินค้าที่ตีราคาต่ำลงถือเป็นรายจ่ายต้องห้าม กรณีนี้ห้ามมิให้ตีราคาทรัพย์สินลดลงเพื่อนำมูลค่าที่ลดลงมาเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ
19)รายจ่ายใดๆ ที่กำหนดจ่ายจากผลกำไรที่ได้เมื่อสิ้นรอบระยะเวลาบัญชีแล้วถือเป็นรายจ่ายต้องห้าม เช่น บริษัทจ่ายเงินค่าที่ปรึษา โดยคำนวณจากกำไรของแผนกที่ได้รับ การปรึกษาหาหรือเข้าลักษณะเป็นรายจ่ายใดๆ
18)รายจ่ายซึ่งผู้จ่ายพิสูจน์ไม่ได้ว่าใครเป็นผู้รับถืเป็นรายจ่ายต้องห้าม เช่น บริษัทรับจ้างถมที่และขายทราย-ดินลูกรัง
16)ค่าของทรัพยากรธรรมชาติที่สูญหรือสิ้นไปเนื่องจากกิจการที่ทำถือเป็นรายจ่ายต้องห้าม เช่น การทำเหมืองแร่ การทำป่าไม้
20)รายจ่ายที่มีลักษณะทำนองเดียวกับที่ระบุไว้ใน (1)ถึง (19) ตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา
การคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษี จำเป็นต้องกำหนดหลักเกณฑ์สำหรับรายจ่ายที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วยนิติบุคคลสามารถนำมาใช้คำนวณกำไรสุทธิในแบบแสดงรายการภาษีเงินได้นิติบุคคลประจำปี